“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเราจะได้เป็นทีมที่ไปเคลียร์โรงงานพวกนั้น” ชายหนุ่มผู้มีใบหูสุนัขบ่นออกมาเสียงดัง พวกเขาเดินทางออกจากฐานมาไกลมากแล้ว พูดบ่นไปก็มีแต่คนในทีมที่ได้ยิน สองมือถือปืนไม่ปล่อย
ปืนใหม่กระบอกนี้เขาเพิ่งใช้แต้มแลกมา
แต้มที่ต้องเก็บหอมรอมริบจากการทำภารกิจถึง 3 ภารกิจ
โคตรแพง!
“เก็บปืนไว้ด้านหลังเลย เกิดลั่นโป้งป้างขึ้นมาเดี๋ยวซวยกันหมด” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มเขยิบถอยห่างออกมา บนศีรษะของเธอมีหูใบเล็กดูน่ารักรับกับเขาขนาดเล็ก
“เหอะ เธอจะมาเข้าใจธรรมชาติของผู้ชายได้ยังไง”
“นิค นายคิดว่าไง ตุ่นกอดปืนไม่ปล่อยเลย” เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ฟัง เธอจึงรีบหาพรรคพวกสนับสนุน
“อย่ามายุ่งกับฉันน่า” หมอประจำกลุ่มหันสายตาไปมองคู่รักที่ทะเลาะกันได้ทุกวันแต่ก็ไม่เลิกกันเสียทีด้วยสายตาเอือมระอา นัยน์ตาคมเหม่อมองออกไปนอกรถบรรทุก
“ถ้าจะจีบกันก็ช่วยเบาเสียงหน่อย” ชายที่ทำหน้าที่ขับรถควบตำแหน่งหัวหน้าทีมเบี่ยงหน้ามาบ่นตรงช่องหน้าต่าง เจ้าพวกนี้หวานกันไม่เกรงใจคนไร้คู่บ้างเลย
นอกจากเพื่อนร่วมทีมที่มีสารพัดหูสัตว์ก็คงมีแต่โจเซฟคนเดียวที่เป็นมนุษย์ธรรมดา ก่อนเกิดวันสิ้นโลกเขาเป็นพลทหารที่ได้รับการฝึกฝนในหน่วยรบพิเศษ จึงสามารถรวบรวมกลุ่มคนที่แสนแปลกแยกแต่แข็งแกร่งจนปั้นให้เป็นทีมขึ้นมาได้
พื้นถนนคอนกรีตทำให้การเดินทางราบรื่นขึ้นมาก มีบ้างที่ต้องลงไปเคลียร์รถขวางถนนด้านล่างแต่ก็ไม่ได้ทำให้การเดินทางล่าช้า อาจเป็นเพราะรถบรรทุกทหารคันนี้ใช้เส้นทางนอกเมืองจึงทำให้ไม่พบกับซอมบี้หรือกลุ่มผู้รอดชีวิตที่ต้องการขอความช่วยเหลือ เพราะเห็นว่าพวกเขาขับรถทหาร
“พี่โจ ดูยังไงคะว่าจีบกันอยู่ หมอนี่กำลังกวนประสาทหงส์ต่างหาก” หญิงสาวยื่นหน้าไปฟ้อง
“ไม่ต้องยื่นหน้าออกไปเลย” ชายหนุ่มคู่กรณีดึงแขนร่างบางให้กลับมานั่งที่เดิม
“ตุ่น” หงส์เรียกเสียงเขียว
“เออ ผัวชื่อตุ่น ทำไมชอบไปวอแวกับหัวหน้านัก ก็รู้ว่าตุ่นหึง” ชายหนุ่มพูดเสียงเครียด แต่ในน้ำเสียงมีความสั่นเครือเล็กน้อยเพราะกำลังตัดพ้อ
“รู้หรอกน่าว่าสามีชื่อตุ่น ไม่ต้องหวงนะคะ ภรรยาแค่มองหัวหน้ากับนิคเป็นอาหารตาแค่นั้นเอง ในใจมีแต่ตุ่นคนเดียว หงส์รักตุ่นมากนะ” ว่าแล้วก็ใช้นิ้วกรีดแผงอกล่ำ ๆ เป็นรูปหัวใจ ใช้เขาสั้นกุดกระทุ้งต้นแขนอีกเล็กน้อย
“ผมก็รักคุณ” จากนั้นบรรยากาศสีชมพูก็ลอยฟุ้งตลบอบอวลให้คนไร้คู่เหมือนได้รับอาหารหมาเป็นกระสอบ
“อีกสามสิบกิโลจะถึงนิคมอุตสาหกรรมแล้ว” ทีโอ หนุ่มน้อยผู้ทำหน้าตายเป็นนิจพูดขึ้น ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะเป็นมนุษย์ แต่เขาเป็นผู้มีพลังสายโลหะที่มีเพียงคนเดียวในค่าย น่าแปลกที่เขายอมมาร่วมทีมกับคนกลุ่มนี้
ทีมที่มีคนน้อยจนน่าตกใจ
ปกติหนึ่งทีมจะมีคนมากกว่า 10 คนเพื่อคอยช่วยเหลือกันในยามฉุกเฉิน แต่โจเซฟกลับยึดตามหลักสูตรเดิมที่ตนเรียนรู้มาจากหน่วยรบพิเศษและคิดว่ามันเข้าท่ากว่า
คนสุดท้ายที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ทีมนี้แบบงง ๆ ก็คือนิโคลัส นักเรียนแพทย์ทหารแลกเปลี่ยนจากประเทศ A
