“พวกเราพกอาหารมาแค่พอกิน คุณมีของตัวเองมาหรือเปล่า” โจเซฟไม่ได้อยากแสดงความแล้งน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ แต่พวกเขาเองก็ต้องกันอาหารไว้ให้เพื่อนร่วมทีมก่อน กับคนนอกอย่างไรก็ไม่ควรไว้ใจมากเกินไปนัก
“ไม่เป็นไรครับ ผมมี” ชายหนุ่มหยิบหัวแครอทกับปลากระป๋องออกมาจากกระเป๋า
นิโคลัสมองอาหารที่คนตรงหน้าหยิบออกมาด้วยหัวใจปวดหนึบ จินตนาการไปว่าเจ้าตัวคงหยิบฉวยทุกอย่างในขณะหนีหัวซุกหัวซุน พอได้แหล่งกบดานก็เริ่มออกสำรวจหาอาหารมากักตุน
“...” กว่าจะรู้ตัว ชายหนุ่มผู้มีใบหูกลมของหมีก็ยื่นขนมปังแข็งให้
“...” เฉินเฟิงมองก้อนขนมปังตรงหน้าตาปริบ ๆ สมองกำลังประมวลอย่างเร็วรี่ว่าเหตุใดแพทย์ทหารคนนี้จึงแบ่งอาหารมาให้ตน
ใจดี?
หรือแอบวางยา?
“!!!” ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังมีความคิดสวนไปคนละทาง ผู้เห็นเหตุการณ์เองก็อ้าปากตาค้างกับปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมทีม
‘หงส์ว่ามันทะแม่ง ๆ แล้วนะหัวหน้า’ หญิงสาวหันไปมองหัวหน้าอย่างช้า ๆ พลางหันไปพยักหน้าให้คนรักที่หันหน้ามามองเธออย่างอึ้งตะลึงไม่ต่างกัน
‘ผมว่าหมอนี่ต้องไปกินอะไรผิดสำแดงมาแน่’ ทีโอเองก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมนี้ของนิโคลัส เขาเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมตอนฝึก อีกฝ่ายมักมีท่าทีเย็นชาอยู่เสมอ ทั้งที่เป็นหมอแต่ดันชอบทำหน้าไม่รับแขก เวลาทำแผลก็ชอบทำสีหน้ารำคาญ ทุกคนบอกว่าเขาชอบทำหน้านิ่ง แต่พอเทียบกับนิโคลัสแล้วต้องบอกว่าเขายังเป็นมิตรมากกว่าอีก
อย่างน้อยวันหนึ่งก็พูดมากกว่า 10 คำ
แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น!
หรือเฉินเฟิงคนนี้มีพลังพิเศษบางอย่าง... จะว่าไปตั้งแต่พบกันก็ไม่เคยเห็นเจ้าตัวถอดฮู้ดออกสักครั้ง
“...” เฉินเฟิงที่อยู่ ๆ ก็โดนสงสัยว่ามีพิรุธแบบไม่รู้ตัว
“ขอบคุณครับ” เพราะไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เจ้ากระต่ายขาวจึงได้แต่เอื้อมมือรับขนมปังชิ้นนั้นมา ตั้งใจว่าจะกินทีหลัง แต่พอเงยหน้าเห็นสายตาคาดหวังก็รู้สึกกระอักกระอ่วน
‘หรือในขนมปังจะแอบวางยาจริง ๆ’
“กินเลย ๆ” มีคะยั้นคะยอด้วย
เพื่อนร่วมทีมกลอกตามองบน
โอเค พวกเขาคิดมากไป คนที่มีปัญหาไม่ใช่เฉินเฟิง แต่เป็นแพทย์ประจำทีมของพวกเขานี่แหละ หมอนี่เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา
หงส์ทนมองไม่ไหวเลยต้องเอ่ยปากปราม
“นิค แกทำตัวน่ากลัวมากรู้ตัวปะ เหมือนพวกตาแก่กำลังหลอกเด็กอะ” หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มเท้าคางมอง อยากให้อีกฝ่ายสังเกตหน้าคู่สนทนาเหลือเกิน
“คุณกลัวผมเหรอ”
“...” เพื่อนร่วมทีมและเฉินเฟิงที่พูดไม่ออก
“ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณกลัวนะ” แพทย์หนุ่มยกมือเกาหัวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี แสงโพล้เพล้จากด้านนอกทำให้ยังพอเห็นว่าแก้มและใบหูของชายหนุ่มเป็นสีแดง
“!!!” หรือว่า… บ้าน่า
ทั้งตุ่นและทีโอต่างหันขวับไปมองชายหนุ่มปริศนาที่พวกเขารู้เพียงชื่อ
อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่สวมฮู้ดสีเทาอยู่ตลอดเวลา ทำให้เห็นเพียงดวงตาสีแดงโดดเด่นคู่นั้นกับใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน รู้ว่าชื่อเฉินเฟิง มาสำรวจโรงงานน้ำตาลเพราะตัวเองอยู่อีกฝั่งของภูเขา
คุณหมออออ!!
จะไปตกหลุมรักเขาเพราะข้อมูลแค่นี้ไม่ได้นะ!!
