เมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นร่างของหญิงสาวกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงโดยมี เอ่อ... เสาเตียงที่ถูกหักออกมาอยู่ในมืออีกฝ่าย แถมยังอยู่ในสภาพที่ถูกบีบจนเนื้อไม้ผิดรูปไปมาก ซึ่งเขาจำได้ดีว่ามันไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งแบบนี้
“แม่ครับ” เด็กชายดลเห็นผู้ให้กำเนิดไร้สติแบบนี้ก็เป็นห่วงนัก เขากำลังเช็ดตัวอยู่ดี ๆ แม่ก็คว้าเอาเสาไม้ที่อยู่ใกล้มือไปจับแล้วบีบจนเป็นอย่างที่เห็น เขาตกใจทำอะไรไม่ถูกจนต้องไปตามพี่ชายมาช่วย
“พี่เฟิง แม่ผมเป็นอะไร” ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา หรือว่าแม่เขาจะเป็นเหมือนคุณยายไปแล้ว
“เราปล่อยคุณแม่ไว้อย่างนี้ก่อนเถอะ” ปล่อยในความหมายของชายหนุ่มคือให้หญิงสาวอยู่ภายในห้องคนเดียว หากเป็นซอมบี้ขึ้นมาจะได้ไม่ออกไปกัดคนอื่นที่ด้านนอก ฝ่ามือใหญ่กว่าคว้าแขนของเด็กน้อยพาออกไปนอกประตู
“แต่แม่...”
“รอดูกันก่อนเถอะ” เฉินเฟิงปลอบ เขากลัวว่าถ้าหากดาริณีกลายเป็นซอมบี้ขึ้นมา เด็กชายดลจะถูกลูกหลงไปด้วย
“ครับ” สุดท้ายเด็กชายก็ยอมเดินตามพี่ชายออกมาจากบ้านแต่โดยดี เขาขอสัญญาว่าถ้าหากแม่กลับมาเป็นปกติจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนอีกต่อไป
เฉินเฟิงพาเด็กน้อยมายังห้องที่เขาทำขึ้นเพื่อใช้สำหรับเก็บของ ยังดีที่ในนี้พอจะมีอาหารกระป๋องและน้ำหลงเหลือจากคราวก่อนที่ตนขึ้นมาเที่ยวเล่น
ชายหนุ่มค่อนข้างชื่นชอบรายการสร้างบ้านในป่าของอินฟลูเอนเซอร์[1]ต่างประเทศ พอถูกเลิกจ้างต้องกลับมาอยู่ชนบทก็หาทางสร้างบ้านหลังนี้ไว้ พร้อมกับนำอาหารกระป๋องที่เก็บไว้ได้นานมากตุนไว้เล็กน้อย เผื่อวันไหนนึกครึ้มอยากนอนในป่าจะได้ไม่ต้องพกสัมภาระมาเยอะ
ไม่คิดว่าวันหนึ่งมันจะมีประโยชน์กับเขามากถึงเพียงนี้...
แม้จะกำลังขวัญเสียกับอาการของแม่ แต่ร่างเล็กนี้ก็หิวมากเช่นกัน จึงยอมกินเนื้อกระป๋องกับผักที่พี่ชายเก็บมาให้ในตอนลาดตระเวนด้านนอก
“พี่ก็กินด้วยสิ” ชายหนุ่มปฏิเสธเนื้อกระป๋องที่ยื่นมาถึงปาก พลางชี้ไปที่พืชตระกูลหัวเป็นนัยว่าเขาจะกินเจ้าสิ่งนี้
“แบ่งกันนะครับ” กินแค่นี้จะอิ่มได้ยังไง
“พี่ไม่ค่อยอยากกินเนื้อน่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว” ว่าพลางเคี้ยวบีตรูตให้ดู อาจจะเป็นเพราะเขากลายพันธุ์ไปแล้วจึงชอบกินผักมากกว่ากินเนื้อ แต่เนื้อก็ยังกินได้นะไม่ได้เหม็นหรือไม่ชอบ แค่กินผักได้ง่ายกว่า
“ผมขอเก็บไว้ให้แม่ด้วยได้ไหม” อันที่จริงกระป๋องเนื้อของเด็กชายไม่ได้มีปริมาณมากมายนัก แต่เด็กคนนี้ยอมกินเนื้อน้อยลงและกินผักให้มากขึ้นเพื่อหวังว่าจะเหลือไว้ให้มารดาได้กินหลังจากฟื้นสติ
“อืม แล้วแต่เราเถอะ”
ดาริณีนอนหลับไปสองวันเต็ม เฉินเฟิงจึงพอโล่งใจได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่กลายเป็นซอมบี้ แต่มันก็เป็นเพียงการคาดเดา ยังคงต้องรอจนกว่าจะฟื้น
“อืม...” หญิงสาวค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมองเพดานไม้ตรงหน้าอย่างไม่คุ้นตา สมองยังไม่สามารถประมวลได้ว่าทำไมเธอถึงมานอนอยู่แบบนี้ ความทรงจำสุดท้ายที่เหลืออยู่คือเธอล้มพับลงไปในตอนที่เดินมาถึงบ้านต้นไม้ตามที่ชายหนุ่มบอก หลังจากนั้นก็เหมือนเห็นโลกพลิกหมุนกลับด้าน พร้อมกับความมืดมิดที่ถาโถมเข้ามาครอบครองสติสัมปชัญญะ
“แม่!” เด็กชายดลเกาะเตียงมองแม่ที่ไข้หายไปตั้งแต่เมื่อคืนแต่ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาจนถึงตอนนี้
ในที่สุดแม่เขาก็ฟื้นแล้ว!!
