สายลับสาวบ่นอย่างหัวเสีย...ทำไมต้องมาเกิดปัญหาในเวลาค่ำคืนบนถนนสายเปลี่ยวแบบนี้ ร่างบางดับเครื่องยนต์และรีบเปิดประตูลงไปดูเบื้องล่างก็เห็นยางล้อหลังด้านคนขับบี้แบนติดถนน อลินทิราก้ม ๆ เงย ๆ มองรถเจ้าปัญหาผ่านแสงไฟริมทางในยามวิกาลโดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าใครเดินมาหยุดอยู่เบื้องหลัง
“รถมีปัญหาหรือ...จะให้ฉันช่วยมั้ย ออโซลย่า?”
ร่างแน่งน้อยชะงักกึกขณะย่อตัวลงดูยางรถเมื่อเสียงดุห้าวดังกังวานขึ้น จารชนสาวค่อย ๆ ยืดลำตัวยืนตรงก่อนหันไปด้านหลังเพื่อจะพบชายร่างสูงใหญ่ใบหน้าเหี้ยมที่ทำเธอแทบลืมหายใจ
“เฟลรอฟ!” อลินทิราอุทานออกมาจากลำคอแห้งผาก เฟลรอฟยืนห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เขามาพร้อมกับชายอีกคนที่เธอเห็นบนดาดฟ้าเรือยอชต์ ไพรซ์ในคืนนั้น นักฆ่ามือหนึ่งแห่งไซออนเนตกระตุกยิ้มอำมหิต
“เธอยังจำฉันได้หรือ...นึกว่าจะลืมคนที่เธอตั้งใจจะฆ่าให้ตายแล้ววันนั้น!”
“เฟลรอฟ...ฉันแน่ใจว่าที่แกมาเจอฉันที่นี่ มันไม่ใช่เหตุบังเอิญแน่”
อลินทิราพูดเสียงลอดไรฟันขณะที่อีกฝ่ายยักไหล่ “หึ...อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ใครจะไปรู้ว่าบางทีมันก็อาจจะมาจากความตั้งใจ!”
เฟลรอฟยิ้มเยาะขณะยกปลายกระบอกปืนพกขึ้นมาเคาะบนขมับ และนั่นเองทำให้เธอรู้ว่ายางรถเมอร์เซเดสเบนซ์ที่ขับมาไม่ได้เกิดระเบิดอย่างที่เข้าใจ แต่แม้จะหวาดหวั่นแค่ไหนหากสายลับสาวก็ยังทำสีหน้าราวไม่สะทก
“ฉันรู้...เฟลรอฟ ว่าแกสร้างสถานการณ์เลวร้ายได้จนเป็นเรื่องปกติ วันนั้นถ้าฉันรอบคอบมากกว่านี้ก็น่าจะดูให้แน่ใจว่าแกกลายเป็นศพอยู่ที่นิวยอร์คไปแล้วจริง ๆ “
“ฆาตกรที่ว่าฝีมือชั้นยอดก็ยังถูกจับได้ นับประสาอะไรกับสายลับอย่างเธอที่จะไม่รู้จักสะเพร่า ฉันคงต้องขอบคุณพระเจ้าที่สร้างโลกนี้มาอย่างไม่สมบูรณ์แบบไม่อย่างนั้นคงไม่มีความประมาทเลินเล่อที่กำลังจะส่งเธอไปลงนรก!”
“อย่านะ! แกจะทำอะไร เฟลรอฟ” อลินทิราร้องออกมาไม่ทันตั้งตัวเมื่อชายอีกคนเข้ามาจับแขนเธอไพล่ไว้ข้างหลัง นักฆ่ามือหนึ่งมองร่างบอบบางที่ไม่ยอมดีดดิ้น แต่มองเขาด้วยประกายตาเจ็บแค้นทว่าก็แน่วแน่ เฟลรอฟรู้ดีว่า ออโซลย่าจะไม่ร้องขอชีวิต เธอเด็ดเดี่ยวมากเสียจนเขาก็ยังนึกเสียดาย
“นี่เป็นใบสั่งจาก บอส แต่ก่อนที่ฉันจะส่งเธอกลับไปหาพระเป็นเจ้า เธอต้องบอกเราว่าชิปข้อมูลนั่นอยู่ที่ไหน?”