เจ้ากระต่ายขาวลอบพรูลมหายใจออกเมื่อกินขนมปังเข้าไปแล้วไม่เป็นอะไร น่าเสียดายที่ความมืดเริ่มโรยตัวลงมาทำให้ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าแดงเป็นปื้นของคนให้ขนมปังเฉินเฟิงไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไร จะบอกว่าไม่กลัวเลยก็ไม่ใช่ พวกเขายังนับได้ว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน อีกทั้งเขายังตัวคนเดียว จึงต้องระมัดระวังตัวเพราะอีกฝ่ายมีจำนวนคนมากกว่าส่วนเรื่องที่เผลองับขนมปังเข้าปากไปนั่นก็เพราะสงสารหูกลม ๆ บนศีรษะที่ลู่ไปด้านหลังเล็กน้อย ราวกับผิดหวังที่เขาไม่รับความปรารถนาดีว่ากันตามระบบนิเวศแล้ว ต้องเป็นเขาที่กลัวไม่ใช่เหรอ“ก็กลัวนิดหน่อยมั้งครับ” เฉินเฟิงตอบไปตามความจริง เห็นเพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็ดูลุ้นกับคำตอบของเขาเช่นกัน“...” นิโคลัสเม้มปากอย่างทำอะไรไม่ถูก“เอ่อ อันที่จริงก็ไม่ได้กลัวมากเท่าไร” ชายหนุ่มเห็นคนตัวโตมีสีหน้าราวกับได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจก็รีบแก้คำตอบของตนเองให้เป็นกลางมากที่สุดแต่บรรยากาศก็ไม่ได้ดีเพิ่มขึ้นเลย“คือ เราเพิ่งรู้จักกัน อ่า... นี่ไงครับผมกินขนมปังคุณแล้ว” เฉินเฟิงหยิบขนมปังเจ้าปัญหาชิ้นเดิมขึ้นมาเคี้ยวอีกคำ กัดเข้าไปคำใหญ่จนแก้มตุ่ย“กินเนื้อด้วยสิ” นิโคลัสยื่นเ
“แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะคะ” หงส์แย้ง “ส่วนหนึ่งที่คุณหนีไม่ทันน่าจะเป็นเพราะซอมบี้ที่นี่เกิดการวิวัฒนาการ”“แต่มันเพิ่งเริ่มเดือนกว่าไม่ใช่เหรอครับ” วิวัฒนาการเร็วไปแล้ว“อันนี้เป็นสิ่งที่ฉันสังเกตจากที่เคยไปทำภารกิจมานะคะ” หญิงสาวทำหน้านึก “ยิ่งสถานที่ไหนมีคนเปลี่ยนเป็นซอมบี้มาก คุณคิดว่าพวกมันที่ไล่กัดกินเนื้อและมนุษย์จนหมดจะทำอย่างไรเมื่อไม่มีอาหาร” หงส์หรี่ตาพูดเสียงเรียบ ประกอบกับความมืดโรยตัวเข้ามาทำให้แสงสะท้อนจากตะเกียงบดบังซีกหน้าหญิงสาวไปหนึ่งด้าน ดูลึกลับราวกับกำลังนั่งเล่าเรื่องสยองขวัญในงานกิจกรรมของโรงเรียน“...” เฉินเฟิงเงียบรอฟังประโยคต่อมา“พวกมันจะกินกันเองค่ะ ยิ่งกินมากเท่าไร พวกมันก็จะยิ่งวิวัฒนาการมากขึ้นเท่านั้น”“...” เกิดความเงียบทันทีแล้วโรงงานแห่งนี้…เจ้ากระต่ายถึงกับขนลุกซู่ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันนี้ออกสำรวจคนเดียวและไม่ได้เจอกับกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้จะเป็นอย่างไร“แต่เปอร์เซ็นต์ที่ว่าก็ไม่ได้เยอะเท่าไรค่ะ ส่วนมากพวกมันจะไม่ค่อยกินกันเอง คล้ายกับว่าเป็นการคัดสรรอย่างหนึ่ง” มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งจึงจะดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อให้ตนอิ่มท้อง“ถ้าอย่างนั้นที่ผ