โชคร้ายที่ดันเกิดโรคระบาดนี่เสียก่อน การคมนาคมระหว่างประเทศก็เลยเป็นอัมพาตทำให้ไม่สามารถกลับประเทศได้ แต่หมอหนุ่มก็ดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจสักนิดที่ต้องอยู่ประเทศ T ต่อ แถมเป็นคนเสนออีกว่าพวกเขาควรเป็นทหารรับจ้างมากกว่าเป็นกลุ่มทหารประจำค่าย รับแค่ภารกิจแลกแต้มหรือสิ่งของ ไม่รับใช้พวกกลุ่มคนมีอำนาจ
นิโคลัสเหม่อมองฝุ่นฟุ้งบนถนนนอกตัวเมือง พวกเขาใช้เส้นทางอ้อมเพื่อหลีกเลี่ยงการผ่านตัวเมือง ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยเหลือผู้คน เพียงแต่ภารกิจของเขาคือการไปตรวจสอบนิคมอุตสาหกรรมว่ายังสามารถผลิตหรือมีวัตถุดิบที่เป็นประโยชน์ต่อค่ายหรือไม่
ซึ่งมันต้องมีแน่ล่ะ ขึ้นชื่อว่าเป็นฝั่งผลิตอย่างน้อยในโกดังก็ต้องมีพวกกระสอบแป้งหรือไม่ก็อาหารที่ผ่านการแปรรูปแล้วอยู่บ้าง เขาก็ได้แต่หวังว่าที่รออยู่จะเป็นคนในโรงงานที่ยังเป็นคนไม่ใช่ซอมบี้
“จะลงไปดูวันนี้เลยเหรออาเฟิง” ดาริณีคิดว่าชายหนุ่มควรพักฟื้นมากกว่านี้ นี่อะไร เมื่อสามวันก่อนเป็นลมหมดสติ พอฟื้นก็ลุกมาใช้พลังของตนจนเป็นลมไปอีก คราวนี้ยังบอกว่าจะออกไปที่นิคมอุตสาหกรรมอีกฝั่งของภูเขา “ให้พี่ไปด้วยไหม” เธอมั่นใจในพละกำลังอย่างมากเลยตอนนี้
“พี่อยู่ที่นี่ดีกว่าครับ ผมไม่รู้ว่าข้างล่างนี้จะมีซอมบี้มากน้อยแค่ไหน” ถ้าเป็นเขาคนเดียวคงวิ่งหนีทัน แต่ถ้าดาริณีไป เด็กชายดลก็ต้องไป
“แต่พี่เป็นห่วง”
“ผมวิ่งเร็วนะครับ พี่ก็เคยเห็นมาแล้ว” เฉินเฟิงยังคงยืนกรานว่าจะไปคนเดียว คุยกันกว่า 5 นาทีในที่สุดหญิงสาวก็ยอมให้ไปและสัญญาว่าจะดูแลบ้านอย่างดี ช่วงที่ชายหนุ่มไม่อยู่ก็จะไปขนหินตรงน้ำตกมาทำห้องใต้ดินให้แล้วเสร็จ เพื่อใช้เก็บถนอมอาหารในอนาคต
ตกลงกันได้เฉินเฟิงก็ออกเดินทางทันที เขานำอาหารติดตัวไปนิดหน่อยรวมกับพวกเมล็ดพืช ถ้าหากไม่มีอะไรกินก็ยังเร่งเจ้าพวกนี้ให้โต กินประทังชีวิตไปพลาง ๆ ได้
รู้สึกว่าต้องไปทางนี้
“เอ๊ะ!” หมายความว่ายังไง หรือว่าจะเป็น...
ลางสังหรณ์เหรอ?
“เหมือนที่คนเฒ่าคนแก่เขาชอบพูดกันเลยแฮะ” ว่าในยามคับขันให้เชื่อลางสังหรณ์ของตัวเองจะดีที่สุด สถานการณ์นี้เรียกว่าฉุกเฉินได้สินะ
“งั้นก็ไปทางนี้” เขาจำเส้นทางลงเขาได้เพราะหลงป่าบ่อย แต่พอเชื่อลางสังหรณ์กลับลงเขาได้อย่างราบรื่น แทบจะไม่ต้องมองหาจุดสังเกตด้วยซ้ำ
อีกไม่ถึง 2 กิโลก็หลุดแนวป่าแล้ว
กระต่ายหนุ่มไม่เร่งตัวเองอีก แต่ค่อย ๆ เดินลงเขาอย่างระมัดระวัง พอพ้นแนวป่าไปจะเป็นทุ่งมันสำปะหลังของโรงงานผลิตแป้งที่นำพวกมันมาทิ้งไว้จนโตเองตามธรรมชาติ มีบ้างที่พวกคนงานจะมาขุดไปบริโภคในครอบครัว เขาเองก็เคยหลงมาเพราะคิดว่าเป็นทางลงเขาฝั่งจังหวัดตนเอง
น่าแปลกที่หลังจากหมดสติในรอบแรก เฉินเฟิงรู้สึกว่าร่างกายของตนเองแข็งแรงขึ้น และพอหมดสติในครั้งที่ 2 ก็ดีขึ้นไปอีก อย่างการเดินทางลงเขาในวันนี้ เขายังไม่ได้หยุดพักเลยสักครั้ง มีบ้างที่จิบน้ำจากกระติกพกพา แต่ก็แค่จิบ ไม่ได้กระหายมากมายเหมือนกับว่าการเดินทางเกือบสิบกิโลไม่ได้ทำให้เขาเหนื่อยยากแต่อย่างใด
ร่างกายกำลังเปลี่ยนไป หรือว่ายิ่งใช้พลังก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น!
