จางชิงหยวนเคลื่อนไหวอย่างดุดัน ดาบในมือของเขาวาดผ่านอากาศอย่างรวดเร็วป้องกันการโจมตีของศัตรูที่พุ่งเข้ามาหาอย่างไม่หยุดยั้ง ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทหารฝ่ายศัตรูหลายคนเข้าล้อมรอบเขา แม้เขาจะพยายามต่อสู้อย่างสุดกำลัง แต่ศัตรูก็มีจำนวนมากเกินไป เขาถูกฟันเข้าที่แขนซ้าย รอยแผลเปิดออกกว้างและเลือดสีแดงสดทะลักออกมาเปื้อนแขนเสื้อของเขา แต่จางชิงหยวนไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย"ไปซ่อนตัวให้ไกลกว่านี้!" เขาตะโกนสั่งเสียงเข้ม ลู่หยวนฮวารู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นตระหนก นางรู้ดีว่าต้องฟังคำสั่งของเขา แต่ก็ไม่อาจทิ้งเขาไปได้ นางยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ พลางมองดูจางชิงหยวนต่อสู้กับศัตรูอีกหลายคนที่ยังคงพุ่งเข้ามาดาบในมือขวาของเขาวาดผ่านอากาศเป็นเส้นสายเฉียบคม ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังและความมั่นคง จนในที่สุด ทหารศัตรูคนสุดท้ายก็ล้มลงกองกับพื้น เลือดไหลนองรอบตัวพวกเขาจางชิงหยวนยืนหอบหายใจหนัก แขนซ้ายของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่ยังคงไหลออกจากบาดแผล แต่เขายังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง ไม่ยอมแสดงความเจ็บปวดออกมาแม้แต่น้อย"ท่าน... ท่านบาดเจ็บ!" ลู่หยวนฮวาตะโกนออกมาด้วยความตกใจ นางรีบวิ่งเข้าไปห
ภายในจวนใหญ่โตโอ่อ่าของ “เหมิงชาง” เจ้าเมืองหมิงอี้นั้นกำลังจัดเตรียมงานเลี้ยงขอบคุณท่านแม่ทัพจางชิงหยวนอย่างยิ่งใหญ่ งานที่ถูกจัดขึ้นไม่ได้มีเพียงเป้าหมายในการแสดงความขอบคุณเพียงเท่านั้น แต่เบื้องหลังคือแผนการที่ถูกวางไว้อย่างแนบเนียนเหมิงชางพยายามเก็บซ่อนเจตนาที่แท้จริงไว้ลึกในใจ ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มขณะคอยกำชับข้ารับใช้ให้เตรียมงานอย่างดีที่สุด แต่ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ของเขา ความหวังที่จะเห็นแผนการที่เขาวางร่วมกับบุตรสาว เหมิงอวี้ เป็นจริงในคืนนี้แผนการนี้ไม่ใช่เพียงการแสดงความยินดีที่กองทัพต้าหยางมารักษาความสงบในเมืองหมิงอี้ แต่เป็นแผนที่เหมิงอวี้ บุตรสาวผู้ทะเยอทะยานของเขา ได้ผลักดันให้เกิดขึ้นเหมิงอวี้พร่ำบอกตัวเองและพ่อของนางซ้ำ ๆ ว่าจางชิงหยวนคือกุญแจสู่ความสำเร็จและอำนาจที่นางโหยหา ชายผู้เป็นทั้งแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่และหนทางที่จะนำพานางและตระกูลเหมิงไปสู่ความรุ่งเรือง“ท่านพ่อ งานเลี้ยงคืนนี้ต้องเป็นไปตามแผนที่ข้าวางไว้ จางชิงหยวนจะต้องเห็นว่าข้าเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา ข้ามั่นใจว่าหลังจากนี้เราจะได้ครองอำนาจทั้งในหมิงอี้และแคว้นต้าหยาง”
