12.00 น. วันต่อมา ติ๊ด ติ๊ดเสียงเตือนข้อความเข้าทำเอาหลี่เหม่ยถิงตะครุบโทรศัพท์อย่างเสียอาการนิ่งสงบ‘มีเบาะแสเพิ่ม มีแนวโน้มว่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุ’หลี่เหม่ยถิงถอนใจกับตัวเองด้วยความผิดหวัง ไม่ใช่ข้อความจากพี่ใหญ่ฉิน แต่อย่างน้อยข้อความนี้ก็เรียกสีหน้าตื่นตัวจากความเฉื่อยชาเรื่องงานของสภานักเรียนได้“ประธานรอข้อความสำคัญเหรอคะ” จ้าวลี่จูผู้กำลังรายงานข้อเรียกร้องการจัดสรรงบชมรมเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ไม่บ่อยนักที่ประธานจะออกท่าทางลุกลน“อือ” พยักหน้าแบบผ่าน ๆ ขณะกำลังเท้าคาง ในสมองก็เริ่มนึกถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ ของอุบัติเหตุ เบาะแสเพิ่งเริ่มปรากฏ ยังยืนยันไม่ได้ว่ามีคนจงใจจัดฉาก เธอควรใจเย็นรอหวางอู๋ซวนมีข้อมูลมากกว่านี้เฮ้อ!“การได้แต่นั่งรอเพราะทำอะไรไม่ได้นี่มันอึดอัดใจจริงเชียว” บ่นเสร็จก็ลุกขึ้นจากหลังโต๊ะทำงาน ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดหลี่เหม่ยถิงที่ทำเป็นลืมโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ หันตัวกลับไปคว้ามันขึ้นมาแล้วก้มหน้าเช็กข้อความ‘เพ้ย! ใครมันเล่นตลกกับฉันหรือไง ส่งข้อความที่ไม่ได้รอมาแทรกอะไรกันนัก!’ หลี่เหม่ยถิงที่เริ่มหงุดหงิด ยกมือทำท่าจะปาโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ“ประธานอย่าปาน
‘มีเรื่องแบบนี้ นังเพื่อนชั่วต้องหาทางไปพบจางกั๋วอันแน่’เหอจูอิ๋งกำลังรอเวลา เธอให้เพื่อนในห้องเรียนไปเฝ้าคอยจางกั๋วอันหน้าโรงเรียนชายฝั่งตรงข้าม บอกเพื่อนไว้ว่าเธอมีของขวัญรอเซอร์ไพรส์“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเราหรอก ฉันว่ากลับหอไปนอนเล่นเถอะ อีก 2 วันก็เปิดเทอมแล้ว ฉันจะทำเล็บขัดตัวเสียหน่อย” เหอจูอิ๋งหันมาชวนเพื่อนในหอทุกคนกลับเหมือนไม่ได้สนใจเรื่องอื้อฉาวนี่นัก“พวกเธอไปกันก่อนนะจ๊ะ ฉันว่าจะไปหาหนังสืออ่านเงียบ ๆ ในหอสมุด” หยางจื่อหานรีบกล่าวแทรกขึ้นมา แล้วเดินแยกตัวออกไปคอยไม่นานหลังจากนั้น เพื่อนสาวที่ส่งให้ไปตามเฝ้าจางกั๋วอันก็ส่งข้อความมาหาเหอจูอิ๋ง‘อิ๋งอิ๋งเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!! มาหาฉันด่วนร้านคาเฟยฮ๋าว’“ประธานคะ!! จุดน่าตื่นเต้นมันเริ่มจากนี้นี่แหละค่ะ เหอจูอิ๋งพาเพื่อนในหอพักกับเพื่อนในคลาสไปนับ 10 คน ทำท่าทางไม่รู้เรื่องราวเหมือนออกไปเดินเล่น ไปถึงที่นัดหมายก็เจอฉากเด็ดเลยค่ะ หยางจื่อหานกำลังร้องไห้ฟูมฟาย ซบอกจางกั๋วอัน เล่นเอาตกตะลึงกันทั้งคณะเพื่อน ส่วนเหอจูอิ๋งน้ำตาไหลพรากเป็นสาลี่ต้องฝน ตัดพ้อต่อว่าคู่หมั้น”แค่ก