ต้องใช่แน่ เหมือนพวกการ์ตูนประเทศ J พวกซูเปอร์ฮีโร่ที่ฝึกฝนตนจะเก่งกาจขึ้นเมื่อได้ใช้พลังของตนเองบ่อย ๆ นอกจากได้พลังเพิ่มแล้วก็ยังสามารถใช้พลังได้อย่างชำนาญมากขึ้น
แต่ว่านี่มัน… ไม่จูนิเบียว[1]ไปหน่อยหรือ
ไม่หรอก
ซอมบี้เองก็ไม่ใช่สิ่งที่สามัญสำนึกปกติทั่วไปจะนำมาวิเคราะห์ได้แล้ว ตอนนี้จะเบียวหรืออะไรก็ไม่สนทั้งนั้น ถ้าจะทำให้รอดชีวิตเขาก็ไม่คิดว่ามันบ้าหรอก
นอกจากอาหารกระป๋องแล้ว ชายหนุ่มยังเตรียมเป้ใบใหญ่และเชือกฟางอีกหนึ่งม้วนเผื่อมัดข้าวของที่หาได้ติดไว้กับตัวเสียเลย จะได้ไม่ต้องหอบหิ้วให้เต็มสองมือ หรือถ้าเกิดเจอซอมบี้ก็จะยังหนีไปพร้อมกับกองสัมภาระได้
แต่ถ้าหากเจอคน…
[1] จูนิเบียว / โรคป่วย ม.2 คนที่มีอาการนั้นจะทำตัวคล้ายๆ กับเด็กอายุ ม.2 ที่ชอบโชว์เหนือ ทำตัวเก่ง และถ้าหนักหน่อยก็คือคิดว่าตัวเองมีพลังพิเศษ ถึงจะบอกว่าเป็นอาการป่วยก็เถอะแต่อาการจูนิเบียวไม่นับว่าเป็นการเจ็บป่วยทางการแพทย์แต่อย่างใด
‘จับมัน! อย่าให้มันหนีไปได้!!’ ภาพกลุ่มชายฉกรรจ์ที่บุกเข้ามาในบ้านแวบเข้ามาในหัว เป็นผลให้ศีรษะเล็กส่ายหนีเพื่อลบภาพความทรงจำอันเลวร้ายออกไปจนเส้นผมสีขาวปลิวไสวต้องระวังอีกเป็นเท่าตัว ซอมบี้ยังพอทำใจให้ฆ่าได้เพราะเคยเป็นคน แต่คนที่เห็นว่าเป็นคนอาจไม่ใช่คนอีกต่อไปเฮ้อ… ทั้งที่ไม่ชอบใช้ชีวิตซับซ้อนแท้ ๆ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะในขณะที่ครุ่นคิด ขาก็พากระต่ายหนุ่มมาถึงชายป่าและทุ่งมันสำปะหลังสูงชะลูดได้ในที่สุด“มาถึงแล้ว” ด้วยเวลาแค่ 4 ชั่วโมงกว่า “ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้” อย่าดูถูกระยะทางสิบกิโลบนภูเขาเด็ดขาด ทางต่างระดับและส่วนที่ต้องระมัดระวังนั่นแหละที่ทำให้การเดินทางล่าช้า ถ้าเป็นคนทั่วไปคงใช้เวลามากกว่านี้อีกสองเท่า แต่พอกลายเป็นกระต่ายก็เหมือนจะง่ายดายขึ้นมาอันดับแรกคงต้องออกจากป่ามันสำปะหลังไปให้ได้ก่อน ถ้าเป็นก่อนได้รับพลังมาเขาคงไม่รีรอที่จะถอนมันออกไปจนเต็มกระเป๋า ก็นี่มันแหล่งอาหารชั้นดีเลยนี่นา รู้สึกว่าถัดไปอีกสองกิโลจะเป็นไร่อ้อยของโรงงานน้ำตาลน้ำตาล!จริงสิ ที่บ้านพักไม่มีน้ำตาลเลย ต้องแวะไปที่นั่นด้วย แล้วก็พวกเครื่องปรุง มีของที่ต้องการเต็มไปหมด แสดงว่าต้องมี
เจ้ากระต่ายต้องออกจากที่ซ่อนอย่างกะทันหันเพื่อหลบหลีกซอมบี้ที่มีความเร็วมากกว่าซอมบี้ที่เคยเห็นในหมู่บ้านลักษณะซอมบี้ตรงหน้าคงเป็นพนักงานคนหนึ่งในโรงงาน ที่คอของอีกฝ่ายมีแผลเหวอะหวะ คาดว่าน่าจะเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิต เนื้อบริเวณนั้นส่งกลิ่นเหม็นชวนคลื่นเหียน ไม่รอให้ตั้งตัวได้ศพตรงหน้าก็ปรี่เข้ามา มันพยายามยืดแขนออกมาจนสุดหมายจะคว้าอาหารให้ได้ในครั้งเดียวกร๊าซซ!!มือนุ่มที่ผ่านการวิวัฒนาการกระชับจับด้ามขวานแน่น เบี่ยงตัวหลบแขนยาวคู่นั้นออกไปด้านข้าง จากนั้นเหวี่ยงขวานไปที่คอด้านข้างของมันสุดแรงตุบทันทีที่ศีรษะของซอมบี้ตกลงพื้น ตัวของมันก็คล้ายกับตุ๊กตาที่ขาดเชือก ล้มแน่นิ่งไปกับพื้นพร้อมกับเลือดสีดำที่สาดกระจาย“แฮ่ก ๆ”ดวงตากลมสั่นระริกจ้องมองสิ่งที่เคยเรียกว่าคนตรงหน้า สัมผัสของขวานกระทบเนื้อยังตราตรึงราวกับเทปวิดีโอที่ถูกกรอซ้ำไปมา เลือดในกายเย็นเฉียบ ใบหูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงสรรพสิ่งรอบกาย“แฮ่ก ๆ”ลมหายใจถี่กระชั้นเมื่อเห็นว่าร่างตรงหน้ามีเลือดสีดำข้นคลั่กไหลนองพื้นจากปากแผลที่เขาเป็นผู้กระทำหลายวันก่อนหน้านี้เขายังคงเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่รู้จักศิลปะป้องกันตัว ไม่รู้จักการ