“แค่นั้นนอนได้เหรอ” หมีหหนุ่มค่อนข้างเป็นกังวล เจ้ากระต่ายไม่ได้เตรียมที่นอนหมอนมุ้งออกมา แค่นอนทับบนกระเป๋าที่แบกมาเท่านั้นเฉินเฟิงตั้งใจจะนอนในสภาพนี้ตั้งแต่แรก บ้านบนภูเขาไม่ได้มีเครื่องนอนมากมายนัก เขากลัวว่ามันจะทำให้พื้นที่ในกระเป๋าลดน้อยลง เวลาต้องการเก็บตุนสิ่งของจำเป็นจะทำได้ลำบากมีแค่ฮู้ดกับกางเกงขายาวก็พอแล้วฟากโจเซฟก็จนปัญญาจะให้ความช่วยเหลือ พวกเขาเป็นทหาร สิ่งที่ต้องพกติดตัวอยู่เสมอเวลาออกไปข้างนอกก็คือถุงนอนส่วนตัวของใครของมัน เป็นการยากที่จะชักชวนให้มาใช้ร่วมกัน ขืนนอนสองคนอัดกันถุงคงปริ“งั้นคุณนอนของผม” นิโคลัสยื่นถุงนอนของตนเองให้อย่างไม่ลังเล“เอ่อ ไม่ดีมั้งครับ แล้วคุณจะนอนยังไง” เฉินเฟิงส่ายศีรษะไม่เห็นด้วย ทั้งยังเกรงใจมาก ๆ คนคนนี้ช่วยเขาจากซอมบี้ แบ่งขนมปัง แล้วยังแบ่งถุงนอนด้วย ใจดีเกินไปไหม?“ผมต้องอยู่เฝ้าเวร คุณนอนไปก่อนเถอะ” นิโคลัสตอบอย่างไม่คิดมาก เขาได้เวรตั้งแต่ตอนนี้จนถึงสี่ทุ่ม ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรถ้าเขาจะนั่งพิงกำแพง“แต่ว่า…” มันเป็นของใช้ส่วนตัวของคนอื่น“ผมรับประกันว่าไม่มีลูกเล่นอะไรอยู่ในนั้น คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักไปเถอะ” นิโคลัสพย
นิโคลัสเองก็ไม่ใช่คนที่พูดคุยเก่งนัก มีลอบมองชายหนุ่มข้างกายบ้าง เหม่อมองไปข้างหน้าก็มี น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรืออยากให้เวลาเดินเร็วแต่อย่างใด เขากลับอยากให้มันเชื่องช้าลงสักวินาทีก็ยังดีจมูกที่ถูกวิวัฒนาการจนสามารถรับกลิ่นได้ดีสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ นอกจากกลิ่นหวานหอมของน้ำตาลแล้ว ยังมีอีกกลิ่นหนึ่งที่เขาเพิ่งสัมผัสได้หลังจากพบเจอกับอีกฝ่ายกลิ่นป่าเขา…อาจเป็นเพราะระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมามีแต่กลิ่นเหม็นของเนื้อเน่าลอยคละคลุ้งอยู่ทุกที่ ไหนจะการเอาตัวรอดของมนุษย์ที่ยังมีชีวิต การอาบน้ำที่เคยเป็นสิ่งจำเป็นในแต่ละวันจึงถูกลดทอนลงเพื่อประหยัดน้ำ บางคนเหม็นเปรี้ยวจนแทบไม่อยากเฉียดผ่านเป็นไปได้เขามักจะภาวนาขอให้มีภารกิจออกไปนอกเมืองมากกว่าอยู่ในค่าย ยังไม่อยากจมูกพังก่อนวัยอันควรหรอกนะและอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสะดุดตาก็คือดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นที่ราวกับอัญมณีเม็ดงามเขาตกหลุมรักเข้าอย่างจังสมัยไฮสกูลในประเทศ A เขาเคยมองพวกเพื่อนร่วมคลาสพูดถึงรักแรกพบกันอย่างโรแมนติก พร่ำเพ้อพรรณนาว่าแฟนสาวหรือแฟนหนุ่มที่ตนพบนั้นวิเศษมากเพียงใด จำได้ไม่ลืมด้วยว่าเขามองพวกมันด้วยสาย
“นั่นสินะครับ” เจ้ากระต่ายข่าวพยักหน้าเห็นด้วย หลังจากนี้ไปโลกคงไม่มีวันกลับไปปกติสุขเช่นทุกวันอีกแล้ว มีแต่ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่ให้ถึงวันพรุ่งนี้ให้ได้ใกล้หกโมงเช้า กลุ่มทหารรับจ้างทุกคนก็ตื่นจากนิทราแล้วแยกย้ายไปล้างหน้าล้างตาคนละมุมห้อง“วันนี้จะเข้าไปตรวจในโรงงานกันต่อ ถ้าเครื่องจักรยังใช้ได้คงต้องเคลียร์ซอมบี้ด้านในให้เรียบร้อย” จากนั้นก็แจ้งให้ทางฝั่งฐานพันธมิตรส่งคนมาควบคุมดูแลต่อ ส่วนรถบรรทุกที่นำมาด้วยจะขนเสบียงอาหารกลับไปด้วยบางส่วน เพื่อให้ฐานมีแจกจ่ายให้กับประชาชนธรรมดาที่สามารถทำงานแลกอาหารได้ แน่นอนว่าตรงนี้ก็จะมีส่วนแบ่งของพวกเขาด้วย“คุณเฉินจะเข้าไปด้วยกันหรือจะไปสำรวจที่อื่นต่อล่ะ” อธิบายให้คนในทีมฟังเสร็จก็หันไปถามสมาชิกพิเศษ ในระหว่างที่พูดคุยก็สำรวจว่าทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับออกไปด้านนอกหรือยัง เสียงซอมบี้นั้นเหลือไม่มากก็จริง แต่มันก็ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ไม่ได้ไปไหนไกล“ผมว่าจะไปดูโกดังปลากระป๋องถัดไปครับ” ก็คือพวกเขาคงต้องแยกทางกันตรงนี้ แต่ละคนล้วนมีหน้าที่ของตนเอง“โอเค ยินดีที่ได้พบคุณนะ” โจเซฟหันไปยิ้มให้ เขาไม่รู้ว่าคนที่ดูบอบบางนี้จะอยู่ได้นาน
