พูดจบก็เอื้อมมือปิดปุ่มกระจายเสียง สวมฮู้ดคลุมหัวแล้วเดินมุ่งหน้าออกไปทางประตูหน้าของโรงเรียน ไม่สนใจเสียงร่ำไห้ โหยหวน ก่นด่าตามหลัง
“เริ่มจากตรงไหนก่อนดีนะ อุบัติเหตุผ่านมา 3 เดือน เกรงว่าร่องรอยให้ตามต่อน่าจะยากเต็มที” 3 เดือนที่แล้ว หลี่เหม่ยถิงประสบอุบัติเหตุรถชนขณะกำลังนั่งรถแท็กซี่เพื่อไปยังสนามบินไท่หยวน เหตุเกิดบนถนนใกล้กับทะเลสาบจินหยวน คนขับรถแท็กซี่บาดเจ็บพอประมาณ ขาหัก กระดูกแขนร้าว ส่วนตัวเธอที่นั่งอยู่เบาะหลังบาดเจ็บไม่ได้สตินอนโคม่าเกือบเดือน คนขับรถมาชนพวกเธอมอบตัวในที่เกิดเหตุ สาเหตุคือรถมีปัญหาเบรคแตกควบคุมรถไม่ได้ ตอนนี้เขาติดคุกอยู่ในเรือนจำรับโทษนาน 5 ปี คดีถึงชั้นศาล ตัดสินอย่างรวดเร็ว และปิดคดีอย่างง่ายดาย “ชีวิตของเธอมันราคาถูกเสียจริง ทุกสิ่งถูกติงหรูอี้จัดการให้ผ่านไปง่าย ๆ” แค่นเสียงพูดใส่ตัวเอง จดบัญชีที่ต้องชำระความไว้ในเซลล์สมอง ตอนนี้เธอเป็นเพียงผู้เยาว์มือเธอไม่สามารถยื่นยาวไปได้ไกล ไร้เส้นสายไร้อำนาจ แต่จะให้ปล่อยผ่านเธอกลับไม่ยินยอม “หลี่เหม่ยถิง เธอมันเก่งได้แค่ในรั้วโรงเรียนเล็ก ๆ โลกความเป็นจริงนี้ เธอทำสิ่งใดได้บ้าง ตอนนี้เงินและทรัพย์สินล้วนมาจากตระกูลหลี่” ความรู้สึกไร้พลังอาบไล้ไปทั่วตัว ใช้เวลาไปครู่ใหญ่กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ รถโดยสารเข้าไปยังย่านการค้าผ่านมาพอดี เด็กสาวในชุดออกกำลังกายมีฮู้ดก้าวขึ้นไปนั่งที่นั่งด้านท้ายรถ ตรงนี้สามารถมองเห็นผู้โดยสารได้ทั้งคัน ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด นิ้วมือน้อย ๆ รัวกดลงบนแป้นโทรศัพท์มือถือ ส่งข้อความหาคนติดต่อใช้งานกันมานาน ‘3 โมงเย็น ซอยข้างบ้านร้างที่เก่า‘ ลงจากรถโดยสารหลี่เหม่ยถิงก็เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังธนาคาร ล้วงหยิบสมุดบัญชี บัตรประจำตัวและบัตรเครดิตจำกัดวงเงินออกมา “เบิกเงินสดในบัตรนี้ 200,000 หยวน แล้วใส่ในบัญชีนี้ค่ะ” บัตรเครดิตนี้เป็นบัตรเสริมที่พ่อเปิดให้เธอ แต่แทบไม่ได้นำออกมาใช้จ่ายส่วนตัว หากมีการใช้งานก็จะมีแจ้งเตือนไปยังมือถือส่วนตัวของพ่อ กริ๊งงงง กริ๊งงงง ไม่นานหลังจากมีการเบิกเงินสดเป็นเงินมากขนาดนี้ เสียงมือถือก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ที่บันทึกชื่อว่า ‘คุณพ่อ’ โชคดีที่อยู่ในเขตชุมชนสัญญาณโทรศัพท์จึงชัดเจนติดต่อง่าย “คุณพ่อคะ” “ถิงเออร์ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก มีปัญหาอะไรไหม” เสียงอบอุ่นเจือความอ่อนล้า พ่วงด้วยความตกใจและรีบเร่งแว่วมาทางลำโพง ไม่มีคำกล่าวโทษมีแต่ความห่วงใยส่งผ่านมา “ไม่มีอะไรค่ะพ่อ หนูแค่อยากเก็บเงินเลยเบิกจากบัตรเครดิตมาใส่สมุดบัญชีเงินฝาก พอจบมอปลายลูกสาวพ่อก็เป็นเศรษฐีตัวน้อยแล้ว” หลี่เหม่ยถิงรีบตอบบิดารวดเดียว พ่วงด้วยประโยคเย้าตอนท้ายเพื่อให้คุณพ่อสบายใจและใจเย็นลง ไม่อย่างนั้นถ้าปล่อยให้กังวลจะเป็นผลเสียกับอาการป่วยของท่านเอาได้ คุณพ่อป่วยด้วยโรคภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวาย จะทำให้ท่านวิตกกังวลหรือเครียดไม่ได้ ติงหรูอี้ไม่ยอมบอกข่าวเรื่องอาการของเธอที่นอนโคม่าก็พอเข้าใจได้ แต่ถึงขั้นปกปิดเก็บงำเรื่องอุบัติเหตุไปเลย มันชวนให้สงสัยว่า ‘มีเงื่อนงำอะไรปิดบังไว้หรือเปล่า’ และเธอต้องสืบรู้ให้ได้ ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม “ถิงเออร์ยังอยู่หรือเปล่าลูก” “อยู่ค่ะคุณพ่อ หนูเดินหาจุดที่สัญญาณโทรศัพท์แรงค่ะ เมื่อกี้นึกว่าสายหลุดเหมือนกันค่ะ” “กินข้าวหรือยังลูก อย่าทำงานหนักจนลืมพักผ่อนนะ วันที่ลูกมาเยี่ยมพ่อลูกผอมลงไปมากหน้าตาก็ซีดเซียว เรื่องเรียนไม่ต้องเครียดมากก็ได้ มหาวิทยาลัยเลือกเรียนอยู่ใกล้บ้านเราก็ได้นะลูก” เสียงพร่ำบ่นไม่ได้น่ารำคาญในความคิดของเธอ แต่มันกลับเรียกน้ำตาคลอเคลียจะหยาดหยด ฮึก อึก… หลี่เหม่ยถิงยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นแผ่วในลำคอ เธอมัวแต่โหยหาความรักจากแม่ อยากสัมผัสชีวิตครอบครัวสมบูรณ์พร้อม ทั้งที่ความรักจากพ่อเพียงคนเดียวก็ถมช่องว่างในใจได้ “พ่อคะ ถิงเออร์รักพ่อนะคะ” ไหล่เล็กเกร็งสั่นเทา