เฉินเฟิงกัดปากคิดคำนวณผลได้ผลเสียจากการปรากฏตัว หากกลุ่มคนตรงหน้าที่อ้างตัวว่าเป็นทหารก็เป็นเหมือนพวกโจรที่ปล้นบ้านของเขาล่ะ“ปล่อยเขาไปเถอะ ถ้าไม่สร้างความเดือดร้อนให้เราก็ไม่ต้องไปวุ่นวายด้วยหรอก” หงส์เห็นว่าคนในทีมไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้คนที่ซ่อนอยู่ในป่าอ้อยออกมาได้ พวกเขาเสียเวลามามากพอแล้ว ขืนชักช้าจะมืดค่ำเสียก่อน ในโรงงานก็ยังไม่ได้เข้าไปดู ซอมบี้ตอนกลางคืนน่ากลัวกว่าตอนกลางวันมากนัก ไหนจะการตะโกนข้ามไปข้ามมานี่อีก เธอได้ยินเสียงซอมบี้เริ่มเดินเข้ามาใกล้โรงงานแห่งนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วถ้าไม่รีบหาที่หลบก็ต้องเสียเวลาจัดการอีกนาน“พวกเราจะอยู่ที่นี่หนึ่งสัปดาห์ ถ้ามีอะไรก็ไปหาได้” โจเซฟตะโกนบอก เขาเองก็เห็นด้วยกับหญิงสาวว่าควรไปทำภารกิจของตนก่อนจะดีกว่าคล้อยหลังกลุ่มทหาร เจ้ากระต่ายขาวถึงได้พ่นลมหายใจพร้อมคลายความระมัดระวังลงได้เขาคงไม่สามารถสำรวจโรงงานน้ำตาลได้แล้วในวันนี้ ถอยไปดูที่อื่นก่อนดีกว่า แยกกันน่าจะปลอดภัยที่สุดสำหรับคนขี้ระแวงอย่างเขาคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงหันหลังกลับไปยังทิศทางเดิมที่ผ่านมาฟิ้วสายลมที่พัดเข้าหน้าจนเส้นผมสีขาวปลิวไสวทำให้ชายหนุ่มรู้แล้วว่าตนถ
ปึง!เสียงประตูเหล็กบานหนักปิดลงทันทีเมื่อกลุ่มทหารและหนึ่งชาวบ้านเข้ามายังด้านใน ดูเหมือนว่าส่วนที่พวกเขาอยู่จะเป็นโกดังเก็บสินค้าเฉินเฟิงกระชับฮู้ดด้วยความประหม่า เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอึดอัดกับการใกล้ชิดคนแปลกหน้า ทั้งยังเป็นสถานการณ์ไม่ปกติตึง ๆกรร…แกรก ๆเสียงทุบประตูและเสียงคำรามในลำคอมีมากกว่าหนึ่ง ก่อนหน้านี้บางส่วนก็เดินตามรถของโจเซฟมาตั้งแต่หน้าโรงงานอยู่แล้ว ยิ่งพอได้ยินเสียงพูดคุย พวกมันก็เริ่มเดินเร็วขึ้น พอเฉินเฟิงเข้ามาสมทบก็มีประมาณมากชนิดที่ว่าควรหาที่หลบภัยก่อน“เดี๋ยวจะออกไปเคลียร์ข้างนอกให้” ตุ่นวางกระเป๋าสัมภาระไว้ที่พื้น เตรียมหาช่องหน้าต่างปีนออกไปจัดการ ประตูโกดังเป็นบานเลื่อนเหล็ก มันใหญ่ไป เปิดทีคงได้วิ่งกรูกันเข้ามาแน่“ไม่ต้องหรอก พวกมันเป็นแค่ซอมบี้ธรรมดา” โจเซฟส่ายหน้าไม่เห็นด้วย แค่พวกเขาเดินเข้าไปในตัวโกดังให้ห่างประตูหน่อย เดี๋ยวพวกมันก็เลิกทุบไปเอง แต่ถ้าออกไปฆ่ามัน เสียงและกลิ่นจะเป็นตัวเรียกซอมบี้ในละแวกนี้มาเพิ่มแทนนอกจากนี้การมีซอมบี้อยู่ด้านนอกยังใช้เป็นเครื่องส่งสัญญาณชั้นดีหากมีมนุษย์คนอื่นเข้ามาใกล้“พวกเราจะไปเดินสำรวจด้านใน คุณจะไปด้วยกั
“อึก” ฟังมาถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็เผลอกลืนน้ำลายเพราะตื่นเต้นนี่มันอย่างกับนิยายแฟนตาซีตามเว็บไซต์ชื่อดังเลยนี่นา“แล้วทำไมถึงไม่มีการแจ้งเตือนจากภาครัฐเลยล่ะครับ” ออกข่าวโทรทัศน์ก็ยังดี ไม่ใช่เตือนแค่ประกาศจากทางวิทยุกระจายเสียง เรื่องนี้มันใหญ่โตและร้ายแรงมาก ๆ เลยนะ“อันนี้จากข่าววงในนะครับ เดิมทีเชื้อไวรัสชนิดนี้มันจะกระจายอยู่ในกลุ่มคนที่ติดเชื้ออยู่ก่อนแล้ว และที่ไหนมีคนติดเชื้อก็ต้องมีสถานกักกันหรือสถานพยาบาลรองรับ ในตอนแรกเราไม่รู้ว่าเชื้อมันกลายพันธุ์ จึงได้นำศพผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีและนำไปฝังรวมกันเหมือนที่หลายประเทศทำ แต่วันดีคืนดีศพพวกนั้นกลับลุกขึ้นมาจากหลุมและไล่กัดเจ้าหน้าที่ กลายเป็นการส่งต่อไวรัสอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยบนเตียงเองก็กลายเป็นซอมบี้เช่นเดียวกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทุกที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้อย่างทันท่วงที จึงได้แต่ผลักภาระให้แต่ละจังหวัดบริหารจัดการในส่วนของตนเองไปก่อน” ทีโอค้อมตัวลงเล็กน้อยป้องปากกระซิบนัยก็คือถ้าจังหวัดจัดการไม่ดีก็จะเป็นอย่างที่เขาเผชิญอยู่สินะต้องโทษว่าเขาอยู่ชนบทจึงรู้ข่าวช้าหรือ?“ได้ข่าวว่าพวกคนใหญ่คนโตระดับนายกรัฐมนตรีหรือทหารยศสู