“เชื่อเขาเลย” หงส์กลอกตามองเพดานโรงงานน้ำตาล เป็นไปได้เธอก็อยากจะกลอกให้มันทะลุออกมา จะได้ยืนยันว่านี่เป็นความจริง ไม่ใช่ความฝันว่าตอนนี้เพื่อนร่วมทีมเธอหนีตามผู้ชายไปแล้วจริง ๆ“เดี๋ยวหมอนั่นก็กลับมา” โจเซฟเช็กประตูโรงงานอีกครั้งว่าปิดสนิทดีแล้ว ทั้งยังให้ตุ่นหาตู้มาปิดทับไว้ก่อนป้องกันไม่ให้มีคนนอกเข้ามาก้าวก่ายการสำรวจ ส่วนซอมบี้ด้านหน้าโรงงานก็ถูกจัดการไปเพียงเล็กน้อย ฉวยจังหวะที่เหลือไม่มากรีบเข้ามาด้านในเก็บแรงได้ก็เก็บ ถ้าต้องฆ่าต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะมีตัวอื่นโผล่มาไม่จบสิ้น“ดูทรงแล้วน่าจะอยู่ยาวเลยมั้งคะนั่น” หลงเขาหัวปักหัวปำเธอเป็นเจ้าหญิงดิสxx หรือนิโคลัส“พวกเราก็แค่หาหมอใหม่” ตุ่นไม่ได้ซีเรียสกับการจากไปของแพทย์หนุ่มนัก วันสิ้นโลกทำให้รู้ว่าชีวิตมนุษย์นั้นสั้นยิ่งกว่าสั้น ถ้าไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้องและที่พักอาศัย เขาก็อยากจะอยู่กับภรรยาในบ้านหลังเดิมโดยที่ไม่ต้องออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันเหมือนกัน“หมอนั่นบอกว่าจะกลับมา” โจเซฟเอ่ย‘ผมไม่วางใจปล่อยให้เขาไปคนเดียว ขอผมอยู่กับเขาก่อน’ นี่คือประโยคสุดท้ายที่นิโคลัสพูดกับหัวหน้าอย่างโจเซฟก่อนจะพาเฉินเฟิงออกวิ่งไปอีกทาง“ไม่แน่ว่า
“ทำไมถึงตามผมมาละครับ” เฉินเฟิงถูกหมียักษ์พาหลบหลีกซอมบี้มาจนถึงหน้าทางเข้าโรงงานน้ำตาลที่พวกเขาอาศัยหลับนอนเมื่อคืน“จะไปโรงงานปลากระป๋องตรงนั้นใช่ไหม” นิโคลัสไม่ตอบคำถาม ใบหน้าหล่อเหลามองซ้ายมองขวา บริเวณนี้มีซอมบี้แรกเริ่มเดินโขยกเขยกไปมา“ครับ” เจ้ากระต่ายพยักหน้า“ไปที่นั่นก่อน... แล้วจะเล่าให้ฟัง” แพทย์หนุ่มต่อรอง“...” คนตัวเล็กกว่าเม้มปากชั่งใจ สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าให้มุมปากหยักกดลึกเห็นเป็นเส้นโค้ง‘แค่ยอมให้ไปด้วยต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วทีมของเจ้าตัวล่ะ’ เฉินเฟิงได้แต่กกกอดความสงสัยเอาไว้ก่อนชั่วคราว รอให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยกว่านี้ค่อยถามก็คงไม่สายสองหนุ่มพากันเดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ จนมาถึงหน้าโรงงานน้ำตาล มีบ้างที่เกิดการปะทะ แต่พวกมันล้วนเป็นซอมบี้ระยะแรกที่เดินไม่เร็วนักและการตอบสนองเชื่องช้าเหมือนกับซอมบี้ที่เห็นในหมู่บ้านที่จากมาซอมบี้วิวัฒนาการสามตัวที่เจอเมื่อวานนับว่าเป็นแจ็กพอตของเขาจริง ๆ‘ซวยแท้น้อ…’เดินไม่ถึงสิบนาทีนิโคลัสก็สามารถพาชายหนุ่มสวมฮู้ดมาจนถึงหน้าโรงงานปลากระป๋อง สภาพภายนอกนั้นเละเทะกว่าโรงงานน้ำตาลอยู่มากในส่วนของตัวโรงงานผลิตเหมือนจะถูกไฟไหม้