วางสายแล้วเร่งฝีเท้าก้าวถี่รีบหลบเข้าไปทางตรอกข้างร้านกาแฟ หลับตาพิงไหล่กับผนังอิฐปล่อยน้ำตาไหลให้กับความรู้สึกที่กำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต อาการป่วยของคุณพ่อไร้หนทางรักษา เธอคิดถูกหรือเปล่าที่ปลีกตัวมาอยู่ที่นี่ ไม่ยอมกลับไปดูแลคุณพ่อ ใช้ชีวิต 2 ปีสุดท้ายที่เหลือของท่านอย่างใกล้ชิด แต่ถ้ากลับไป ‘ติงหรูอี้’ จะเป็นอุปสรรคใหญ่ที่เธอต้องรับมือ แม้เธอคิดว่าเอาตัวรอดได้ถึงหนทางจะไม่ราบรื่นเท่ากับการอยู่นอกสายตาและอิทธิพลของนาง ในเมื่อตัดสินใจแล้ว เธอไม่ควรมาลังเล อะไรที่ควรทำเธอต้องทำให้สำเร็จลุล่วง กลับไปเจอกันครั้งหน้า หึ! ติงหรูอี้! บุญคุณที่สอนสั่งฉันจะตอบแทนให้สาสมแน่นอน 15 นาทีต่อมา บ้านร้างทางทิศตะวันตกของย่านการค้าใกล้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไท่หยวน “พี่สาวหลี่” เสียงแหบของเด็กชายที่กำลังแตกเพราะฮอร์โมนร้องเรียกก่อนเจ้าตัวจะเดินหันมองรอบด้านแล้วเข้ามาหา “เสี่ยวโกว พี่มีเรื่องให้ช่วย” หลี่เหม่ยถิงพยักหน้ารับคำเด็กชาย เธอยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ ร่างสูงโย่งแขนขาผอมยาวก็เดินเข้ามาประชิดตัว “มีคนเดินสะกดรอยตามพี่สาวตั้งแต่ลงจากรถโดยสาร ผมให้เสี่ยวต้านนั่งสังเกตการณ์อยู่ คนอื่นกระจายกันอยู่ห่างออกไป” ดวงตาดอกท้อหรี่แคบลงส่อประกายเย็นชา ‘ใครใช้ให้คนตามดูเธอ? ไม่น่าใช่ติงหรูอี้ พวกลูกคุณหนูทั้งหลายในโรงเรียนก็ไม่น่าจะใช่ ถึงเธอจะใช้จุดอ่อนมาควบคุมคนพวกนั้น แต่ยังไม่ถึงขั้นทำให้ใครแค้นเคืองจนต้องส่งคนมาเล่นงาน’ “ลักษณะท่าทางเป็นยังไง” หลี่เหม่ยถิงล้วงหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋า พยักเพยิดให้เสี่ยวโกวยื่นมือมารับไป ทั้งสองคนก็ขยับเข้าใกล้ก้มลงมองของในมือ เป็นลูกอมรสมินต์เม็ดหนึ่ง ทำเหมือนกำลังตกลงอะไรกันสักอย่างได้แล้วเดินตามกันออกไปด้านหลังบ้านร้างมีเสี่ยวโกวนำหน้า “โว้ว แม่หนูที่ท่านประธานสั่งให้คุ้มครองใช้ได้เลยนะเนี่ย รู้จักกับเด็กที่ทำงานสารพัดอย่างอย่างเสี่ยวโกวด้วย” ชายหนุ่มวัยต้น 30 หน้ากลมดูธรรมดา เหมือนพบเจอได้ตามถนนหนทางแบบไม่เป็นจุดสังเกต ชุดที่ใส่ก็เป็นชุดเรียบง่ายอย่างเชิ้ตทรงหลวมกับกางเกงขายาวสีเทา เขาไม่รู้ตัวว่าภารกิจกินหมู แบบให้ตามคุ้มครองเด็กสาวคนหนึ่งจะความแตกตั้งแต่วันแรก พอทั้งเด็กสาวและเด็กชายนามเสี่ยวโกวเดินออกไป เขายังคงไม่ตามออกไปทันที แต่เฝ้ารออยู่สักพักจนแน่ใจแล้วจึงเดินตามหลังไปแบบเว้นระยะห่าง ท่าทางการเดินเหมือนแค่คนเดินถนนปกติ “ใครส่งนายมา” เสียงใสนิ่งเอ่ยจากทางด้านหลัง พร้อมสัมผัสของวัตถุโลหะแตะตรงกลางกระดูกสันหลังช่วงเอว หวางอู๋ซวน ไม่ได้มีท่าทางตื่นตกใจหรือระวังตัวอะไรมากหลังถูกเจอตัว เพราะเสียงพูดคือเป้าหมายการติดตามและคุ้มครองของเขา เพียงแค่หงุดหงิดตัวเองเล็กน้อยที่ดันประมาทเหล่าเด็กน้อยตามท้องถนนของพวกเสี่ยวโกวเสียได้ แสดงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กสาวและเด็กชายติดต่อกัน เขาคงโดนจับตาตั้งแต่ตามเธอในเขตชุมชนเป็นแน่ มือหนาอวบสีรวงข้าวยกขึ้นเสมอไหล่ หันใบหน้ายิ้มแฉ่งจนปากแทบฉีกไปด้านหลัง “ใจเย็นกันสักหน่อยครับเด็ก ๆ ผมไม่ได้มาร้ายอะไร” เหล็กเส้นที่เด็กเสี่ยวโกวถือจ่อ เขาจะปัดออกก็ง่ายดาย พวกเด็กรับงานข้างถนนพวกนี้ต่อให้พอมีฝีมือก็ไม่ใช่คู่มือของคนที่ฝึกการต่อสู้มาแบบเขา “พี่สาวอย่าไปเชื่อ คนดี ๆ ที่ไหนจะเดินตามหญิงสาวออกมาในที่เปลี่ยว ผมว่าลุงนี่ถ้าไม่ใช่พวกค้ามนุษย์ ก็มีเจตนาร้ายแน่” “ต้องการอะไรจากฉัน” “ผมได้รับมอบหมายจากเจ้านายให้มาติดตามคุณหนูครับ ไม่ได้มีเจตนาร้ายจริง ๆ” แทนที่เด็กสาวจะมีทีท่าอ่อนลง หรือแสดงท่าทางเขินอายแบบที่ควรจะเป็น เมื่อมีผู้ชายแบบเจ้านายเขามาสนใจ บรรยากาศกลับเย็นชาขึ้น ท่าทางจะโกรธเข้าให้แล้ว “มีสิทธิอะไรให้คนมาตามดูฉัน” แค่นเสียงลอดไรฟัน ดวงตาหลังแว่นส่องประกายวาวโรจน์ “เข้าใจผิด คุณหนูเข้าใจผิดแล้วครับ เจ้านายไม่ได้ให้มาตามดู นายเกรงว่าเวลาคุณหนูออกมาข้างนอกคนเดียวจะมีอันตรายเลยให้ผมมาคุ้มครอง เป็นผมที่ใช้คำผิดไป ถ้าถูกจับได้ก็ให้คุณหนูเรียกใช้งานผมมาได้เลยครับ” อารมณ์เดือดดาลที่กำลังประทุถูกคำพูดถัดมาสาดน้ำเย็นดับไฟร้อน