เมื่อหานซานเฉียนออกมาวิ่งในตอนเช้า ไม่ได้เจอกับมี่เฟยเอ๋อร์ อาจเป็นเพราะเธอจงใจเลื่อนเวลาออกไป แต่สำหรับหานซานเฉียนนี่ถือเป็นเรื่องที่ดี จะได้หลีกเลี่ยงความอับอาย และไม่ต้องเห็นหน้าอันเย็นชาของมี่เฟยเอ๋อร์ อารมณ์จะได้ดีขึ้น แต่เมื่อสิ้นสุดการวิ่งในตอนเช้า และขณะกำลังจะกลับบ้าน ทั้งสองก็ได้เจอกันโดยบังเอิญ มี่เฟยเอ๋อร์ที่รออยู่ที่ประตูลิฟต์ พูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม "คุณจงใจไม่รอฉันใช่ไหม?" หานซานเฉียน อดหัวเราะไม่ได้ บางครั้งเขาอยากจะเขกหัวของมี่เฟยเอ๋อร์ และดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ทำไมเธอถึงได้มีความคิดแปลก ๆ “ความมั่นใจของคุณนี่มาจากรูปร่าง หรือหน้าตาของคุณกันแน่” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ มี่เฟยเอ๋อร์มั่นใจในรูปร่างและหน้าตาของเธอมาก เธอคิดว่าทั้งสองเกือบจะสมบูรณ์แบบ และไม่มีจุดบกพร่อง "สำหรับคนอย่างคุณ ฉันยังมีข้อบกพร่องอีกเหรอ?" มี่เฟยเอ๋อร์พูด “คนอย่างผม ผมเป็นคนแบบไหน?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัย "กระจอก ขี้ขลาด ไร้ความสามารถ ความบกพร่องของผู้ชายเกือบทั้งหมดอยู่ในตัวคุณ ถ้าคุณต้องการนิยามว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ก็คงจะไร้ค่า" มี่เฟยเอ๋อร์เย้ยหยัน สองคำนี้ไม่เคยหายไปจากชีวิต
"ผมจะไม่ปล่อยให้คุณทำลายเขา" ฉือจิงพูดพลางกัดฟัน "เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่มีวิธีแบบประนีประนอม แม้แต่ชีวิตของลูกชายเองก็ไม่สำคัญ คุณและหนานกงเชียนชิวถูกหล่อหลอมมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน แต่ความดื้อรั้นของซานเฉียนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะจินตนาการได้ เขาจะไม่ยอมถูกทำลายโดยใครก็ตาม นอกจากเธอ" เหยีบนจุนกล่าว เขาเข้าใจหานซานเฉียนดีกว่าใคร ๆ สิ่งที่หานซานเฉียนต้องการทำนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และการช่วยเหลือหานซานเฉียนจากเขาก็สำคัญเช่นกัน มันไม่ได้ทำให้หานซานเฉียนอ่อนแอแต่อย่างใด ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงสิ่งที่เขาอดทน เพื่อผู้ชายที่ร่ำรวยและมั่งคั่งคนนี้ ที่พึ่งพาตนเองได้ตั้งแต่อายุสิบสองปี และการเติบโตของเขาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ได้ส่งผลถึงความมุ่งมั่นที่ไม่อาจทำลายได้ของเขา "เธอ?" ฉือจิงแสดงเจตนาที่ต้องการฆ่าผ่านคิ้วที่ขมวดของเธอ ใครก็ตามที่สามารถกระตุ้นหานซานเฉียนได้นั้นเป็นภัยคุกคามในสายตาของฉือจิง "ผมแนะนำให้คุณกำจัดความคิดโง่ ๆ ในใจของคุณ การฆ่าเธอจะไม่ทำให้ซานเฉียนแข็งแกร่งขึ้น เพราะความแข็งแกร่งของเขาขึ้นอยู่กับซูหยิงเซี่ย และเขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่
