"หานซานเฉียน คุณช่างไร้ยางอายจริง ๆ คุณสร้างปัญหาให้ผู้หญิงด้วยสิ่งที่คุณไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง" ตงฮ้าวไม่ได้ไปที่สนามโดยตรง แต่เดินเข้าไปหาหานซานเฉียนและพูดออกมา "ถ้าคุณมีข้อโต้แย้งใดโปรดบอกฉี๋อีหยุน นี่ถือเป็นความร่วมมือระหว่างเรา ในฐานะลูกน้อง คุณมีสิทธิ์อะไรมากมาย" หานซานเฉียนพูดเรียบ ๆ ตงฮ้าวกำหมัดแน่นทันที และมีเสียงแกร็กออกมาจากข้อนิ้วของเขา “สักวันหนึ่งฉันจะฆ่านาย” หลังจากพูดตงฮ้าวก็หันหลังและเดินไปที่สนาม เมื่อเห็นชายร่างเล็กต่อหน้าเขา ตงฮ้าวก็พูดออกมาอย่างเหยียดหยาม "มาสู้กันเร็ว ๆ ฉันไม่มีเวลามาเสียกับขยะอย่างแก" ดวงตาของอู๋เฟิงจับจ้อง จากนั้นเขาก็แสดงรอยยิ้มแปลก ๆ และพูดว่า "การที่บอกว่าฉันเหมือนขยะ นี่จะเป็นสิ่งที่น่าเสียใจที่สุดในชีวิตของแก" การต่อสู้ของสองปรมาจารย์ ไม่ได้มีท่วงท่าที่แพรวพราว และความแข็งแกร่งของหมัดต่อหมัด การซ้อมแบบนี้สามารถเพิ่มความฮึกเหิมในร่างกายได้สูงสุด ผู้ชมเหล่านั้นต่างตื่นเต้นราวกับว่าพวกเขาต่อสู้ไปด้วย แม้แต่หานซานเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะหายใจถี่ แต่เขาสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ มากกว่าผู้ชมทั่วไป หลังจากเคลื่อนไหวไม่กี่ครั้ง ตงฮ้าวก็เส
"นี่..." “เป็นอะไร ทำไมถึงไม่ต่อสู้เลย?” “เกิดอะไรขึ้น ฉันยังตื่นเต้นไม่พอ!” ทุกคนในหอประชุมต่างตกตะลึง และอู๋เฟิงผู้โอ่อ่าก็รู้ว่าเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับ หานซานเฉียนก็งงงวยเช่นกัน อู๋เฟิงเปล่งคำพูดที่รุนแรงกับเขา แต่กลับหนีด้วยความสิ้นหวัง นี่เป็นเรื่องน่าอายสำหรับตัวเองไม่ใช่เหรอ? เป็นผู้เชี่ยวชาญแบบเขา ทำแบบนี้ได้อย่างไร หานซานเฉียนก็ไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของเขาจะทำอะไรอู๋เฟิงได้ เกิดอะไรขึ้น? ทุกคนกำลังหาคำตอบ แต่ไม่มีใครรู้นอกจากอู๋เฟิง เมื่อหานซานเฉียนกำลังเดินไปที่สังเวียน อู๋เฟิงก็รู้สึกร้อนผ่าวในดวงตา เป็นชายชราที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน คนอื่น ๆ ไม่รู้สึกถึงแรงผลักดันมหาศาล แต่อู๋เฟิงรู้สึกได้ แม้จะอยู่ในระยะที่ไกลมาก อู๋เฟิงรู้สึกได้ถึงพลังจากชายชรา นี่คือปรมาจารย์ที่แท้จริง อู๋เฟิงถึงกับสงสัยว่า แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่ดี เขาก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ดังนั้นอู๋เฟิงจึงเลือกที่จะถอยกลับทันที มันคงเป็นเรื่องน่าอายมาก แต่ถ้ามันช่วยชีวิตคุณได้ล่ะ? หานชิงมองไปที่หานซานเฉียนด้วยความโกรธ แต่เธอเสียใจมากที่ไม่เห็นหานซานเฉียนถูกกระทืบ เรื่องกา