เฟลรอฟคำรามใส่เสียงเข้ม แต่หญิงสาวซึ่งถูกจับเอามือทั้งสองไพล่หลังกลับแย้มยิ้มเย้ยเยาะกลับไป
“ชิปข้อมูลที่มีมูลค่านับร้อยล้านดอลล่าห์นั่นน่ะรึ...ฉันจะไม่มีวันให้มันไปอยู่ในมือของพวกที่คิดจะส่งต่อให้พวกนายหน้าผลิตอาวุธสงครามแน่ ฉันเคยคิดว่าไซออนเนตเป็นองค์กรที่ขาวสะอาดและพยายามช่วยกู้โลก ที่แท้มันก็เป็นองค์กรที่แปดเปื้อนและสร้างความหายนะให้เพื่อนมนุษย์!”
ฉาด! เสียงฝ่ามือหนาหนักฟาดลงบนใบหน้างามจนสะบัดไปตามแรง เฟลรอฟเลือดขึ้นหน้าขณะตะโกนเสียงดัง
“หุบปากเถอะ ออโซลย่า! เธอไม่มีสิทธิ์จะมาแสดงความคิดเห็นนอกจากบอกมาว่า ชิปอยู่ที่ไหน”
“ฉันทิ้งมันไปแล้ว!”
ฉาด! เสียงฝ่ามือฟาดซ้ำลงที่เก่าซึ่งคราวนี้อลินทิราถึงกับปากแตกเลือดกำเดาไหล แก้มข้างนั้นเป็นรอยเขียวช้ำ ร่างบางคล้ายกำลังจะทรุดหากก็ยังใจเด็ดยิ้มออกมาทั้งหยาดโลหิตไหลจากปากพร้อมน้ำตาหยดซึม
“ฆ่าฉันเสีย...เฟลรอฟ ฉันยินดีที่จะตายเพราะไซออนเนตจะไม่มีวันได้อะไรจากฉันอีก ถ้าไม่มีชิปนั่นอย่างน้อยสงครามก็จะไม่เกิดขึ้น”
“เธอมันบ้า!” เฟลรอฟสบถเสียงดังก่อนบีบคางเรียวบังคับให้ใบหน้าของหญิงสาวเชิดขึ้น “ออโซลย่า..ฉันจะบอกให้นะว่าการตายของคนคนเดียวมันไม่ได้มีความสำคัญถึงขนาดที่จะทำให้โลกนี้รอดพ้นจากสงคราม และถึงออโซลย่าจะถูกฆ่าตายอีกสักสิบคน มนุษย์ก็ไม่มีวันเลิกกระหายสงคราม ถ้าเธอคิดได้ เธอไม่มีวันเลือกทางตายเพื่อความสูญเปล่า เธอช่วยใครไม่ได้ ออโซลย่า เธอไม่มีวันหยุดยั้งอะไรได้ ฉันจะขอถามเธอเป็นครั้งสุดท้ายว่า ชิปนั่น...อยู่ที่ไหน”
“ฉันขอยืนยันคำเดิมว่า...ไอ้ชิปบ้านั่น ฉันทิ้งมันไปแล้ว” อลินทิรายิ้มเยาะและยิ่งเป็นการจุดไฟโทสะแก่อีกฝ่ายให้โหมกระพือ เฟลรอฟขบกรามแน่นและยกปืนขึ้น
“นี่เป็นคำตอบของเธอหรือออโซลย่า...สายลับมือหนึ่งแห่งไซออนเนต ทั้ง ๆ ที่เธอมีทางเลือก”
“ฉันเลือกแล้ว”
ประกายตาคู่งามทว่าเด็ดเดี่ยววาววับท่ามกลางแสงไฟที่พาดผ่าน โลหิตยังไหลซึมบนปากและจมูกของหญิงสาว อลินทิรายิ้มรับทุกอย่างด้วยความหาญกล้าในท้ายที่สุด“ฉันเลือกที่จะอยู่ข้างพระผู้เป็นเจ้า...เฟลรอฟ”“ออโซลย่า...ถ้าอย่างนั้นก็ขอพระเป็นเจ้ารับวิญญาณของเธอไว้ในอ้อมกอดของพระองค์ด้วยเถิด”นักฆ่ารัสเซียทำท่าจ่อปลายกระบอกปืนบนหน้าผากมน ที่ใบหน้างามแหงนขึ้นรับ แต่ยังไม่ทันท่าร่างสูงจะเหนี่ยวไกกลับต้องชะงักเมื่อแสงไฟจากรถเอสยูวีคันใหญ่สาดมายังคนทั้งสาม เฟลรอฟรีบลดปืนลงและขบกรามเสียงดัง“คราวนี้พระเจ้าคงยังไม่อยากรับเธอไว้ แต่คราวหน้าเธอคงไม่โชคดีแบบนี้แน่ ออโซลย่า!”