“น้องดล” หญิงสาวเอ่ยเรียกลูกชายเสียงแหบพร่าจนต้องไอออกมาสองสามครั้งจึงจะเรียกได้เต็มคำ เด็กชายก็รีบเปิดขวดน้ำให้แม่ดื่ม
“แม่ฟื้นแล้ว! ดลตกใจหมดเลย” นึกว่าแม่จะกลายเป็นพวกซอมบี้ไปแล้ว
“แม่นอนหลับไปกี่วัน แล้วอาเฟิงล่ะลูก” ก่อนหน้านี้มีชายหนุ่มเป็นตัวอย่าง เธอคิดว่าตัวเองก็คงเหมือนกัน แต่พอลองยกมือขึ้นคลำบนศีรษะก็พบว่ายังปกติดีอยู่ ไม่มีของใหม่งอกออกมา
“แม่หลับไปสองวันครับ ส่วนพี่เฟิงออกไปดูรอบ ๆ” เด็กชายช่วยประคองแม่ขึ้นนั่ง “แม่เจ็บตรงไหนไหมครับ” ก่อนที่แม่จะฟื้น พี่ชายบอกให้เขาอยู่ห่างแม่ไว้ก่อน หากแม่มีแนวโน้มจะเป็นพวกมันให้ปิดประตูแล้วออกมาอยู่นอกบ้าน
“เป็นยังไงบ้างครับ” เฉินเฟิงกลับมาทันพอดีกับที่สองแม่ลูกกำลังคุยกัน เขาคาดไว้อยู่แล้วว่าหญิงสาวน่าจะไม่กลายเป็นซอมบี้ เพราะอาการไข้ขึ้นของอีกฝ่ายเหมือนกับที่เขาเป็นตามคำบอกเล่าของเด็กชาย ขาดก็แต่การกลายพันธุ์ในเชิงรูปลักษณ์แบบเขา
“รู้สึกมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหมครับ” เผื่ออยากกินเนื้อ เขาจะได้พาน้องดลหลบไปก่อน
“ปวดตัว” ไม่สิปวดกล้ามเนื้อมากกว่า “พี่มีอะไรเปลี่ยนไปมากไหม” เดาได้จากที่ตัวเองฟื้นขึ้นมาก็คงอาจมีการเปลี่ยนแปลง
“ไม่ครับ แต่ภายในก็ไม่แน่” ถ้าแฟนตาซีขึ้นมาอีกนิดก็คงจะมีพลังพิเศษ “พี่ดาหิวหรือยังครับ ที่นี่มีอาหารกระป๋องเก็บไว้” ชายหนุ่มชวนเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้หญิงสาวเกิดความเครียด
“สักนิดก็ดีเหมือนกันจ้ะ พี่หิวมากเลย” ดาริณีน้อมรับอย่างเต็มใจ กระเพาะของเธอส่งเสียงร้องครวญครางออกมาราวกับจะขอชดเชยในส่วนของวันที่ไม่ได้กิน
โครกคราก…
“...” น่าอายจริง
[1] อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) คือผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียล โดยเป็นผู้ที่ทำคอนเทนต์เผยแพร่ตามแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Blog, I*******m, F******k, YouTube แล้วมีคนสนใจติดตาม ยิ่งมีผู้ติดตามมากก็ยิ่งมีอิทธิพลมาก
“งั้นพี่รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมขอไปเอาอาหารที่ห้องเก็บของก่อน” หญิงสาวกล่าวขอบคุณอีกเล็กน้อย เฉินเฟิงพยักหน้ารับแล้วจึงออกไปทำตามที่พูดหลังอิ่มหนำพวกเขาทั้งสามคนจึงมานั่งปรึกษากันอีกครั้ง เวลานี้ไม่มีบ้านหลังใหญ่ให้นอนอุ่นเหมือนก่อนอีกแล้ว ทั้งอาหารที่มีก็เพียงพอให้คนคนเดียวอยู่ได้ประมาณ 10 วันเท่านั้น แต่พวกเขามีถึง 3 คน...ดาริณีเสนอว่าตัวเธอจะออกไปหาผักป่าในละแวกนี้มาปลูก ด้วยความที่เธอเติบโตมาในหมู่บ้านชนบทและเคยตามบิดาขึ้นเขาลูกนี้อยู่บ่อยครั้ง จึงพอคุ้นชินว่าผักชนิดไหนกินได้และมีหน้าตาเป็นอย่างไร“แล้วบ้านของอาเฟิงล่ะ” จะปล่อยให้คนเลวพวกนั้นได้อยู่อย่างสุขสบายหรือ“ผม…” เขาอยากแก้แค้น แต่ตอนนี้คงยังไม่สามารถทำได้“เอ่อ... เราอยู่กันแบบนี้ก็ได้เนอะ พี่เองก็มีพละกำลังเพิ่มขึ้นมาก เดี๋ยวจะเป็นคนจัดการเรื่องปลูกผักปลูกหญ้าเอง” หญิงสาวอยากจะตีปากตัวเองที่ถามเรื่องนี้ออกไป บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของเฉินเฟิงกับครอบครัว คราวที่ได้รู้ว่าชายหนุ่มสูญเสียบิดามารดาไปเพราะโรคร้าย คนในหมู่บ้านยังขนข้าวของมาเลี้ยงดูปูเสื่อเพื่อปลอบขวัญชายหนุ่มอยู่หลายวัน“สักวันผมจะไปจัดการกับคนพวกนั้นให้ได้ครับ