ๆ... “ขอน้ำหน่อยค่ะประธานหลี่” หลี่เหม่ยถิ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า “เธอจบเห่แน่ หยางจื่อหานคิดจะแทงข้างหลังฉันงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!! เธอคิดว่าคนบ้านจางจะยอมรับคนอย่างเธองั้นเรอะเฮอะ!!! หัดดูเงาตัวเองบ้าง” เหอจูอิ๋งก้มตัวเอานิ้วชี้จิ้มหน้าคนที่หมดเรี่ยวแรงนั่งกองกับพื้นจนหงายหลังลงไป หลี่เหม่ยถิงที่รอจังหวะอยู่นานแล้วแสยะยิ้มร้าย “พอได้แล้ว!!! เหอจูอิ๋ง หยางจื่อหาน สภานักเรียนกำหนดบทลงโทษคนทำความผิดไว้แล้ว ฟังให้ดีล่ะ” “นักเรียนเหอจูอิ๋ง โทษฐานปลุกระดมเพื่อนนักเรียนให้ลุกขึ้นมาก่อความไม่สงบโดยมีผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง รับโทษล้างห้องน้ำรวมหอพักหญิงชั้น 3 ตึกแรก 3 วัน” “อะไรกันคะประธาน ได้ยังไง ฉันนับว่าเป็นผู้เสียหายแล้วนะคะตอนนี้” เหอจูอิ๋งเชิดคางเริ่มโวยวายไม่เหลือท่าทางถูกกระทำเลยสักนิด ขาเรียวเล็กของประธานวาดมาเป็นท่าไขว้ห้าง ลำตัวเอนไปทางขวามีข้อศอกค้ำไว้ นิ้วชี้เคาะลงบนที่เท้าแขนเป็นจังหวะ ความเร็วเท่าการเต้นของหัวใจ มองเหอจูอิ่งกดดันไม่พูดอะไรต่อ อึก...เหอจูอิ๋งถูกจ้องมองเกือบ 10 นาทีก็ตัวสั่นกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ “หลังจบบทลงโทษของหยางจื่อหานฉันขออนุญาตเรียนถามใหม่ก็ได้ค่ะ” ทนสู้สายตาว่างเปล่าน่ากลัวนั่นไม
‘พี่ใหญ่ฉิน ฉันขอกู้ยืมเงิน 10 ล้านหยวนค่ะ’ ฉินเฟยหลง มองข้อความบนหน้าจอมีความประหลาดใจวาบผ่านดวงตา ลำตัวแข็งแรงเอนตัวนอนบนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาล หลังคำนวณความต่างของเวลาแล้วเขาก็รีบพิมพ์ข้อความตอบกลับลงไป ‘สองทุ่มประตูหลังโรงเรียนจะมีคนนำเงินไปส่งให้’ “เป็นเด็กที่น่าสนใจไม่ต่างจากที่คิดไว้จริงๆ” ใบหน้าหล่อคมของเขามีรอยยิ้มขึ้นมาได้เล็กน้อย การบอกความต้องการออกมาตรง ๆ แบบนี้ ดีกว่าพวกที่ปั้นหน้าเข้าหาเขาเพื่อผลประโยชน์พวกนั้นเยอะ ติ๊ด ติ๊ด ‘ขอบคุณค่ะเดี๋ยวฉันเขียนสัญญากู้ยืมส่งให้คนที่มาส่งเงินนะคะ ปล. กู้ยืมไม่มีดอกเบี้ยนะคะ ระยะเวลาผ่อน 5 ปี หรืออาจจะเร็วกว่า’ หึหึหึ นอกจากจะใจกล้าแล้วยังได้คืบจะเอาศอกด้วย ‘ได้’ อย่าว่าแต่การกู้ยืมเลยแม้แต่ยกให้ฟรีก็ยังได้ การช่วยเหลือครานั้น หากนับตามมูลค่าก็เทียบเท่าชีวิตของเขา สถานการณ์เข้าขั้นอันตรายถึงเขาจะมีหนทางเอาตัวรอด แต่การได้พบเธอมันทำให้เรื่องง่ายดายขึ้น ‘หมิงเจี่ยนำเงินไปส่งให้หลี่เหม่ยถิง 10 ล้านหยวน ออกเดินทางทันที’ สั่งการเสร็จก็หันมาอ่านเอกสารตั้งใหญ่บนโต๊ะเลื่อนข้างเตียง ครืดดดด ดวงตาคม
