ร่างบอบบางระบายลมหายใจก่อนสวมล็อคเก็ตไว้และเดินออกไปจากห้องนั้น หญิงสาวไม่เห็นใครนอกจากแม่บ้านที่เดินผ่านมาเพียงคนเดียว
“สวัสดีค่ะ คุณซอนญ่า...มีอะไรให้ดิฉันรับใช้หรือเปล่าคะ”
หญิงวัยสี่สิบปีรูปร่างสูงและมีใบหน้าเรียวรับกับผมสีแดงเป็นประกายหยุดถามอลินทิราที่ยืนหน้าห้อง หญิงสาวลังเลชั่วครู่ก่อนถาม
“เอ้อ...คือว่าฉันกำลังจะไปที่ห้องทำงานของแดเนียล แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของตึกน่ะค่ะ”
“ห้องทำงานของคุณแดเนียลหรือคะ” แม่บ้านทวนประโยคนั้นและทำสีหน้าครุ่นคิดชั่วครู่
“ห้องทำงานของคุณแดเนียลอยู่ชั้นบนทางปีกซ้ายสุดของตึกนี้ค่ะ แต่ว่า...”
“แต่อะไรหรือคะ?”
“ปกติห้องนั้นเธอจะไม่ให้ใครเข้าไปถ้าไม่ได้รับอนุญาต แม้แต่คนทำความสะอาดก็จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปเช็ดถูแค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น เอ้อ..ดิฉันเกรงว่าถ้ามีใครเข้าไปโดยที่คุณแดเนียลไม่ทราบก็อาจจะถูกตำหนิได้ค่ะ“
อลินทิราฟังแล้วจึงชั่งใจชั่วครู่ก่อนยิ้มกับแม่บ้าน “ไม่เป็นไรค่ะ จริง ๆ แล้วดิฉันแค่จะเอาของสำคัญที่แดนลืมไว้ไปให้เขา แต่ถ้าห้องนั้นสำคัญถึงขนาดที่เขาไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปฉันจะเก็บไว้จนกว่าเขาจะกลับมาก็ได้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ คุณซอนญ่า ที่เข้าใจ...คุณแดเนียลค่อนข้างจะเคร่งครัดกับกฎระเบียบของที่นี่...เอ้อ...ถ้าคุณซอนญ่ามีอะไรนอกเหนือจากนี้ให้ช่วยก็บอกดิฉันได้ค่ะ”
หญิงสาวพยักหน้าอีกครั้งเป็นเชิงรับรู้แต่เมื่อแม่บ้านเดินจากไปแล้วร่างบางกลับเดินไปตามทางที่มุ่งตรงไปยังห้องชั้นบนทางปีกซ้ายสุดของคฤหาสน์ เธอก้าวมาหยุดหน้าห้องที่ประตูบานใหญ่ดูเหมือนปิดสนิท แต่อลินทิรากลับพบว่าประตูห้องไม่ได้ล็อคอย่างที่คิดไว้ เธอเข้าไปด้านในและซึ่งไม่มีใครอยู่ ห้องทำงานของแดเนียลกว้างขวางและได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างสมฐานะ ตู้ขนาดใหญ่มีหนังสือเรียงรายอยู่มากมายดูน่าตื่นใจที่มุมหนึ่งของห้องงนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มก็มีเพียงแล็บท็อปวางอยู่เพียงเครื่องเดียว หญิงสาวเดินสำรวจดูรอบห้องก็ไม่พบว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ภายในนี้ เขาคงต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง ภายในห้องทำงานจึงปราศจากอุปกรณ์ตรวจจับใด ๆ
ร่างแน่งน้อยเดินไปหยุดตรงหน้าตู้หนังสือ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยดังอยู่หน้าห้อง สัญชาติญาณบางอย่างบอกให้เธอรีบเข้าไปยืนแอบในมุมอับด้านข้างตู้ขนาดใหญ่ หญิงสาวลอบมองก็เห็นแดเนียลเดินเข้ามากับชายร่างสูงในชุดลำลองอีกคน