เสียงผ่าไม้ดังสนั่นลั่นเขาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหญิงสาวได้เริ่มงานของตนเองแล้ว ชายหนุ่มจึงพาเด็กน้อยไปยังด้านหลังที่เป็นแปลงปลูกผัก กลายเป็นว่าพวกเขาสลับบทบาทหน้าที่ในบ้านได้ทันทีหลังเห็นพละกำลังของกันและกัน“ดีที่บนเขายังพอมีผักป่าให้เราเก็บ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้แล้วล่ะ ว่าจะกินอยู่กันยังไง” เฉินเฟิงลากพืชผักที่ไปหามากองไว้ตรงลานโล่งที่ถางจนเตียน“เดี๋ยวน้องดลช่วยพี่โกยดินมากองรวมกันตรงนี้นะครับ” เริ่มจากปลูกหัวมันสำปะหลังให้รอดก่อน จากนั้นก็เป็นเผือกและต้นหอม อย่างหลังนี่เขาน่าจะเป็นคนนำขึ้นมา จำได้ว่าเคยหยิบเมล็ดผักโปรยไว้หวังให้มันขึ้นเองตามธรรมชาติ ดูเหมือนจะเหลือผู้ชนะแค่เพียงชนิดเดียวนั่นก็คือต้นหอมอย่างนี้จะเรียกผักป่าได้อีกเหรอ?“ผมไม่ชอบต้นหอมเลยอะ” น้องดลเบะปากเมื่อเห็นพี่ชายกำลังขุดหลุมปลูกต้นอะไรบางอย่างอีกมุมหนึ่ง พอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็คือต้นหอมที่เด็กชายชอบเขี่ยไว้ข้างจาน“เวลานี้เลือกกินไม่ได้หรอก อีกหน่อยอาหารกระป๋องในบ้านก็จะหมดลง” ชายหนุ่มพูดสอนทั้งมือยังคงขุดปลูกไปเรื่อยจนเสร็จ“จะไม่มีรถขายกับข้าวผ่านหน้าบ้านแล้วเหรอครับ”“ถ้ามีก็ดีสิ”“แล้วผักพวกนี้จะกินได้เมื่อไหร
หนึ่งวันเต็มชายหนุ่มสลบไสลไม่ได้สติ พอฟื้นขึ้นมาก็ยังคงรู้สึกไร้เรี่ยวแรง คงเป็นผลจากการที่เขาใช้พลังจนเกินลิมิตตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขานึกถึงเลยก็คือคนที่มีพลังเหมือนกันอย่างดาริณี ก่อนที่เขาจะไปปลูกผัก เขาเห็นเธอทั้งแบกต้นไม้ ผ่าฟืน ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง“ฟื้นแล้วหรือ” นึกถึงก็มาพอดี“พี่รู้สึกยังไงบ้างครับ” เฉินเฟิงเอ่ยถามเสียงพร่า“??” ดาริณีงุนงงกับคำถาม ควรเป็นเธอไม่ใช่หรือที่ถามเขา “พี่ไม่เป็นอะไร เรานั่นแหละอยู่ ๆ ก็เป็นลม แถมยังมีพลังพฤกษาเพิ่มขึ้นมาอีก”“น้องดลเล่าให้ฟังเหรอครับ”“อืม” หญิงสาวพยักหน้า “วิ่งไปตามพี่มา บอกว่าเราเป็นลม แต่ตอนที่พี่ไปถึง สวนผักกลับมีอะไรก็ไม่รู้ขึ้นเต็มไปหมด พอถามน้องดลก็บอกว่าเป็นพลังของพี่ชาย” พร้อมกับเอาหัวเผือกขนาดยักษ์อวดเธอ“นั่นเป็นพลังของผมเองครับ ผมคิดว่าผมน่าจะใช้พลังมากเกินไป แล้วพี่ล่ะครับ รู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า”“อย่างนี้นี่เอง” เพราะงั้นเขาถึงได้ถามเธอสินะ “ไม่เลยจ้ะ ตอนพี่รู้สึกเหนื่อยก็นั่งพัก พอดีกับที่น้องดลมาตามนั่นแหละ ลืมเรื่องเหนื่อยไปเลย” แสดงว่าเขาต้องมีสัญญาณเตือนก่อนแล้วแต่ไม่ทันสังเกตเลยวูบไปแบบไม่รู้ตัว ห
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเราจะได้เป็นทีมที่ไปเคลียร์โรงงานพวกนั้น” ชายหนุ่มผู้มีใบหูสุนัขบ่นออกมาเสียงดัง พวกเขาเดินทางออกจากฐานมาไกลมากแล้ว พูดบ่นไปก็มีแต่คนในทีมที่ได้ยิน สองมือถือปืนไม่ปล่อยปืนใหม่กระบอกนี้เขาเพิ่งใช้แต้มแลกมาแต้มที่ต้องเก็บหอมรอมริบจากการทำภารกิจถึง 3 ภารกิจโคตรแพง!“เก็บปืนไว้ด้านหลังเลย เกิดลั่นโป้งป้างขึ้นมาเดี๋ยวซวยกันหมด” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มเขยิบถอยห่างออกมา บนศีรษะของเธอมีหูใบเล็กดูน่ารักรับกับเขาขนาดเล็ก“เหอะ เธอจะมาเข้าใจธรรมชาติของผู้ชายได้ยังไง”“นิค นายคิดว่าไง ตุ่นกอดปืนไม่ปล่อยเลย” เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ฟัง เธอจึงรีบหาพรรคพวกสนับสนุน“อย่ามายุ่งกับฉันน่า” หมอประจำกลุ่มหันสายตาไปมองคู่รักที่ทะเลาะกันได้ทุกวันแต่ก็ไม่เลิกกันเสียทีด้วยสายตาเอือมระอา นัยน์ตาคมเหม่อมองออกไปนอกรถบรรทุก“ถ้าจะจีบกันก็ช่วยเบาเสียงหน่อย” ชายที่ทำหน้าที่ขับรถควบตำแหน่งหัวหน้าทีมเบี่ยงหน้ามาบ่นตรงช่องหน้าต่าง เจ้าพวกนี้หวานกันไม่เกรงใจคนไร้คู่บ้างเลยนอกจากเพื่อนร่วมทีมที่มีสารพัดหูสัตว์ก็คงมีแต่โจเซฟคนเดียวที่เป็นมนุษย์ธรรมดา ก่อนเกิดวันสิ้นโลกเขาเป็นพลทหารที่ได้รับการฝึก
