Share

หมู่บ้านชาวนา

หลังจากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ค่ายทหารหมิงอี้ต้องเผชิญกับความเสียหายหลายจุด เสบียงอาหารที่เคยมีสำรองไว้กลับลดลงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่เส้นทางการขนส่งถูกทำลาย น้ำท่วมยังสร้างความเสียหายต่อการกักเก็บเสบียงจนเกิดปัญหาใหญ่

ลู่หยวนฮวาเดินสำรวจไปรอบค่าย สายตาของนางมองเห็นความเหนื่อยล้าของทหารที่ต่างก็ทำงานอย่างหนักในการซ่อมแซมค่าย บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบงันและตึงเครียด เสียงพูดคุยที่เคยคึกคักกลับเหลือเพียงการกระซิบเบาๆ เมื่อเผชิญกับความกังวลเรื่องเสบียงอาหารที่ลดน้อยลงทุกที ทหารแต่ละคนแสดงออกถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ทั้งเรื่องอาหารและความอยู่รอด

หญิงสาวรู้ว่าหากเสบียงหมดลงในช่วงที่ถนนหนทางยังขาด ค่ายทหารแห่งนี้อาจจะไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

ด้วยความที่เป็นคนท้องที่ ถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้เข้าไปในตัวเมืองแต่นางก็รู้จักแหล่งเสบียงของเมืองดี นางตัดสินใจอาสาออกเดินทางไปยังหมู่บ้านชาวนาที่อยู่ไม่ไกลจากค่าย โดยหวังว่าจะสามารถติดต่อซื้อเสบียงหรือของใช้ที่จำเป็นจากชาวบ้านได้

“ข้าจะขออนุญาตท่านแม่ทัพออกเดินทางไปหมู่บ้านชาวนาที่อยู่ไม่ไกลนัก” ลู่หยวนฮวากล่าวกับจางชิงหยวน ขณะที่ทั้งสองยืนมองดูทหารทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย

“หมู่บ้านชาวนามักจะมีอาหารพื้นฐาน ข้าว ผัก ผลไม้ เราอาจจะได้เสบียงเพิ่มมากพอสำหรับทหารที่นี่”

จางชิงหยวนมองลู่หยวนฮวาด้วยแววตาครุ่นคิด แม้จะชื่นชมความกล้าหาญและการเสียสละของนางจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่ในใจเขายังคงมีความระแวดระวัง เขายังไม่สามารถมอบความไว้วางใจให้นางได้อย่างเต็มที่ ความลับที่นางอาจซ่อนอยู่ยังคงรบกวนใจเขา

“เส้นทางไปหมู่บ้านนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค” เขากล่าวเสียงเข้ม สายตาไม่ละไปจากนาง “พายุทำให้เส้นทางหลายแห่งถูกตัดขาด น้ำท่วมยังไม่ลดลง และบางจุดก็มีดินถล่มปิดกั้นทาง เจ้าเป็นสตรี ข้าไม่อาจให้เจ้าเดินทางไปเพียงลำพังได้”

“ข้ารู้ดีว่าเส้นทางนั้นอันตราย” นางตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แต่หากเราไม่ทำอะไรเลย เสบียงก็จะไม่มี และความหวังของพวกเราก็จะยิ่งริบหรี่ลงทุกที”

จางชิงหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “งั้นข้าจะเดินทางไปกับเจ้า ข้าจะไม่ปล่อยให้คนของข้าไปเสี่ยงคนเดียว”

แม้คำพูดนี้จะออกจากปากจางชิงหยวนด้วยเจตนาที่ชัดเจนในฐานะแม่ทัพที่ต้องปกป้องคนของตนเอง แต่ลู่หยวนฮวากลับรู้สึกถึงความหมายอื่นที่แฝงอยู่ หัวใจของนางเริ่มสั่นไหว ความอบอุ่นเล็กน้อยแทรกซึมเข้ามาในใจอย่างไม่รู้ตัว

แสงอ่อนยามเช้าทาบทอลงบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยดินโคลนและก้อนหินเปียกจากพายุ ลู่หยวนฮวาและจางชิงหยวนเริ่มออกเดินทางโดยที่ลำธารข้างหน้ากำลังไหลเชี่ยวกราก น้ำเย็นเฉียบไหลเอ่อขึ้นมาถึงข้อเท้า จางชิงหยวนหันมองลู่หยวนฮวาที่เดินเคียงข้างเขา

“เจ้าพร้อมหรือยัง?” เขาถามเสียงทุ้ม พร้อมกับแววตาที่แฝงความห่วงใย แม้จะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ

ลู่หยวนฮวาพยักหน้ารับเบาๆ นางก้าวตามเขาลงไปในน้ำอย่างระมัดระวัง ความเย็นของน้ำช่างตัดกับอากาศที่เริ่มอุ่นขึ้นแต่หัวใจของนางยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

นางรู้สึกได้ว่าร่างสูงใหญ่ของจางชิงหยวนนั้นกลายเป็นโล่กำบังที่นางไม่เคยคาดหวังมาก่อน แต่ตอนนี้กลับทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก

กระแสน้ำเย็นกรากเบียดเสียดกับข้อเท้าทั้งสองอย่างไม่ปรานี ลู่หยวนฮวาพยายามรักษาสมดุลในทุกก้าวที่เดิน จังหวะการหายใจเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเส้นทางที่เคยดูง่ายกลับท้าทายมากขึ้น ยิ่งเดินเข้าไปในเส้นทางลำบาก นางก็ยิ่งรู้สึกถึงแรงดันที่เพิ่มขึ้นมาจากกระแสน้ำ