“แดเนียล...คุณแน่ใจแล้วหรือที่ทำอะไรสุ่มเสี่ยงแบบนี้”
ชายผู้นั้นซึ่งคาดเดาอายุน่าจะสามสิบต้น ๆ เป็นฝ่ายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเคร่งเครียดเมื่อเดินเข้ามาถึงโต๊ะทำงาน แดเนียลในชุดสูทสีเงินวางกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะก่อนทิ้งตัวลงบนเก้อี้บุหนังตัวใหญ่
“เออร์วิ่ง...คุณอย่าเพิ่งตื่นตูมไปหน่อยเลย ก่อนจะทำอะไรผมคิดอย่างดีแล้ว”
“คิดดีแล้วอย่างนั้นหรือ แดเนียล” ชายร่างสูงที่เจ้าของคฤหาสน์เรียกเขาว่าเออร์วิ่งเท้ามือทั้งสองข้างบนโต๊ะ หน้าตาของเขาบอกความไม่สบายใจชัดเจน
“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ แดเนียล...แต่คุณทำให้ผมตกใจมากกับการที่คุณไปพาตัวสายลับมือหนึ่งของไซออนเนตมาอยู่ที่นี่ คุณไปพบเธอที่ไหนและทำยังไงเธอถึงยอมมากับคุณ”
“ผมพบเธอที่ยูทาห์” แดเนียลตอบก่อนหยุดไปชั่วอึดใจและกล่าวต่อ “หลังจากที่คุณให้ข้อมูลกับผมหลังจากคืนนั้น คืนที่ข้อมูลลับของการค้นพบธาตุลำดับที่ 119 ถูกโจรกรรมไป ผมตามติดเธอตั้งแต่สนามบินเจ เอฟ เค ในนิวยอร์คไปจนถึงเซาท์เลค ซิตี้ เธอกำลังจะไปโมอับแต่ผมก็พาเธอมาที่นี่เสียก่อน”
“แดเนียล...ออโซลย่าน่ะไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาคุณก็รู้ เธออันตรายมาก เธอเป็นมือหนึ่งของไซออนเนตเชียวนะ”
“ผมรู้ เออร์วิ่ง ผมไม่เคยลืมทุกอย่างที่คุณเคยบอกผม และผมกำลังตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง ซึ่งมันอาจคลี่คลายสิ่งที่ผมกำลังสงสัย”
“คุณไม่ควรตัดสินใจนาน” เออร์วิ่งลดเสียงเบาลงทว่าก็ยังคงดังชัดเจนในห้องนั้น “ตอนนี้เรื่องที่คุณพาสายลับของไซออนเนตมาอยู่ที่นี่มีผมอีกคนเท่านั้นที่รู้ บอกผมสิแดเนียลว่าออโซลย่าคืนข้อมูลนั่นให้คุณแล้ว”
“ตอนนี้ข้อมูลนั่นไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้ว เออร์วิ่ง”
คำตอบของแดเนียลทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจ เออร์วิ่งจับจ้องเจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงที่ขบกรามบนใบหน้าคมเข้มนูนขึ้นเป็นสันก่อนที่เขาจะเฉลยทุกอย่างออกมา
“ตอนแรกที่ผมตามหาออโซลย่าไปถึงยูทาห์ ผมคิดว่าจะเค้นข้อมูลจากเธอกลับมาและฆ่าสายลับขององค์กรทิ้งเสีย แต่เธอก็ยังไม่ยอมเปิดเผยที่ซ่อนชิปที่ผมต้องการ ผมก็เลยพาเธอกลับมาที่นี่ซึ่งก็ไม่มีใครรู้แม้แต่คนเดียว ชิปนั่นอาจมีความสำคัญ แต่ตอนนี้มีสิ่งที่ผมต้องการมากกว่าของที่ถูกโจรกรรมไป”
“คุณกำลังหมายถึง...”
“ตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังไซออนเนต ผมอยากรู้ว่าองค์กรนี้มีเบื้องลึกและเบื้องหลังเป็นยังไงและมีอิทธิพลมากแค่ไหน สิ่งที่ผมเป็นกังวลก็คือไซออนเนตน่าจะเป็นองค์กรลับที่อันตรายมาก ไม่อย่างนั้นมันคงไม่พุ่งเป้ามาที่การค้นพบและการทดลองใหม่ ๆ ของพวกนักวิทยาศาสตร์เป็นแน่ ”เท่านั้นเองคนฟังก็ถึงกับระบายลมหายใจโล่ง “แดเนียล...คุณนี่มันอัจฉริยะจริง ๆ แบบนี้เขาเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกมาทั้งฝูง เราได้ตัวสายลับมือหนึ่งของไซออนเนตมาแถมยังได้ใช้เจ้าหล่อนเป็นเครื่องมือสาวไปถึงตัวการใหญ่ คุณไม่ใช่แค่นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หรอกนะแดเนียล แต่ยังเป็นนักวางแผนตัวฉกาจอีกด้วย”น้ำเสียงของเออร์วิ่งบอกความชื่นชม แตเพียงครู่เขาก็ให้นึกกังขาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป“แต่ว่า...แดเนียล...คุณแน่ใจตัวเองนะว่าแค่พาเธอมาเพื่อสาวไปหาตัวการใหญ่ของไซออนเนต ไม่ใช่ว่าคุณ...ตกบ่วงเสน่ห์ของแม่จารชนสาวแสนสวยอย่างออโซลย่าเข้าไปด้วยล่ะ”“ผมยังไม่ได้คิดอะไรในตอนนี้” รีบสวนกลับก่อนนึกอะไรได้ “นอกจากเรื่องการทดลองและสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต”“โอเค แดเนียล...ผมรู้ว่าคุณไม่วอกแวกกับเรื่องแบบนี้ แต่ก็อยากเตือนให้คุณระวังและอย่าวา
โมนิกาล้วงลึก เธอเห็นความลังเลในดวงตาของคนถูกถามซึ่งนิ่งอึ้งไปอีกชั่วขณะก่อนตอบ“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้บอกเขา ฉัน...กำลังจะกลับยูทาห์” อลินทิราบอกความจริงที่ทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูง“อะไรกัน! นี่เธอกับพี่ชายฉันเพิ่งกลับจากการฮันนีมูนไม่ใช่หรือ แล้วทำไมจู่ ๆ จะรีบกลับไปยูทาห์เสียล่ะ?”“มันไม่ใช่การฮันนีมูนหรอกนะคะ แดเนียลแค่ไปพบครอบครัวของเขาก็เท่านั้นเอง”ในน้ำเสียงนั้นเจือไว้ด้วยความประหม่าจนคนฟังรู้สึกได้ โมนิกาเดินเข้ามาใกล้อีกและสบนัยน์ตาสีน้ำตาลแกมเขียวบนใบหน้าหวานพลางถอนหายใจ“เธอคงไม่รู้ตัวสินะซอนญ่า ว่าเธอน่ะโชคดีแค่ไหน ฉันจะบอกอะไรให้นะว่าแดเนียลไม่เคยพาผู้หญิงที่เขาเคยควงด้วยไปพบคุณลุงกับคุณป้าเลยแม้แต่คนเดียว เธอไม่รู้สึกภาคภูมิใจบ้างเลยหรือที่เธอ...เป็นคนสำคัญของพี่ชายฉัน”“ฉันกับแดเนียลไม่ได้ผูกพันกันจริงจังหรอกค่ะ!”อลินทิราโพล่งออกไปด้วยความอัดอั้นซึ่งก็ทำให้โมนิกาผงะ ทุกอย่างราวกับหยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่สายลับสาวจะตัดสินใจพูดต่อ“มันก็แค่เรื่องสนุกที่ฉาบฉวย เขาพบฉันข้างถนน เราสนุกกันแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้ว ฉันอยากกลับบ้านค่ะคุณโมนิกา”“โอ...แม