นักฆ่าเลือดเย็นเข่นเขี้ยวและหันไปพยักหน้ากับชายอีกคนให้ตามเขากลับไปที่รถซึ่งจอดห่างไปไมไกล ชายผู้นั้นผละจากร่างบอบบางปล่อยให้หญิงสาวทรุดลงนั่งอยู่ข้างรถเมอร์เซเดสเบนซ์ในสภาพสิ้นเรี่ยวแรง อลินทิราอยากขยับตัวหากก็ทำได้เพียงกระพริบตาถี่ ๆ ฝ่าแสงจ้าเพื่อมองร่างสูงใหญ่ที่ก้าวมาหยุดตรงหน้าหลังจากนั้น“แดเนียล”เสียงโหยแห้งลอดออกจากเรียวปากที่มีรอยแตกและเลือดข้นยังไหลซึม แม้จะเหนื่อยล้าหากเธอก็ได้ยินเสียงบริภาษจากเจ้าของใบหน้าคร้ามคมแต่เคร่งเคร
“ตัวตนของคุณเป็นแบบนี้ใช่มั้ย ออโซลย่า!” แดเนียลปรี่เข้าจับไหล่บางเขย่าไปมาอย่างหมดความอดทน สายลับสาวมองเขาฝ่าม่านน้ำรื้นบนดวงตา เธอไม่ฟูมฟาย ตรงข้ามที่หัวใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง“ฉันเป็นยังไงหรือคะ แดน” หญิงสาวถามแผ่ว ๆ เธอไม่ได้ตั้งใจยั่วยุให้เขาโกรธ แต่สำหรับแดเนียลมันเลยจุดที่เขาจะนิ่งเฉยได้อีกต่อไป“คุณยอมรับตัวเองไม่ใช่หรือว่าคุณมันไว้ใจไม่ได้และรักสนุก! คุณยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้หญิงข้างถนนที่ใครอยากหอบหิ้วไปหนก็ได้ คุณไม่เคยจริงจังกับใคร อยากร่วมหลับนอนกับผู้ชายที่คุณพอใจคนไหนคุณก็ทำ!”“แดน!...คุณดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว”“ผมพูดเรื่องจริง! แล้วมันเป็นยังไง มันแทงใจดำคุณมากใช่มั้ย...บอกผมให้ชัด ๆ ออโซลย่า ว่าคุณเป็นสายลับหรือโสเภณีกันแน่!”“แดน!” อลินทิราร้องเสียงแหบแห้ง เธอเจ็บจนจุกเพราะนึกไม่ถึงว่าเขาจะบริภาษรุนแรงขนาดนี้ หญิงสาวกดเกร็งไปหมดทั้งตัวและเผลอกัดปากตัวเองซ้ำลงบนแผลจนเลือดไหล แดเนียลเองก็ผงะไปชั่วครู่แต่ทิฐิรุนแรงทำให้เขาตั้งหน้าทิ่มแทงเธอด้วยวาจาทั้งมือหนาหนักบีบไหล่บางอย่างจะให้กระดูกเธอป่นเป็นผง“บอกผมสิ! คุณเป็นสายลับหรือโสเภณีชั้นดีกันแน่ ออโซลย่า”“ฉันเป็นสายลั