จนเหลือกระแสอุ่นอวลรินรดใจที่เริ่มด้านชาให้อุ่นวาบขึ้นมาได้เล็กน้อย ‘เอาล่ะ อย่างน้อยการช่วยเหลือเขาก็ไม่ได้ช่วยหมาป่าตาขาว’ “คุณรายงานอะไรไปแล้วบ้าง ตามมากี่วันแล้ว” ต่อให้รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย เธอก็ไม่คลายความระวังตัว “นายไม่ได้ให้รายงานเรื่องกิจวัตรครับ แต่ให้คอยดูว่ามีอะไรยุ่งยากหรือส่อแววคุกคามถึงให้รายงานเบอร์ส่วนตัวนายโดยตรง ผมเลยยังไม่ได้รายงานอะไร วันนี้วันแรกครับ” เห็นการยืนสงบเสงี่ยมมือประสานกัน ท่าทีเปลี่ยนเป็นเคารพขึ้นมาจากทีแรกเธอก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เธอไม่ใช่คนโง่ที่คิดว่าทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวได้ มีผู้ช่วยฟรีไม่ขัดผลประโยชน์ทำไมจะไม่รับไว้ “ฉันรบกวนถามเจ้านายคุณให้หน่อย ถ้าฉันจะขอเบอร์ติดต่อได้หรือเปล่า” คนมีน้ำใจให้ อย่างน้อยเธอก็อยากขอบคุณด้วยตัวเอง ถึงจะไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ตัวเธอไม่มีผลประโยชน์อะไรที่คนแบบเขาจะมาสนใจได้ ยิ่งเรื่องที่ช่วยเขาไว้คนระดับนั้นไม่น่านำมาคิดใส่ใจตอบแทน “ผมจะสอบถามให้ครับ” เขากดมือถือยุกยิกอยู่ไม่นาน ก็ยื่นหน้าจอมือถือที่มีหมายเลขโทรศัพท์ส่งมาเป็นข้อความให้ “เบอร์ส่วนตัวเจ้านายครับ” “ขอบคุณค่ะ” หลี่เหม่ยถิงเดินปลีกตัวออกมาจากทั้งเสี่ยวโกวและคนแปลกหน้า ชั่งใจว่าจะโทรหรือส่งข้อความแทน จะโทรไปก็เกรงจะเป็นการรบกวน ส่วนส่งข้อความอย่างเดียวก็ดูไม่จริงใจ “การปฏิสัมพันธ์กับคนนี่มันยุ่งยากจริง” สักพักประกายตาพราวระยับ ลูกตาดำกลอกกลิ้งไปมาส่องประกายซุกซน มือเรียวขาวกดแป้นพิมพ์ข้อความไม่นานก็ส่งออกไป แล้วหันเดินกลับไปหาสองคนที่ยืนรอ ห้องประชุมใหญ่ ตึกเทียนอวิ๋น “ต่อไปรายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาเขตที่อยู่อาศัยจงเป่าซาน” ผู้รับผิดชอบโครงการที่ถูกกล่าวถึงลุกขึ้นยืนด้วยความรีบร้อน มือหอบเอกสารกองใหญ่เตรียมก้าวเดินไปยังตำแหน่งพรีเซนต์งาน ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด “เสียงข้อความโทรศัพท์ของใคร” เสียงทุ้มเย็นชาไร้อารมณ์กล่าวทำลายความเงียบ ความกดดันในคำพูดและน้ำเสียงแทบจะทำให้ผู้ที่กินตำแหน่งบริหารในบริษัทเซี่ยอวิ๋นตัวสั่นงันงก ต่างลนลานรีบเช็กโทรศัพท์กันยกใหญ่ สุดท้ายแล้วได้แต่ทำหน้าฉงน ชูโทรศัพท์ขึ้นมาทุกเครื่องที่โชว์ปิดเครื่องไว้อยู่ ร่างสูงสง่าในตำแหน่งประธานนึกเอะใจ หยิบโทรศัพท์ส่วนตัวในกระเป๋าเสื้อนอกออกมา “พัก 10 นาที” ฉินเฟยหลงไม่ต่อความ ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องประชุมมือกดส่งคำตอบให้ข้อความที่ได้รับ ‘นายครับ ผมถูกคุณหนูเจอตัว คุณหนูขอเบอร์ติดต่อนายครับ’ ดวงหน้าหล่อเหลาเผยความเย็นชาขึ้นอีกระดับ วินาทีต่อมากลับผ่อนคลายขึ้นมุมปากกระตุกคล้ายจะยิ้ม ‘ส่งหวางอู๋ซวนกลับไปฝึกในเขตร้อนอีกรอบท่าจะดี งานเล็กน้อยยังพลาดให้เด็กน้อยตั้งแต่วันแรก’ นึกถึงรายงานประวัติของหลี่เหม่ยถิง ที่เลขานำมารอยยิ้มมุมปากกดลึกขึ้น ‘หึหึ ยังพอมีเขี้ยวเล็บอยู่บ้างล่ะนะ’ หลังจากส่งชุดตัวเลข 11 หลักตอบข้อความกลับไป เขาก็มายืนรอยังจุดที่สัญญาณโทรศัพท์ดีที่สุดบนชั้นอย่างไม่รู้ตัว คิดว่าอีกไม่นานคงมีสายจากกระต่ายน้อยเข้ามา แต่ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง ติ๊ด ติ๊ด ข้อความสั้นไม่เยิ่นเย้อเพียงประโยคเดียว ทำเอาข้างขมับกระตุกวูบ “ยัยเด็กแสบ เจอกันครั้งหน้าดูสิว่าฉันจะทำให้เธอเรียกอย่างอื่นได้ยังไง“ ก้านนิ้วแข็งแรงมีข้อกระดูกโปนหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อสูท ฝีเท้าก้าวเดินยาวหนัก ๆ ยังคงติดใจข้อความประโยคนั้น เด็กน้อยส่งมาว่า ‘ขอบคุณสำหรับแรงงานฟรีนะคะ…คุณน้า’“ฉันสามารถเรียกคุณว่าอะไรได้”หลี่เหม่ยถิงเดินมาถึงก็หันไปถามชายแปลกหน้า“ฮ่า ฮ่า ขออภัยครับคุณหนู ผมชื่อหวางอู๋ซวน”“ลุงคือหวางอู๋ซวนจริงเหรอ!!?!”