ฉือจิงอยู่ในความงุนงงอยู่สักพักที่สวนขนาดเล็ก คำพูดของเหยียนจุนส่งผลกระทบอย่างมากต่อเธอ และทำให้ความแน่วแน่ของเธอสั่นคลอนเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของฉือจิงก็มุ่งมั่นมากขึ้น "ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหาน นี่คือสิ่งที่เธอควรทำ ความเห็นแก่ตัวของฉันก็เพื่อตระกูลหาน ไม่ใช่เพื่อฉัน" ฉืงจิงกัดฟันและพูดกับตัวเอง เธอไม่อาจยอมรับได้ว่าทั้งหมดนี้ทำเพื่อเธอ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ตระกูลหาน วิญญาณของตระกูลหาน! ถ้าเขาไม่สามารถรับผิดชอบตระกูลหานได้ เขามีคุณสมบัติอะไรถึงเรียกตัวเองว่าคนกระกูลหาน? "พ่อ ต่อให้พ่อจะตายไปแล้ว ก็หวังว่าพ่อจะอวยพรให้ซานเฉียน อนาคตของตระกูลหานของเราขึ้นอยู่กับเขาคนเดียว" ฉือจิงออกจากลานเล็ก ๆ หลังจากพูดสิ่งนี้ เธอรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเหยียนจุนได้ และตอนนี้เธอได้แต่หวังว่าเหยียนจุนจะไม่เข้าไปยุ่งมากเกินไป เมื่อฉือจิงปรากฏตัวที่สนามบิน และกำลังจะกลับไปที่เมืองเยียนจิง จู่ ๆ เธอก็ถูกหยุดโดยกลุ่มคน “พวกคุณเป็นใคร?” ฉือจิงถาม “คุณหนูอยากเจอคุณ ตามพวกเรามา” คุณหนู? ฉือจิงขมวดคิ้ว คุณหนูของคนพวกนี้คือเป็นใครกัน? เม
"ฉันไม่ได้เจอหานซานเฉียน คุณก็รู้ว่าหานซานเฉียนเป็นเพียงแค่คนที่ถูกขับไล่ออกจากครอบครัว" ฉือจิงกัดฟันพูด "คนไร้ค่าคนนี้ได้ถูกคุณทอดทิ้ง แน่นอนว่าฉันรู้ แต่ตอนนี้หานจุนก็พิการไปแล้ว แถมยังอยู่ในคุก และหานซานเฉียนก็เป็นคนเดียวที่จะสามารถดูแลภาพรวมของตระกูลหานได้ ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้คุณจะไม่ฝากความหวังไว้ที่หานซานเฉียนหรือเปล่า?” หานเหยียนพูดแผ่วเบา “เรื่องของเขาไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลหาน” ฉือจิงกล่าว รอยยิ้มบนใบหน้าของหานเหยียนเข้มขึ้น เธอไม่คิดว่าคนไร้ค่าคนนี้จะถูกครอบครัวของเขาทิ้งอย่างไร้เยื่อใย "ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพ่อของฉันถึงยืนยันที่จะกำจัดกับคนไร้ค่าประเภทนี้ไปให้พ้นทาง" หานเหยียนพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม เมื่อฉือจิงออกจากโรงแรม รอยนิ้วมือที่แดงและบวมบนใบหน้าของเธอนั้นชัดเจนมาก แต่มันไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่เป็นความโกรธในใจของเธอ ความเย่อหยิ่งของตระกูลหานในสหรัฐอเมริกานั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับเธอ ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้น ถือว่าเธอเป็นผู้อาวุโสของหานเหยียน แต่หานเหยียนไม่ได้ให้เกียรติกับเธอเลยแม้แต่สาวรับใช้ก็ยังกล้าที่จะตบเธอ! "หานซานเฉียน ฉันไม่สมควรเป็น