‘จับมัน! อย่าให้มันหนีไปได้!!’ ภาพกลุ่มชายฉกรรจ์ที่บุกเข้ามาในบ้านแวบเข้ามาในหัว เป็นผลให้ศีรษะเล็กส่ายหนีเพื่อลบภาพความทรงจำอันเลวร้ายออกไปจนเส้นผมสีขาวปลิวไสวต้องระวังอีกเป็นเท่าตัว ซอมบี้ยังพอทำใจให้ฆ่าได้เพราะเคยเป็นคน แต่คนที่เห็นว่าเป็นคนอาจไม่ใช่คนอีกต่อไปเฮ้อ… ทั้งที่ไม่ชอบใช้ชีวิตซับซ้อนแท้ ๆ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะในขณะที่ครุ่นคิด ขาก็พากระต่ายหนุ่มมาถึงชายป่าและทุ่งมันสำปะหลังสูงชะลูดได้ในที่สุด“มาถึงแล้ว” ด้วยเวลาแค่ 4 ชั่วโมงกว่า “ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้” อย่าดูถูกระยะทางสิบกิโลบนภูเขาเด็ดขาด ทางต่างระดับและส่วนที่ต้องระมัดระวังนั่นแหละที่ทำให้การเดินทางล่าช้า ถ้าเป็นคนทั่วไปคงใช้เวลามากกว่านี้อีกสองเท่า แต่พอกลายเป็นกระต่ายก็เหมือนจะง่ายดายขึ้นมาอันดับแรกคงต้องออกจากป่ามันสำปะหลังไปให้ได้ก่อน ถ้าเป็นก่อนได้รับพลังมาเขาคงไม่รีรอที่จะถอนมันออกไปจนเต็มกระเป๋า ก็นี่มันแหล่งอาหารชั้นดีเลยนี่นา รู้สึกว่าถัดไปอีกสองกิโลจะเป็นไร่อ้อยของโรงงานน้ำตาลน้ำตาล!จริงสิ ที่บ้านพักไม่มีน้ำตาลเลย ต้องแวะไปที่นั่นด้วย แล้วก็พวกเครื่องปรุง มีของที่ต้องการเต็มไปหมด แสดงว่าต้องมี
เจ้ากระต่ายต้องออกจากที่ซ่อนอย่างกะทันหันเพื่อหลบหลีกซอมบี้ที่มีความเร็วมากกว่าซอมบี้ที่เคยเห็นในหมู่บ้านลักษณะซอมบี้ตรงหน้าคงเป็นพนักงานคนหนึ่งในโรงงาน ที่คอของอีกฝ่ายมีแผลเหวอะหวะ คาดว่าน่าจะเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิต เนื้อบริเวณนั้นส่งกลิ่นเหม็นชวนคลื่นเหียน ไม่รอให้ตั้งตัวได้ศพตรงหน้าก็ปรี่เข้ามา มันพยายามยืดแขนออกมาจนสุดหมายจะคว้าอาหารให้ได้ในครั้งเดียวกร๊าซซ!!มือนุ่มที่ผ่านการวิวัฒนาการกระชับจับด้ามขวานแน่น เบี่ยงตัวหลบแขนยาวคู่นั้นออกไปด้านข้าง จากนั้นเหวี่ยงขวานไปที่คอด้านข้างของมันสุดแรงตุบทันทีที่ศีรษะของซอมบี้ตกลงพื้น ตัวของมันก็คล้ายกับตุ๊กตาที่ขาดเชือก ล้มแน่นิ่งไปกับพื้นพร้อมกับเลือดสีดำที่สาดกระจาย“แฮ่ก ๆ”ดวงตากลมสั่นระริกจ้องมองสิ่งที่เคยเรียกว่าคนตรงหน้า สัมผัสของขวานกระทบเนื้อยังตราตรึงราวกับเทปวิดีโอที่ถูกกรอซ้ำไปมา เลือดในกายเย็นเฉียบ ใบหูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงสรรพสิ่งรอบกาย“แฮ่ก ๆ”ลมหายใจถี่กระชั้นเมื่อเห็นว่าร่างตรงหน้ามีเลือดสีดำข้นคลั่กไหลนองพื้นจากปากแผลที่เขาเป็นผู้กระทำหลายวันก่อนหน้านี้เขายังคงเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่รู้จักศิลปะป้องกันตัว ไม่รู้จักการ