สายลับสาวบ่นอย่างหัวเสีย...ทำไมต้องมาเกิดปัญหาในเวลาค่ำคืนบนถนนสายเปลี่ยวแบบนี้ ร่างบางดับเครื่องยนต์และรีบเปิดประตูลงไปดูเบื้องล่างก็เห็นยางล้อหลังด้านคนขับบี้แบนติดถนน อลินทิราก้ม ๆ เงย ๆ มองรถเจ้าปัญหาผ่านแสงไฟริมทางในยามวิกาลโดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าใครเดินมาหยุดอยู่เบื้องหลัง“รถมีปัญหาหรือ...จะให้ฉันช่วยมั้ย ออโซลย่า?”ร่างแน่งน้อยชะงักกึกขณะย่อตัวลงดูยางรถเมื่อเสียงดุห้าวดังกังวานขึ้น จารชนสาวค่อย ๆ ยืดลำตัวยืนตรงก่อนหันไปด้านหลังเพื่อจะพบชายร่างสูงใหญ่ใบหน้าเหี้ยมที่ทำเธอแทบลืมหายใจ“เฟลรอฟ!” อลินทิราอุทานออกมาจากลำคอแห้งผาก เฟลรอฟยืนห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เขามาพร้อมกับชายอีกคนที่เธอเห็นบนดาดฟ้าเรือยอชต์ ไพรซ์ในคืนนั้น นักฆ่ามือหนึ่งแห่งไซออนเนตกระตุกยิ้มอำมหิต“เธอยังจำฉันได้หรือ...นึกว่าจะลืมคนที่เธอตั้งใจจะฆ่าให้ตายแล้ววันนั้น!”“เฟลรอฟ...ฉันแน่ใจว่าที่แกมาเจอฉันที่นี่ มันไม่ใช่เหตุบังเอิญแน่”อลินทิราพูดเสียงลอดไรฟันขณะที่อีกฝ่ายยักไหล่ “หึ...อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ใครจะไปรู้ว่าบางทีมันก็อาจจะมาจากความตั้งใจ!”เฟลรอฟยิ้มเยาะขณะยกปลายกระบอกปืนพกขึ้นมาเคาะบนขมั
ประกายตาคู่งามทว่าเด็ดเดี่ยววาววับท่ามกลางแสงไฟที่พาดผ่าน โลหิตยังไหลซึมบนปากและจมูกของหญิงสาว อลินทิรายิ้มรับทุกอย่างด้วยความหาญกล้าในท้ายที่สุด“ฉันเลือกที่จะอยู่ข้างพระผู้เป็นเจ้า...เฟลรอฟ”“ออโซลย่า...ถ้าอย่างนั้นก็ขอพระเป็นเจ้ารับวิญญาณของเธอไว้ในอ้อมกอดของพระองค์ด้วยเถิด”นักฆ่ารัสเซียทำท่าจ่อปลายกระบอกปืนบนหน้าผากมน ที่ใบหน้างามแหงนขึ้นรับ แต่ยังไม่ทันท่าร่างสูงจะเหนี่ยวไกกลับต้องชะงักเมื่อแสงไฟจากรถเอสยูวีคันใหญ่สาดมายังคนทั้งสาม เฟลรอฟรีบลดปืนลงและขบกรามเสียงดัง“คราวนี้พระเจ้าคงยังไม่อยากรับเธอไว้ แต่คราวหน้าเธอคงไม่โชคดีแบบนี้แน่ ออโซลย่า!”นักฆ่าเลือดเย็นเข่นเขี้ยวและหันไปพยักหน้ากับชายอีกคนให้ตามเขากลับไปที่รถซึ่งจอดห่างไปไมไกล ชายผู้นั้นผละจากร่างบอบบางปล่อยให้หญิงสาวทรุดลงนั่งอยู่ข้างรถเมอร์เซเดสเบนซ์ในสภาพสิ้นเรี่ยวแรง อลินทิราอยากขยับตัวหากก็ทำได้เพียงกระพริบตาถี่ ๆ ฝ่าแสงจ้าเพื่อมองร่างสูงใหญ่ที่ก้าวมาหยุดตรงหน้าหลังจากนั้น“แดเนียล”เสียงโหยแห้งลอดออกจากเรียวปากที่มีรอยแตกและเลือดข้นยังไหลซึม แม้จะเหนื่อยล้าหากเธอก็ได้ยินเสียงบริภาษจากเจ้าของใบหน้าคร้ามคมแต่เคร่งเคร
“ตัวตนของคุณเป็นแบบนี้ใช่มั้ย ออโซลย่า!” แดเนียลปรี่เข้าจับไหล่บางเขย่าไปมาอย่างหมดความอดทน สายลับสาวมองเขาฝ่าม่านน้ำรื้นบนดวงตา เธอไม่ฟูมฟาย ตรงข้ามที่หัวใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง“ฉันเป็นยังไงหรือคะ แดน” หญิงสาวถามแผ่ว ๆ เธอไม่ได้ตั้งใจยั่วยุให้เขาโกรธ แต่สำหรับแดเนียลมันเลยจุดที่เขาจะนิ่งเฉยได้อีกต่อไป“คุณยอมรับตัวเองไม่ใช่หรือว่าคุณมันไว้ใจไม่ได้และรักสนุก! คุณยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้หญิงข้างถนนที่ใครอยากหอบหิ้วไปหนก็ได้ คุณไม่เคยจริงจังกับใคร อยากร่วมหลับนอนกับผู้ชายที่คุณพอใจคนไหนคุณก็ทำ!”“แดน!...คุณดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว”“ผมพูดเรื่องจริง! แล้วมันเป็นยังไง มันแทงใจดำคุณมากใช่มั้ย...บอกผมให้ชัด ๆ ออโซลย่า ว่าคุณเป็นสายลับหรือโสเภณีกันแน่!”“แดน!” อลินทิราร้องเสียงแหบแห้ง เธอเจ็บจนจุกเพราะนึกไม่ถึงว่าเขาจะบริภาษรุนแรงขนาดนี้ หญิงสาวกดเกร็งไปหมดทั้งตัวและเผลอกัดปากตัวเองซ้ำลงบนแผลจนเลือดไหล แดเนียลเองก็ผงะไปชั่วครู่แต่ทิฐิรุนแรงทำให้เขาตั้งหน้าทิ่มแทงเธอด้วยวาจาทั้งมือหนาหนักบีบไหล่บางอย่างจะให้กระดูกเธอป่นเป็นผง“บอกผมสิ! คุณเป็นสายลับหรือโสเภณีชั้นดีกันแน่ ออโซลย่า”“ฉันเป็นสายลั
จากที่วุ่นวายใจก็กลับกลายเป็นความกังวลเมื่อคนของเขารายงานว่าคนถูกจองจำไม่ยอมแตะอาหารแม้แต่อย่างเดียวนับตั้งแต่วันที่เขาก้าวเท้าออกมาจากที่แห่งนั้น นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างหากก็ตองชะงักเมื่อร่างระหงในชุดสูทภูมิฐานก้าวเข้ามาภายในห้องโถงขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะลุกจากโต๊ะอาหาร“แดเนียล พี่กำลังจะไปไหนหรือคะ?”โมนิกาทักทายญาติผู้พี่ซึ่งน้อยครั้งนักที่เธอจะได้ทานอาหารมื้อเช้าพร้อมกับเขา ชายหนุ่มในชุดลำลองนั่งลงอีกครั้งและแค่ปรายยิ้มจางก่อนพูด“พี่กำลังจะกลับไปที่ห้องทำงาน มีหลายอย่างที่ยังไม่ได้สะสางตอนไปอิตาลี”“หรือคะ?” โมนิกาเลิกคิ้วสูงขณะแม่บ้านยกชุดอาหารซึ่งเป็นไข่ดาวและเบคอนพร้อมชามาวางตรงหน้า “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็คงต้องพิจารณาเรื่องการปรับปรุงตึกไพรซ์ บิวดิ้งในนิวยอร์คอย่างเร่งด่วน เอ้อ...ฉันพูดเรื่องนี้กับคุณเพียร์สันแล้ว แต่เขาบอกว่าต้องได้รับการอนุมัติจากประธานบริหาร ไพรซ์ คอร์ป เสียก่อน ฉันก็ไม่เป็นว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากนะคะ ก็แค่ปรับปรุงภูมิทัศน์ให้ตึกสำนักงานของเราในนิวยอร์คดูหราขึ้นเพื่อเป็นหน้าตาให้บริษัทของเรา”“พี่ยังไม่เห็นโครงการนี้ แต่ถ้าเธอคิดว
“ซอนญ่า...” เขาเรียกอีกครั้งทว่าหญิงสาวก็ยังนอน นิ่ง ร่างบอบบางเพียงขยับตัวเพื่อกระชับเสื้อสูทที่เธอใช้ห่มต่างผ้านวม“คุณหนาวหรือ?” แดเนียลถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ภายในห้องแม้ทึบทุกด้านแต่ก็มีระบบปรับอากาศที่เหมาะสม ทว่าเมื่อมือหนาสัมผัสกับต้นแขนของหญิงสาวใบหน้าคมคายก็เปลี่ยนไปในทันที“พระเจ้า! ซอนญ่า...คุณไม่สบายหรือนี่”แดเนียลอุทานออกมาเมื่อมือแนบลงกับผิวนุ่ม ๆ ที่ร้อนจัดของอลินทิราและเขาก็รู้ดีว่ามันเกิดจากอะไร ชายหนุ่มรีบออกไปที่ประตูซึ่งบอดี้การ์ดของเขายังยืนอยูที่เดิม“ไปรับคุณหมอออซเทิร์กที่คลินิกมาตอนนี้เลย!”ชายหนุ่มออกคำสั่งก่อนที่การ์ดร่างใหญ่จะกุลีกุจอออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่กลับเข้าไปในห้องเพื่อทรุดตัวลงนั่งบนเตียงพลางช้อนตัวหญิงสาวที่นอนหันหลังให้พลิกกลับมาอยู่ในอ้อมแขนหนาใหญ่ที่กระชับแน่น“ซอนญ่า” แดเนียลยังคงเรียกชื่อนั้นแผ่วเบาขณะประทับริมฝีปากลงบนโหนกแก้มอันซีดเซียว อลินทิราดูอ่อนแรงและเขาก็รับรู้ได้ถึงน้ำหนักตัวของร่างบอบบางที่ลดลงฮวบฮาบ“แดน” เสียงเบาหวิวลอดผ่านเรียวปากบางที่เผยอขึ้นลงบนใบหน้าอิดโรย หญิสาวค่อย ๆ ลืมตามองประกายสีน้ำเงินอมม่วงที่สะท้อนความอ่อนโย