มี่เฟยเอ๋อร์และหยางเหมิงยังไม่เริ่มทำงานอย่างเป็นทางการ ก็เลยยังมีเวลาว่างอีกสองวัน สำหรับผู้หญิงแล้ว การชอปปิงเป็นวิธีที่ดีที่สุดเวลาที่รู้สึกเบื่อ ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด แม้ว่าพวกเขาจะไปห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เพื่อชอปปิงแต่ไม่ได้ซื้ออะไรเลย พวกเขาก็จะไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย แต่พอกลับถึงบ้านเมื่อไหร่ ความโทรมพวกนั้นก็จะปรากฏขึ้น ทั้งสองเดินจูงมือกันอย่างสนิทสนม แวะร้านแล้วร้านเล่าลองเสื้อผ้าไปต่าง ๆ นา ๆ แต่ในมือของพวกเธอกลับว่างเปล่า ในขณะเดียวกัน ทั้งสองไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนกำลังตามพวกเธออยู่ข้างหลัง แม้ว่าเมื่อคืนนี้คนที่ไนท์คลับจะถูกฉินจ้าวข่มขู่ไปแล้ว แต่เขาถามคนรู้จักของเขาในบริษัทเทียน กรุ๊ป เรียบร้อย ฉินจ้าวเป็นเพียงหัวหน้าแผนกเล็ก ๆ และเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนในบริษัทเทียน กรุ๊ป ซึ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหาทางแก้แค้นจากมี่เฟยเอ๋อร์ แม้หน้าตาจะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่สิ่งนี้มันคือรากฐานของคนเลวพวกนี้ ถ้าหากไม่แก้แค้น ก็จะถูกมองว่าเป็นตัวตลก “พี่โก่ว ผู้หญิงสองคนนี้หน้าตาดีทีเดียว หลังจับได้แล้ว พวกเราขอจัดด้วยนะ
“คุณจะทำอะไร เพื่อนของฉันมาจากบริษัทเทียน กรุ๊ป คุณลืมไปแล้วเหรอ” มี่เฟยเอ๋อร์ขู่ ถังโก่วยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า "เมื่อคืนฉันกลัวเขาจริง แต่ฉันไปสืบมาแล้ว เขาเป็นเพียงหัวหน้าแผนกเล็ก ๆ ไม่ได้มีอำนาจอะไร" คำพูดเหล่านี้ทำให้มี่เฟยเอ๋อร์แสดงสีหน้าหวาดกลัว เขาไม่กลัวฉินจ้าวด้วยซ้ำ มี่เฟยเอ๋อร์ก็ไม่มีอะไรที่สามารถจัดการกับเขาได้ "คุณทำอะไรพวกเรา มันผิดกฎหมายนะ" มี่เฟยเอ๋อร์พูด “คนสวย ฉันจะบอกให้นะ ฉันไม่ใช่คนดี ถ้าฉันทำอะไรไม่ได้ ฉันคงไม่ทำในสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบวินัย คุณพูดถึงเรื่องผิดกฎหมายไม่ตลกไปหน่อยเหรอ” ถังโก่วหัวเราะอย่างร่าเริง เช่นเดียวกับทุกคน มันไร้สาระที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายกับพวกนอกกฎหมาย รถแล่นไปที่หมู่บ้านเฉิงจง ซึ่งเป็นที่ที่จางหลิงฮวาเคยอาศัยอยู่มาก่อน หลังจากที่รถหยุด มี่เฟยเอ๋อร์และหยางเหมิงก็ลงจากรถ เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบ ก็รู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น หมู่บ้านเฉิงจง ในเมืองหยุนเฉิงเป็นที่เลื่องลือว่ามีแต่ความวุ่นวาย มีคนดีและชั่วปะปนกัน มีคนอยู่ทุกประเภท และมักมีข่าวใหญ่เกี่ยวกับสังคมของที่นี่ ทั้งสองถูกพาเข้าไปในห้องที่ม