เสี่ยวโกวพูดแทรกอย่างตื่นตกใจ หลังจากได้รู้ชื่อของชายคนนั้น เขาพิจารณาหวางอู๋ซวนอย่างละเอียด คนบนท้องถนนของไท่หยวนไม่มีใครไม่รู้จัก “หมาล่าเนื้อหวางอู๋ซวน”แต่ไม่คิดว่าเทพลมไร้หลักแหล่งหาตัวจับยากจะดูเป็นชายหน้าตาท่าทางธรรมดาแบบนี้“หมาล่าเนื้อ” เป็นฉายาน่าเกรงขามที่เป้าหมายของหวางอู๋ซวนเรียกขาน เขาตามดมกลิ่นไปทั่่วแม้แต่กลิ่นผายลมเขายังไม่ปล่อยผ่าน กัดไม่ปล่อยจนกว่าจะขุดคุ้ยเรื่องราวของคนที่เขาติดตามออกมาทุกซอกทุกมุม และจะตามล่าไปจนสุดหล้าฟ้าเขียวจนกว่าจะจับได้“ตัวจริงน่ะสิ หวางอู๋ซวนในไท่หยวนนี่มีใครกล้าแอบอ้างชื่อบ้างไอ้น้อง”หวางอู๋ซวนคาดหวังสายตาชื่นชมจากเด็กชายก็ให้ผิดหวัง เพราะเขาได้สายตาคลางแคลงแกมดูถูกมาแทน แถมยังพ่นลมขึ้นจมูกใส่เสียอีก‘เด็กเวร ถ้าคุณหนูไม่อยู่น่าจับมาสั่งสอน’“พี่สาวหลี่ ถ้าอย่างนั้นคงไม่ได้เรื่องแล้วล่ะ ลืมที่ผมพูดไปเสียเถอะ เขาโดนเราจับได้ง่ายขนาดนี้ เรื่องเล่านั่นคงพูดกันเกินจริง“หลี่เหม่ยถิงเป็น
10 นาทีต่อมาแกร๊ก“เหม่ยถิงงงงงง ช่วยด้วย!”แค่เปิดประตูเข้ามาในห้องพัก เฉินซินหยานที่คงคอยท่าอยู่นานแล้วรีบพุ่งเข้าหา หลี่เหม่ยถิงเบี่ยงตัวหลบออกด้านข้าง ตัวของเพื่อนสาวจึงพุ่งเข้าชนกับประตูดังโครม“เหม่ยถิงอ่ะ ทำไมทำกับเพื่อนรักแบบนี้ เพื่อเป็นการไถ่โทษมาช่วยทำการบ้านเลยนะ”เฉินซินหยานร้องทุกข์แต่เอาดีเข้าตัว พ่วงด้วยแบล็กเมลกันเสร็จสรรพ“ไม่ได้อาจารย์อู๋จำลายมือพวกเราได้ อาจารย์คาดโทษเธอไว้นะลืมแล้วเหรอ หรืออยากไปช่วยล้างห้องน้ำตึกพักอาจารย์”“แต่มันไม่เข้าใจนี่” เฉินซินหยานยังพยายามขอความเห็นใจ“เฉินซินหยาน!!!”“อะไรเล่า ทำไมต้องเสียงดังด้วย”“เธอไม่ได้โง่เธอแค่ขี้เกียจ ฉันบอกไว้ก่อนนะฉันเลือกมหาวิทยาลัยปักกิ่ง อีก 10 เดือนจะสอบเกาเข่าเธอจะทำตัวขี้เกียจเหมือนเดิม หรือจะทุ่มเทกับการเรียนแล้วไปปักกิ่งด้วยกัน เธอเลือกเอาเอง”ในภาพฝันที่ไปเยือนอีกมิติ เฉินซินหยานยังคงทำตัวเอ้อระเหยจนจบการศึกษา สุดท้ายสอบเกาเข่าได้ผลลัพธ์ไม่ดี ครอบครัวจึงส่งไปเรียนเมืองนอก แล้วก็ไม่ได้กลับมาจีนอีกเลย ทั้งยังมีจุดจบที่ไม่สวยนักเช่นเดียวกันกับเธอ“ถึงฉันจะไม่ได้โง่ แต่ฉันไม่ชอบพวกวิชาคำนวณเล
เวลา 14.10 น. วันต่อมาป้อมยามหน้าโรงเรียน“สวัสดีค่ะลุงเหมา หนูมารับของค่ะ”“อ้า…ประธานนักเรียนมาพอดีเลย เข้ามารอก่อนครับ เดี๋ยวลุงหยิบให้”ไม่นานลุงเหมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยกะบ่ายก็ส่งซองเอกสารให้ 2 ซอง‘หืม?’ หลังขอบคุณหลี่เหม่ยถิงรับซองเอกสารมาดู มีลายมือหนักแน่นทรงพลังบนซองปิดผนึกเขียนชื่อของเธอไว้‘พี่ชายคนนั้นทำอย่างที่พูดจริงเสียด้วย’ เธอลองกะความหนาของเอกสารอย่างน้อยน่าจะมี 10 แผ่นขึ้นไป ควรจะขอบคุณเขาเสียหน่อย‘ขอบคุณสำหรับประวัติค่ะ จะตั้งใจอ่านอย่างดี :)’ติ๊ด ติ๊ด‘ไม่เป็นไรครับ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถาม‘พรืด! คิกคิก‘ประวัติส่วนตัวนะคะ ไม่ใช่รายงานที่ไม่เข้าใจตรงไหนแล้วจะให้ถามน่ะ’หลี่เหม่ยถิงเดินกลับเข้าแคมปัสไปก็ส่งข้อความโต้ตอบกับคนไกลไปด้วย ไม่สนเลยว่าจะมีข่าวลืออะไรบ้างจากท่าทางแปลกประหลาดที่นักเรียนไม่เคยเห็นจากประธานผู้เคร่งขรึม“นักเรียนเหอจูอิ๋ง เข้าพบประธานนักเรียนที่ห้องประธานสภานักเรียนด่วนค่ะ“เสียงประกาศเรียกชื่อเข้าพบประธานนักเรียน ผู้โชคร้ายรายแรกของปีการศึกษาปรากฏตัวขึ้นมาก่อนหน้าจะเปิดภาคการศึกษาแค่ 3 วันจริงแล้วการลงโทษจากสภานักเรียน
12.00 น. วันต่อมา ติ๊ด ติ๊ดเสียงเตือนข้อความเข้าทำเอาหลี่เหม่ยถิงตะครุบโทรศัพท์อย่างเสียอาการนิ่งสงบ‘มีเบาะแสเพิ่ม มีแนวโน้มว่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุ’หลี่เหม่ยถิงถอนใจกับตัวเองด้วยความผิดหวัง ไม่ใช่ข้อความจากพี่ใหญ่ฉิน แต่อย่างน้อยข้อความนี้ก็เรียกสีหน้าตื่นตัวจากความเฉื่อยชาเรื่องงานของสภานักเรียนได้“ประธานรอข้อความสำคัญเหรอคะ” จ้าวลี่จูผู้กำลังรายงานข้อเรียกร้องการจัดสรรงบชมรมเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ไม่บ่อยนักที่ประธานจะออกท่าทางลุกลน“อือ” พยักหน้าแบบผ่าน ๆ ขณะกำลังเท้าคาง ในสมองก็เริ่มนึกถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ ของอุบัติเหตุ เบาะแสเพิ่งเริ่มปรากฏ ยังยืนยันไม่ได้ว่ามีคนจงใจจัดฉาก เธอควรใจเย็นรอหวางอู๋ซวนมีข้อมูลมากกว่านี้เฮ้อ!“การได้แต่นั่งรอเพราะทำอะไรไม่ได้นี่มันอึดอัดใจจริงเชียว” บ่นเสร็จก็ลุกขึ้นจากหลังโต๊ะทำงาน ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดหลี่เหม่ยถิงที่ทำเป็นลืมโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ หันตัวกลับไปคว้ามันขึ้นมาแล้วก้มหน้าเช็กข้อความ‘เพ้ย! ใครมันเล่นตลกกับฉันหรือไง ส่งข้อความที่ไม่ได้รอมาแทรกอะไรกันนัก!’ หลี่เหม่ยถิงที่เริ่มหงุดหงิด ยกมือทำท่าจะปาโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ“ประธานอย่าปาน
