คฤหาสน์ใจกลางภูเขา ทั้งสองดูเหมือนจะใจตรงกัน ซูหยิงเซี่ยยังจัดรูปถ่ายงานแต่งงานของทั้งสองคน มองไปที่หานซานเฉียนในรูปถ่าย และพึมพำกับตัวเอง เมื่อเวลาที่อ้างว้างกลางดึก สำหรับซูหยิงเซี่ยความรู้สึกโหยหาเป็นเหมือนคลื่นยักษ์ที่ซัดเข้าสู่หัวใจของเธอตลอดเวลา แม้ว่าเธอจะสับสนกับงานในระหว่างวัน และไม่ได้คิดถึงหานซานเฉียน แต่ในเวลากลางคืน สถานการณ์นี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อมองไปที่อีกด้านของเตียง ควรจะมีชายคนหนึ่งชื่อหานซานเฉียนนอนอยู่ที่นั่น และเขาก็เป็นสามีของเธอ "สามี ฉันคิดถึงคุณจัง" น้ำตาที่หางตาของซูหยิงเซี่ยไหลลงมาราวกับไข่มุกที่แตกสลาย เช้าวันรุ่งขึ้นซูหยิงเซี่ยกำลังจะไปทำงาน หลังจากวิ่งในตอนเช้า เจี่ยงหลานมาพูดกับเธอว่า "หลังเลิกงานก็รีบกลับมาบ้าน วันนี้จะมีแขกมาที่บ้าน" ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้วแน่น ตระกูลเจียงยังจะมาที่บ้านอย่างโจ่งแจ้งอีกเหรอ? "อย่าบอกนะคะว่าคุณปู่และคนอื่น ๆ จะมาอีก?" ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างไม่พอใจ “ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา เป็นเพื่อนของฉันเอง อย่าลืมกลับบ้านก่อนเวลา” เจี่ยงหลานพูด ซูหยิงเซี่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในใจของเธอเป็นเรื่องยากมากที่เจี่ยงหล
เมื่อหานซานเฉียนออกมาวิ่งในตอนเช้า ไม่ได้เจอกับมี่เฟยเอ๋อร์ อาจเป็นเพราะเธอจงใจเลื่อนเวลาออกไป แต่สำหรับหานซานเฉียนนี่ถือเป็นเรื่องที่ดี จะได้หลีกเลี่ยงความอับอาย และไม่ต้องเห็นหน้าอันเย็นชาของมี่เฟยเอ๋อร์ อารมณ์จะได้ดีขึ้น แต่เมื่อสิ้นสุดการวิ่งในตอนเช้า และขณะกำลังจะกลับบ้าน ทั้งสองก็ได้เจอกันโดยบังเอิญ มี่เฟยเอ๋อร์ที่รออยู่ที่ประตูลิฟต์ พูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม "คุณจงใจไม่รอฉันใช่ไหม?" หานซานเฉียน อดหัวเราะไม่ได้ บางครั้งเขาอยากจะเขกหัวของมี่เฟยเอ๋อร์ และดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ทำไมเธอถึงได้มีความคิดแปลก ๆ “ความมั่นใจของคุณนี่มาจากรูปร่าง หรือหน้าตาของคุณกันแน่” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ มี่เฟยเอ๋อร์มั่นใจในรูปร่างและหน้าตาของเธอมาก เธอคิดว่าทั้งสองเกือบจะสมบูรณ์แบบ และไม่มีจุดบกพร่อง "สำหรับคนอย่างคุณ ฉันยังมีข้อบกพร่องอีกเหรอ?" มี่เฟยเอ๋อร์พูด “คนอย่างผม ผมเป็นคนแบบไหน?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัย "กระจอก ขี้ขลาด ไร้ความสามารถ ความบกพร่องของผู้ชายเกือบทั้งหมดอยู่ในตัวคุณ ถ้าคุณต้องการนิยามว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ก็คงจะไร้ค่า" มี่เฟยเอ๋อร์เย้ยหยัน สองคำนี้ไม่เคยหายไปจากชีวิต