จากที่วุ่นวายใจก็กลับกลายเป็นความกังวลเมื่อคนของเขารายงานว่าคนถูกจองจำไม่ยอมแตะอาหารแม้แต่อย่างเดียวนับตั้งแต่วันที่เขาก้าวเท้าออกมาจากที่แห่งนั้น นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างหากก็ตองชะงักเมื่อร่างระหงในชุดสูทภูมิฐานก้าวเข้ามาภายในห้องโถงขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะลุกจากโต๊ะอาหาร“แดเนียล พี่กำลังจะไปไหนหรือคะ?”โมนิกาทักทายญาติผู้พี่ซึ่งน้อยครั้งนักที่เธอจะได้ทานอาหารมื้อเช้าพร้อมกับเขา ชายหนุ่มในชุดลำลองนั่งลงอีกครั้งและแค่ปรายยิ้มจางก่อนพูด“พี่กำลังจะกลับไปที่ห้องทำงาน มีหลายอย่างที่ยังไม่ได้สะสางตอนไปอิตาลี”“หรือคะ?” โมนิกาเลิกคิ้วสูงขณะแม่บ้านยกชุดอาหารซึ่งเป็นไข่ดาวและเบคอนพร้อมชามาวางตรงหน้า “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็คงต้องพิจารณาเรื่องการปรับปรุงตึกไพรซ์ บิวดิ้งในนิวยอร์คอย่างเร่งด่วน เอ้อ...ฉันพูดเรื่องนี้กับคุณเพียร์สันแล้ว แต่เขาบอกว่าต้องได้รับการอนุมัติจากประธานบริหาร ไพรซ์ คอร์ป เสียก่อน ฉันก็ไม่เป็นว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากนะคะ ก็แค่ปรับปรุงภูมิทัศน์ให้ตึกสำนักงานของเราในนิวยอร์คดูหราขึ้นเพื่อเป็นหน้าตาให้บริษัทของเรา”“พี่ยังไม่เห็นโครงการนี้ แต่ถ้าเธอคิดว
“ซอนญ่า...” เขาเรียกอีกครั้งทว่าหญิงสาวก็ยังนอน นิ่ง ร่างบอบบางเพียงขยับตัวเพื่อกระชับเสื้อสูทที่เธอใช้ห่มต่างผ้านวม“คุณหนาวหรือ?” แดเนียลถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ภายในห้องแม้ทึบทุกด้านแต่ก็มีระบบปรับอากาศที่เหมาะสม ทว่าเมื่อมือหนาสัมผัสกับต้นแขนของหญิงสาวใบหน้าคมคายก็เปลี่ยนไปในทันที“พระเจ้า! ซอนญ่า...คุณไม่สบายหรือนี่”แดเนียลอุทานออกมาเมื่อมือแนบลงกับผิวนุ่ม ๆ ที่ร้อนจัดของอลินทิราและเขาก็รู้ดีว่ามันเกิดจากอะไร ชายหนุ่มรีบออกไปที่ประตูซึ่งบอดี้การ์ดของเขายังยืนอยูที่เดิม“ไปรับคุณหมอออซเทิร์กที่คลินิกมาตอนนี้เลย!”ชายหนุ่มออกคำสั่งก่อนที่การ์ดร่างใหญ่จะกุลีกุจอออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่กลับเข้าไปในห้องเพื่อทรุดตัวลงนั่งบนเตียงพลางช้อนตัวหญิงสาวที่นอนหันหลังให้พลิกกลับมาอยู่ในอ้อมแขนหนาใหญ่ที่กระชับแน่น“ซอนญ่า” แดเนียลยังคงเรียกชื่อนั้นแผ่วเบาขณะประทับริมฝีปากลงบนโหนกแก้มอันซีดเซียว อลินทิราดูอ่อนแรงและเขาก็รับรู้ได้ถึงน้ำหนักตัวของร่างบอบบางที่ลดลงฮวบฮาบ“แดน” เสียงเบาหวิวลอดผ่านเรียวปากบางที่เผยอขึ้นลงบนใบหน้าอิดโรย หญิสาวค่อย ๆ ลืมตามองประกายสีน้ำเงินอมม่วงที่สะท้อนความอ่อนโย