“ข้อแรก อย่าเหวี่ยงขวานออกไปจนสุดแรง ไม่อย่างนั้นถ้าถูกตลบหลังจะทำให้เปลี่ยนการเคลื่อนไหวไม่ทัน ควรใส่แรงลงไปแค่ 40%” อธิบายเสร็จก็ไปลากซอมบี้มาเป็นหนูทดลองอีกหนึ่งตัว แพทย์หนุ่มใช้เชือกที่เฉินเฟิงเตรียมมาพันรอบคอซอมบี้ไว้ไม่ให้กระโจนไปหาลูกศิษย์ทีเผลอ ส่วนสายตาก็สอดส่องรอบข้างอยู่ตลอดเวลา “แล้วก็อย่าโถมไปข้างหน้าเวลาฟันลงมา อาจทำให้เสียหลักได้”“...” เฉินเฟิงเม้มปากแน่น มือทั้งสองข้างจับด้ามขวานแน่“เหวี่ยงจากบนลงล่าง ถ้ามันยังไม่ตายก็ค่อยกลับสันขวานแล้วเหวี่ยงขึ้นอีกที”เจ้ากระต่ายจินตนาการภาพในสมองครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ครูฝึกปล่อยซอมบี้มาใกล้เขาได้นิโคลัสผ่อนแรงกำเชือกเล็กน้อย ซอมบี้พลันถลันตัวไปหาเฉินเฟิงแทบจะทันทีซอมบี้ที่ถูกหยิบยกมาเป็นเหยื่อพยายามตะเกียกตะกายมาทางชายหนุ่มหูกระต่ายมันได้กลิ่น... ได้กลิ่นอาหาร!เฉินเฟิงกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ในหัวพลันนึกถึงซอมบี้ตัวแรกที่เขาฆ่าไปเมื่อวาน คนคนนั้นก็เหมือนกับคนตรงหน้า สวมใส่ชุดพนักงานของโรงงานอุตสาหกรรมด้านหลัง เคยมีชีวิตและสังคมเป็นของตนเอง แต่มาวันนี้กลับกลายเป็นผีดิบไร้จิตวิญญาณ ได้แต่กัดกินสิ่งมีชีวิตด้วยกันประทัง
“ฮึบ” ทีโอผลักพัดลมใบมีดสีส้มอมแดง ยามที่มันหมุนคว้างอยู่กลางอากาศก็มีเปลวไฟลุกโหมขึ้นมาต้นเห็ดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ต่างโดนตัดเฉือนพร้อมกับเผาทำลายไปในคราวเดียวกัน เส้นทางด้านหน้าและด้านหลังที่เคยถูกปิดล้อมต่างก็กลายเป็นทะเลเพลิงขนาดย่อมในพริบตาเดียว“รีบไปกันเลยครับ” หากยังมีพลังเพียงขั้นแรกท่าไม้ตายนี้คงไม่มีทางสำเร็จ การใช้พลังในรูปแบบนี้ต้องใช้ทั้งสมาธิและพลังงานพอสมควร หลังจากเคลียร์ทางเดินได้ บนใบหน้าของทีโอจึงปรากฏเหงื่อไหลซึมออกมาหมดพลังไปเกือบครึ่ง!ถ้าไม่ใช่ว่าต้องใส่หน้ากากกันแก๊สตลอดเวลา เขาคงหยิบคริสตัลซอมบี้สีใสมากินเพิ่มพลังว่ากันตามจริง เห็ดพวกนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยหากมีการเตรียมพร้อมที่ดีพอ ที่น่ากลัวกว่ากลับเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยให้ใช้พลังอย่างเต็มที่ ลองเปลี่ยนเป็นสัตว์กลายพันธุ์หรือต้นจามจุรียักษ์ครั้งก่อนไม่แน่ว่าผลลัพธ์อาจไม่เป็นเช่นนี้“ถึงแล้ว!!” เฉินเฟิงดีใจมาก ในที่สุดก็มาถึงชั้นหนึ่งเสียที ไม่ต้องสูดดมควันอีกต่อไปแล้วแซ่ก ๆ ๆ“กัดไม่ปล่อยเลยนะ” เฉินเฟิงกัดฟัน ตอนนี้ทางเดินด้านหลังเต็มไปด้วยสปอร์เห็ดจำนวนมหาศาล เห็ดบางต้นยอมตายเพื่อที่จะผลิตสปอร์ให้ได้
ดังนั้นการเดินทางกลับขึ้นไปยังชั้นบนจึงมีเฉินเฟิงเดินนำ คอยกรุยทางและปรับอากาศให้ ลำดับต่อมาจึงเป็นทีโอ และนิโคลัสปิดท้าย ซึ่งทีโอที่สภาพร่างกายไม่ค่อยดีนักพยายามเดินตามคุณเชฟกระต่ายให้ทัน กลัวว่าถ้าคลาดกันแล้วอาจจะโดนภาพลวงตาเล่นงานอีกรอบยอมรับว่าในเวลาที่เหงา เขามักย้อนคิดไปถึงวันที่ปกติสุขดี ทำไมตอนนั้นเขาไม่ทำดีกับหมอนั่นให้มากหน่อยนะ เอาแต่เฮฮาปาร์ตี้ไปเรื่อยจนอีกคนคิดว่าเขาเป็นพวกคาสโนว่าทั้งที่ไม่ใช่เลยสักนิดคนที่เขาชอบคือเลวี่...