ชายชราชำเลืองมองอู๋เฟิง จากนั้นก็หันหลังกลับออกไป ซอยก็เงียบอีกครั้ง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น อู๋เฟิงลุกนั่งด้วยความยากลำบาก และพิงผนังด้วยท่าทางเจ็บปวด แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชายชรามาที่นี่เพื่อหานซานเฉียนหรือไม่ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเช่นนั้น "คุณหนู ดูเหมือนว่าหานซานเฉียนจะรับมือไม่ได้ง่าย ๆ อย่างที่คิด" หลังจากที่หานชิงออกจากสนามมวย เขาก็กลับมาที่โรงแรมทันที และโชว์โทรศัพท์ให้หานเหยียนดู เมื่อหานเหยียนเห็นสภาพที่เศร้าหมองของหานซานเฉียน เธอก็ไม่แปลกใจมากนัก ในสายตาของเธอ มันเป็นแค่พฤติกรรมธรรมดาทั่วไป "ไม่แปลกใจเลย สำหรับสิ่งไร้ค่า หากเขาไม่ยอมถอย ยังมีวิธีอื่นอีกเหรอ?" หานเหยียนพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ หานชิงพยักหน้าเป็นเชิง เธอคิดว่าหานเหยียนจะมีความสุขมากที่ได้เห็นวิดีโอนี้ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่หานเหยียนพูด เธอรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย "คุณหนูพูดถูก" “ใช่แล้ว อู๋เฟิงอยู่ไหน?” หานเหยียนถาม “คุณหนู อู๋เฟิงกำลังจะสู้กับหานซานเฉียน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ เขาก็ถอยหนี” หานชิงกล่าว "ถอยหนี?" สีหน้าของหานเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาทันที และถาม "เกิดอะไรขึ
ในห้องกล้องวงจรปิดของสนามมวย หานซานเฉียนให้คนเปิดกล้องวงจรปิดของคืนนี้เพื่อตรวจสอบ เนื่องจากคำพูดของตงฮ้าวทำให้หานซานเฉียนอยากรู้อยากเห็นมาก ดังนั้นเขาจึงอยากรู้ว่าชายคนนี้ที่ซ่อนอยู่ในหอประชุมคือใคร แต่หลังจากดูวิดีโอกล้องวงจรปิดทั้งหมด หานซานเฉียนก็ไม่เจอใครที่น่าสงสัยทำ ให้เขารู้สึกงงงวยมาก เนื่องจากอู๋เฟิงออกจากสนามอย่างกะทันหัน ต้องมีเหตุผลบางอย่างสำหรับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ เป็นไปได้ไหมว่าชายคนนี้เป็นแค่คนธรรมดา? "พี่ซานเฉียน ปรมาจารย์บางคนมีพลังมากจนไม่น่าแปลกใจเลย ที่ภายนอกดูเหมือนคนธรรมดา เนื่องจากเขาช่วยเราไล่อู๋เฟิงออกไป คงไม่ใช่คู่ต่อสู้เรา ไม่ต้องกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้” เตาสือเอ้อร์กล่าวกับหานซานเฉียน ถึงแม้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส จนหานซานเฉียนขอให้เขาไปโรงพยาบาล แต่เขาไม่ไป ไม่รู้ว่าเขาประหยัดเงิน หรือสภาพร่างกายของเขาไม่ได้หนักถึงขั้นที่จะต้องไปโรงพยาบาล หานซานเฉียนถอนหายใจและพูดว่า "ฉันแค่อยากรู้ว่าคน ๆ นี้คือใคร หากเราสามารถโน้มน้าวให้เขาอยู่กับเราได้ มันอาจจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเรา" "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าเขาเต็มใจช่วยเราจริง ๆ ใน