“เรื่องค่ายสำหรับประชาชนก็ต้องแล้วแต่คนครับ พวกเราเองก็มีบ้านในค่ายเหล่านั้นไว้ใช้พักผ่อนเวลาที่กลับจากภารกิจ เพราะมีการลาดตระเวนแน่นหนา สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม ส่วนเรื่องราวภายในค่ายส่วนใหญ่ ปัญหาก็จะอยู่ในหน่วยงาน ไม่ค่อยมีอะไรที่ประชาชนรับรู้หรอก เหมือนคลื่นใต้น้ำมากกว่า” ทีโออธิบายเมื่อเห็นว่าคนที่พวกเขาช่วยเอาไว้กำลังมีสีหน้าคิดไม่ตก “แต่การอยู่ในค่ายขอแค่ทำงานก็สามารถรับแต้มคะแนนเพื่อแลกอาหารกินได้ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ” เหมาะสำหรับผู้คนที่ยังต้องการใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็นและไม่ต้องการออกไปฆ่าซอมบี้หรือรับภารกิจแบบพวกเขา“ขอบคุณมากเลยนะครับ” เฉินเฟิงค้อมศีรษะให้กลุ่มทหารรับจ้างตรงหน้า“ไม่เป็นไรครับ เป็นข้อมูลที่พวกคุณควรรู้เอาไว้อยู่แล้ว” โจเซฟยกมือทั้งสองข้างกอดอก“เอ่อ งั้นเชิญพวกคุณสำรวจกันต่อเลยครับ” ถึงจะพูดไปคุยไป แต่สายตาก็ไม่ได้กวาดมองกระสอบน้ำตาลเลย มัวแต่มองหน้าคุยกัน“คุณอาศัยอยู่แถวนี้เหรอครับ” นิโคลัสเห็นคนตัวเล็กกว่ากำลังสนใจกระสอบน้ำตาลก็เอ่ยชวนคุย“เปล่าครับ ผมข้ามมาจากอีกฝั่งของภูเขา” เฉินเฟิงยกมือชี้ทิศทางประกอบคำพูด ทั้งที่ในโกดังไม่มีหน้าต่างให้เห็นว่าภ
เฉินเฟิงคงไม่รู้ว่าในตัวจังหวัดเองก็ใช่ว่าจะสงบ คนจากเมืองใหญ่ที่เสี่ยงขับรถหนีออกมานั้นมีมาก แต่พวกเขาเลือกที่จะพักอยู่รอบ ๆ เพื่อรอดูสถานการณ์มากกว่าขับออกไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้า จึงมีชาวบ้านตามชนบทน้อยมากที่รู้ว่าเกิดเรื่องราวใหญ่โตอย่างวันสิ้นโลกขึ้นและพวกคนในเมืองเองก็เป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้ต่างจังหวัดมีซอมบี้เพิ่มขึ้นเพราะพาคนติดเชื้อในระยะแรกมาด้วย... โดยไม่รู้ตัว“ครับ แต่เพราะนักการเมืองและทหารที่เหลืออยู่ให้ความร่วมมือกัน จึงสามารถใช้ค่ายทหารเป็นที่พักพิงชั่วคราวและออกช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในที่พักอาศัยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ขอแค่คุณส่ง SMS ขอความช่วยเหลือมาที่เบอร์ฉุกเฉิน ถ้าประเมินว่าไม่อันตรายมาก จะรีบส่งทหารเข้าไปรับตัวมาไว้ในค่ายทันที” อย่างของเขา เพราะอยู่บนดาดฟ้าห้างสรรพสินค้ากับกลุ่มคนจำนวนมากจึงมีเฮลิคอปเตอร์มาลำเลียงไป และไม่นานหลังจากนั้นไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตก็ไม่สามารถใช้งานได้อีกโชคร้ายตกเป็นของพ่อแม่เขาที่หนีมาไม่ทันและไม่สันทัดเรื่องเทคโนโลยี กว่าที่เขาจะสามารถทำเรื่องขอกำลังเสริมไปช่วย พวกท่านก็กลายเป็นพวกมันไปแล้วทีโอสะบัดไล่เรื่องราวเศร้าหมองออกจากควา
“พวกเราพกอาหารมาแค่พอกิน คุณมีของตัวเองมาหรือเปล่า” โจเซฟไม่ได้อยากแสดงความแล้งน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ แต่พวกเขาเองก็ต้องกันอาหารไว้ให้เพื่อนร่วมทีมก่อน กับคนนอกอย่างไรก็ไม่ควรไว้ใจมากเกินไปนัก“ไม่เป็นไรครับ ผมมี” ชายหนุ่มหยิบหัวแครอทกับปลากระป๋องออกมาจากกระเป๋านิโคลัสมองอาหารที่คนตรงหน้าหยิบออกมาด้วยหัวใจปวดหนึบ จินตนาการไปว่าเจ้าตัวคงหยิบฉวยทุกอย่างในขณะหนีหัวซุกหัวซุน พอได้แหล่งกบดานก็เริ่มออกสำรวจหาอาหารมากักตุน“...” กว่าจะรู้ตัว ชายหนุ่มผู้มีใบหูกลมของหมีก็ยื่นขนมปังแข็งให้“...” เฉินเฟิงมองก้อนขนมปังตรงหน้าตาปริบ ๆ สมองกำลังประมวลอย่างเร็วรี่ว่าเหตุใดแพทย์ทหารคนนี้จึงแบ่งอาหารมาให้ตนใจดี?หรือแอบวางยา?“!!!” ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังมีความคิดสวนไปคนละทาง ผู้เห็นเหตุการณ์เองก็อ้าปากตาค้างกับปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมทีม‘หงส์ว่ามันทะแม่ง ๆ แล้วนะหัวหน้า’ หญิงสาวหันไปมองหัวหน้าอย่างช้า ๆ พลางหันไปพยักหน้าให้คนรักที่หันหน้ามามองเธออย่างอึ้งตะลึงไม่ต่างกัน‘ผมว่าหมอนี่ต้องไปกินอะไรผิดสำแดงมาแน่’ ทีโอเองก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมนี้ของนิโคลัส เขาเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมตอนฝึก อีกฝ่ายมักมีท่าทีเย็