3 วันต่อมา เอี๊ยด! ‘มากันแล้วมั้งคะคุณ’ คุณแม่เหอหันมาคุยกับคุณพ่อเหอท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย ท่านนายพันวัยต้น 40 เพียงแค่พยักหน้าเป็นอันรับรู้ แล้วนั่งเหยียดหลังตรงสง่าวางมาดน่าเกรงขาม ตระกูลเหอจะว่าไปต้องเรียกว่าเป็นเศรษฐีใหม่ พ่อเหอไต่เต่าขึ้นมาถึงระดับพันเอกด้วยสองมือเปื้อนเลือด พลิกฟื้นจากครอบครัวธรรมดาสู่เส้นทางทหารในยุคปฏิวัติ เขาย่อมไม่ใช่คนที่มีความคิดตื้นเขิน และไม่ไร้หัวคิดแน่นอน “คุณพ่อ คุณแม่ หนูกลับมาแล้ว” เหอจูอิ๋งผู้เย่อหญิงในรั้วโรงเรียนกลายเป็นนกกระจิบน้อยกลับคืนรัง ปากเจื้อยแจ้วคิดถึงพ่อแม่ไม่หยุด จนแทบลืมบุคคลที่เดินทางมาด้วยกัน หลี่เหม่ยถิงในวันนี้ยังคงแต่งกายด้วยชุดที่ดูอึมครึม ไม่เหมือนเด็กสาวทั่วไป เสื้อแขนยาวสีเข้มปิดถึงลำคอ กางเกงทรงกระบอกขายาวสีเดียวกัน ประกอบกับแว่นตากรอบดำหนาปิดครึ่งใบหน้า ผมหน้าม้าตรงยาวทับขอบแว่น อะแฮ่ม… ความคิดเห็นของคนในห้องเป็นอย่างไรไม่รู้ เธอให้ความสนใจเพียงพ่อเหอ เหอกงโป๋ หลี่เหม่ยถิงใช้สายตาสังเกตท่าที และออร่าบนร่างกายรอบหนึ่ง แม่เหอและพี่ชายเก็บอาการได้ช้ากว่า ความคาดไม่ถึงปรากฏชัด ส่วนพ่อเหอเพียงทำท่าแปลกใจเล็กน
จ้อกแจ้ก จอแจ โป๊ก โป๊ก ปึงปัง “ทางนู้นเวที 2 เรียบร้อยรึยัง” “เออ เสร็จแล้วเว้ย ทันเวลาฉิวเฉียด” รถจี๊ปทหารแบบเปิดโล่งแล่นมาจอดตรงหน้าสถานที่จัดงานประมูลเฉพาะกิจ ตรงส่วนนี้เป็นพื้นที่หน้าค่ายทหาร ฟากหนึ่งเป็นแม่น้ำ ทางค่ายสร้างเต็นท์ขนาดใหญ่ 5 เต็นท์หลังคาผ้าใบสีขาวไว้ มีป้าย ‘งานประมูลค่ายซานตง ครั้งที่ 1’ ทางเข้า ช่างไม้ คนงาน และเหล่าพลทหารกำลังวุ่นวายเตรียมการ คาดว่าคงจัดทำกันข้ามคืน พรึ่บ! “ผู้พันเหอ ร้อยตรีเหอ” เหล่าทหารยศต่ำกว่าหันมาทำวันทยหัตถ์ตามระเบียบ “แหม ๆ ผู้พันเหอ มีข่าวคำสั่งโยกย้ายไม่นานถึงกับมีเลขาน้อยตามมาเลยนะ” คนพูดทำท่าจิกกัดเดินมาจากด้านในเต็นท์ ผู้พันเหอถึงกับหน้าเขียวคล้ำ ส่วนหลี่เหม่ยถิงทำหน้าเรียบเฉยสายตาภายใต้แว่นกรอบบางต่างจากทุกทีส่องประกายแข็งกร้าวชั่ววูบ “จุ๊ ๆ ไม่เบาเลยนะ” ท่าทางหยาบคายใช้สายตากวาดมองขึ้นลงบนตัวของหลี่เหม่ยถิง ทำเหอจิ้นเต๋อถึงกับเลือดขึ้นหน้า แม้ไม่ได้สนิทสนมกันแต่หลี่เหม่ยถิงนับว่าเป็นคนที่บิดาเขาพามา ทำแบบนี้เท่ากับหักหน้าผู้พันเหอชัด ๆ กึก เท้าที่กำลังจะก้าวออกไปหยุดเพราะแรงดึงทางด้านหลัง ผู้พันเหอส่
หลี่เหม่ยถิงเพียงหันมอง แต่เหอจิ้นเต๋อผู้มีตำแหน่งร้อยตรีไม่อาจนิ่งนอนใจ มาเยือนถิ่นผู้อื่นคงต้องแล้วแต่เจ้าบ้าน ทั้งสองเดินไปดูที่มาของเสียงและเป็นจริงตามแรงสังหรณ์ทิศทางเดินยิ่งก้าวยิ่งใกล้วิญญาณโชกเลือดเฮ้อ!