คฤหาสน์ใจกลางภูเขา ทั้งสองดูเหมือนจะใจตรงกัน ซูหยิงเซี่ยยังจัดรูปถ่ายงานแต่งงานของทั้งสองคน มองไปที่หานซานเฉียนในรูปถ่าย และพึมพำกับตัวเอง เมื่อเวลาที่อ้างว้างกลางดึก สำหรับซูหยิงเซี่ยความรู้สึกโหยหาเป็นเหมือนคลื่นยักษ์ที่ซัดเข้าสู่หัวใจของเธอตลอดเวลา แม้ว่าเธอจะสับสนกับงานในระหว่างวัน และไม่ได้คิดถึงหานซานเฉียน แต่ในเวลากลางคืน สถานการณ์นี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อมองไปที่อีกด้านของเตียง ควรจะมีชายคนหนึ่งชื่อหานซานเฉียนนอนอยู่ที่นั่น และเขาก็เป็นสามีของเธอ "สามี ฉันคิดถึงคุณจัง" น้ำตาที่หางตาของซูหยิงเซี่ยไหลลงมาราวกับไข่มุกที่แตกสลาย เช้าวันรุ่งขึ้นซูหยิงเซี่ยกำลังจะไปทำงาน หลังจากวิ่งในตอนเช้า เจี่ยงหลานมาพูดกับเธอว่า "หลังเลิกงานก็รีบกลับมาบ้าน วันนี้จะมีแขกมาที่บ้าน" ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้วแน่น ตระกูลเจียงยังจะมาที่บ้านอย่างโจ่งแจ้งอีกเหรอ? "อย่าบอกนะคะว่าคุณปู่และคนอื่น ๆ จะมาอีก?" ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างไม่พอใจ “ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา เป็นเพื่อนของฉันเอง อย่าลืมกลับบ้านก่อนเวลา” เจี่ยงหลานพูด ซูหยิงเซี่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในใจของเธอเป็นเรื่องยากมากที่เจี่ยงหล
เมื่อหานซานเฉียนออกมาวิ่งในตอนเช้า ไม่ได้เจอกับมี่เฟยเอ๋อร์ อาจเป็นเพราะเธอจงใจเลื่อนเวลาออกไป แต่สำหรับหานซานเฉียนนี่ถือเป็นเรื่องที่ดี จะได้หลีกเลี่ยงความอับอาย และไม่ต้องเห็นหน้าอันเย็นชาของมี่เฟยเอ๋อร์ อารมณ์จะได้ดีขึ้น แต่เมื่อสิ้นสุดการวิ่งในตอนเช้า และขณะกำลังจะกลับบ้าน ทั้งสองก็ได้เจอกันโดยบังเอิญ มี่เฟยเอ๋อร์ที่รออยู่ที่ประตูลิฟต์ พูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม "คุณจงใจไม่รอฉันใช่ไหม?" หานซานเฉียน อดหัวเราะไม่ได้ บางครั้งเขาอยากจะเขกหัวของมี่เฟยเอ๋อร์ และดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ทำไมเธอถึงได้มีความคิดแปลก ๆ “ความมั่นใจของคุณนี่มาจากรูปร่าง หรือหน้าตาของคุณกันแน่” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ มี่เฟยเอ๋อร์มั่นใจในรูปร่างและหน้าตาของเธอมาก เธอคิดว่าทั้งสองเกือบจะสมบูรณ์แบบ และไม่มีจุดบกพร่อง "สำหรับคนอย่างคุณ ฉันยังมีข้อบกพร่องอีกเหรอ?" มี่เฟยเอ๋อร์พูด “คนอย่างผม ผมเป็นคนแบบไหน?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัย "กระจอก ขี้ขลาด ไร้ความสามารถ ความบกพร่องของผู้ชายเกือบทั้งหมดอยู่ในตัวคุณ ถ้าคุณต้องการนิยามว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ก็คงจะไร้ค่า" มี่เฟยเอ๋อร์เย้ยหยัน สองคำนี้ไม่เคยหายไปจากชีวิต