“อาการของคุณเกือบเป็นปกติแล้วนะครับ เพียงแต่ต้องกินอะไรให้มากสักหน่อย อย่างน้อยก็ต้องเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ที่สำคัญคงต้องยกความดีให้กับแดเนียลที่ดูแลผู้ป่วยจนหายเป็นปกติ”หมอออซเทิร์กกล่าวขณะตรวจดูนัยน์ตาและจับชีพจรบนข้อมือของหญิงสาวร่างบอบบางที่นั่งบนเตียงเล็กโดยมีร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองยืนมองอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าผ่อนคลายลงกว่าเก่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอีกเกือบสัปดาห์นายแพทย์คนเดิมก็ยังคงเดินทางมาตรวจดูอาการคนไข้ของเขาไม่ได้ขาด แม้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจแต่นายแพทย์ก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่แดเนียลมีให้กับหญิงสาวเปี่ยมล้นอีกสิ่งหนึ่งที่นายแพทย์วัยห้าสิบห้าสัมผัสได้คือความงามหมดจดของอลินทิราเมื่อเธออยู่ในสภาวะปกติ เธอสวยมากเสียจนเขาแทบไม่นึกสงสัยอีกต่อไปว่าเหตุใดแดเนียลจึใส่ใจผู้หญิงคนนี้นัก เขาไม่ถามเจ้าของคฤหาสน์ถึงที่มาที่ไปว่าเหตุผลอะไรต้องเก็บตัวหญิงสาวแสนสวยไว้ในห้องใต้ดินแบบนี้นอกจากตรวจดูอาการจนแน่ใจว่าไม่มีผลข้างเคียงใดเกิดกับผู้ป่วยอีก“หมอคิดว่าหลังจากนี้แดเนียลคงดูแลคุณต่อไปได้เองแล้วล่ะครับเพราะไม่มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว”“ขอบคุณมากนะคะ คุณหมอ”อลินทิรากล่าวกับนายแพทย
“มีข้อมูลหลายอย่างเกี่ยวกับคุณที่เออร์วิ่งเอามาให้ผมดู รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับวิชาการต่อสู้...เขาบอกว่าคุณอันตราย”“ฉันเคยเรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกฝนเพื่อป้องกันตัวเอง...แต่ก็เป็นระยะเวลาสั้น ๆ”“ถ้าจำไม่ผิด คุณตอบโต้ผมด้วยวิชาหมัดมวยที่แคนยอนแลนด์ วันนั้น”แดเนียลรำลึก แม้ไม่ได้ต้องการรุกไล่ทว่าตอนนี้ระหว่างเขาและเธอก็ดูไม่ต่างจากการสอบสวนผู้กระทำผิดสักเท่าไหร่เลย แต่อลินทิราก็ตอบกลับอย่างไม่อิดออด“คุณอาจไม่เชื่อว่าฉันมีพื้นฐานการฝึกแบบกังฟู เฟลรอฟเป็นคนพาฉันไปที่วัดเส้าหลินในเทือกเขาซงซาน ประเทศจีน...และที่นั่นทำให้ฉันเริ่มศรัทธาในพระพุทธศาสนานิกายเซน...ใช่...