รูมเมตขี้บ่นที่บ่นได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบถึงจะแค่แอบชอบก็เถอะ…แต่เขาก็ให้ใจกับเลวี่ไปมากจริง ๆ การที่ต้องเห็นอีกคนโดนซอมบี้กัดต่อหน้าต่อตาโดยที่ตัวเองไม่สามารถเอื้อมมือไปคว้าไว้ได้ทันเป็นเรื่องที่ปวดใจเขามากที่สุดหลังจากกลุ่มทหารพามาถึงค่ายพันธมิตร เขาพร่ำโทษตัวเองที่ยังมีชีวิตรอด เพราะเขาทำอีกคนหลุดมือก่อนเฮลิคอปเตอร์ช่วยเหลือจะมาถึงเป็นเพราะเขา… เพราะเขาทั้งนั้น!แม้แต่พ่อแม่ก็ช่วยไว้ไม่ได้…ทีโออยากปลิดชีวิตตนเอง แต่พลังพิเศษดันตื่นขึ้นมา เขาจึงกลายเป็นบุคลากรที่สำคัญยิ่งต่อการอยู่รอดของมนุษยชาติ ตัวเขาที่ไม่มีสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยวอีกจึงตกล
เอ๊ะทำไมมันร้อน…“โอ้โห ไข้สูงเท่าไรวะเนี่ยมือกูจะพองแล้ว” เลวี่ผละออกไปมือขาวสะบัดไปมาในอากาศนั่นสิ…ทำไมมันร้อนแบบนี้ ร้อนมาก ๆ ด้วย ร้อน…“ร้อน!!!”เฮือก!ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้างมองซ้ายมองขวาอย่างงุนงง รอบด้านถูกปิดกั้นจนมองไม่เห็นสภาพแวดล้อมภายนอก คล้ายว่าตนเองกำลังอยู่ในกล่องเหล็กกล่องเหล็ก!จริงด้วย!! ก่อนหน้านี้เขาถูกฝุ่นละอองอะไรก็ไม่รู้โจมตีเข้ามา ในช่วงเวลาที่ใกล้จะหมดสติเขาใช้ลูกเหล็กที่พกติดตัวปิดผนึกฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ไว้ก่อน จากนั้นก็สร้างใบมีดเหล็กขึ้นมาพัดพวกมันให้ออกไป แต่ยิ่งพัดมันก็ยิ่งหมุนวนเข้ามาใกล้ทุกที สุดท้ายจึงสร้างกล่องเหล็กครอบคลุมตัวเองแล้วก็หมดสติ…“อึก” ทีโอเบ้หน้า อากาศที่มีใกล้จะหมดเต็มทน แถมแผ่นหลังที่พิงกับกล่องเหล็กอยู่ก็เริ่มร้อนลวกผิว ชายหนุ่มจำต้องปลดกำแพงเหล็กด้านหลังออก ไม่อย่างนั้นได้กลายเป็นไก่อบฟางในอีกไม่นานแน่ทันทีที่กำแพงด้านหลังถูกเปิดออก เป็นจังหวะเดียวกับที่นิโคลัสเผากองเห็ดเกือบหมดแล้ว เฉินเฟิงที่ได้ยินเสียงกุกกักจากในนั้นมาสักพักก็ไม่รอช้า รีบคว้าตัวทีโอให้มาอยู่ฝั่งเดียวกับตนพร้อมกับตรวจเช็กว่าอีกฝ่ายได้สวมหน้ากากกันแก๊ส
“ไม่ใช่หรอก” นิโคลัสส่ายหน้า “ดูตรงนี้สิ” พลางชี้ให้เห็นตรงทางเดินมีกล่องเหล็กอีกหนึ่งกล่องถูกวางตั้งอยู่ ดูจากลักษณะภายนอกแล้วคล้ายคลึงกับกล่องเหล็กที่เฉินเฟิงเคยขอให้ทีโอทำในตอนที่นำเนื้อวัวลงไปแช่ในน้ำตก“งั้นนี่ก็เป็น…” ทีโองั้นเหรอเฉินเฟิงมองกองเห็ดที่เกาะอยู่บนอะไรสักอย่างจนมีขนาดใหญ่ มันขวางทางเดินไว้เหมือนภูเขาขนาดย่อมจนไม่สามารถผ่านไปได้ ในสมองพลันนึกถึงสิ่งที่ตุ่นและหงส์พบเจอถ้าหากว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้คือทีโอ…“จะเผาแล้วนะ” นิโคลัสให้สัญญาณ เฉินเฟิงจึงนำต้นลิ้นมังกรจุ่มลงไปในกระติกน้ำ แล้วเร่งให้มันดูดควันพิษเหล่านี้ออกไป ต้องขอบคุณเจ้าตัวแสบที่หยิบสิ่งนี้มาให้ ไม่อย่างนั้นหน้ากากกันแก๊สคงกรองฝุ่นควันไม่ไหวนิโคลัสเผาภูเขาเห็ดตรงหน้าอย่างระมัดระวัง พอไหม้ไปได้ระยะหนึ่ง บางส่วนที่อยู่ใต้กองเห็ดก็เผยออกมาให้เห็น“เหล็ก!” นั่นก็หมายความว่า!!พรึบ!นิโคลัสเร่งไฟให้รุนแรงขึ้น เห็ดที่เคยไหม้อย่างช้า ๆ ก็พลันอันตรธานหายไปในเวลาไม่นาน...“โอ…” เสียงอะไร“ทีโอ…” ใครกำลังเรียกเขา“ทีโอ!!”เฮือกดวงตาคมเบิกกว้างก่อนยันตัวมองซ้ายมองขวาที่นี่มัน…“ตื่นสักทีนะไอ้บ้า” ชาย