ลู่หยวนฮวายืนอยู่ริมสวนนอกงานเลี้ยง ขณะที่บรรยากาศภายในงานยังคงคึกคัก แต่หัวใจของนางกลับไม่อาจสงบลงได้ ราวกับมีบางสิ่งที่ผิดปกติแผ่ซ่านอยู่รอบตัวและแล้ว...ภาพนิมิตที่ไม่คาดฝันก็ปรากฏขึ้น ลู่หยวนฮวาเห็นจางชิงหยวน มือของเขาจับจอกเหล้าไว้แน่น ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปช้าๆ เข้าหาขอบจอกที่บรรจุเหล้าผสมยาปลุกกำหนัด เมื่อเหลวสีอำพันนั้นกำลังจะไหลผ่านลำคอ ทุกอย่างในนิมิตก็ดูหม่นหมองลง ราวกับโลกทั้งใบกำลังจะถล่มลงมาจากนั้นภาพที่น่ากลัวที่สุดก็เกิดขึ้น ร่างของจางชิงหยวน ผู้ที่นางเคยเห็นแต่ในบทบาทของนักรบผู้เก่งกล้า กลับถูกพิษจากยาเล่นงาน จนเขาค่อยๆ ถลาไปทาบทับบนร่างของเหมิงอวี้ หญิงสาวที่ยิ้มอย่างมีชัยในนิมิตนั้น ถือเป็นภาพความใกล้ชิดที่ไม่ควรเกิดขึ้น มันทำให้หัวใจของลู่หยวนฮวาเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมาริมฝีปากหนานั้นกำลังหว่านพรมความร้อนไปตั้งแต่ซอกหูและซอกคองามระหงของเหมิงอวี้ และเห็นส่วนที่เชื่อมโยงกันบีบรัดอย่างเร่าร้อน สะโพกแกร่งตบเข้าออกอย่างรุนแรง ถึงลู่หยวนฮวาจะไม่เคยมีประสบการณ์แต่ว่านางก็หาใช่คนที่ไม่รู้ความความคิดของหญิงสาวกำลังตีกันยุ่งเหยิง ภาพเหล่านั้นทำให้นางรู้สึกเหมือนเวลาหยุดเ
"ข้าเชื่อเพียงคำพูดของคนของข้าเท่านั้น" จางชิงหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ขณะก้าวเข้ามายืนเคียงข้างลู่หยวนฮวา ราวกับเพื่อยืนยันความเชื่อมั่นของเขา เขาใช้นิ้วเชยคางนางขึ้นเบาๆ ให้สายตาของทั้งสองได้สบกัน ความคิดแผ่วเบาแล่นเข้ามาในหัวใจของเขาอย่างไม่ทันรู้ตัวฮวาเอ๋อร์ ข้าอยากเห็นความจริงใจของเจ้า...ผ่านดวงตาคู่งามคู่นี้สายตาคมของเขาจับจ้องไปยังลู่หยวนฮวา แม้ใบหน้านางจะแฝงความกังวลและความสับสน แต่ในแววตาสีนิลที่มองกลับมานั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น จางชิงหยวนรู้ทันทีว่านางพูดความจริง มันไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูดที่ออกจากปาก แต่มันสะท้อนผ่านสายตาที่ไม่อาจปิดบังน้ำเสียงของเขาทำให้ทั้งงานหยุดนิ่ง ทุกสายตาจับจ้องมาที่แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งในตอนนี้ยืนเคียงข้างหญิงสาวที่ถูกกล่าวหา ราวกับสิ่งที่เขาตัดสินใจเป็นความจริงแท้ที่ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง แม้แต่เหมิงชางที่เคยโกรธเกรี้ยวก็ต้องชะงัก หยุดชั่งใจในคำพูดของตนเองลู่หยวนฮวารู้สึกถึงแรงกดดันที่ค่อยๆ หายไปในทันทีที่จางชิงหยวนออกตัวปกป้องนางความอบอุ่นและความมั่นใจจากเแผ่ซ่านเข้ามา หญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มไว้ในเกราะแห่งความปลอดภัย แม้ว่าความก