"ผมจะไม่ปล่อยให้คุณทำลายเขา" ฉือจิงพูดพลางกัดฟัน "เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่มีวิธีแบบประนีประนอม แม้แต่ชีวิตของลูกชายเองก็ไม่สำคัญ คุณและหนานกงเชียนชิวถูกหล่อหลอมมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน แต่ความดื้อรั้นของซานเฉียนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะจินตนาการได้ เขาจะไม่ยอมถูกทำลายโดยใครก็ตาม นอกจากเธอ" เหยีบนจุนกล่าว เขาเข้าใจหานซานเฉียนดีกว่าใคร ๆ สิ่งที่หานซานเฉียนต้องการทำนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และการช่วยเหลือหานซานเฉียนจากเขาก็สำคัญเช่นกัน มันไม่ได้ทำให้หานซานเฉียนอ่อนแอแต่อย่างใด ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงสิ่งที่เขาอดทน เพื่อผู้ชายที่ร่ำรวยและมั่งคั่งคนนี้ ที่พึ่งพาตนเองได้ตั้งแต่อายุสิบสองปี และการเติบโตของเขาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ได้ส่งผลถึงความมุ่งมั่นที่ไม่อาจทำลายได้ของเขา "เธอ?" ฉือจิงแสดงเจตนาที่ต้องการฆ่าผ่านคิ้วที่ขมวดของเธอ ใครก็ตามที่สามารถกระตุ้นหานซานเฉียนได้นั้นเป็นภัยคุกคามในสายตาของฉือจิง "ผมแนะนำให้คุณกำจัดความคิดโง่ ๆ ในใจของคุณ การฆ่าเธอจะไม่ทำให้ซานเฉียนแข็งแกร่งขึ้น เพราะความแข็งแกร่งของเขาขึ้นอยู่กับซูหยิงเซี่ย และเขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่
ฉือจิงอยู่ในความงุนงงอยู่สักพักที่สวนขนาดเล็ก คำพูดของเหยียนจุนส่งผลกระทบอย่างมากต่อเธอ และทำให้ความแน่วแน่ของเธอสั่นคลอนเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของฉือจิงก็มุ่งมั่นมากขึ้น "ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหาน นี่คือสิ่งที่เธอควรทำ ความเห็นแก่ตัวของฉันก็เพื่อตระกูลหาน ไม่ใช่เพื่อฉัน" ฉืงจิงกัดฟันและพูดกับตัวเอง เธอไม่อาจยอมรับได้ว่าทั้งหมดนี้ทำเพื่อเธอ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ตระกูลหาน วิญญาณของตระกูลหาน! ถ้าเขาไม่สามารถรับผิดชอบตระกูลหานได้ เขามีคุณสมบัติอะไรถึงเรียกตัวเองว่าคนกระกูลหาน? "พ่อ ต่อให้พ่อจะตายไปแล้ว ก็หวังว่าพ่อจะอวยพรให้ซานเฉียน อนาคตของตระกูลหานของเราขึ้นอยู่กับเขาคนเดียว" ฉือจิงออกจากลานเล็ก ๆ หลังจากพูดสิ่งนี้ เธอรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเหยียนจุนได้ และตอนนี้เธอได้แต่หวังว่าเหยียนจุนจะไม่เข้าไปยุ่งมากเกินไป เมื่อฉือจิงปรากฏตัวที่สนามบิน และกำลังจะกลับไปที่เมืองเยียนจิง จู่ ๆ เธอก็ถูกหยุดโดยกลุ่มคน “พวกคุณเป็นใคร?” ฉือจิงถาม “คุณหนูอยากเจอคุณ ตามพวกเรามา” คุณหนู? ฉือจิงขมวดคิ้ว คุณหนูของคนพวกนี้คือเป็นใครกัน? เม