มันทำให้ฉันสงบ ฉันรักในพระเจ้าและชื่นชมความยิ่งใหญ่ในธรรมชาติไปพร้อมกัน มันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากจริง ๆ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ของการฝึก ฉันต้องรูจัก ดื่มด่ำกับความลำเค็ญ ด้วยการยืนด้วยมือ นอนในห้องที่ไม่มีเครื่องทำความร้อนและฝึกความแข็งแกร่งของมือด้วยการชกต้นไม้”“แต่คุณกลัวการกระโดดลงจากหน้าผา”“มันต่างจากในหนังกำลังภายในนะคะ แดน...การฝึกแบบนั้นทำให้ฉันได้ค้นพบอีกด้านหนึ่งของวิชาการต่อสู้ หัวใจสำคัญของกังฟูคือมนุษยธรรมและความเค
หญิงสาวบอกขณะที่อีกฝ่ายเปิดฝาล๊อคเก็ตออกดู นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มนิ่งๆไปชั่วครู่เมื่อเห็นใบหน้าหญิงสูงวัยด้านใน“นี่คงเป็นแม่บุญธรรมของคุณสินะ ซอนญ่า...ท่านเป็นผู้หญิงที่สวยมาก”แดเนียลพูดและบิดรอยยิ้มบนปากหยัก อลินทิรากล่าวขึ้นมาโดยสายตาคู่นั้นไม่ยอมละไปจากใบหน้าหล่อเหลา“ค่ะ...ท่านสวยมากและเป็นผู้หญิงที่เมตตาที่สุดในโลก”“ท่านคงรักคุณมาก”“อาจจะมากกว่าที่ฉันรักท่านด้วยซ้ำ ฉันตั้งความหวังตอนที่เดินทางไปยูทาห์ว่าฉันจะกลับไปหาท่าน ดูแลแม่ของฉันในบั้นปลายชีวิต แต่ตอนนี้ฉันคงทำอย่างที่คิดไม่ได้อีกแล้ว”ทันทีที่น้ำเสียงเศร้าสร้อยนั้นหยุดลงแดเนียลก็พบว่ามีบางสิ่งแอบซ่อนอยู่ด้านหลังล็อคเก็ตที่เปิดออกได้ เขาดึงมันออกมาซึ่งเป็นชิปเก็บข้อมูลขนาดเล็กที่เขากำลังตามหานั่นเอง ชายหนุ่มเลื่อนสายตาไปทางหญิงสาวที่ก้มหน้าลงเล็กน้อย เธอประสานมือเข้าหากันแน่นราวกับรอฟังคำพิพากษา แดเนียลจำเป็นต้องพิสูจน์ชิปในมือด้วยการสอดมันเข้าไปในสมาร์ทโฟนและพบว่าข้อมูลที่ปรากฎหน้าจอเป็นสิ่งที่เขาเก็บรวบรวมขณะทำการทดลองจริง ๆ“ขอโทษนะคะ แดเนียล...ที่จริงฉันควรจะคืนให้คุณนานแล้ว และในเมื่อคุณได้ในสิ่งที่ต้องการกลับไปฉ
“มนุษย์สามารถเอาชนะความกลัวด้วยความกล้า ซอนญ่า...คุณกลัวการเผชิญหน้าอย่างเดียวเท่านั้นหรือ?”ร่างสูงใหญ่ไม่เพียงตั้งคำถามแต่ยังดันร่างในอ้อมแขนนอนราบลงบนเตียงเล็ก อลินทิราไม่รู้สึกประหม่าอีกต่อไป แต่กลับอบอุ่นมากขึ้นเมื่อทรวงสวยใต้เนื้อผ้าฝ้ายบางเบาของชุดกระโปรงบดเบียดกับอกกว้างใต้เสื้อโปโลสีเข้ม เขาอยู่เหนือเธออีกครั้ง ควบคุมแม้กระทั่งลมหายใจร้อนผ่าว หญิงสาวคิดอย่างฟุ้งซ่าน เธออยากให้เขาถอดชุดที่เธอสวมใส่และสัมผัสูบไล้ไปทุกที่บนอณูของผิวละเอียด และความคิดนั้นราวกับได้รับการตอบสนองเมื่อใบหน้าคร้ามคมก้มลงไปเกือบชิด ริมฝีปากหนาจรดลงเกือบติดกับเรียวปากอิ่มนิ่มนวล“”ค่ะ...