“เกิดอะไรขึ้น ใครกล้ามาก่อเรื่องเขตทหาร” เสียงถามเข้มดุดันตามแบบทหารถามนายทหารชั้นผู้น้อยที่กำลังเข้าระงับเหตุ“รายงานครับ! ผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งว่าพ่อค้าและผู้ซื้อตกลงกันไม่ได้จึงเกิดการถกเถียงกันครับ”ความว่าพ่อค้านามเจิ้งหลี่เผิงและครอบครัว มาตั้งแผงขายแจกันโบราณมรดกตกทอดของปู่ทวด ตั้งราคาไว้ 250,000 หยวน ยืนยันว่าเป็นของสมัยราชวงศ์หมิงแจกันทรงสูงมีฝาปิด รูปทรงนั้นเหมือนกับเครื่องเคลือบสมัยราชวงศ์หมิง แต่พื้นผิวภายนอกกลับดูเป็นเพียงดินเผาธรรมดา มองแวบแรกใครต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ของปลอม’แต่ออร่ารวมถึงวิญญาณตามติด ทำให้เธอรู้ว่านี่คือ ‘ของจริง’หลี่เหม่ยถิงยกยิ้มมุมปากเพียงยืนรอรับชมเรื่องสนุก สายตากวาดประเมินท่าทีของผู้ซื้อแจกันที่คนทั่วไปลงความเห็นว่าไร้ราคา จะไปเข้าตาพ่อค้าของเก่าจนเกิดวิวาทได้ยังไง คงไม่ใช่มีเพียงแค่เธอเสียแล้วที่รู้คุณค่าของแจกันนี่เ
เสียงตื่นเต้นของอาวุโสจินปลุกความตื่นตัวของอาวุโสท่านอื่น ๆ ตอนแรกสีหน้าของอาวุโสจินจากฉงนสงสัย เปลี่ยนเป็นไม่แน่ใจ แล้วก็ตามมาด้วยตื่นเต้นปนตื่นตะลึง“มีอะไรเรอะเฒ่าจิน” ผู้อำนวยการฟานรีบเดินมาหา“ดูนี่ ตรงนี้” ศีรษะแซมขาวของสองผู้เฒ่าสุมรวมกัน ใบหน้าขยับจนจมูกแทบจะชนขอบแจกัน ดวงตาพยายามเบิกกว้าง “โอ้! นี่มัน นี่มัน” สองผู้เฒ่าหันไปพยักหน้าให้กันรัว ๆ ท่าทางตื่นเต้นแบบลืมวางมาดอาวุโสหมดสิ้นหลี่เหม่ยถิงก้าวเข้ามาในจังหวะนี้“ผู้อาวุโสทั้งสองมีคำแนะนำดี ๆ ให้ฉันไหมคะ ตอนได้แจกันนี้มาฉันก็กลัดกลุ้มเลือกไม่ได้ว่าจะจัดการอย่างไร เลือกทางใดก็เสียดายจริง ๆ ได้แต่ทอดถอนใจเชียวค่ะ”“อ่า…นั่นสิ น่าเสียดายอย่างว่าจริง ๆ ตาเฒ่าคิดว่าไง” ประธานฟานหันไปถามอาวุโสจิน“นี่…ไฮ้… ค่อยคิด ๆ”ท่าทางรู้กันเพียง 3 คน ทำเอาคนที่เหลือในโต๊ะแทบทนสงสัยต่อไม่ไหวแต่ไม่สามารถวางหน้าตนลงมาถามได้ จึงได้แต่นั่งไม่ติดเก้าอี้ “ผู้อำนวยการฟาน ผู้อาวุโสจิน แจกันนี่มีอะไรพิเศษเหรอครับ” เหอจิ้นเต๋อรับหน้าเป็นคนถามเพื่อหาทางลงให้กับเหล่าผู้อาวุโส“เพ้ย! เจ้าเด็กไม่รู้ความ แจกันนี่มันสมบัติของชาติชัด ๆ มันมีควา
อือ…“คุณหนู ฟื้นแล้วเหรอครับ” หยางฝูเหว่ยและเกาอี้นั่งรออยู่ในห้องพักพิเศษตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล สองหนุ่มผู้ดูแลลุกขึ้นเดินเข้าหาอย่างระมัดระวัง สายตาของหยางฝูเหว่ยมองเข้าไปในหน่วยลึกของดวงตาดอกท้อ ขนตาหนาเป็นแพกระพือถี่อย่างพยายามปรับโฟกัส ความหม่นในดวงตาค่อยกระจ่างขึ้น ถูกแทนที่ด้วยความมึนงง สับสน“เกิดอะไรขึ้นคะ?” ข้อมือเล็กพยายามขยับ แต่กลับไม่สามารถยกขึ้นได้ ความปวดตึงทำให้หลี่เหม่ยถิงหันไปมองทางข้อมือขวา เห็นว่ามันถูกพันธนาการติดกับขอบเตียง จึงย้ายสายตาสำรวจร่างกายทีละส่วนสมองเริ่มกระจ่างตามเวลาที่ผ่านไป