จางชิงหยวนเดินนำลู่หยวนฮวาออกมาจากงานเลี้ยงที่แสนตึงเครียด พวกเขาเดินขนาบข้างกันอย่างเงียบๆ จนกระทั่งมาถึงริมลำธารเล็กแห่งหนึ่ง ที่มีเพียงเสียงน้ำไหลและเสียงลมที่พัดผ่าน เป็นที่ที่เงียบสงบจากความวุ่นวายทั้งหมด ความสงบนี้กลับยิ่งทำให้ความรู้สึกในใจของทั้งคู่ดังขึ้นเรื่อยๆลู่หยวนฮวาเดินตามหลังจางชิงหยวน นางรู้สึกโล่งใจที่เขาพานางออกมาจากสถานการณ์กดดันที่ต้องเผชิญ แต่ขณะเดียวกันนางก็รู้สึกถึงความอึดอัดที่เกาะกินในหัวใจความคิดวนเวียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงลงสู่ห้วงลึก หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความเปราะบางภายในตัวเอง และนั่นยิ่งทำให้รู้สึกสับสนเมื่ออยู่ต่อหน้าจางชิงหยวน ชายผู้ที่นางเคยคิดว่าเป็นเพียงเจ้านาย แต่บัดนี้ ความรู้สึกที่มากกว่าเดิมกำลังก่อตัวขึ้นจางชิงหยวนหยุดเดินและหันมามองนาง แววตาของเขาเปลี่ยนไป ไม่ได้แสดงถึงความเย็นชาที่เช่นเคย แต่มันกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความเข้าใจและมันยังแฝงไปด้วยความสงสัย"หยวนฮวา ทำไมเจ้าถึงช่วยข้าไว้?" จางชิงหยวนถามขึ้น แม้คำถามจะดูเรียบง่าย แต่กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบงันลงทันทีลู่หยวนฮวาสะดุ้งเล็กน้อย นางเงยหน
หลายวันจากวันที่ส่งจดหมายออกไป จิ่งซื่อก้าวเข้ามาในกระโจมของจางชิงหยวนอย่างเงียบๆ หลังจากใช้เวลาหลายวันสืบหาความจริงเกี่ยวกับตระกูลลู่ "ท่านแม่ทัพ นี่คือข้อมูลที่ท่านต้องการขอรับ" พลทหารหนุ่มกล่าว พร้อมยื่นม้วนกระดาษให้กับจางชิงหยวนจางชิงหยวนรับม้วนกระดาษและคลี่ออกอ่าน ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉย แต่ลึกลงไปในน้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความกังวลที่ยากจะปิดบัง "คำสาปร้าย... คำสาปแบบไหนกัน?" เขาถามเสียงต่ำ แต่หนักแน่น"เป็นคำสาปที่กล่าวกันว่ามีพลังทำลายล้าง หากอยู่ใกล้ผู้ต้องคำสาป จะถูกดึงดูดเข้าสู่หายนะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..." จิ่งซื่อตอบด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง สายตาของเขาลอบมองจางชิงหยวนที่ยืนเงียบงัน แต่ไม่อาจอ่านความคิดจากสีหน้าที่นิ่งสงบของแม่ทัพได้นางกำลังปิดบังเรื่องนี้จากข้า?ความคิดนั้นผุดขึ้นในใจของจางชิงหยวน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและช้า สายตาจับจ้องม้วนกระดาษในมือ ราวกับมันเป็นกุญแจที่ไขไปสู่คำตอบทุกอย่างที่เขากำลังตามหา"ข้าต้องรู้ว่านางกำลังปิดบังอะไรข้าบ้าง ข้าต้องการความจริง...และเชื่อว่ามันไม่ได้มีเพียงเรื่องนี้"จิ่งซื่อพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ข้าจะสืบหาควา