เฉินเฟิงกัดปากคิดคำนวณผลได้ผลเสียจากการปรากฏตัว หากกลุ่มคนตรงหน้าที่อ้างตัวว่าเป็นทหารก็เป็นเหมือนพวกโจรที่ปล้นบ้านของเขาล่ะ“ปล่อยเขาไปเถอะ ถ้าไม่สร้างความเดือดร้อนให้เราก็ไม่ต้องไปวุ่นวายด้วยหรอก” หงส์เห็นว่าคนในทีมไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้คนที่ซ่อนอยู่ในป่าอ้อยออกมาได้ พวกเขาเสียเวลามามากพอแล้ว ขืนชักช้าจะมืดค่ำเสียก่อน ในโรงงานก็ยังไม่ได้เข้าไปดู ซอมบี้ตอนกลางคืนน่ากลัวกว่าตอนกลางวันมากนัก ไหนจะการตะโกนข้ามไปข้ามมานี่อีก เธอได้ยินเสียงซอมบี้เริ่มเดินเข้ามาใกล้โรงงานแห่งนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วถ้าไม่รีบหาที่หลบก็ต้องเสียเวลาจัดการอีกนาน“พวกเราจะอยู่ที่นี่หนึ่งสัปดาห์ ถ้ามีอะไรก็ไปหาได้” โจเซฟตะโกนบอก เขาเองก็เห็นด้วยกับหญิงสาวว่าควรไปทำภารกิจของตนก่อนจะดีกว่าคล้อยหลังกลุ่มทหาร เจ้ากระต่ายขาวถึงได้พ่นลมหายใจพร้อมคลายความระมัดระวังลงได้เขาคงไม่สามารถสำรวจโรงงานน้ำตาลได้แล้วในวันนี้ ถอยไปดูที่อื่นก่อนดีกว่า แยกกันน่าจะปลอดภัยที่สุดสำหรับคนขี้ระแวงอย่างเขาคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงหันหลังกลับไปยังทิศทางเดิมที่ผ่านมาฟิ้วสายลมที่พัดเข้าหน้าจนเส้นผมสีขาวปลิวไสวทำให้ชายหนุ่มรู้แล้วว่าตนถ
ปึง!เสียงประตูเหล็กบานหนักปิดลงทันทีเมื่อกลุ่มทหารและหนึ่งชาวบ้านเข้ามายังด้านใน ดูเหมือนว่าส่วนที่พวกเขาอยู่จะเป็นโกดังเก็บสินค้าเฉินเฟิงกระชับฮู้ดด้วยความประหม่า เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอึดอัดกับการใกล้ชิดคนแปลกหน้า ทั้งยังเป็นสถานการณ์ไม่ปกติตึง ๆกรร…แกรก ๆเสียงทุบประตูและเสียงคำรามในลำคอมีมากกว่าหนึ่ง ก่อนหน้านี้บางส่วนก็เดินตามรถของโจเซฟมาตั้งแต่หน้าโรงงานอยู่แล้ว ยิ่งพอได้ยินเสียงพูดคุย พวกมันก็เริ่มเดินเร็วขึ้น พอเฉินเฟิงเข้ามาสมทบก็มีประมาณมากชนิดที่ว่าควรหาที่หลบภัยก่อน“เดี๋ยวจะออกไปเคลียร์ข้างนอกให้” ตุ่นวางกระเป๋าสัมภาระไว้ที่พื้น เตรียมหาช่องหน้าต่างปีนออกไปจัดการ ประตูโกดังเป็นบานเลื่อนเหล็ก มันใหญ่ไป เปิดทีคงได้วิ่งกรูกันเข้ามาแน่“ไม่ต้องหรอก พวกมันเป็นแค่ซอมบี้ธรรมดา” โจเซฟส่ายหน้าไม่เห็นด้วย แค่พวกเขาเดินเข้าไปในตัวโกดังให้ห่างประตูหน่อย เดี๋ยวพวกมันก็เลิกทุบไปเอง แต่ถ้าออกไปฆ่ามัน เสียงและกลิ่นจะเป็นตัวเรียกซอมบี้ในละแวกนี้มาเพิ่มแทนนอกจากนี้การมีซอมบี้อยู่ด้านนอกยังใช้เป็นเครื่องส่งสัญญาณชั้นดีหากมีมนุษย์คนอื่นเข้ามาใกล้“พวกเราจะไปเดินสำรวจด้านใน คุณจะไปด้วยกั
“ฮึบ” ทีโอผลักพัดลมใบมีดสีส้มอมแดง ยามที่มันหมุนคว้างอยู่กลางอากาศก็มีเปลวไฟลุกโหมขึ้นมาต้นเห็ดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ต่างโดนตัดเฉือนพร้อมกับเผาทำลายไปในคราวเดียวกัน เส้นทางด้านหน้าและด้านหลังที่เคยถูกปิดล้อมต่างก็กลายเป็นทะเลเพลิงขนาดย่อมในพริบตาเดียว“รีบไปกันเลยครับ” หากยังมีพลังเพียงขั้นแรกท่าไม้ตายนี้คงไม่มีทางสำเร็จ การใช้พลังในรูปแบบนี้ต้องใช้ทั้งสมาธิและพลังงานพอสมควร หลังจากเคลียร์ทางเดินได้ บนใบหน้าของทีโอจึงปรากฏเหงื่อไหลซึมออกมาหมดพลังไปเกือบครึ่ง!ถ้าไม่ใช่ว่าต้องใส่หน้ากากกันแก๊สตลอดเวลา เขาคงหยิบคริสตัลซอมบี้สีใสมากินเพิ่มพลังว่ากันตามจริง เห็ดพวกนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยหากมีการเตรียมพร้อมที่ดีพอ ที่น่ากลัวกว่ากลับเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยให้ใช้พลังอย่างเต็มที่ ลองเปลี่ยนเป็นสัตว์กลายพันธุ์หรือต้นจามจุรียักษ์ครั้งก่อนไม่แน่ว่าผลลัพธ์อาจไม่เป็นเช่นนี้“ถึงแล้ว!!” เฉินเฟิงดีใจมาก ในที่สุดก็มาถึงชั้นหนึ่งเสียที ไม่ต้องสูดดมควันอีกต่อไปแล้วแซ่ก ๆ ๆ“กัดไม่ปล่อยเลยนะ” เฉินเฟิงกัดฟัน ตอนนี้ทางเดินด้านหลังเต็มไปด้วยสปอร์เห็ดจำนวนมหาศาล เห็ดบางต้นยอมตายเพื่อที่จะผลิตสปอร์ให้ได้