ความทรงจำก่อนหมดสติไหลกระแทกกลับเข้ามา ลมหายใจอันเกิดจากห้วงอารมณ์รุนแรงกระชั้นถี่จนทรวงอกภายใต้ผ้าห่มที่คลุมร่างกายยุบขึ้นลง “คุณหนูพยายามคุมสติคุมอารมณ์ตามวิธีที่นักบำบัดบอกไว้ครับ” ผู้ช่วยหนุ่มกดเสียงให้ราบเรียบพูดอย่างใจเย็น มีเกาอี้ยืนหายใจไม่เต็มปอดอยู่ข้าง ๆพวกเขาต้องพยายามทำให้บรรยากาศสงบนิ่งที่สุด เพื่อไม่ให้กระตุ้นอารมณ์คุณหนูไปมากกว่านี้20 นาทีต่อมา การปรับอารมณ์ก็เป็นผล หยางฝูเหว่ยจึงแจ้งพยาบาล จากนั้นก็มีแพทย์มาตรวจจนเสร็จกระบวนการ ผ้ายึดข้อมือก็ถูกถอดออ
หากไม่มีคุณหนู ตระกูลหลี่ก็ไร้ความหมายสองสามีภรรยาต่างมองหน้าสื่อความแล้วแยกย้ายกันไปจัดการงานที่ได้รับมอบหมายคนละทาง“ผู้เฒ่าติงครับ ผมคิดว่าเราควรถือวิสาสะอ่านจดหมายที่เป็นต้นเหตุของอาการครับ พ่อบ้านติงครับไปเก็บของเถอะครับ เราจะไปกันเดี๋ยวนี้เลย ผมจะให้เกาอี้เอารถมารอรับด้านหน้า”ท่านผู้เฒ่ารับจดหมายที่ยับย่นจากมือหยางฝูเหว่ยมาอ่านอย่างรีบร้อน ยิ่งอ่านใบหน้าเหี่ยวย่นด้วยวัยชรายิ่งดำทะมึนขึ้นตามตัวอักษรแต่ละคำลักพาตัวเด็ก!!!“สารเลว! ชั่วชาติเอ๊ย!”ท่านผู้เฒ่าสบถด่าออกมาอย่างดุเดือด ใบหน้าแดงก่ำจากความดันพุ่งขึ้นสูง อยากปาจดหมายลงพื้นแล้วกระทืบซ้ำ เสียแต่คนที่เขาอยากจัดการดันชิงตายไปเสียก่อนคิดแล้วว่าหลี่ซีซวนอะไรนี่ไม่ใช่ตัวดี!นี่มันกากเดนมนุษย์ในคราบหมอยังมีหน้ามาอวดอ้างความดีความชอบ มันลักพาตัวเด็กมาชัด ๆ ถุย! ปกปิดความผิดมาตลอดชีวิตจนตัวตาย ยังไม่กล้าเผชิญหน้าความจริงสงสารก็แต่ศิษย์น้อย ตกเป็นเหยื่อของชายเห็นแก่ตัว ยิ่งมองไปยังสภาพของศิษย์รักท่านผู้เฒ่ายิ่งสะเทือนใจ ถิงเออร์คงเจ็บปวดทรมานมากที่มารับรู้ว่าโศกนาฏกรรมในชีวิตเกิดจากคนที่เธอรักเคารพที่สุดพ่อบ้านติง
ฮ่า ฮ่า ฮ่าติงหรูอี้หลุดเสียงหัวเราะสุขใจดังลั่นออกมา ไม่หลงเหลือหรือพยายามรักษาท่วงท่าสง่างาม หญิงกลางคนแทบจะลุกขึ้เต้นรำไปรอบห้อง‘มันไม่ใช่ลูกของหลี่ซีซวน ในที่สุดเธอก็ชนะผู้หญิงในใจคนนั้นแล้ว’หลี่เหม่ยหลินกลับมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมา สมองมึนตื้อไปหมด เธอถูกแม่บอกเล่ามาเสมอว่าหลี่เหม่ยถิงคือลูกชู้ ลูกของผู้หญิงที่ทำแม่ของเธอเสียใจความจริงแบบนี้ต้องให้เธอรู้สึกยังไงหลี่เหม่ยถิงไม่มีเวลามาสนใจปฏิกิริยาหรือความรู้สึกของใครทั้งนั้น ตาจดจ้องเพียงจดหมายในมือไล่อ่านทีละคำทีละบรรทัดจนพบข้อความต่อจากที่หลี่เหม่ยหลินอ่าน“ใช่แล้วถิงเออร์ ลูกไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อ แม้พ่ออยากจะให้เป็นสักแค่ไหนก็ตาม พ่อกับแม่ของลูกดำรงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนนี้ตลอดระยะเวลาที่แม่ของลูกตั้งครรภ์แล้วเธอไปฝากท้องที่โรงพยาบาลนั้นแต่พ่อของลูกไม่เคยปรากฏตัว พ่อที่แอบรักแม่ของลูกเงียบ ๆ ในใจก็ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้แม่ของลูกลืมผู้ชายคนนั้นเสีย เพราะทุกครั้งที่เธอพูดถึงสามีจะมีประกายตาแห่งความสุขไร้แววเศร้าหมอง เธอยังเชื่อมั่นจนลมหายใจสุดท้ายว่าเขาจะกลับมาหาวันที่ลูกเกิด