“ขอพาเจ้าพวกนี้ไปที่ค่ายก่อนนะ” โจเซฟให้เฉินเฟิงช่วยกันวางร่างของหงส์และตุ่นลงกระบะหลังรถ “ถ้าเจอทีโอก็รีบพากลับไปที่ค่ายต่อได้เลย” ชายหนุ่มว่าพลางกระโดดขึ้นฝั่งคนขับสตาร์ตรถได้ก็ขับออกไปทันทีชายหนุ่มต้องแข่งกับเวลา จากที่นี่ถึงค่ายพันธมิตรมีระยะห่างประมาณ 10 กิโลเมตร ถ้าขับเร็ว ๆ จะทำเวลาอยู่ที่ 15 นาที ต้องรีบพาสองคนนี้ไปส่งให้ถึงมือหมอให้เร็วที่สุด ถึงนิโคลัสจะเป็นหมอ แต่อีกฝ่ายกำลังติดพันอยู่ในชั้นใต้ดิน เขาที่เป็นหัวหน้าไม่ควรรออยู่เฉย ๆอีกทั้งที่ค่ายก็มีเครื่องมือแพทย์และยาปฏิชีวนะที่น่าจะช่วยชีวิตทั้งสองคนได้ถ้ามีซอมบี้ขวางทางพ่อจะชนไม่เลี้ยงเลย!!เฉินเฟิงเห็นโจเซฟขับรถออกไปก็พาตนเองกลับเข้าไปในอาคารเพื่อช่วยนิโคลัสตามหาทีโอต่อ ไม่รู้อีกฝ่ายเป็นตายร้ายดีอย่างไรมังคุดเห็นมนุษย์สองคนกลับออกมามีสภาพไม่สู้ดีนักก็ร้องเสียงแหลม พยายามจะเข้าประตูตามเจ้านายไปด้วย ข้างในนั้นมีอะไรทำไมทุกคนถึงออกมามีสภาพเป็นแบบนั้นไปได้งี้ด (มังคุดจะไปด้วย)แค่คิดว่าเจ้านายของมันจะกลายเป็นอย่างสองคนนั้นหากเข้าไปอีก เจ้าตัวยักษ์ก็ใจไม่ดีเอาเสียเลย รีบเดินไปรั้งชายเสื้อของเฉินเฟิงไว้แน่น“ไปไม่ได้ มัง
“เป็นแบบนี้แล้ว… พวกนั้นคงอยู่ที่นี่แน่” โจเซฟฟันธง ความคิดของพืชและสัตว์บางครั้งก็เรียบง่าย สิ่งที่พวกมันอยากปกป้องหวงแหนจะได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ประหนึ่งราชินีผึ้งที่อาศัยอยู่ในรังท่ามกลางบริวารอีกหลายพันตัว“ไปกันเถอะ” นิโคลัสเรียกลูกไฟออกมาเผาเห็ดยักษ์ตรงหน้า แต่เมื่อเผาหมดไปต้นหนึ่ง ก็มีต้นอื่นงอกขึ้นมาแทนที่ทันที“...” เฉินเฟิงหรี่ตามอง“อาเฟิง” นิโคลัสคิดจะลองเผามันอีกครั้งเป็นต้องชะงัก เมื่อคนรักแตะบ่าขอให้เขาหลบไป“พอดีเห็นว่ามันเป็นพืชน่ะครับ” เลยอยากลองดูว่าใครจะควบคุมใครได้กันแน่ คราวต้นจามจุรีเฉินเฟิงเองก็มีความคิดนี้อยู่ในหัว แต่เพราะถูกโจมตีจนแทบจะไม่มีจังหวะให้พักหายใจ เรื่องลองใช้พลังควบคุมอะไรนั่นลืมไปได้เลย แค่หลบหลีกและโจมตีกลับก็เต็มกลืนแล้วแต่เห็ดที่อยู่นิ่ง ๆ นี่ก็น่าทดสอบดูไม่ใช่หรือ?พลังการควบคุมของเขากับเห็ดพวกนี้ใครจะเหนือกว่ากัน!ถ้าทำสำเร็จจะได้ไม่ต้องทนสูดดมควันไฟด้วย… จะหายใจไม่ออกแล้ว!“ถ้าไม่ไหวต้องรีบถอนตัวกลับมานะ” นิโคลัสไม่มั่นใจในเรื่องนี้เท่าไร พลังของเขาคือการควบคุมเปลวไฟที่ไม่มีความนึกคิด แต่เจ้ากระต่ายกลับแตกต่างออกไป ต้นไม้เองก็เป็นสิ
“เห็ดบางชนิดแค่สูดดมสปอร์เข้าไปก็เป็นอันตรายแล้วครับ” นิโคลัสอธิบาย ดีที่เขาให้ทุกคนสวมใส่หน้ากากกันแก๊สก่อน ฝ่ามือหนาถอดถุงมือออกข้างหนึ่ง ลูกบอลไฟขนาดเท่าไข่ไก่หลายลูกหมุนวนอยู่บนฝ่ามือของชายหนุ่ม แสงไฟเต้นระริกในความมืด ดูคล้ายมัจจุราชกำลังเริงระบำถ้ามองไม่ผิดเฉินเฟิงเหมือนเห็นหมวกเห็ดกำลังสั่น ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือเป็นเพราะแสงสะท้อนจากลูกบอลไฟของคนรัก“ฮึบ” นิโคลัสปาลูกบอลไฟใส่ผนังและพื้น เผาทำลายทางเดินเห็ดจนมอดไหม้เป็นจุณ ชายหนุ่มควบคุมไฟไม่ให้มันรุนแรงจนกลายเป็นย่างสดคนไปจนหมด เดินนำไปเรื่อย ๆ จนมาถึงห้องที่มีการติดตั้งซูเปอร์คอมพิวเตอร์“ตรงนั้นมีเครื่องคอมพ์วางไว้ด้วยครับ” ตรงมุมหนึ่งของทางเดินมีเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมสายถูกถอดมาวางไว้บนทางเดินที่มีเห็ดขึ้นเต็มไปหมด“น่าจะเป็นสามคนนั้นแหละที่ถอดมาวางไว้”‘แล้วหายไปไหนกันนะ’ โจเซฟขมวดคิ้วคิดหนัก“ทีโอบอกว่านอกจากที่นี่่จะมีห้องใต้ดินตามแปลนที่เราได้มา แถมน่าจะมีห้องเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ลึกลงไปอีก เป็นไปได้ไหมว่าสามคนนั้นจะอยู่ที่นั่น” นิโคลัสนึกถึงการประชุมก่อนปฏิบัติภารกิจเมื่อเช้า“เป็นไปได้สูงทีเดียว” นิโคลัส“ใช่ทางนั้นหรือเปล่