ปี 1997ณ โรงพยาบาลเอกชน ฝูต้า“อย่ามาเรียกฉันว่าแม่!! แกไม่ใช่ลูกของฉัน!!”“แกมันก็แค่มารหัวขน ลูกชู้ที่พ่อแกอุ้มกลับมาให้ฉันเลี้ยงดู”“จุ๊ ๆ คุณแม่ดูสิคะ สารรูปนังเหม่ยถิงดูไม่ได้เลย นี่คงใกล้จะตายเต็มทีทางแพทย์เจ้าของไข้ถึงโทรไปตามให้เรามาดูใจมันนะคะ” “ดูสิเสื้อผ้าหน้าผมสารรูปผีไม่ใช่คนไม่เชิงนี่ก็ผลงานชิ้นเอกของฉันทั้งนั้น”ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าถ้อยคำเสียดแทง เสียงหัวเราะเย้ยหยันสะใจดังก้องสะท้อนไปมาภายในจิตใต้สำนึกที่หลับไหลของผู้ป่วยอาการโคม่า มีหยาดน้ำสีใสก่อตัวที่หางตา ร่างผอมบางขาวซีดที่นอนแน่นิ่งมากว่า 1 เดือนเกร็งกระตุก“คนไข้วิกฤติ เตียง 1 มีการตอบสนอง โทรตามอาจารย์เย่เร็วเข้า!!!”เสียงพูดรัวเร็วเป็นจังหวะทะลุผ่านโสตประสาทของร่างขาวบอบบางที่กำลังอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น สติและความรับรู้ภายนอกยังไม่กลับมาสมบูรณ์ เพียงรู้สึกได้ลาง ๆ เหมือนเปลือกตาถูกแยกออก มีแสงสว่างจ้าส่องตรงเข้านัยน์ตาดอกท้อจนต้องพยายามกะพริบกั้นแสง ไม่นานสติสัมปชัญญะก็ดับวูบลงอีกครั้ง3 วันผ่านไป“รุ่นพี่คะ คนไข้ห้องพิเศษ 3 ไม่มีคนทางบ้านมาเฝ้าไข้เลยเหรอคะ?““จุ๊ ๆ อย่าเอ็ดไปนะอาจือ นั่นคุณหนูหล
1 เดือนต่อมา ณ โรงพยาบาลเอกชน ฝูต้า “คุณหนูใหญ่ ไม่ลองทบทวนเรื่องกลับไปพักที่บ้านสักอาทิตย์อีกรอบหรือครับ” คำเรียกขานพาให้มือที่กำลังสาละวนเปิดดูข้อความในโทรศัพท์มือถือชะงักไปชั่ววินาที “ลุงหย่งอันคะ อีก 2 อาทิตย์ก็ถึงวันเปิดเทอมแล้ว หนูยังไม่ได้ทำรายงานกับการบ้านเลยค่ะ ไปพักที่โรงเรียนน่าจะทำงานได้สะดวกกว่า” ฝูหย่งอัน มองคุณหนูน้อยที่ตนกับภรรยาช่วยกันดูแลมาตั้งแต่ยังเป็นทารกตัวแดงด้วยสายตาอึดอัดและสงสารเห็นใจ คนในบ้านหลี่มีใครไม่รู้บ้างว่าคุณหนูใหญ่รักครอบครัวขนาดไหน ปิดเทอมแต่ละครั้งก็ตั้งตารอที่จะได้กลับบ้าน ครืด! ประตูทางด้านหลังเปิดออก เสียงทรงพลังของหญิงวัยกลางคนดังมาก่อนเจ้าตัว “ตาแก่ ยืนนิ่งอยู่ทำไมไม่ช่วยคุณหนูเก็บของฮ๊า หลบไปไม่ต้องแล้วเดี๋ยวฉันทำเอง” ร่างท้วมกระฉับกระเฉงของหงหนิวอี หันไปขึงตาใส่พ่อบ้านตระกูลหลี่สามีของตนอย่างไม่พอใจ “คุณหนูเหม่ยถิง เดี๋ยวป้าเก็บให้เองค่ะ ไปไป นั่งพักก่อน ลุกขึ้นมาทำไมคะเนี่ย วันนี้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วก็จริง แต่ร่างกายยังผ่ายผอมขนาดนี้เดี๋ยวเกิดเป็นลมขึ้นมาจะทำยังไงคะ” เสียงอ่อนโยนแตกต่างกับเสียงคำรามก่อนหน้าเป็นคนละคน ไล
“คุณหนูใหญ่ครับถึงสนามบินแล้ว” เสียงลุงหย่งอันเรียกหลังจากลงไปเปิดประตูรถให้ หลี่เหม่ยถิงที่กำลังเช็กข้อความในโทรศัพท์ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ก้มดูนาฬิกาข้อมือ คำนวณระยะเวลาเช็กอินคิดว่าจะเดินไปซื้อชาร้อนดื่มสักแก้ว“ลุงหย่งอันกับอาฉีกลับกันได้เลยนะคะ” “เรียบร้อยแล้วครับคุณหนูใหญ่” เสียงเข้มตอบมาจากทางด้านหลังของพ่อบ้านของตระกูล ร่างสูงอุดมไปด้วยมัดกล้ามที่แทบจะปริออกมาจากชุดสูทสากลสีดำเดินมายืนข้างลุงหย่งอันฉีฟ่านเป็นบอดี้การ์ดของคุณพ่อมานานหลายปี ชายร่างใหญ่หน้าเหลี่ยม คิ้วและปากหนา ตาคมปีกจมูกบานออก หูด้านขวามีรอยแหว่งจากรอยแผลสมัยที่ยังคงอยู่ในกองทัพ โดยรวมภาพลักษณ์ดูดุดันแตกต่างชัดเจนกับคนเป็นพ่อบ้านชนิดคนละขั้วลุงหย่งอันผอมเพรียว ยืนเหยียดหลังตรงในชุดสูท 5 ชิ้นดูน่าอึดอัดท่ามกลางอากาศอบอ้าวในช่วงฤดูร้อน แก้มตอบเข้าทำให้โหนกแก้มดูสูง หางตาตกแต่มีประกายฉลาดเฉลียว สองคนนี้คนหนึ่งดูเป็นคนใช้เรี่ยวแรงในการทำงาน อีกคนดูทรงภูมิท่วงท่าคล้ายบัณฑิตไม่มีแม้แรงจะมัดไก่ทำให้คิดถึงรูปร่างอวบท้วมใบหน้ากลมมน หน้าผากกว้างแต่เรียวปากบางของป้าหนิวอี หากจับทั้งสามยืนรวมกันคงเกิดเป็นทัศนียภา