ดังนั้นการเดินทางกลับขึ้นไปยังชั้นบนจึงมีเฉินเฟิงเดินนำ คอยกรุยทางและปรับอากาศให้ ลำดับต่อมาจึงเป็นทีโอ และนิโคลัสปิดท้าย ซึ่งทีโอที่สภาพร่างกายไม่ค่อยดีนักพยายามเดินตามคุณเชฟกระต่ายให้ทัน กลัวว่าถ้าคลาดกันแล้วอาจจะโดนภาพลวงตาเล่นงานอีกรอบยอมรับว่าในเวลาที่เหงา เขามักย้อนคิดไปถึงวันที่ปกติสุขดี ทำไมตอนนั้นเขาไม่ทำดีกับหมอนั่นให้มากหน่อยนะ เอาแต่เฮฮาปาร์ตี้ไปเรื่อยจนอีกคนคิดว่าเขาเป็นพวกคาสโนว่าทั้งที่ไม่ใช่เลยสักนิดคนที่เขาชอบคือเลวี่...รูมเมตขี้บ่นที่บ่นได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบถึงจะแค่แอบชอบก็เถอะ…แต่เขาก็ให้ใจกับเลวี่ไปมากจริง ๆ การที่ต้องเห็นอีกคนโดนซอมบี้กัดต่อหน้าต่อตาโดยที่ตัวเองไม่สามารถเอื้อมมือไปคว้าไว้ได้ทันเป็นเรื่องที่ปวดใจเขามากที่สุดหลังจากกลุ่มทหารพามาถึงค่ายพันธมิตร เขาพร่ำโทษตัวเองที่ยังมีชีวิตรอด เพราะเขาทำอีกคนหลุดมือก่อนเฮลิคอปเตอร์ช่วยเหลือจะมาถึงเป็นเพราะเขา… เพราะเขาทั้งนั้น!แม้แต่พ่อแม่ก็ช่วยไว้ไม่ได้…ทีโออยากปลิดชีวิตตนเอง แต่พลังพิเศษดันตื่นขึ้นมา เขาจึงกลายเป็นบุคลากรที่สำคัญยิ่งต่อการอยู่รอดของมนุษยชาติ ตัวเขาที่ไม่มีสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยวอีกจึงตกล
เอ๊ะทำไมมันร้อน…“โอ้โห ไข้สูงเท่าไรวะเนี่ยมือกูจะพองแล้ว” เลวี่ผละออกไปมือขาวสะบัดไปมาในอากาศนั่นสิ…ทำไมมันร้อนแบบนี้ ร้อนมาก ๆ ด้วย ร้อน…“ร้อน!!!”เฮือก!ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้างมองซ้ายมองขวาอย่างงุนงง รอบด้านถูกปิดกั้นจนมองไม่เห็นสภาพแวดล้อมภายนอก คล้ายว่าตนเองกำลังอยู่ในกล่องเหล็กกล่องเหล็ก!จริงด้วย!! ก่อนหน้านี้เขาถูกฝุ่นละอองอะไรก็ไม่รู้โจมตีเข้ามา ในช่วงเวลาที่ใกล้จะหมดสติเขาใช้ลูกเหล็กที่พกติดตัวปิดผนึกฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ไว้ก่อน จากนั้นก็สร้างใบมีดเหล็กขึ้นมาพัดพวกมันให้ออกไป แต่ยิ่งพัดมันก็ยิ่งหมุนวนเข้ามาใกล้ทุกที สุดท้ายจึงสร้างกล่องเหล็กครอบคลุมตัวเองแล้วก็หมดสติ…“อึก” ทีโอเบ้หน้า อากาศที่มีใกล้จะหมดเต็มทน แถมแผ่นหลังที่พิงกับกล่องเหล็กอยู่ก็เริ่มร้อนลวกผิว ชายหนุ่มจำต้องปลดกำแพงเหล็กด้านหลังออก ไม่อย่างนั้นได้กลายเป็นไก่อบฟางในอีกไม่นานแน่ทันทีที่กำแพงด้านหลังถูกเปิดออก เป็นจังหวะเดียวกับที่นิโคลัสเผากองเห็ดเกือบหมดแล้ว เฉินเฟิงที่ได้ยินเสียงกุกกักจากในนั้นมาสักพักก็ไม่รอช้า รีบคว้าตัวทีโอให้มาอยู่ฝั่งเดียวกับตนพร้อมกับตรวจเช็กว่าอีกฝ่ายได้สวมหน้ากากกันแก๊ส
“ไม่ใช่หรอก” นิโคลัสส่ายหน้า “ดูตรงนี้สิ” พลางชี้ให้เห็นตรงทางเดินมีกล่องเหล็กอีกหนึ่งกล่องถูกวางตั้งอยู่ ดูจากลักษณะภายนอกแล้วคล้ายคลึงกับกล่องเหล็กที่เฉินเฟิงเคยขอให้ทีโอทำในตอนที่นำเนื้อวัวลงไปแช่ในน้ำตก“งั้นนี่ก็เป็น…” ทีโองั้นเหรอเฉินเฟิงมองกองเห็ดที่เกาะอยู่บนอะไรสักอย่างจนมีขนาดใหญ่ มันขวางทางเดินไว้เหมือนภูเขาขนาดย่อมจนไม่สามารถผ่านไปได้ ในสมองพลันนึกถึงสิ่งที่ตุ่นและหงส์พบเจอถ้าหากว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้คือทีโอ…“จะเผาแล้วนะ” นิโคลัสให้สัญญาณ เฉินเฟิงจึงนำต้นลิ้นมังกรจุ่มลงไปในกระติกน้ำ แล้วเร่งให้มันดูดควันพิษเหล่านี้ออกไป ต้องขอบคุณเจ้าตัวแสบที่หยิบสิ่งนี้มาให้ ไม่อย่างนั้นหน้ากากกันแก๊สคงกรองฝุ่นควันไม่ไหวนิโคลัสเผาภูเขาเห็ดตรงหน้าอย่างระมัดระวัง พอไหม้ไปได้ระยะหนึ่ง บางส่วนที่อยู่ใต้กองเห็ดก็เผยออกมาให้เห็น“เหล็ก!” นั่นก็หมายความว่า!!พรึบ!นิโคลัสเร่งไฟให้รุนแรงขึ้น เห็ดที่เคยไหม้อย่างช้า ๆ ก็พลันอันตรธานหายไปในเวลาไม่นาน...“โอ…” เสียงอะไร“ทีโอ…” ใครกำลังเรียกเขา“ทีโอ!!”เฮือกดวงตาคมเบิกกว้างก่อนยันตัวมองซ้ายมองขวาที่นี่มัน…“ตื่นสักทีนะไอ้บ้า” ชาย