"ฉันไม่ได้เจอหานซานเฉียน คุณก็รู้ว่าหานซานเฉียนเป็นเพียงแค่คนที่ถูกขับไล่ออกจากครอบครัว" ฉือจิงกัดฟันพูด "คนไร้ค่าคนนี้ได้ถูกคุณทอดทิ้ง แน่นอนว่าฉันรู้ แต่ตอนนี้หานจุนก็พิการไปแล้ว แถมยังอยู่ในคุก และหานซานเฉียนก็เป็นคนเดียวที่จะสามารถดูแลภาพรวมของตระกูลหานได้ ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้คุณจะไม่ฝากความหวังไว้ที่หานซานเฉียนหรือเปล่า?” หานเหยียนพูดแผ่วเบา “เรื่องของเขาไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลหาน” ฉือจิงกล่าว รอยยิ้มบนใบหน้าของหานเหยียนเข้มขึ้น เธอไม่คิดว่าคนไร้ค่าคนนี้จะถูกครอบครัวของเขาทิ้งอย่างไร้เยื่อใย "ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพ่อของฉันถึงยืนยันที่จะกำจัดกับคนไร้ค่าประเภทนี้ไปให้พ้นทาง" หานเหยียนพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม เมื่อฉือจิงออกจากโรงแรม รอยนิ้วมือที่แดงและบวมบนใบหน้าของเธอนั้นชัดเจนมาก แต่มันไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่เป็นความโกรธในใจของเธอ ความเย่อหยิ่งของตระกูลหานในสหรัฐอเมริกานั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับเธอ ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้น ถือว่าเธอเป็นผู้อาวุโสของหานเหยียน แต่หานเหยียนไม่ได้ให้เกียรติกับเธอเลยแม้แต่สาวรับใช้ก็ยังกล้าที่จะตบเธอ! "หานซานเฉียน ฉันไม่สมควรเป็น
มี่เฟยเอ๋อร์และหยางเหมิงยังไม่เริ่มทำงานอย่างเป็นทางการ ก็เลยยังมีเวลาว่างอีกสองวัน สำหรับผู้หญิงแล้ว การชอปปิงเป็นวิธีที่ดีที่สุดเวลาที่รู้สึกเบื่อ ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด แม้ว่าพวกเขาจะไปห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เพื่อชอปปิงแต่ไม่ได้ซื้ออะไรเลย พวกเขาก็จะไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย แต่พอกลับถึงบ้านเมื่อไหร่ ความโทรมพวกนั้นก็จะปรากฏขึ้น ทั้งสองเดินจูงมือกันอย่างสนิทสนม แวะร้านแล้วร้านเล่าลองเสื้อผ้าไปต่าง ๆ นา ๆ แต่ในมือของพวกเธอกลับว่างเปล่า ในขณะเดียวกัน ทั้งสองไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนกำลังตามพวกเธออยู่ข้างหลัง แม้ว่าเมื่อคืนนี้คนที่ไนท์คลับจะถูกฉินจ้าวข่มขู่ไปแล้ว แต่เขาถามคนรู้จักของเขาในบริษัทเทียน กรุ๊ป เรียบร้อย ฉินจ้าวเป็นเพียงหัวหน้าแผนกเล็ก ๆ และเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนในบริษัทเทียน กรุ๊ป ซึ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหาทางแก้แค้นจากมี่เฟยเอ๋อร์ แม้หน้าตาจะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่สิ่งนี้มันคือรากฐานของคนเลวพวกนี้ ถ้าหากไม่แก้แค้น ก็จะถูกมองว่าเป็นตัวตลก “พี่โก่ว ผู้หญิงสองคนนี้หน้าตาดีทีเดียว หลังจับได้แล้ว พวกเราขอจัดด้วยนะ