“ฮึบ” ทีโอผลักพัดลมใบมีดสีส้มอมแดง ยามที่มันหมุนคว้างอยู่กลางอากาศก็มีเปลวไฟลุกโหมขึ้นมาต้นเห็ดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ต่างโดนตัดเฉือนพร้อมกับเผาทำลายไปในคราวเดียวกัน เส้นทางด้านหน้าและด้านหลังที่เคยถูกปิดล้อมต่างก็กลายเป็นทะเลเพลิงขนาดย่อมในพริบตาเดียว“รีบไปกันเลยครับ” หากยังมีพลังเพียงขั้นแรกท่าไม้ตายนี้คงไม่มีทางสำเร็จ การใช้พลังในรูปแบบนี้ต้องใช้ทั้งสมาธิและพลังงานพอสมควร หลังจากเคลียร์ทางเดินได้ บนใบหน้าของทีโอจึงปรากฏเหงื่อไหลซึมออกมาหมดพลังไปเกือบครึ่ง!ถ้าไม่ใช่ว่าต้องใส่หน้ากากกันแก๊สตลอดเวลา เขาคงหยิบคริสตัลซอมบี้สีใสมากินเพิ่มพลังว่ากันตามจริง เห็ดพวกนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยหากมีการเตรียมพร้อมที่ดีพอ ที่น่ากลัวกว่ากลับเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยให้ใช้พลังอย่างเต็มที่ ลองเปลี่ยนเป็นสัตว์กลายพันธุ์หรือต้นจามจุรียักษ์ครั้งก่อนไม่แน่ว่าผลลัพธ์อาจไม่เป็นเช่นนี้“ถึงแล้ว!!” เฉินเฟิงดีใจมาก ในที่สุดก็มาถึงชั้นหนึ่งเสียที ไม่ต้องสูดดมควันอีกต่อไปแล้วแซ่ก ๆ ๆ“กัดไม่ปล่อยเลยนะ” เฉินเฟิงกัดฟัน ตอนนี้ทางเดินด้านหลังเต็มไปด้วยสปอร์เห็ดจำนวนมหาศาล เห็ดบางต้นยอมตายเพื่อที่จะผลิตสปอร์ให้ได้
ดังนั้นการเดินทางกลับขึ้นไปยังชั้นบนจึงมีเฉินเฟิงเดินนำ คอยกรุยทางและปรับอากาศให้ ลำดับต่อมาจึงเป็นทีโอ และนิโคลัสปิดท้าย ซึ่งทีโอที่สภาพร่างกายไม่ค่อยดีนักพยายามเดินตามคุณเชฟกระต่ายให้ทัน กลัวว่าถ้าคลาดกันแล้วอาจจะโดนภาพลวงตาเล่นงานอีกรอบยอมรับว่าในเวลาที่เหงา เขามักย้อนคิดไปถึงวันที่ปกติสุขดี ทำไมตอนนั้นเขาไม่ทำดีกับหมอนั่นให้มากหน่อยนะ เอาแต่เฮฮาปาร์ตี้ไปเรื่อยจนอีกคนคิดว่าเขาเป็นพวกคาสโนว่าทั้งที่ไม่ใช่เลยสักนิดคนที่เขาชอบคือเลวี่...รูมเมตขี้บ่นที่บ่นได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบถึงจะแค่แอบชอบก็เถอะ…แต่เขาก็ให้ใจกับเลวี่ไปมากจริง ๆ การที่ต้องเห็นอีกคนโดนซอมบี้กัดต่อหน้าต่อตาโดยที่ตัวเองไม่สามารถเอื้อมมือไปคว้าไว้ได้ทันเป็นเรื่องที่ปวดใจเขามากที่สุดหลังจากกลุ่มทหารพามาถึงค่ายพันธมิตร เขาพร่ำโทษตัวเองที่ยังมีชีวิตรอด เพราะเขาทำอีกคนหลุดมือก่อนเฮลิคอปเตอร์ช่วยเหลือจะมาถึงเป็นเพราะเขา… เพราะเขาทั้งนั้น!แม้แต่พ่อแม่ก็ช่วยไว้ไม่ได้…ทีโออยากปลิดชีวิตตนเอง แต่พลังพิเศษดันตื่นขึ้นมา เขาจึงกลายเป็นบุคลากรที่สำคัญยิ่งต่อการอยู่รอดของมนุษยชาติ ตัวเขาที่ไม่มีสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยวอีกจึงตกล
เอ๊ะทำไมมันร้อน…“โอ้โห ไข้สูงเท่าไรวะเนี่ยมือกูจะพองแล้ว” เลวี่ผละออกไปมือขาวสะบัดไปมาในอากาศนั่นสิ…ทำไมมันร้อนแบบนี้ ร้อนมาก ๆ ด้วย ร้อน…“ร้อน!!!”เฮือก!ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้างมองซ้ายมองขวาอย่างงุนงง รอบด้านถูกปิดกั้นจนมองไม่เห็นสภาพแวดล้อมภายนอก คล้ายว่าตนเองกำลังอยู่ในกล่องเหล็กกล่องเหล็ก!จริงด้วย!! ก่อนหน้านี้เขาถูกฝุ่นละอองอะไรก็ไม่รู้โจมตีเข้ามา ในช่วงเวลาที่ใกล้จะหมดสติเขาใช้ลูกเหล็กที่พกติดตัวปิดผนึกฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ไว้ก่อน จากนั้นก็สร้างใบมีดเหล็กขึ้นมาพัดพวกมันให้ออกไป แต่ยิ่งพัดมันก็ยิ่งหมุนวนเข้ามาใกล้ทุกที สุดท้ายจึงสร้างกล่องเหล็กครอบคลุมตัวเองแล้วก็หมดสติ…“อึก” ทีโอเบ้หน้า อากาศที่มีใกล้จะหมดเต็มทน แถมแผ่นหลังที่พิงกับกล่องเหล็กอยู่ก็เริ่มร้อนลวกผิว ชายหนุ่มจำต้องปลดกำแพงเหล็กด้านหลังออก ไม่อย่างนั้นได้กลายเป็นไก่อบฟางในอีกไม่นานแน่ทันทีที่กำแพงด้านหลังถูกเปิดออก เป็นจังหวะเดียวกับที่นิโคลัสเผากองเห็ดเกือบหมดแล้ว เฉินเฟิงที่ได้ยินเสียงกุกกักจากในนั้นมาสักพักก็ไม่รอช้า รีบคว้าตัวทีโอให้มาอยู่ฝั่งเดียวกับตนพร้อมกับตรวจเช็กว่าอีกฝ่ายได้สวมหน้ากากกันแก๊ส