10 วันผ่านไป“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะคุณนายหลี่ เสียใจด้วยนะคะคุณหนูใหญ่ คุณหนูรอง”แขกที่มาร่วมงานพิธีเคารพศพของหลี่ซีซวนวันสุดท้ายมีมากกว่า 9 วันที่ผ่านมา แขกชายจากตระกูลต่าง ๆ ในเฉิงตูไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากมาย แต่ไม่ใช่อย่างนั้นกับแขกฝ่ายหญิงประโยคเน้นคำเรียกคุณนายหลี่ คือสิ่งที่ตอกย้ำติงหรูอี้ซ้ำ ๆ เป็นสิบเป็นร้อยเป็นพันครั้งเธอเหมือนโดนหลี่เหม่ยถิงถีบออกมายืนท่ามกลางผู้คน ให้คนเหล่านั้นรุมเย้ยหยัน ตบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากกัดฟันยิ้มสู้พอคล้อยหลังเธอ พวกสาวสังคมเหล่านั้นก็จับกลุ่มนินทาหัวเราะเยาะ เรื่องที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส มือเรียวเหล่านั้นชี้นิ้วมายังเธอด้วยอาการล้อเลียนติงหรูอี้ชำเลืองไปทางลูกเลี้ยงสาวด้วยสายตาอาฆาตปนแววสังหาร หลังจบงานนี้ไม่แน่หรอกนะว่าใครจะจัดการใคร‘อาอี้ อาจารย์ของนังเด็กนั่นไม่มีอำนาจอิทธิพลแน่ใช่ไหม ข่าวลือของเธอมันระงับไม่ได้เพราะมีคนคอยปล่อยข่าวซ้อนตลอดเลยนะ’ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจ เธอต้องมาคอยยืนเป็นตัวตลกในงานให้คนหัวเราะตลอด 10 วันเพราะนังเด็กนี่แท้ ๆ‘พี่ช่วยฉันจัดการหน่อย ฉันไม่อยากเก็บมันไว้ให้รกหูรกตาอีกแล้ว’ ในเม
หลังจากจัดการหลี่เหม่ยหลินให้อยู่เป็นที่เป็นทางแล้ว ความอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงก็กลืนกินทั่วร่างหลี่เหม่ยถิง จนเธอต้องเดินโซซัดโซเซไปหาจุดนั่งพัก ทางเดินของบันไดหนีไฟถูกเปิดออกร่างเล็กจ้อยนั่งขดตัวกอดเข่า ก้มหน้าปล่อยน้ำตาไหลอย่างเงียบเชียบ หยางฝูเหว่ยผู้แอบเดินตามหลังมารีบต่อสายหาเจ้านายอย่างเร่งด่วน“นายครับ คุณหนูแย่แล้ว” จากนั้นเขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นช่วงบ่ายวันนี้ให้ฉินเฟยหลงฟัง มีเกาอี้เดินขยับมายืนข้างกัน จากนั้นชายหนุ่มก็ก้าววิ่งเหยาะ ๆ ไปแง้มบันไดหนีไฟ ยื่นเพียงมือที่ถือโทรศัพท์เข้าไปด้านใน“หลี่เหม่ยถิง ผมอยู่นี่ เธอไม่ต้องกลัว”เสียงทุ้มอ่อนโยนดังผ่านลำโพงที่เปิดเสียงไว้ ดวงหน้าที่ซุกซบบนเข่าจึงเงยขึ้นไปมองยังที่มาของเสียง มือสั่น ๆ ยื่นไปรับโทรศัพท์มาถือไว้“พี่ พี่ใหญ่ฉิน คุณมาหาฉันหน่อยได้ไหม” เสียงสั่นไร้ความหนักแน่นเรียกหา ตัวคนที่ถูกขอร้องถึงกับใจกระตุก“เธอรอไม่นานหรอก ผมกำลังไป” จบประโยคหนักแน่นนั่น สายก็ถูกตัดทันที หลี่เหม่ยถิงได้แต่กอดมือถือไว้แนบอก ดวงตาเปียกชื้นไม่มีน้ำตาอีกต่อไป“ศิษย์น้อย เรากลับกันก่อนเถอะนี่ก็ดึกแล้ว” เธอน่าจะนั่งอยู่แบบนั้นนาน