แดน การเผชิญหน้าเป็นสิ่งเดียวกระมังที่ฉันกลัวมันที่สุด”“คุณไม่ได้กลัวคู่ต่อสู้หรอก ซอนญ่า คุณกำลังกลัวตัวคุณเองต่างหาก กังฟูไม่ได้สอนคุณหรือว่า ให้คุณต่อสู้กับตัวเอง”“คุณรู้ได้ยังไงคะแดน?”แววตาสีน้ำตาลแกมเขียวใต้แพขนตางอนงามวาววามขึ้นและรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่ถ่ายเทผานเข้าไปทางริมฝีปากและจมูกของหญิงสาว แดเนียลคลี่ริมฝีปากอันน่าหลงใหลออก หากเขาไม่พูดเธอก็อยากจูบเรียวปากหยักเสียเดี๋ยวนั้น“ผมกำลังจะบอกคุณว่าการปีนห
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต
“ที่ร้านอาหารของลุงเคิร์คในเมืองกำลังหาพนักงานเสริ์ฟเพิ่ม...เอ้อ...ถ้าลูกสนใจจะทำ”“ก็ไม่เลวนะคะ แต่หนูขอเวลาอีกสักพัก”“เมื่อไหร่ก็ได้จ้ะ เมื่อไหร่ก็ได้ที่หนูพร้อม”หญิงสูงวัยยังไม่ทันยกน้ำชาขึ้นจิบก็ได้ยินเสียงแตรรถดังที่หน้าบ้าน“โอ...ตายจริง แม่ลืมซะสนิทเลย” นางวางแก้วชาและเบิกกว้าง “แม่ลืมว่าเช้านี้นัดกับคุณแบรดฟอร์ด เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ กันเข้าไปซื้อของในเมือง อัลลี่จ๊ะ...หนูคงต้องกินอาหารเช้าคนเดียวแล้วล่ะจ้ะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไปส่งนะคะ”“ไม่ต้องจ้ะ อัลลี่ หนูกินไปเถอะ แม่ไปก่อนนะจ๊ะ อาจกลับมาตอนบ่าย ๆ”อลินทิราเอียงศีรษะเป็นเชิงรับรู้และเมื่อแม่บุญธรรมของเธอลุกออกไปหญิงสาวจึงเลื่อนจานพาสต้าตรงหน้าไปไว้ด้านข้าง เธออยากกินอาหารฝีมือดาเลียมากที่สุดตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่และนางก็จัดเตรียมขอที่บุตรสาวบุญธรรมโปรดปรานมากที่สุดนั่นคือเมนูอาหารอิตาเลียนแต่หญิงสาวกลับลืนมันไม่ลง ผะอืดผะอมจนบางครั้งแทบไม่อยากหันไปมอง นี่คงเป็นอาการแพ้ท้อง ถึงเธอไม่บอกแต่ดาเลียก็จะต้องรู้ในสักวันด้วยตัวนางเองร่างบอบบางลุกขึ้นไปหยุดยืนที่หน้าต่างห้องครัว ภาพภูเขาสีน้ำตาลแดงบนที่ราบทุ่งหญ้าเบื้องนอกท
“อาการของคุณดีขึ้นมากแล้วนะครับหลังจากพักฟื้นมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน หมอว่าตอนนี้คุณซอนญ่าคงกลับบ้านได้แล้วล่ะครับ”นายแพทย์สูงวัยเอ่ยกับหญิงสาวร่าบอบบางในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มซึ่งนั่งฟังผลการวินิจฉัยครั้งสุดท้ายบนเตียงผู้ป่วย เขาก้มลงดูแผ่นชาร์ตพลางยิ้มรื่น“จะให้พยาบาลแจ้งคุณแดเนียล ไพรซ์ ไหมครับว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คงไม่ต้องหรอกค่ะ...