“ไม่ใช่หรอก” นิโคลัสส่ายหน้า “ดูตรงนี้สิ” พลางชี้ให้เห็นตรงทางเดินมีกล่องเหล็กอีกหนึ่งกล่องถูกวางตั้งอยู่ ดูจากลักษณะภายนอกแล้วคล้ายคลึงกับกล่องเหล็กที่เฉินเฟิงเคยขอให้ทีโอทำในตอนที่นำเนื้อวัวลงไปแช่ในน้ำตก“งั้นนี่ก็เป็น…” ทีโองั้นเหรอเฉินเฟิงมองกองเห็ดที่เกาะอยู่บนอะไรสักอย่างจนมีขนาดใหญ่ มันขวางทางเดินไว้เหมือนภูเขาขนาดย่อมจนไม่สามารถผ่านไปได้ ในสมองพลันนึกถึงสิ่งที่ตุ่นและหงส์พบเจอถ้าหากว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้คือทีโอ…“จะเผาแล้วนะ” นิโคลัสให้สัญญาณ เฉินเฟิงจึงนำต้นลิ้นมังกรจุ่มลงไปในกระติกน้ำ แล้วเร่งให้มันดูดควันพิษเหล่านี้ออกไป ต้องขอบคุณเจ้าตัวแสบที่หยิบสิ่งนี้มาให้ ไม่อย่างนั้นหน้ากากกันแก๊สคงกรองฝุ่นควันไม่ไหวนิโคลัสเผาภูเขาเห็ดตรงหน้าอย่างระมัดระวัง พอไหม้ไปได้ระยะหนึ่ง บางส่วนที่อยู่ใต้กองเห็ดก็เผยออกมาให้เห็น“เหล็ก!” นั่นก็หมายความว่า!!พรึบ!นิโคลัสเร่งไฟให้รุนแรงขึ้น เห็ดที่เคยไหม้อย่างช้า ๆ ก็พลันอันตรธานหายไปในเวลาไม่นาน...“โอ…” เสียงอะไร“ทีโอ…” ใครกำลังเรียกเขา“ทีโอ!!”เฮือกดวงตาคมเบิกกว้างก่อนยันตัวมองซ้ายมองขวาที่นี่มัน…“ตื่นสักทีนะไอ้บ้า” ชาย
“ขอพาเจ้าพวกนี้ไปที่ค่ายก่อนนะ” โจเซฟให้เฉินเฟิงช่วยกันวางร่างของหงส์และตุ่นลงกระบะหลังรถ “ถ้าเจอทีโอก็รีบพากลับไปที่ค่ายต่อได้เลย” ชายหนุ่มว่าพลางกระโดดขึ้นฝั่งคนขับสตาร์ตรถได้ก็ขับออกไปทันทีชายหนุ่มต้องแข่งกับเวลา จากที่นี่ถึงค่ายพันธมิตรมีระยะห่างประมาณ 10 กิโลเมตร ถ้าขับเร็ว ๆ จะทำเวลาอยู่ที่ 15 นาที ต้องรีบพาสองคนนี้ไปส่งให้ถึงมือหมอให้เร็วที่สุด ถึงนิโคลัสจะเป็นหมอ แต่อีกฝ่ายกำลังติดพันอยู่ในชั้นใต้ดิน เขาที่เป็นหัวหน้าไม่ควรรออยู่เฉย ๆอีกทั้งที่ค่ายก็มีเครื่องมือแพทย์และยาปฏิชีวนะที่น่าจะช่วยชีวิตทั้งสองคนได้ถ้ามีซอมบี้ขวางทางพ่อจะชนไม่เลี้ยงเลย!!เฉินเฟิงเห็นโจเซฟขับรถออกไปก็พาตนเองกลับเข้าไปในอาคารเพื่อช่วยนิโคลัสตามหาทีโอต่อ ไม่รู้อีกฝ่ายเป็นตายร้ายดีอย่างไรมังคุดเห็นมนุษย์สองคนกลับออกมามีสภาพไม่สู้ดีนักก็ร้องเสียงแหลม พยายามจะเข้าประตูตามเจ้านายไปด้วย ข้างในนั้นมีอะไรทำไมทุกคนถึงออกมามีสภาพเป็นแบบนั้นไปได้งี้ด (มังคุดจะไปด้วย)แค่คิดว่าเจ้านายของมันจะกลายเป็นอย่างสองคนนั้นหากเข้าไปอีก เจ้าตัวยักษ์ก็ใจไม่ดีเอาเสียเลย รีบเดินไปรั้งชายเสื้อของเฉินเฟิงไว้แน่น“ไปไม่ได้ มัง
“เป็นแบบนี้แล้ว… พวกนั้นคงอยู่ที่นี่แน่” โจเซฟฟันธง ความคิดของพืชและสัตว์บางครั้งก็เรียบง่าย สิ่งที่พวกมันอยากปกป้องหวงแหนจะได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ประหนึ่งราชินีผึ้งที่อาศัยอยู่ในรังท่ามกลางบริวารอีกหลายพันตัว“ไปกันเถอะ” นิโคลัสเรียกลูกไฟออกมาเผาเห็ดยักษ์ตรงหน้า แต่เมื่อเผาหมดไปต้นหนึ่ง ก็มีต้นอื่นงอกขึ้นมาแทนที่ทันที“...” เฉินเฟิงหรี่ตามอง“อาเฟิง” นิโคลัสคิดจะลองเผามันอีกครั้งเป็นต้องชะงัก เมื่อคนรักแตะบ่าขอให้เขาหลบไป“พอดีเห็นว่ามันเป็นพืชน่ะครับ” เลยอยากลองดูว่าใครจะควบคุมใครได้กันแน่ คราวต้นจามจุรีเฉินเฟิงเองก็มีความคิดนี้อยู่ในหัว แต่เพราะถูกโจมตีจนแทบจะไม่มีจังหวะให้พักหายใจ เรื่องลองใช้พลังควบคุมอะไรนั่นลืมไปได้เลย แค่หลบหลีกและโจมตีกลับก็เต็มกลืนแล้วแต่เห็ดที่อยู่นิ่ง ๆ นี่ก็น่าทดสอบดูไม่ใช่หรือ?พลังการควบคุมของเขากับเห็ดพวกนี้ใครจะเหนือกว่ากัน!ถ้าทำสำเร็จจะได้ไม่ต้องทนสูดดมควันไฟด้วย… จะหายใจไม่ออกแล้ว!“ถ้าไม่ไหวต้องรีบถอนตัวกลับมานะ” นิโคลัสไม่มั่นใจในเรื่องนี้เท่าไร พลังของเขาคือการควบคุมเปลวไฟที่ไม่มีความนึกคิด แต่เจ้ากระต่ายกลับแตกต่างออกไป ต้นไม้เองก็เป็นสิ