ตำนานคำสาปของตระกูลลู่เป็นเรื่องเล่าที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นมานานหลายศตวรรษ เรื่องราวของคำสาปนี้เริ่มต้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน โดยมีบรรพบุรุษของตระกูลลู่ชื่อว่า “ลู่เฉินหยวน” ผู้เคยรับใช้แคว้นต้าหยางอย่างซื่อสัตย์ แต่กลับกลายเป็นบุรุษผู้ที่ก่อการทรยศต่อแคว้นและแผ่นดินที่เขาเคยปกป้องในเวลานั้น ลู่เฉินหยวนเป็นกุนซือคนสำคัญของกองทัพต้าหยาง ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะกลายเป็นไส้ศึกที่นำความหายนะมาสู่แคว้นของตนเองความทรยศของเขานำไปสู่ความพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่ของแคว้นต้าหยาง กองทัพของต้าหยางถูกทำลายล้างและเหล่าทหารนับพันต้องสูญเสียชีวิตในการรบหลังจากการพ่ายแพ้ครั้งนั้น ผู้คนในแคว้นต้าหยางต่างโศกเศร้าและเคียดแค้นต่อการทรยศของลู่เฉินหยวน เหล่าทหารและครอบครัวที่สูญเสียคนรักและผู้เป็นที่พึ่งต่างสาปแช่งเขาและตระกูลลู่ ความแค้นที่เกิดจากการสูญเสียผู้เป็นที่รักในสงครามครั้งนั้นนำมาซึ่ง คำสาปแห่งความรักที่จะติดตามลูกหลานของตระกูลลู่ไปชั่วกาลนานคำสาปนี้กล่าวไว้ว่า "ผู้ใดในตระกูลลู่ที่เกิดมีความรัก ย่อมต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย" หากไม่สูญเสียคนรักด้วยความตาย ก็ต้องมีเหตุให้พลัดพ
ภายในหอบรรพชนอันเงียบสงัดของตระกูลลู่ แสงเทียนริบหรี่สะท้อนแสงวูบไหว เผยให้เห็นเงาร่างระหงของหญิงสาวผู้หนึ่งลู่หยวนฮวา ยืนอยู่ท่ามกลางกลิ่นธูปหอมที่อบอวลในอากาศ ชุดอาภรณ์สีม่วงอ่อนปักลายดอกเหมยกุ้ยสวยงามโอบล้อมร่างกายของนางด้วยความละมุนละไม ดวงตาสีนิลคู่งามจับจ้องไปยังแท่นบูชาบรรพบุรุษตรงหน้า แสงไฟจากเปลวเทียนอันอ่อนโยนสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่งดงามของนาง แต่กลับแฝงด้วยความโศกเศร้าอย่างลึกล้ำเสียงธูปไหม้ดังเบาๆ ในห้องบูชา แต่มันไม่ได้ทำให้หัวใจของลู่หยวนฮวาสงบ ย้อนกลับไปนึกถึงวันที่ทุกอย่างยังคงสดใส วันเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่นในครอบครัว วันที่นางและพี่ชายยังคงใช้เวลาร่วมกันในสวนดอกไม้หลังจวนตระกูลลู่ เสียงหัวเราะและคำพูดอ่อนโยนยังคงดังอยู่ในความทรงจำของนางในวัยสิบสี่หนาว ลู่หยวนฮวานั่งเล่นอยู่บนม้านั่งหินในสวนดอกไม้ สายลมพัดผ่านใบหน้าของนางพร้อมกับกลีบดอกไม้ที่โปรยปรายลงมา นางยิ้มรับกับความสวยงามของโลกใบนี้โดยไม่รู้ถึงความมืดมนที่กำลังจะมาถึง นางมีความสุข และหัวใจของนางเต็มไปด้วยความหวัง“ฮวาเอ๋อร์ เจ้ามานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้?” เสียงทุ้มนุ่มของลู่หยางดังขึ้นจากด้านหลัง นาง