โรงพยาบาลเอกชนฝูต้านับเป็นเรื่องปกติของโรงพยาบาลที่จะมีคนไข้ฉุกเฉินถูกนำตัวมาส่งได้ตลอดเวลา แต่คราวนี้พิเศษกว่าทุกครั้งเพราะคนไข้คือเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้เหล่าผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างได้รับการแจ้งเตือน คนไข้ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดหลังแพทย์เวรตรวจอาการเบื้องต้นศัลยแพทย์หัวใจมือดีที่สุดของโรงพยาบาลถูกตามตัวเร่งด่วน โชคดีที่เขาไม่มีคิวผ่าตัดเวลานี้ ไฟห้องผ่าตัดสีแดงสว่างจ้าแยงตาของหลี่เหม่ยถิงมานับชั่วโมง ดวงตาดอกท้อแดงก่ำจ้องเขม็งไปในทิศทางเดียว ไม่สนใจว่าจะมีใครอื่นเดินวนเวียนอยู่รอบตัวร่างกายบอบบางยืนพิงผนังปูนสีขาว สองแขนกอดอกแน่น รังสีมืดดำเย็นชาพาบรรยากาศยิ่งหนักอึ้งไม่มีใครกล้าขยับเข้าไปใกล้หยางฝูเหว่ยเป็นคนขับรถพาทุกคนในความดูแลของเขามาโรงพยาบาล สายตาคมติดแววกังวลในหน่วยลึกกวาดมองผู้คนพลุกพล่านรอบตัว มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงยืนจับกลุ่มกระซิบกระซาบกันทางหนึ่งติงหรูอี้ยืนเหยียดหลังตรงมีหลี่เหม่ยหลินร้องไห้กระซิกซบอกคนเป็นแม่ ท่านผู้เฒ่าติงกับพ่อบ้านติงนั่งอยู่ข้างกันบนเก้าอี้ที่พ่อบ้านฝูจัดหามาให้ พนักงานในโรงพยาบาล พยาบาล ผู้ช่วยหลายคนยืนชะเง้อยืดคอมองด้วย
“หลี่ซีซวนคนสารเลว คุณทำแบบนี้กับฉันและลูกได้ยังไง ต่อไปเราจะกล้าเงยหน้ามองใครได้อีก” พอตั้งสติได้คุณผู้หญิงของบ้านก็ลงมือตบตีประมุขของบ้านพัลวัน ชายผู้ยังรู้สึกผิดก็ยืนนิ่งให้ภรรยาทุบตีฉีฟ่านเข้ามาแยกทั้งสองคนออกแล้วจึงแนะนำให้ขึ้นไปคุยกันต่อบนห้องหนังสือ“ตอนนั้นคุณรับปากแล้วว่าจะไม่มีวันพูดเรื่องนี้กับใคร แค่ที่เราแต่งงานกันแต่คุณไม่ยอมจดทะเบียนยังเป็นการลงโทษฉันไม่พอรึไง ทำไมคุณถึงยังพูดมันออกมา ทำไม“ ติงหรูอี้ที่คุมอารมณ์ไม่อยู่ ถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ“ถ้าคุณไม่วางยาผม เรื่องมันจะเกิดขึ้นรึไงกันล่ะ ตอนนั้นผมให้คุณมาเป็นแค่พยาบาลพี่เลี้ยงถิงเออร์เท่านั้นนะ อย่าลืมสิ แล้วที่ผมยอมแต่งเพราะคุณท้อง พี่ชายคุณมาขอร้องให้ช่วยรักษาหน้าของตระกูลติง เราถึงแต่งกันแค่ในนาม ข้อตกลงก็ร่างเป็นสัญญาเก็บไว้ไม่ใช่หรือไง”หลี่ซีซวนยังคงยึดถือข้อตกลงเดิมมาพูดถึง“เวลานานขนาดนี้แล้วคุณไม่คิดเปลี่ยนใจจะสร้างครอบครัวกับฉันบ้างเลยงั้นเหรอ ฉันทั้งดูแลคุณ ดูแลบ้าน ดูแลลูก ๆ ให้คุณ คอยสนับสนุนคุณทุกอย่าง” ติงหรูอี้ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเขาไม่คิดจะอ่อนลงเลย“ผมบอกคุณแล้วว่า ไม่รักก็คือไม่รัก คุณก็ยังรั้