เอ้อ...ตอนนี้เขาคงกำลังยุ่งอยู่กระมังคะ ถ้ายังไงฉันจะบอกให้เขาทราบเองค่ะ”“ครับ...ถ้าอย่างนั้นก็อยาลืมบอกข่าวดีกับเขาด้วยก็แล้วกันนะครับว่าตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว ผมจะบอกคุณแดเนียลตั้งแต่วันที่เขากลับแคลิฟอเนีย แต่วันนั้นเขาดูเร่งร้อนมากก็เลยไม่ทันได้พูดอะไร แต่ผมคิดว่าถ้าเขารู้ก็คงจะดีใจมาก”นายแพทย์สูงวัยกล่าวอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของคนไข้“ค่ะ...คุณหมอ ขอบคุณมากนะคะ”อลินทิรายิ้มรับแต่หัวใจดวงนั้นทั้งหวาดหวั่นและรันทดท้อด้วยคิดไปต่าง ๆ นานา หลังถูกกระสุนปืนสไนเปอร์ของเฟลรอฟตอนหนีเข้าไปในแคนยอน แลนด์กับแดเนียลเธอก็ถูกส่งมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดและหลับไม่รู้สึกตัวนานเกือบสัปดาห์ กระส
แดเนียลตะโกนทว่าหญิงสาวกลับยืนนิ่ง เธอมองไปรอบตัวซึ่งถูกโอบล้อมด้วยหน่วยสวาท ร่างเพรียวระหงกำหมัดแน่น เธอจะไม่ยอมถูกจับที่นี่เป็นเด็ดขาด“ได้...แดเนียล แต่ฉันอยากคุยกับพี่ก่อนมอบตัวกับตำรวจ”โมนิกายื่นข้อเสนอสักครู่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งยืนข้าง ๆ แดเนียลก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบ“ว่ายังไงครับ คุณแดเนียล จะเข้าไปคุยกับเธอหรือเปล่า?”คนถูกถามพยักหน้าก่อนตอบ “ครับ...ผมจะคุยกับเธอ”“ระวังตัวด้วยนะครับ เราไม่รู้ว่าเธอมีแผนอะไรบ้าง”“ขอบคุณครับ ผมจะระวัง” แดเนียลรับปากก่อนเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับญาติผู้น้อง ทุกอย่างเงียบกริบ บรรยากาศรอบตัวบีบคั้นจนน่าอึดอัด เจ้าหน้าที่หน่วยสวาททุกนายซึ่งมีอาวุธครบมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลากระทั่งชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าหญิงสาว“โมนี่” แดเนียลลดเสียงต่ำ เขาเครียดเกร็งในช่องท้องเมื่อต้องมาอยู่ในสภาวการณ์ล่อแหลมและอาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ เขาเหมือนตัวประกันของโมนิกา ญาติผู้น้องที่จับจ้องไม่วางตาเมื่อบทสนทนาเริ่มขึ้น“โมนิกา...ตอนนี้คนในองค์กรของเธอถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไว้เกือบหมดแล้ว มูลนิธิถูกสั่งปิด ไซออนเนต...จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว”“พี่คิดว่าเรื่องทุกอย่