ตึกหัวใจเต้นผิดจังหวะกับคำชมแสนสั้นแต่น้ำเสียงหนักแน่นหลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างคนทั้งสอง มีเพียงเสียงย่ำเท้ากับเสียงหายใจที่ดังชัดเจนในยามค่ำคืน“คุณ…นั่งหลบตรงนี้ก่อน เดี๋ยวฉันขอไปดูลาดเลาตรงทางเข้าก่อน”เสียงกระซิบแผ่วเบาไม่ทันจะพูดจบก็มีเสียงตะโกนแทรกขึ้นมาเสียก่อน“ใครอยู่ตรงนั้น? ออกมาเดี๋ยวนี้!”เฮ้ย!! จู่ ๆ หลี่เหม่ยถิงก็ยื่นหน้าถลำออกไปจากหลังต้นไม้ ทำเอาเจ้าของเสียงขึงขังตกใจจนแทบจะหงายหลังหน้าขาวซีดในป่าตอนกลางคืน มันสยองน้อยเสียเมื่อไหร่“ประธานนักเรียนหลี่นี่เอง ลุงตกใจหมด”‘ถงกวงต๋า’ พนักงานรักษาความปลอดภัยกะดึกของโรงเรียนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับประธานนักเรียน เพราะเด็กสาวมักจะออกตรวจตรารอบบริเวณทางออกด้านหลังเป็นประจำทุกสัปดาห์ ตั้งแต่ขึ้นแท่นเป็นประธานนักเรียนเมื่อ 2 ปีก่อน“ฉันเองค่ะลุงถง ขออภัยที่ทำให้ตกใจนะคะ พอดีทำของตกกำลังมองหาน่ะค่ะ“หลี่เหม่ยถิงแก้ตัวออกไปด้วยมาดนิ่งขรึมทรงภูมิ ดูน่าเชื่อถือเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด เธอเป็นนักเรียนที่ได้ชื่อเป็นสารานุกรมกฎระเบียบเคลื่อนที่ ไม่เคยแหกกฎ เที่ยงตรง ทรงธรรมมากที่สุด สำหรับทำให้คนภายนอกดูน่ะนะ
12.00 น. วันต่อมา ติ๊ด ติ๊ดเสียงเตือนข้อความเข้าทำเอาหลี่เหม่ยถิงตะครุบโทรศัพท์อย่างเสียอาการนิ่งสงบ‘มีเบาะแสเพิ่ม มีแนวโน้มว่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุ’หลี่เหม่ยถิงถอนใจกับตัวเองด้วยความผิดหวัง ไม่ใช่ข้อความจากพี่ใหญ่ฉิน แต่อย่างน้อยข้อความนี้ก็เรียกสีหน้าตื่นตัวจากความเฉื่อยชาเรื่องงานของสภานักเรียนได้“ประธานรอข้อความสำคัญเหรอคะ” จ้าวลี่จูผู้กำลังรายงานข้อเรียกร้องการจัดสรรงบชมรมเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ไม่บ่อยนักที่ประธานจะออกท่าทางลุกลน“อือ” พยักหน้าแบบผ่าน ๆ ขณะกำลังเท้าคาง ในสมองก็เริ่มนึกถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ ของอุบัติเหตุ เบาะแสเพิ่งเริ่มปรากฏ ยังยืนยันไม่ได้ว่ามีคนจงใจจัดฉาก เธอควรใจเย็นรอหวางอู๋ซวนมีข้อมูลมากกว่านี้เฮ้อ!“การได้แต่นั่งรอเพราะทำอะไรไม่ได้นี่มันอึดอัดใจจริงเชียว” บ่นเสร็จก็ลุกขึ้นจากหลังโต๊ะทำงาน ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดหลี่เหม่ยถิงที่ทำเป็นลืมโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ หันตัวกลับไปคว้ามันขึ้นมาแล้วก้มหน้าเช็กข้อความ‘เพ้ย! ใครมันเล่นตลกกับฉันหรือไง ส่งข้อความที่ไม่ได้รอมาแทรกอะไรกันนัก!’ หลี่เหม่ยถิงที่เริ่มหงุดหงิด ยกมือทำท่าจะปาโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ“ประธานอย่าปาน
เวลา 14.10 น. วันต่อมาป้อมยามหน้าโรงเรียน“สวัสดีค่ะลุงเหมา หนูมารับของค่ะ”“อ้า…ประธานนักเรียนมาพอดีเลย เข้ามารอก่อนครับ เดี๋ยวลุงหยิบให้”ไม่นานลุงเหมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยกะบ่ายก็ส่งซองเอกสารให้ 2 ซอง‘หืม?’ หลังขอบคุณหลี่เหม่ยถิงรับซองเอกสารมาดู มีลายมือหนักแน่นทรงพลังบนซองปิดผนึกเขียนชื่อของเธอไว้‘พี่ชายคนนั้นทำอย่างที่พูดจริงเสียด้วย’ เธอลองกะความหนาของเอกสารอย่างน้อยน่าจะมี 10 แผ่นขึ้นไป ควรจะขอบคุณเขาเสียหน่อย‘ขอบคุณสำหรับประวัติค่ะ จะตั้งใจอ่านอย่างดี :)’ติ๊ด ติ๊ด‘ไม่เป็นไรครับ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถาม‘พรืด! คิกคิก‘ประวัติส่วนตัวนะคะ ไม่ใช่รายงานที่ไม่เข้าใจตรงไหนแล้วจะให้ถามน่ะ’หลี่เหม่ยถิงเดินกลับเข้าแคมปัสไปก็ส่งข้อความโต้ตอบกับคนไกลไปด้วย ไม่สนเลยว่าจะมีข่าวลืออะไรบ้างจากท่าทางแปลกประหลาดที่นักเรียนไม่เคยเห็นจากประธานผู้เคร่งขรึม“นักเรียนเหอจูอิ๋ง เข้าพบประธานนักเรียนที่ห้องประธานสภานักเรียนด่วนค่ะ“เสียงประกาศเรียกชื่อเข้าพบประธานนักเรียน ผู้โชคร้ายรายแรกของปีการศึกษาปรากฏตัวขึ้นมาก่อนหน้าจะเปิดภาคการศึกษาแค่ 3 วันจริงแล้วการลงโทษจากสภานักเรียน