“ขอพาเจ้าพวกนี้ไปที่ค่ายก่อนนะ” โจเซฟให้เฉินเฟิงช่วยกันวางร่างของหงส์และตุ่นลงกระบะหลังรถ “ถ้าเจอทีโอก็รีบพากลับไปที่ค่ายต่อได้เลย” ชายหนุ่มว่าพลางกระโดดขึ้นฝั่งคนขับสตาร์ตรถได้ก็ขับออกไปทันทีชายหนุ่มต้องแข่งกับเวลา จากที่นี่ถึงค่ายพันธมิตรมีระยะห่างประมาณ 10 กิโลเมตร ถ้าขับเร็ว ๆ จะทำเวลาอยู่ที่ 15 นาที ต้องรีบพาสองคนนี้ไปส่งให้ถึงมือหมอให้เร็วที่สุด ถึงนิโคลัสจะเป็นหมอ แต่อีกฝ่ายกำลังติดพันอยู่ในชั้นใต้ดิน เขาที่เป็นหัวหน้าไม่ควรรออยู่เฉย ๆอีกทั้งที่ค่ายก็มีเครื่องมือแพทย์และยาปฏิชีวนะที่น่าจะช่วยชีวิตทั้งสองคนได้ถ้ามีซอมบี้ขวางทางพ่อจะชนไม่เลี้ยงเลย!!เฉินเฟิงเห็นโจเซฟขับรถออกไปก็พาตนเองกลับเข้าไปในอาคารเพื่อช่วยนิโคลัสตามหาทีโอต่อ ไม่รู้อีกฝ่ายเป็นตายร้ายดีอย่างไรมังคุดเห็นมนุษย์สองคนกลับออกมามีสภาพไม่สู้ดีนักก็ร้องเสียงแหลม พยายามจะเข้าประตูตามเจ้านายไปด้วย ข้างในนั้นมีอะไรทำไมทุกคนถึงออกมามีสภาพเป็นแบบนั้นไปได้งี้ด (มังคุดจะไปด้วย)แค่คิดว่าเจ้านายของมันจะกลายเป็นอย่างสองคนนั้นหากเข้าไปอีก เจ้าตัวยักษ์ก็ใจไม่ดีเอาเสียเลย รีบเดินไปรั้งชายเสื้อของเฉินเฟิงไว้แน่น“ไปไม่ได้ มัง
“เป็นแบบนี้แล้ว… พวกนั้นคงอยู่ที่นี่แน่” โจเซฟฟันธง ความคิดของพืชและสัตว์บางครั้งก็เรียบง่าย สิ่งที่พวกมันอยากปกป้องหวงแหนจะได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ประหนึ่งราชินีผึ้งที่อาศัยอยู่ในรังท่ามกลางบริวารอีกหลายพันตัว“ไปกันเถอะ” นิโคลัสเรียกลูกไฟออกมาเผาเห็ดยักษ์ตรงหน้า แต่เมื่อเผาหมดไปต้นหนึ่ง ก็มีต้นอื่นงอกขึ้นมาแทนที่ทันที“...” เฉินเฟิงหรี่ตามอง“อาเฟิง” นิโคลัสคิดจะลองเผามันอีกครั้งเป็นต้องชะงัก เมื่อคนรักแตะบ่าขอให้เขาหลบไป“พอดีเห็นว่ามันเป็นพืชน่ะครับ” เลยอยากลองดูว่าใครจะควบคุมใครได้กันแน่ คราวต้นจามจุรีเฉินเฟิงเองก็มีความคิดนี้อยู่ในหัว แต่เพราะถูกโจมตีจนแทบจะไม่มีจังหวะให้พักหายใจ เรื่องลองใช้พลังควบคุมอะไรนั่นลืมไปได้เลย แค่หลบหลีกและโจมตีกลับก็เต็มกลืนแล้วแต่เห็ดที่อยู่นิ่ง ๆ นี่ก็น่าทดสอบดูไม่ใช่หรือ?พลังการควบคุมของเขากับเห็ดพวกนี้ใครจะเหนือกว่ากัน!ถ้าทำสำเร็จจะได้ไม่ต้องทนสูดดมควันไฟด้วย… จะหายใจไม่ออกแล้ว!“ถ้าไม่ไหวต้องรีบถอนตัวกลับมานะ” นิโคลัสไม่มั่นใจในเรื่องนี้เท่าไร พลังของเขาคือการควบคุมเปลวไฟที่ไม่มีความนึกคิด แต่เจ้ากระต่ายกลับแตกต่างออกไป ต้นไม้เองก็เป็นสิ
“เห็ดบางชนิดแค่สูดดมสปอร์เข้าไปก็เป็นอันตรายแล้วครับ” นิโคลัสอธิบาย ดีที่เขาให้ทุกคนสวมใส่หน้ากากกันแก๊สก่อน ฝ่ามือหนาถอดถุงมือออกข้างหนึ่ง ลูกบอลไฟขนาดเท่าไข่ไก่หลายลูกหมุนวนอยู่บนฝ่ามือของชายหนุ่ม แสงไฟเต้นระริกในความมืด ดูคล้ายมัจจุราชกำลังเริงระบำถ้ามองไม่ผิดเฉินเฟิงเหมือนเห็นหมวกเห็ดกำลังสั่น ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือเป็นเพราะแสงสะท้อนจากลูกบอลไฟของคนรัก“ฮึบ” นิโคลัสปาลูกบอลไฟใส่ผนังและพื้น เผาทำลายทางเดินเห็ดจนมอดไหม้เป็นจุณ ชายหนุ่มควบคุมไฟไม่ให้มันรุนแรงจนกลายเป็นย่างสดคนไปจนหมด