เกี่ยวกับพฤติกรรมของหยางเหมิง นอกจากมี่เฟยเอ๋อร์จะโกรธแล้วก็ยังคงทำอะไรไม่ถูก เพราะในความคิดของเธอ หยางเหมิงไม่รู้ว่าหานซานเฉียนเป็นคนแบบไหน และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการตั้งความหวังไว้กับหานซานเฉียนนั้นมันก็ยิ่งผิด คนขี้ขลาดและไร้ประโยชน์เช่นเขา อาจจะไม่กล้ามาที่หมู่บ้านเฉิงจงด้วยซ้ำ แล้วเขาจะมาช่วยพวกเธอได้อย่างไร? “พี่เฟยเอ๋อร์ คุณหานจะไม่มาจริง ๆ เหรอ?” หยางเหมิงถาม ตอนนี้เธอกลัวมาก และคนเดียวที่เธอติดต่อคือหานซานเฉียน ดังนั้นเธอจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับหานซานเฉียน หากมันเป็นเรื่องจริงตามที่มี่เฟยอ๋อร์พูด เธอคงหมดหวังแล้ว ถังโก่วไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรก และเขาก็ทำอย่างตรงไปตรงมา หยางเหมิงไม่อยากตกอยู่ในเงื้อมมือของคนแบบนี้ "เธออธิษฐานให้เทวดามาช่วย แต่อย่าหวังว่าเขาจะช่วยเรา" มี่เฟยเอ๋อร์พูดอย่างดูถูก หลังจากเหตุการณ์สองครั้ง เธอคิดว่าเธอรู้จักหานซานเฉียนดีพอ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาปรากฏตัวที่นี่ “ทำไมเหรอ” หยางเหมิงถามอย่างงุนงง เมื่อเห็นว่าหยางเหมิงยังคงมีความหวัง มี่เฟยเอ๋อร์ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "ครั้งล่าสุดที่ฉันวิ่งในหมู่บ้านในตอนเช้า ฉันทะเลาะกับคนจูงส
“นายกลับไปก่อน ฉันมีเพื่อนที่จะต้องไปทักทาย” หลังจากพูด หยางซิ่งก็รีบออกจากบ้าน “ปีศาจตนนี้มาทำไมอีก” หยางซิ่งถามลูกน้อง ในขณะที่รีบเดิน “ไม่รู้สิ พี่ซิ่ง เขามาตามเราอีกแล้วเหรอ คราวที่แล้วก็ต้องหามส่งโรงพยาบาลไปตั้งหลายคน” ลูกน้องพูดอย่างเป็นห่วง เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด หยางซิ่งรู้สึกเสียวสันหลัง เขาไม่กลัวใครในหมู่บ้านเฉิงจง แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น เขามักจะฝันร้ายในตอนกลางคืน ไม่มีทาง ทักษะของเขาร้ายกาจเกินไป ลูกน้องของหยางซิ่งทั้งหมดถูกล้มลง หยางซิ่งไม่เคยแม้แต่จะพบเจอคนประเภทนี้มาก่อน ในที่สุดหยางซิ่งก็ได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยจากระยะไกล ตัวเขาสั่นโดยไม่รู้ตัว และรีบวิ่งเข้าไปหาเขา "พี่หาน ทำไมวันนี้พี่ถึงว่างมาที่หมู่บ้านเฉิงจงล่ะ" หยางซิ่งถามอย่างระแวดระวัง หลังจากที่หานซานเฉียนได้รับข้อความของหยางเหมิง เขาก็ขับรถมาทันที สถานที่นี้ค่อนข้างวุ่นวาย และหยางเหมิงก็ส่งที่อยู่ที่นี่ให้เขา ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น หากเป็นมี่เฟยเอ๋อร์ หานซานฉียนจะไม่ตอบโต้เธอแน่นอน "หยางซิ่ง ที่นี่มีคนที่ดูลับ ๆ ล่อ ๆ หรือเปล่า" หานซานเฉียนถามเบา ๆ "ไม่ ไม่ ไม่มีอย่างแน่นอน"