จางชิงหยวนหยุดยืนตรงจุดที่น้ำเริ่มเชี่ยว เขาหันไปมองนางด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความห่วงใยซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเคร่งขรึม นางที่พยายามเดินตามเขามาก็เริ่มหายใจแรง เหงื่อที่ไม่รู้ว่ามาจากความเหนื่อยหรือความตึงเครียดเริ่มปรากฏขึ้นบนหน้าผากของนาง

“ข้าว่าเราพักกันสักหน่อยก่อนเถอะ” เขากล่าวโดยไม่รอให้นางตอบ

ลู่หยวนฮวาลอบถอนหายใจเมื่อได้ยินคำนั้น นางหยุดยืนข้างเขา มองดูกระแสน้ำที่กลายเป็นสีเข้มเพราะดินโคลนพัดพามาด้วย

หญิงสาวพิงร่างที่เริ่มอ่อนล้าลงกับต้นไม้ใหญ่ รู้สึกถึงความอบอุ่นเล็กน้อยจากแสงแดดที่เริ่มส่องลอดกิ่งไม้ แต่ในขณะเดียวกัน นางก็ยังรู้สึกถึงสายตาที่คอยมองนางอยู่ตลอดเวลา จางชิงหยวนอาจจะยังไม่เชื่อใจนางอย่างเต็มที่ แต่นางสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่แฝงอยู่ในทุกการกระทำ

กระแสน้ำเชี่ยวกรากยังคงไหลผ่านเสียงดัง น้ำเย็นเฉียบพัดวนอยู่รอบเท้าของพวกเขา

“ดูเหมือนเราจะต้องพักที่นี่สักคืน รอให้น้ำลดก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อ”

ลู่หยวนฮวาไม่พูดอะไร นางเพียงพยักหน้าเล็กน้อย นางไม่คิดจะปฏิเสธคำแนะนำของแม่ทัพหนุ่ม ในเมื่อสภาพแวดล้อมตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยที่จะข้ามไปยังหมู่บ้านที่อยู่อีกฟากฝั่ง

พวกเขาเริ่มหาที่พักสำหรับคืนนี้ ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีร่มเงาหนาทึบ จางชิงหยวนก่อกองไฟขึ้นอย่างคล่องแคล่วด้วยทักษะการเอาตัวรอดในป่า กิ่งไม้แห้งถูกเขาหักออกและโยนลงไปในกองฟางเล็กๆ ที่ก่อขึ้น สะเก็ดไฟเล็กๆ พุ่งกระจายก่อนที่กองไฟจะลุกขึ้น ลู่หยวนฮวานั่งลงข้างกองไฟ ยกมือขึ้นอังความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากเปลวไฟ

ความเงียบที่เข้าครอบงำในยามนี้ทำให้จิตใจของนางกลับมาเต้นแรง นางพยายามทำตัวให้สงบ แต่ความเงียบนี้กลับทำให้ความคิดในใจนางสับสนยิ่งขึ้น กองไฟที่ลุกโชนให้ความอบอุ่น แต่กลับไม่สามารถคลายความหนาวเย็นในใจของนางได้เลย

“ข้าไม่คิดว่าท่านจะออกมาช่วยข้าแบบนี้” นางพูดออกมาเบาๆ สายตายังจ้องกองไฟอยู่ ไม่กล้าหันไปมองเขาตรงๆ

หลังจากคำถามของลู่หยวนฮวาดังขึ้น ความเงียบเข้ามาแทนที่เพียงชั่วครู่ จางชิงหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้าที่มักจะดูเยือกเย็นและนิ่งเฉยกลับแฝงไปด้วยความลังเลอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกที่เขาไม่เคยคิดจะใส่ใจมาก่อนกลับเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วน แม่ทัพหนุ่มขยับมือขึ้นมาเกาท้ายทอยเบา ๆ พลางมองออกไปยังลำธารเบื้องหน้า หลีกเลี่ยงการสบตากับนาง

“ก็... ข้าไม่อยากให้ใครมาโทษข้าว่าปล่อยเจ้าไปลำบากเพียงคนเดียว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่แน่ใจนัก และรู้สึกได้ทันทีว่านี่ดูเป็นข้อแก้ตัวที่ไม่เข้าท่านัก

คำตอบนั้นทำให้ลู่หยวนฮวาแอบเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ใบหน้าของจางชิงหยวนแม้ยังคงเย็นชา แต่ลมหายใจสั้นๆ ที่สะท้อนผ่านไหล่ของเขาแสดงให้เห็นถึงความพยายามกลบเกลื่อนความสับสนภายในใจ

ความเงียบเข้ามาแทนที่ เสียงของลมที่พัดผ่านใบไม้และเสียงน้ำในแม่น้ำกลับมาเป็นเสียงหลักในบรรยากาศ แต่ครั้งนี้มันไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเหมือนก่อนหน้านี้ ลู่หยวนฮวานั่งนิ่งข้างเขา ปล่อยให้คืนที่มืดมิดนี้ค่อยๆ ผ่านไป โดยไม่ต้องเติมเต็มด้วยคำพูดหรือคำถามที่อาจทำให้ทุกอย่างซับซ้อนเกินไป

กองไฟที่เคยลุกโชนเริ่มมอดลง ส่งแสงสีส้มเรืองรองเพียงเล็กน้อย ลู่หยวนฮวามองดูเปลวไฟที่ยังคงลุกไหม้เพียงแผ่วเบา เงาของพวกเขาทั้งสองทอดยาวอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ แม้ว่าความใกล้ชิดในครั้งนี้จะทำให้นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในความใกล้ชิดนี้มีบางอย่างที่นางไม่คาดคิดมาก่อน ความรู้สึกอุ่นใจจากการมีจางชิงหยวนอยู่เคียงข้างทำให้ลู่หยวนฮวารู้สึกปลอดภัย

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status