เดินนำไปเรื่อย ๆ จนมาถึงห้องที่มีการติดตั้งซูเปอร์คอมพิวเตอร์“ตรงนั้นมีเครื่องคอมพ์วางไว้ด้วยครับ” ตรงมุมหนึ่งของทางเดินมีเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมสายถูกถอดมาวางไว้บนทางเดินที่มีเห็ดขึ้นเต็มไปหมด“น่าจะเป็นสามคนนั้นแหละที่ถอดมาวางไว้”‘แล้วหายไปไหนกันนะ’ โจเซฟขมวดคิ้วคิดหนัก“ทีโอบอกว่านอกจากที่นี่่จะมีห้องใต้ดินตามแปลนที่เราได้มา แถมน่าจะมีห้องเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ลึกลงไปอีก เป็นไปได้ไหมว่าสามคนนั้นจะอยู่ที่นั่น” นิโคลัสนึกถึงการประชุมก่อนปฏิบัติภารกิจเมื่อเช้า“เป็นไปได้สูงทีเดียว” นิโคลัส“ใช่ทางนั้นหรือเปล่
“มีเสียงจากด้านบน” ใบหูสี่เหลี่ยมกระดุกกระดิกสองสามครั้ง“ในที่สุดพวกนั้นก็จัดการกับสัตว์ประหลาดด้านนอกได้แล้วสินะ” หงส์โล่งใจ อย่างน้อยก็คงไม่มีใครเป็นอะไร“ถ้าตะโกนออกไปตอนนี้พวกนั้นจะได้ยินหรือเปล่านะ” ตุ่นเอ่ยน้ำเสียงอ่อนแรง สติของเขาเหลือไม่มาก ในสภาพที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพูด การขอความช่วยเหลือจึงเป็นความหวังเดียวที่พวกเขาจะรอดออกไปได้ แต่ถ้าพวกเขาสองคนอยู่ชั้นใต้ดินก็ลำบากแล้ว ถึงจะหูดีแต่ชั้นใต้ดินของที่นี่ก็ลึกไม่ใช่เล่นน่ากลัวว่าเสียงอาจจะส่งไปไม่ถึง …“เงียบเกินไปหรือเปล่าครับ” เฉินเฟิงเอียงหูฟัง เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสักนิด“อาจอยู่ชั้นใต้ดินกันละมั้ง” โจเซฟคาดเดา เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ศึกษาแปลนอาคารนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง“งั้นลองลงไปสำรวจกันเลยไหมครับ” ไหน ๆ ก็ไม่ได้ยินเสียงจากด้านบนนี่นา “มีกลิ่นอับชื้นในอากาศด้วย” เจ้ากระต่ายสูดดมทำจมูกยุกยิก“หรือหงส์จะใช้พลัง?” หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างคาดเดางี้ด“มังคุด รออยู่ด้านนอกสิ” เฉินเฟิงดันจมูกของเจ้าตัวโตออกจากบานประตูประตูที่นี่ก็บานใหญ่นะ… ทว่าพุงมังคุดใหญ่กว่า“คอยระวังอย่าให้พวกมันบุกเข้าไปในตึกไง” คนเป็นเจ้านายปลอ
“ใช่ครับ ถ้าเป็นเจ้าสิ่งนั้นอาจจะทำให้คริสตัลระดับ 2 เกิดปฏิกิริยาก็เป็นได้” พวกเขาลองใช้ของใกล้ตัวหลากหลายชนิดที่พอหาได้มาทำการทดลองแล้ว ส่วนเห็ดที่พูดถึงยังไม่เคยลองสักครั้ง“อาจจะได้และอาจจะไม่ได้” ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่สิงหารู้ดีว่าในระหว่างการทดลอง เขาได้แอบผสมสปอร์เห็ดพิษหลากหลายชนิดเข้าด้วยกัน แต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างดีก็ดันมาเกิดเรื่องที่ทำให้ทดลองต่อไม่ได้ไม่รู้ว่าเห็ดที่เขาผสมไว้ในตอนนั้นจะเป็นยังไงบ้างจะเติบโตขึ้นหรือว่าตายไปแล้วเพราะไม่มีใครให้สารอาหารอีกกันนะ…คำตอบของสิงหานั้นคงมีแต่สองคู่รักสุนัขกวางที่รู้ ถ้าถามว่าเห็ดที่สิงหาเพาะเลี้ยงนั้นเป็นอย่างไร… ทั้งคู่คงตะโกนเสียงดังกลับไปว่า‘ก็เป็นแบบนี้ไง!!’ก่อนหน้านี้ตุ่นและหงส์อยู่บริเวณทางเข้าก่อนลงไปชั้นใต้ดิน พอทีโอตัวปลอมหันคอกลับมา 180 องศา หญิงสาวก็รีบใช้พลังดันมันออกไปด้วยแรงดันน้ำ หวังจะให้มันปลิวออกไปพ้นตัวก่อนสามีอย่างตุ่นจะเป็นลมเพราะคิดว่าเป็นผีจริง ๆ แต่ใครจะไปคิดว่าการพ่นน้ำออกไปจะเป็นการทำให้พวกมันตื่นตัวกลายเป็นละอองแล้วตรงเข้ามาดูดซึมน้ำไปใช้ในการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทางเดินที่เคยเปิดโล่งก็กลายเป็นถ้ำเห็