สวีอวี้เจ๋อมอบตัวแต่…คนที่เขาซัดทอดไปได้เป็นเพียงชายที่ชื่อปู้ข่าย หรือหมีดำฉายาที่คนบนท้องถนนเรียกเขา ชายคนนี้รับงานเป็นนายหน้าจัดการเรื่องสกปรกต่าง ๆ ให้กับใครก็ตามที่พร้อมจ่ายเงินให้ปู้ข่ายถูกจับกลับมากับพรรคพวกอีก 4 คน น่าเสียดายที่เบาะแสสะดุดหยุดลงตรงนี้อีกครั้งหมีดำรับงานไม่เป็นหลักแหล่งแน่ชัด ติดต่อผ่านทางเบอร์โทรที่ส่งต่อกันเฉพาะคนรู้จักหรือลูกค้าเก่าแนะนำมา รับเงินมัดจำครึ่งหนึ่งโดยโอนเข้าบัญชีธนาคารที่เขาระบุหมายเลขไปให้ ส่วนที่เหลือจ่ายหลังจากเขาส่งหลักฐานการทำงานก่อนลงมือขั้นสุดท้ายไปให้ หากลูกค้าเบี้ยวเขาก็จบงานไม่ทำต่อ“นี่คุณตำรวจผมบอกแล่วไง ว่าไม่รู้ ทำไปแค่นึกสนุกอยากฆ่าคนเล่นสุ่มไปเรื่อย คนจงคนจ้างไม่มีหรอก” ปู้ข่ายยังพยายามเล่นลิ้นน้ำเสียงยียวน“ถ้าไม่มีผู้จ้างวานเท่ากับนายอยู่เบื้องหลังทั้งหมด จะรับสารภาพตามนี้หรือเปล่าล่ะ ถ้ารับก็เซ็นเอกสารนี่นายได้ติดคุกหัวโตแน่” มือคล้ำแดดของนายตำรวจรุ่นใหญ่เลื่อนกระดานหนีบเอกสารไปฝั่งตรงข้าม ขณะที่เขากดหยุดเทปบันทึกคำให้การไปด้วย‘ก็แค่ติดคุก ทำอย่างกับเขาไม่เคยติด แค่ข้อหาจ้างวานกับพยายามฆ่า ลองหาพรรคพวกวิ่งเต้นนิดห
3 วันต่อมา“แชมป์เป็นคนของเฉิงตู ก็ต้องเป็นแชมป์ของเฉิงตูสิ”“แต่แชมป์ไปเรียนที่ซานซี สอบก็ส่งชื่อในนามของซานซี ก็เป็นแชมป์ของซานซีถูกแล้ว”“หลีกทางหน่อย ๆ ขอพบนักเรียนหลี่เหม่ยถิงหน่อยครับ”“เฮ้ย อย่าเบียดเข้ามาสิวะ”“เฉิงตูเดลี่ขอสัมภาษณ์นักเรียนหลี่เหม่ยถิงและครอบครัวหน่อยครับ”ฝูหย่งอันมองภาพความวุ่นวายหน้าประตูรั้วนอกบ้านด้วยสายตาภาคภูมิ ดูสิคุณหนูของบ้านเขาเก่งกาจขนาดไหน แม้แต่ผู้ว่าการสองมณฑลยังมายื้อแย่งผลสอบเกาเข่าอย่างเป็นทางการออกแล้ว!“คุณผู้ชายจะให้จัดการข้างนอกอย่างไรดีครับ มีผู้ว่าการมณฑลมาพร้อมธงประกาศเกียรติยศ นักข่าวมาขอสัมภาษณ์ แล้วก็คนจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งมาขอพบคุณหนูใหญ่” พ่อบ้านชรากลับเข้ามายังห้องโถงใหญ่ของบ้าน ตอนนี้เจ้านายทุกคน รวมถึงอาจารย์และคุณผู้ดูแลของคุณหนูก็มากันครบ“ถิงเออร์ลูกเก่งมาก พ่อภูมิใจในตัวลูกมากจริงๆ ลูกจะให้จัดการยังไงวันนี้ปล่อยให้ลูกตัดสินใจได้เลย” หลี่ซีซวนออกปากชมไม่หยุด ท่าทางตื่นเต้นหน้าแดงมีเลือดฝาด รอยยิ้มกว้างไม่เคยหดหายนับตั้งแต่หลี่เหม่ยถิงเช็กผลคะแนนสอบเมื่อเช้าหลี่เหม่ยถิงยิ้มรับคำชมจนตาปิด วันนี้เธอใช้แว่นตากรอบบาง