"ผมจะไม่ปล่อยให้คุณทำลายเขา" ฉือจิงพูดพลางกัดฟัน "เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่มีวิธีแบบประนีประนอม แม้แต่ชีวิตของลูกชายเองก็ไม่สำคัญ คุณและหนานกงเชียนชิวถูกหล่อหลอมมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน แต่ความดื้อรั้นของซานเฉียนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะจินตนาการได้ เขาจะไม่ยอมถูกทำลายโดยใครก็ตาม นอกจากเธอ" เหยีบนจุนกล่าว เขาเข้าใจหานซานเฉียนดีกว่าใคร ๆ สิ่งที่หานซานเฉียนต้องการทำนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และการช่วยเหลือหานซานเฉียนจากเขาก็สำคัญเช่นกัน มันไม่ได้ทำให้หานซานเฉียนอ่อนแอแต่อย่างใด ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงสิ่งที่เขาอดทน เพื่อผู้ชายที่ร่ำรวยและมั่งคั่งคนนี้ ที่พึ่งพาตนเองได้ตั้งแต่อายุสิบสองปี และการเติบโตของเขาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ได้ส่งผลถึงความมุ่งมั่นที่ไม่อาจทำลายได้ของเขา "เธอ?" ฉือจิงแสดงเจตนาที่ต้องการฆ่าผ่านคิ้วที่ขมวดของเธอ ใครก็ตามที่สามารถกระตุ้นหานซานเฉียนได้นั้นเป็นภัยคุกคามในสายตาของฉือจิง "ผมแนะนำให้คุณกำจัดความคิดโง่ ๆ ในใจของคุณ การฆ่าเธอจะไม่ทำให้ซานเฉียนแข็งแกร่งขึ้น เพราะความแข็งแกร่งของเขาขึ้นอยู่กับซูหยิงเซี่ย และเขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่
ฉือจิงอยู่ในความงุนงงอยู่สักพักที่สวนขนาดเล็ก คำพูดของเหยียนจุนส่งผลกระทบอย่างมากต่อเธอ และทำให้ความแน่วแน่ของเธอสั่นคลอนเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของฉือจิงก็มุ่งมั่นมากขึ้น "ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหาน นี่คือสิ่งที่เธอควรทำ ความเห็นแก่ตัวของฉันก็เพื่อตระกูลหาน ไม่ใช่เพื่อฉัน" ฉืงจิงกัดฟันและพูดกับตัวเอง เธอไม่อาจยอมรับได้ว่าทั้งหมดนี้ทำเพื่อเธอ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ตระกูลหาน วิญญาณของตระกูลหาน! ถ้าเขาไม่สามารถรับผิดชอบตระกูลหานได้ เขามีคุณสมบัติอะไรถึงเรียกตัวเองว่าคนกระกูลหาน? "พ่อ ต่อให้พ่อจะตายไปแล้ว ก็หวังว่าพ่อจะอวยพรให้ซานเฉียน อนาคตของตระกูลหานของเราขึ้นอยู่กับเขาคนเดียว" ฉือจิงออกจากลานเล็ก ๆ หลังจากพูดสิ่งนี้ เธอรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเหยียนจุนได้ และตอนนี้เธอได้แต่หวังว่าเหยียนจุนจะไม่เข้าไปยุ่งมากเกินไป เมื่อฉือจิงปรากฏตัวที่สนามบิน และกำลังจะกลับไปที่เมืองเยียนจิง จู่ ๆ เธอก็ถูกหยุดโดยกลุ่มคน “พวกคุณเป็นใคร?” ฉือจิงถาม “คุณหนูอยากเจอคุณ ตามพวกเรามา” คุณหนู? ฉือจิงขมวดคิ้ว คุณหนูของคนพวกนี้คือเป็นใครกัน? เม
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