10 นาทีต่อมาแกร๊ก“เหม่ยถิงงงงงง ช่วยด้วย!”แค่เปิดประตูเข้ามาในห้องพัก เฉินซินหยานที่คงคอยท่าอยู่นานแล้วรีบพุ่งเข้าหา หลี่เหม่ยถิงเบี่ยงตัวหลบออกด้านข้าง ตัวของเพื่อนสาวจึงพุ่งเข้าชนกับประตูดังโครม“เหม่ยถิงอ่ะ ทำไมทำกับเพื่อนรักแบบนี้ เพื่อเป็นการไถ่โทษมาช่วยทำการบ้านเลยนะ”เฉินซินหยานร้องทุกข์แต่เอาดีเข้าตัว พ่วงด้วยแบล็กเมลกันเสร็จสรรพ“ไม่ได้อาจารย์อู๋จำลายมือพวกเราได้ อาจารย์คาดโทษเธอไว้นะลืมแล้วเหรอ หรืออยากไปช่วยล้างห้องน้ำตึกพักอาจารย์”“แต่มันไม่เข้าใจนี่” เฉินซินหยานยังพยายามขอความเห็นใจ“เฉินซินหยาน!!!”“อะไรเล่า ทำไมต้องเสียงดังด้วย”“เธอไม่ได้โง่เธอแค่ขี้เกียจ ฉันบอกไว้ก่อนนะฉันเลือกมหาวิทยาลัยปักกิ่ง อีก 10 เดือนจะสอบเกาเข่าเธอจะทำตัวขี้เกียจเหมือนเดิม หรือจะทุ่มเทกับการเรียนแล้วไปปักกิ่งด้วยกัน เธอเลือกเอาเอง”ในภาพฝันที่ไปเยือนอีกมิติ เฉินซินหยานยังคงทำตัวเอ้อระเหยจนจบการศึกษา สุดท้ายสอบเกาเข่าได้ผลลัพธ์ไม่ดี ครอบครัวจึงส่งไปเรียนเมืองนอก แล้วก็ไม่ได้กลับมาจีนอีกเลย ทั้งยังมีจุดจบที่ไม่สวยนักเช่นเดียวกันกับเธอ“ถึงฉันจะไม่ได้โง่ แต่ฉันไม่ชอบพวกวิชาคำนวณเล
“ฉันสามารถเรียกคุณว่าอะไรได้”หลี่เหม่ยถิงเดินมาถึงก็หันไปถามชายแปลกหน้า“ฮ่า ฮ่า ขออภัยครับคุณหนู ผมชื่อหวางอู๋ซวน”“ลุงคือหวางอู๋ซวนจริงเหรอ!!?!”เสี่ยวโกวพูดแทรกอย่างตื่นตกใจ หลังจากได้รู้ชื่อของชายคนนั้น เขาพิจารณาหวางอู๋ซวนอย่างละเอียด คนบนท้องถนนของไท่หยวนไม่มีใครไม่รู้จัก “หมาล่าเนื้อหวางอู๋ซวน”แต่ไม่คิดว่าเทพลมไร้หลักแหล่งหาตัวจับยากจะดูเป็นชายหน้าตาท่าทางธรรมดาแบบนี้“หมาล่าเนื้อ” เป็นฉายาน่าเกรงขามที่เป้าหมายของหวางอู๋ซวนเรียกขาน เขาตามดมกลิ่นไปทั่่วแม้แต่กลิ่นผายลมเขายังไม่ปล่อยผ่าน กัดไม่ปล่อยจนกว่าจะขุดคุ้ยเรื่องราวของคนที่เขาติดตามออกมาทุกซอกทุกมุม และจะตามล่าไปจนสุดหล้าฟ้าเขียวจนกว่าจะจับได้“ตัวจริงน่ะสิ หวางอู๋ซวนในไท่หยวนนี่มีใครกล้าแอบอ้างชื่อบ้างไอ้น้อง”หวางอู๋ซวนคาดหวังสายตาชื่นชมจากเด็กชายก็ให้ผิดหวัง เพราะเขาได้สายตาคลางแคลงแกมดูถูกมาแทน แถมยังพ่นลมขึ้นจมูกใส่เสียอีก‘เด็กเวร ถ้าคุณหนูไม่อยู่น่าจับมาสั่งสอน’“พี่สาวหลี่ ถ้าอย่างนั้นคงไม่ได้เรื่องแล้วล่ะ ลืมที่ผมพูดไปเสียเถอะ เขาโดนเราจับได้ง่ายขนาดนี้ เรื่องเล่านั่นคงพูดกันเกินจริง“หลี่เหม่ยถิงเป็น
พูดจบก็เอื้อมมือปิดปุ่มกระจายเสียง สวมฮู้ดคลุมหัวแล้วเดินมุ่งหน้าออกไปทางประตูหน้าของโรงเรียน ไม่สนใจเสียงร่ำไห้ โหยหวน ก่นด่าตามหลัง“เริ่มจากตรงไหนก่อนดีนะ อุบัติเหตุผ่านมา 3 เดือน เกรงว่าร่องรอยให้ตามต่อน่าจะยากเต็มที”3 เดือนที่แล้ว หลี่เหม่ยถิงประสบอุบัติเหตุรถชนขณะกำลังนั่งรถแท็กซี่เพื่อไปยังสนามบินไท่หยวน เหตุเกิดบนถนนใกล้กับทะเลสาบจินหยวนคนขับรถแท็กซี่บาดเจ็บพอประมาณ ขาหัก กระดูกแขนร้าว ส่วนตัวเธอที่นั่งอยู่เบาะหลังบาดเจ็บไม่ได้สตินอนโคม่าเกือบเดือน คนขับรถมาชนพวกเธอมอบตัวในที่เกิดเหตุ สาเหตุคือรถมีปัญหาเบรคแตกควบคุมรถไม่ได้ ตอนนี้เขาติดคุกอยู่ในเรือนจำรับโทษนาน 5 ปี คดีถึงชั้นศาล ตัดสินอย่างรวดเร็ว และปิดคดีอย่างง่ายดาย “ชีวิตของเธอมันราคาถูกเสียจริง ทุกสิ่งถูกติงหรูอี้จัดการให้ผ่านไปง่าย ๆ” แค่นเสียงพูดใส่ตัวเอง จดบัญชีที่ต้องชำระความไว้ในเซลล์สมองตอนนี้เธอเป็นเพียงผู้เยาว์มือเธอไม่สามารถยื่นยาวไปได้ไกล ไร้เส้นสายไร้อำนาจ แต่จะให้ปล่อยผ่านเธอกลับไม่ยินยอม“หลี่เหม่ยถิง เธอมันเก่งได้แค่ในรั้วโรงเรียนเล็ก ๆ โลกความเป็นจริงนี้ เธอทำสิ่งใดได้บ้าง ตอนนี้เงินและทรัพย์สิน
“ประธานนักเรียนหลี่ เข้าพบผู้อำนวยการที่ห้องผู้อำนวยการตึก A ด้วยค่ะ”เสียงประกาศเรียกตัวมาทางวิทยุกระจายเสียงของโรงเรียน ทำให้หลี่เหม่ยถิงต้องปิดหนังสือที่กำลังนั่งอ่านในห้องสมุดของโรงเรียนลง “สารานุกรมสมุนไพร” เล่มหนาปึกถูกหยิบขึ้นมาเพื่อเดินไปลงชื่อยืมที่ผู้ช่วยบรรณารักษ์“ประธานหลี่ ยืมเล่มนี้เหรอคะเดี๋ยวฉันเขียนบันทึกรายการให้ค่ะ” นักเรียนผู้ช่วยปีสองรีบยื่นมาออกมารับหนังสือทันทีที่เห็นหน้าคนเดินมา“ขอฝากไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวกลับจากห้องผู้อำนวยการแล้วจะแวะมารับ”“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา”“ขอบคุณค่ะ”การมีสิทธิมีเสียงมีอำนาจในมือ มันทำให้ได้รับความสะดวกสบายในหลายด้าน ดูเธอเป็นตัวอย่างสิ ตอนเป็นนักเรียนธรรมดากับตอนเป็นประธานนักเรียนผู้คนปฏิบัติตัวต่างกันลิบลับ“ขออนุญาตค่ะผู้อำนวยการ”“อ้าว ประธานหลี่มาแล้วเหรอ ดี ดี นั่งก่อนสิ”หลี่เหม่ยถิงนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างคุ้นเคย รอหัวข้อสนทนาจากอาจารย์สูงวัยตรงหน้า ซึ่งไม่รู้ว่าเรียกเธอมาตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอมทำไม“อาจารย์ได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลว่านักเรียนประสบอุบัติเหตุ หายดีแล้วหรือยัง”“หายดีแล้วค่ะ ขอบคุณอา