“คุณจะทำอะไร เพื่อนของฉันมาจากบริษัทเทียน กรุ๊ป คุณลืมไปแล้วเหรอ” มี่เฟยเอ๋อร์ขู่ ถังโก่วยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า "เมื่อคืนฉันกลัวเขาจริง แต่ฉันไปสืบมาแล้ว เขาเป็นเพียงหัวหน้าแผนกเล็ก ๆ ไม่ได้มีอำนาจอะไร" คำพูดเหล่านี้ทำให้มี่เฟยเอ๋อร์แสดงสีหน้าหวาดกลัว เขาไม่กลัวฉินจ้าวด้วยซ้ำ มี่เฟยเอ๋อร์ก็ไม่มีอะไรที่สามารถจัดการกับเขาได้ "คุณทำอะไรพวกเรา มันผิดกฎหมายนะ" มี่เฟยเอ๋อร์พูด “คนสวย ฉันจะบอกให้นะ ฉันไม่ใช่คนดี ถ้าฉันทำอะไรไม่ได้ ฉันคงไม่ทำในสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบวินัย คุณพูดถึงเรื่องผิดกฎหมายไม่ตลกไปหน่อยเหรอ” ถังโก่วหัวเราะอย่างร่าเริง เช่นเดียวกับทุกคน มันไร้สาระที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายกับพวกนอกกฎหมาย รถแล่นไปที่หมู่บ้านเฉิงจง ซึ่งเป็นที่ที่จางหลิงฮวาเคยอาศัยอยู่มาก่อน หลังจากที่รถหยุด มี่เฟยเอ๋อร์และหยางเหมิงก็ลงจากรถ เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบ ก็รู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น หมู่บ้านเฉิงจง ในเมืองหยุนเฉิงเป็นที่เลื่องลือว่ามีแต่ความวุ่นวาย มีคนดีและชั่วปะปนกัน มีคนอยู่ทุกประเภท และมักมีข่าวใหญ่เกี่ยวกับสังคมของที่นี่ ทั้งสองถูกพาเข้าไปในห้องที่ม
เกี่ยวกับพฤติกรรมของหยางเหมิง นอกจากมี่เฟยเอ๋อร์จะโกรธแล้วก็ยังคงทำอะไรไม่ถูก เพราะในความคิดของเธอ หยางเหมิงไม่รู้ว่าหานซานเฉียนเป็นคนแบบไหน และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการตั้งความหวังไว้กับหานซานเฉียนนั้นมันก็ยิ่งผิด คนขี้ขลาดและไร้ประโยชน์เช่นเขา อาจจะไม่กล้ามาที่หมู่บ้านเฉิงจงด้วยซ้ำ แล้วเขาจะมาช่วยพวกเธอได้อย่างไร? “พี่เฟยเอ๋อร์ คุณหานจะไม่มาจริง ๆ เหรอ?” หยางเหมิงถาม ตอนนี้เธอกลัวมาก และคนเดียวที่เธอติดต่อคือหานซานเฉียน ดังนั้นเธอจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับหานซานเฉียน หากมันเป็นเรื่องจริงตามที่มี่เฟยอ๋อร์พูด เธอคงหมดหวังแล้ว ถังโก่วไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรก และเขาก็ทำอย่างตรงไปตรงมา หยางเหมิงไม่อยากตกอยู่ในเงื้อมมือของคนแบบนี้ "เธออธิษฐานให้เทวดามาช่วย แต่อย่าหวังว่าเขาจะช่วยเรา" มี่เฟยเอ๋อร์พูดอย่างดูถูก หลังจากเหตุการณ์สองครั้ง เธอคิดว่าเธอรู้จักหานซานเฉียนดีพอ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาปรากฏตัวที่นี่ “ทำไมเหรอ” หยางเหมิงถามอย่างงุนงง เมื่อเห็นว่าหยางเหมิงยังคงมีความหวัง มี่เฟยเอ๋อร์ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "ครั้งล่าสุดที่ฉันวิ่งในหมู่บ้านในตอนเช้า ฉันทะเลาะกับคนจูงส