“เห็ดบางชนิดแค่สูดดมสปอร์เข้าไปก็เป็นอันตรายแล้วครับ” นิโคลัสอธิบาย ดีที่เขาให้ทุกคนสวมใส่หน้ากากกันแก๊สก่อน ฝ่ามือหนาถอดถุงมือออกข้างหนึ่ง ลูกบอลไฟขนาดเท่าไข่ไก่หลายลูกหมุนวนอยู่บนฝ่ามือของชายหนุ่ม แสงไฟเต้นระริกในความมืด ดูคล้ายมัจจุราชกำลังเริงระบำถ้ามองไม่ผิดเฉินเฟิงเหมือนเห็นหมวกเห็ดกำลังสั่น ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือเป็นเพราะแสงสะท้อนจากลูกบอลไฟของคนรัก“ฮึบ” นิโคลัสปาลูกบอลไฟใส่ผนังและพื้น เผาทำลายทางเดินเห็ดจนมอดไหม้เป็นจุณ ชายหนุ่มควบคุมไฟไม่ให้มันรุนแรงจนกลายเป็นย่างสดคนไปจนหมด เดินนำไปเรื่อย ๆ จนมาถึงห้องที่มีการติดตั้งซูเปอร์คอมพิวเตอร์“ตรงนั้นมีเครื่องคอมพ์วางไว้ด้วยครับ” ตรงมุมหนึ่งของทางเดินมีเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมสายถูกถอดมาวางไว้บนทางเดินที่มีเห็ดขึ้นเต็มไปหมด“น่าจะเป็นสามคนนั้นแหละที่ถอดมาวางไว้”‘แล้วหายไปไหนกันนะ’ โจเซฟขมวดคิ้วคิดหนัก“ทีโอบอกว่านอกจากที่นี่่จะมีห้องใต้ดินตามแปลนที่เราได้มา แถมน่าจะมีห้องเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ลึกลงไปอีก เป็นไปได้ไหมว่าสามคนนั้นจะอยู่ที่นั่น” นิโคลัสนึกถึงการประชุมก่อนปฏิบัติภารกิจเมื่อเช้า“เป็นไปได้สูงทีเดียว” นิโคลัส“ใช่ทางนั้นหรือเปล่
“มีเสียงจากด้านบน” ใบหูสี่เหลี่ยมกระดุกกระดิกสองสามครั้ง“ในที่สุดพวกนั้นก็จัดการกับสัตว์ประหลาดด้านนอกได้แล้วสินะ” หงส์โล่งใจ อย่างน้อยก็คงไม่มีใครเป็นอะไร“ถ้าตะโกนออกไปตอนนี้พวกนั้นจะได้ยินหรือเปล่านะ” ตุ่นเอ่ยน้ำเสียงอ่อนแรง สติของเขาเหลือไม่มาก ในสภาพที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพูด การขอความช่วยเหลือจึงเป็นความหวังเดียวที่พวกเขาจะรอดออกไปได้ แต่ถ้าพวกเขาสองคนอยู่ชั้นใต้ดินก็ลำบากแล้ว ถึงจะหูดีแต่ชั้นใต้ดินของที่นี่ก็ลึกไม่ใช่เล่นน่ากลัวว่าเสียงอาจจะส่งไปไม่ถึง …“เงียบเกินไปหรือเปล่าครับ” เฉินเฟิงเอียงหูฟัง เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสักนิด“อาจอยู่ชั้นใต้ดินกันละมั้ง” โจเซฟคาดเดา เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ศึกษาแปลนอาคารนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง“งั้นลองลงไปสำรวจกันเลยไหมครับ” ไหน ๆ ก็ไม่ได้ยินเสียงจากด้านบนนี่นา “มีกลิ่นอับชื้นในอากาศด้วย” เจ้ากระต่ายสูดดมทำจมูกยุกยิก“หรือหงส์จะใช้พลัง?” หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างคาดเดางี้ด“มังคุด รออยู่ด้านนอกสิ” เฉินเฟิงดันจมูกของเจ้าตัวโตออกจากบานประตูประตูที่นี่ก็บานใหญ่นะ… ทว่าพุงมังคุดใหญ่กว่า“คอยระวังอย่าให้พวกมันบุกเข้าไปในตึกไง” คนเป็นเจ้านายปลอ
“ใช่ครับ ถ้าเป็นเจ้าสิ่งนั้นอาจจะทำให้คริสตัลระดับ 2 เกิดปฏิกิริยาก็เป็นได้” พวกเขาลองใช้ของใกล้ตัวหลากหลายชนิดที่พอหาได้มาทำการทดลองแล้ว ส่วนเห็ดที่พูดถึงยังไม่เคยลองสักครั้ง“อาจจะได้และอาจจะไม่ได้” ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่สิงหารู้ดีว่าในระหว่างการทดลอง เขาได้แอบผสมสปอร์เห็ดพิษหลากหลายชนิดเข้าด้วยกัน แต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างดีก็ดันมาเกิดเรื่องที่ทำให้ทดลองต่อไม่ได้ไม่รู้ว่าเห็ดที่เขาผสมไว้ในตอนนั้นจะเป็นยังไงบ้างจะเติบโตขึ้นหรือว่าตายไปแล้วเพราะไม่มีใครให้สารอาหารอีกกันนะ…คำตอบของสิงหานั้นคงมีแต่สองคู่รักสุนัขกวางที่รู้ ถ้าถามว่าเห็ดที่สิงหาเพาะเลี้ยงนั้นเป็นอย่างไร… ทั้งคู่คงตะโกนเสียงดังกลับไปว่า‘ก็เป็นแบบนี้ไง!!’ก่อนหน้านี้ตุ่นและหงส์อยู่บริเวณทางเข้าก่อนลงไปชั้นใต้ดิน พอทีโอตัวปลอมหันคอกลับมา 180 องศา หญิงสาวก็รีบใช้พลังดันมันออกไปด้วยแรงดันน้ำ หวังจะให้มันปลิวออกไปพ้นตัวก่อนสามีอย่างตุ่นจะเป็นลมเพราะคิดว่าเป็นผีจริง ๆ แต่ใครจะไปคิดว่าการพ่นน้ำออกไปจะเป็นการทำให้พวกมันตื่นตัวกลายเป็นละอองแล้วตรงเข้ามาดูดซึมน้ำไปใช้ในการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทางเดินที่เคยเปิดโล่งก็กลายเป็นถ้ำเห็