เซี่ยงไฮ้ ตึกเทียนอวิ๋น ชั้น 88ก๊อก ก๊อก“ท่านประธานเป็นยังไงบ้างเหล่าลั่ว” เสียงของโจวหมิงเจี่ยถามบุคคลที่นั่งอยู่โซนรับแขกของเพนต์เฮาส์ลั่วเว่ยฉี หมอหนุ่มจากหยวนเซี่ยงฉางเซ็ง โรงพยาบาลเอกชนที่ร่วมลงทุนกับรัฐบาล ใบหน้าขาวซีดตาดำคล้ำ นิ้วที่คีบบุหรี่เตรียมส่งเข้าปากชะงักเหลือบสายตามองคนถาม“ทำแผลเสร็จ ให้เลือดให้น้ำเกลือ ฉีดยาเรียบร้อยบาดแผลไม่ถูกจุดสำคัญ สักพักใหญ่คงฟื้น”โจวหมิงเจี่ยกดคางลงเป็นเชิงรับรู้ ยื่นมือไปรับบุหรี่ที่เหล่าลั่วยื่นส่งให้มาจุดสูบอย่างเคย เพนต์เฮาส์ของท่านประธานไม่เคยหวงห้ามลูกน้องให้สูบบุหรี่ได้ เพราะตัวท่านประธานนับได้ว่าสูบจัดมากคนหนึ่ง เพียงแต่จำกัดให้สูบเฉพาะในห้องนี้และห้องทำงานเท่านั้น“แล้วเรื่องตรวจร่างกาย?” “ถ้าท่านประธานไม่เปลี่ยนใจ เดี๋ยวฉันแจ้งทางเซี่ยเซ็งให้เตรียมสถานที่ให้ทำ Full Body เช็กอัปเป็นการส่วนตัว รับรองเก็บเงียบไม่มีใครกล้าปากมาก”“นายจะกลับก่อนหรือรอท่านประธานตื่น นอนห้องพักแขกชั้นล่างก็ได้ สภาพนายไม่น่าจะไหว” โจวหมิงเจี่ยแนะนำหมอหนุ่มรุ่นน้อง ดูจากหน้าตาถ้าให้ขับรถกลับเองคงได้ยินข่าวร้ายแน่“ยังมีหน้ามาพูดนะเหล่าโจว ก็ใครล
ทางฝั่งชายปริศนา หลังจากเด็กสาวที่ช่วยเขาไว้เดินจากไป เขาสังหรณ์ใจว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันอย่างแน่นอนติ๊ด ติ๊ดนิ้วยาวเรียวมีความสากระคายกดปุ่มบนมือถืออีกเครื่องที่ปิดเครื่องไว้ป้องกันแบตหมดตอนเกิดเรื่อง แต่ตอนนี้ซิมที่ใส่เป็นอันที่สาวน้อยให้มา“เจ้านายครับ”“ประธานครับ” หลังส่งข้อความไปไม่ถึง 15 นาที คนของเขาก็มาถึง ชายหนุ่มเดินออกมาจากที่ซ่อนพยักหน้าให้ผู้ช่วยแและเลขาส่วนตัวทำตัวตามสบาย สองคนนี้แทบจะลงไปคุกเข่าสำนึกผิดที่ตามหาตัวเขาได้ล่าช้าจนเขาต้องติดต่อไปด้วยตนเอง“กลับกันคืนนี้เลย ทางนี้รอให้โครงการที่เซี่ยงไฮ้เรียบร้อยค่อยกลับมาจัดการ”“ท่านประธาน! แต่บาดแผล…” “หมิงเจี่ย ทำตามที่ฉันสั่ง”“ครับ”เสียงเย็นชาไร้อารมณ์เอ่ยสั้น แต่ความหมายในตัวคือห้ามขัดขืน มีแต่ต้องทำตามเท่านั้น คำสั่งเจ้านายถือเป็นคำขาดโจวหมิงเจี่ย ค้อมตัวเตรียมเดินจากไปสั่งการทีมบอดี้การ์ดที่รออยู่นอกรั้วโรงเรียน ท่านประธานบาดเจ็บจนใบหน้าขาวซีดแทบจะไม่มีสีเลือด แต่ดวงตาขาวกลับแดงก่ำจากการฝืนร่างกาย ดีไม่ดีระหว่างเดินทางกลับอาจจะมีไข้ เขาได้แต่ทอดถอนใจกับการปล่อยประละเลยไม่ดูแลตัวเองขอ
พรึ่บ!หลี่เหม่ยถิงยกมือเป็นสัญญาณเงียบเสียง ในโรงเรียนนี้ยังมีใครกล้าไม่เชื่อฟังบ้าง? คำตอบคือไม่มี สถานที่นี้เป็นเหมือนแหล่งพักพิงระบายความกดดันจากที่บ้าน เธอเปรียบเสมือนจักรพรรดินีในโลกของเด็กวัยรุ่น“ไหนดูสิ เหอจูอิ๋ง เหอจูอิ๋ง ห้อง 304 เกิดที่ซานตง พ่อแม่ อืม…ข้ามไปก่อน อันนี้น่าสนใจเป็นตกขาวเพราะล้างทำความสะอาดน้องสาวไม่ดี” หนังสือในมือลดต่ำ เหลือบตามองทางเบื้องล่าง จุปากส่ายหน้าไปมา“กรี๊ดดดดด อ๊ายยยย อย่าไปฟังมันนะ มันโกหก อีบ้าแกอย่ามาใส่ร้ายฉัน” เหอจูอิ๋งตกใจจนแทบจะฉี่ราด แม้แต่เรื่องแบบนี้มันรู้ได้ยังไง เธอไม่ได้เป็นตกขาวเพราะว่าทำความสะอาดไม่ดีแต่เธอเป็นเพราะเกิดจากสาเหตุอื่นต่างหากปึก!“เซี่ยวเฉ่า ” เสียงเอ่ยพร้อมแสยะยิ้ม บ่งบอกให้รู้ว่าไม่ใช่ว่าหลี่เหม่ยถิงไม่รู้สาเหตุแต่แค่ยังไม่ได้พูดออกมาเหอจูอิ๋ง แข้งขาอ่อนแรงไถลลงไปนั่งแหมะกับพื้นหมดมาดดอกไม้งามประจำโรงเรียน เด็กสาวรีบกระถดตัวยื่นมือไปข้างหน้า“ประธานหลี่ พี่ใหญ่หลี่ ไม่ใช่สิ ย่าหลี่!!!… ต่อไปฉันไม่กล้าอีกแล้ว ท่านผู้ยิ่งใหญ่ปล่อยฉันไปสักครั้งเถอะนะ”โฮฮฮฮเหอจู่อิ๋งตกใจจนไม่เหลือสติจริง ๆ แล้ว ใช่สาเหตุ