“มีเสียงจากด้านบน” ใบหูสี่เหลี่ยมกระดุกกระดิกสองสามครั้ง“ในที่สุดพวกนั้นก็จัดการกับสัตว์ประหลาดด้านนอกได้แล้วสินะ” หงส์โล่งใจ อย่างน้อยก็คงไม่มีใครเป็นอะไร“ถ้าตะโกนออกไปตอนนี้พวกนั้นจะได้ยินหรือเปล่านะ” ตุ่นเอ่ยน้ำเสียงอ่อนแรง สติของเขาเหลือไม่มาก ในสภาพที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพูด การขอความช่วยเหลือจึงเป็นความหวังเดียวที่พวกเขาจะรอดออกไปได้ แต่ถ้าพวกเขาสองคนอยู่ชั้นใต้ดินก็ลำบากแล้ว ถึงจะหูดีแต่ชั้นใต้ดินของที่นี่ก็ลึกไม่ใช่เล่นน่ากลัวว่าเสียงอาจจะส่งไปไม่ถึง …“เงียบเกินไปหรือเปล่าครับ” เฉินเฟิงเอียงหูฟัง เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสักนิด“อาจอยู่ชั้นใต้ดินกันละมั้ง” โจเซฟคาดเดา เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ศึกษาแปลนอาคารนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง“งั้นลองลงไปสำรวจกันเลยไหมครับ” ไหน ๆ ก็ไม่ได้ยินเสียงจากด้านบนนี่นา “มีกลิ่นอับชื้นในอากาศด้วย” เจ้ากระต่ายสูดดมทำจมูกยุกยิก“หรือหงส์จะใช้พลัง?” หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างคาดเดางี้ด“มังคุด รออยู่ด้านนอกสิ” เฉินเฟิงดันจมูกของเจ้าตัวโตออกจากบานประตูประตูที่นี่ก็บานใหญ่นะ… ทว่าพุงมังคุดใหญ่กว่า“คอยระวังอย่าให้พวกมันบุกเข้าไปในตึกไง” คนเป็นเจ้านายปลอ
“ใช่ครับ ถ้าเป็นเจ้าสิ่งนั้นอาจจะทำให้คริสตัลระดับ 2 เกิดปฏิกิริยาก็เป็นได้” พวกเขาลองใช้ของใกล้ตัวหลากหลายชนิดที่พอหาได้มาทำการทดลองแล้ว ส่วนเห็ดที่พูดถึงยังไม่เคยลองสักครั้ง“อาจจะได้และอาจจะไม่ได้” ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่สิงหารู้ดีว่าในระหว่างการทดลอง เขาได้แอบผสมสปอร์เห็ดพิษหลากหลายชนิดเข้าด้วยกัน แต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างดีก็ดันมาเกิดเรื่องที่ทำให้ทดลองต่อไม่ได้ไม่รู้ว่าเห็ดที่เขาผสมไว้ในตอนนั้นจะเป็นยังไงบ้างจะเติบโตขึ้นหรือว่าตายไปแล้วเพราะไม่มีใครให้สารอาหารอีกกันนะ…คำตอบของสิงหานั้นคงมีแต่สองคู่รักสุนัขกวางที่รู้ ถ้าถามว่าเห็ดที่สิงหาเพาะเลี้ยงนั้นเป็นอย่างไร… ทั้งคู่คงตะโกนเสียงดังกลับไปว่า‘ก็เป็นแบบนี้ไง!!’ก่อนหน้านี้ตุ่นและหงส์อยู่บริเวณทางเข้าก่อนลงไปชั้นใต้ดิน พอทีโอตัวปลอมหันคอกลับมา 180 องศา หญิงสาวก็รีบใช้พลังดันมันออกไปด้วยแรงดันน้ำ หวังจะให้มันปลิวออกไปพ้นตัวก่อนสามีอย่างตุ่นจะเป็นลมเพราะคิดว่าเป็นผีจริง ๆ แต่ใครจะไปคิดว่าการพ่นน้ำออกไปจะเป็นการทำให้พวกมันตื่นตัวกลายเป็นละอองแล้วตรงเข้ามาดูดซึมน้ำไปใช้ในการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทางเดินที่เคยเปิดโล่งก็กลายเป็นถ้ำเห็