“อาการของคุณเกือบเป็นปกติแล้วนะครับ เพียงแต่ต้องกินอะไรให้มากสักหน่อย อย่างน้อยก็ต้องเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ที่สำคัญคงต้องยกความดีให้กับแดเนียลที่ดูแลผู้ป่วยจนหายเป็นปกติ”หมอออซเทิร์กกล่าวขณะตรวจดูนัยน์ตาและจับชีพจรบนข้อมือของหญิงสาวร่างบอบบางที่นั่งบนเตียงเล็กโดยมีร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองยืนมองอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าผ่อนคลายลงกว่าเก่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอีกเกือบสัปดาห์นายแพทย์คนเดิมก็ยังคงเดินทางมาตรวจดูอาการคนไข้ของเขาไม่ได้ขาด แม้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจแต่นายแพทย์ก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่แดเนียลมีให้กับหญิงสาวเปี่ยมล้นอีกสิ่งหนึ่งที่นายแพทย์วัยห้าสิบห้าสัมผัสได้คือความงามหมดจดของอลินทิราเมื่อเธออยู่ในสภาวะปกติ เธอสวยมากเสียจนเขาแทบไม่นึกสงสัยอีกต่อไปว่าเหตุใดแดเนียลจึใส่ใจผู้หญิงคนนี้นัก เขาไม่ถามเจ้าของคฤหาสน์ถึงที่มาที่ไปว่าเหตุผลอะไรต้องเก็บตัวหญิงสาวแสนสวยไว้ในห้องใต้ดินแบบนี้นอกจากตรวจดูอาการจนแน่ใจว่าไม่มีผลข้างเคียงใดเกิดกับผู้ป่วยอีก“หมอคิดว่าหลังจากนี้แดเนียลคงดูแลคุณต่อไปได้เองแล้วล่ะครับเพราะไม่มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว”“ขอบคุณมากนะคะ คุณหมอ”อลินทิรากล่าวกับนายแพทย
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต
“ที่ร้านอาหารของลุงเคิร์คในเมืองกำลังหาพนักงานเสริ์ฟเพิ่ม...เอ้อ...ถ้าลูกสนใจจะทำ”“ก็ไม่เลวนะคะ แต่หนูขอเวลาอีกสักพัก”“เมื่อไหร่ก็ได้จ้ะ เมื่อไหร่ก็ได้ที่หนูพร้อม”หญิงสูงวัยยังไม่ทันยกน้ำชาขึ้นจิบก็ได้ยินเสียงแตรรถดังที่หน้าบ้าน“โอ...ตายจริง แม่ลืมซะสนิทเลย” นางวางแก้วชาและเบิกกว้าง “แม่ลืมว่าเช้านี้นัดกับคุณแบรดฟอร์ด เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ กันเข้าไปซื้อของในเมือง อัลลี่จ๊ะ...หนูคงต้องกินอาหารเช้าคนเดียวแล้วล่ะจ้ะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไปส่งนะคะ”“ไม่ต้องจ้ะ อัลลี่ หนูกินไปเถอะ แม่ไปก่อนนะจ๊ะ อาจกลับมาตอนบ่าย ๆ”อลินทิราเอียงศีรษะเป็นเชิงรับรู้และเมื่อแม่บุญธรรมของเธอลุกออกไปหญิงสาวจึงเลื่อนจานพาสต้าตรงหน้าไปไว้ด้านข้าง เธออยากกินอาหารฝีมือดาเลียมากที่สุดตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่และนางก็จัดเตรียมขอที่บุตรสาวบุญธรรมโปรดปรานมากที่สุดนั่นคือเมนูอาหารอิตาเลียนแต่หญิงสาวกลับลืนมันไม่ลง ผะอืดผะอมจนบางครั้งแทบไม่อยากหันไปมอง นี่คงเป็นอาการแพ้ท้อง ถึงเธอไม่บอกแต่ดาเลียก็จะต้องรู้ในสักวันด้วยตัวนางเองร่างบอบบางลุกขึ้นไปหยุดยืนที่หน้าต่างห้องครัว ภาพภูเขาสีน้ำตาลแดงบนที่ราบทุ่งหญ้าเบื้องนอกท
“อาการของคุณดีขึ้นมากแล้วนะครับหลังจากพักฟื้นมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน หมอว่าตอนนี้คุณซอนญ่าคงกลับบ้านได้แล้วล่ะครับ”นายแพทย์สูงวัยเอ่ยกับหญิงสาวร่าบอบบางในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มซึ่งนั่งฟังผลการวินิจฉัยครั้งสุดท้ายบนเตียงผู้ป่วย เขาก้มลงดูแผ่นชาร์ตพลางยิ้มรื่น“จะให้พยาบาลแจ้งคุณแดเนียล ไพรซ์ ไหมครับว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คงไม่ต้องหรอกค่ะ...เอ้อ...ตอนนี้เขาคงกำลังยุ่งอยู่กระมังคะ ถ้ายังไงฉันจะบอกให้เขาทราบเองค่ะ”“ครับ...ถ้าอย่างนั้นก็อยาลืมบอกข่าวดีกับเขาด้วยก็แล้วกันนะครับว่าตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว ผมจะบอกคุณแดเนียลตั้งแต่วันที่เขากลับแคลิฟอเนีย แต่วันนั้นเขาดูเร่งร้อนมากก็เลยไม่ทันได้พูดอะไร แต่ผมคิดว่าถ้าเขารู้ก็คงจะดีใจมาก”นายแพทย์สูงวัยกล่าวอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของคนไข้“ค่ะ...คุณหมอ ขอบคุณมากนะคะ”อลินทิรายิ้มรับแต่หัวใจดวงนั้นทั้งหวาดหวั่นและรันทดท้อด้วยคิดไปต่าง ๆ นานา หลังถูกกระสุนปืนสไนเปอร์ของเฟลรอฟตอนหนีเข้าไปในแคนยอน แลนด์กับแดเนียลเธอก็ถูกส่งมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดและหลับไม่รู้สึกตัวนานเกือบสัปดาห์ กระส
แดเนียลตะโกนทว่าหญิงสาวกลับยืนนิ่ง เธอมองไปรอบตัวซึ่งถูกโอบล้อมด้วยหน่วยสวาท ร่างเพรียวระหงกำหมัดแน่น เธอจะไม่ยอมถูกจับที่นี่เป็นเด็ดขาด“ได้...แดเนียล แต่ฉันอยากคุยกับพี่ก่อนมอบตัวกับตำรวจ”โมนิกายื่นข้อเสนอสักครู่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งยืนข้าง ๆ แดเนียลก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบ“ว่ายังไงครับ คุณแดเนียล จะเข้าไปคุยกับเธอหรือเปล่า?”คนถูกถามพยักหน้าก่อนตอบ “ครับ...ผมจะคุยกับเธอ”“ระวังตัวด้วยนะครับ เราไม่รู้ว่าเธอมีแผนอะไรบ้าง”“ขอบคุณครับ ผมจะระวัง” แดเนียลรับปากก่อนเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับญาติผู้น้อง ทุกอย่างเงียบกริบ บรรยากาศรอบตัวบีบคั้นจนน่าอึดอัด เจ้าหน้าที่หน่วยสวาททุกนายซึ่งมีอาวุธครบมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลากระทั่งชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าหญิงสาว“โมนี่” แดเนียลลดเสียงต่ำ เขาเครียดเกร็งในช่องท้องเมื่อต้องมาอยู่ในสภาวการณ์ล่อแหลมและอาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ เขาเหมือนตัวประกันของโมนิกา ญาติผู้น้องที่จับจ้องไม่วางตาเมื่อบทสนทนาเริ่มขึ้น“โมนิกา...ตอนนี้คนในองค์กรของเธอถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไว้เกือบหมดแล้ว มูลนิธิถูกสั่งปิด ไซออนเนต...จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว”“พี่คิดว่าเรื่องทุกอย่