ชายชราชำเลืองมองอู๋เฟิง จากนั้นก็หันหลังกลับออกไป ซอยก็เงียบอีกครั้ง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น อู๋เฟิงลุกนั่งด้วยความยากลำบาก และพิงผนังด้วยท่าทางเจ็บปวด แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชายชรามาที่นี่เพื่อหานซานเฉียนหรือไม่ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเช่นนั้น "คุณหนู ดูเหมือนว่าหานซานเฉียนจะรับมือไม่ได้ง่าย ๆ อย่างที่คิด" หลังจากที่หานชิงออกจากสนามมวย เขาก็กลับมาที่โรงแรมทันที และโชว์โทรศัพท์ให้หานเหยียนดู เมื่อหานเหยียนเห็นสภาพที่เศร้าหมองของหานซานเฉียน เธอก็ไม่แปลกใจมากนัก ในสายตาของเธอ มันเป็นแค่พฤติกรรมธรรมดาทั่วไป "ไม่แปลกใจเลย สำหรับสิ่งไร้ค่า หากเขาไม่ยอมถอย ยังมีวิธีอื่นอีกเหรอ?" หานเหยียนพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ หานชิงพยักหน้าเป็นเชิง เธอคิดว่าหานเหยียนจะมีความสุขมากที่ได้เห็นวิดีโอนี้ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่หานเหยียนพูด เธอรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย "คุณหนูพูดถูก" “ใช่แล้ว อู๋เฟิงอยู่ไหน?” หานเหยียนถาม “คุณหนู อู๋เฟิงกำลังจะสู้กับหานซานเฉียน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ เขาก็ถอยหนี” หานชิงกล่าว "ถอยหนี?" สีหน้าของหานเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาทันที และถาม "เกิดอะไรขึ
ในห้องกล้องวงจรปิดของสนามมวย หานซานเฉียนให้คนเปิดกล้องวงจรปิดของคืนนี้เพื่อตรวจสอบ เนื่องจากคำพูดของตงฮ้าวทำให้หานซานเฉียนอยากรู้อยากเห็นมาก ดังนั้นเขาจึงอยากรู้ว่าชายคนนี้ที่ซ่อนอยู่ในหอประชุมคือใคร แต่หลังจากดูวิดีโอกล้องวงจรปิดทั้งหมด หานซานเฉียนก็ไม่เจอใครที่น่าสงสัยทำ ให้เขารู้สึกงงงวยมาก เนื่องจากอู๋เฟิงออกจากสนามอย่างกะทันหัน ต้องมีเหตุผลบางอย่างสำหรับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ เป็นไปได้ไหมว่าชายคนนี้เป็นแค่คนธรรมดา? "พี่ซานเฉียน ปรมาจารย์บางคนมีพลังมากจนไม่น่าแปลกใจเลย ที่ภายนอกดูเหมือนคนธรรมดา เนื่องจากเขาช่วยเราไล่อู๋เฟิงออกไป คงไม่ใช่คู่ต่อสู้เรา ไม่ต้องกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้” เตาสือเอ้อร์กล่าวกับหานซานเฉียน ถึงแม้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส จนหานซานเฉียนขอให้เขาไปโรงพยาบาล แต่เขาไม่ไป ไม่รู้ว่าเขาประหยัดเงิน หรือสภาพร่างกายของเขาไม่ได้หนักถึงขั้นที่จะต้องไปโรงพยาบาล หานซานเฉียนถอนหายใจและพูดว่า "ฉันแค่อยากรู้ว่าคน ๆ นี้คือใคร หากเราสามารถโน้มน้าวให้เขาอยู่กับเราได้ มันอาจจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเรา" "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าเขาเต็มใจช่วยเราจริง ๆ ใน
คฤหาสน์ใจกลางภูเขา ทั้งสองดูเหมือนจะใจตรงกัน ซูหยิงเซี่ยยังจัดรูปถ่ายงานแต่งงานของทั้งสองคน มองไปที่หานซานเฉียนในรูปถ่าย และพึมพำกับตัวเอง เมื่อเวลาที่อ้างว้างกลางดึก สำหรับซูหยิงเซี่ยความรู้สึกโหยหาเป็นเหมือนคลื่นยักษ์ที่ซัดเข้าสู่หัวใจของเธอตลอดเวลา แม้ว่าเธอจะสับสนกับงานในระหว่างวัน และไม่ได้คิดถึงหานซานเฉียน แต่ในเวลากลางคืน สถานการณ์นี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อมองไปที่อีกด้านของเตียง ควรจะมีชายคนหนึ่งชื่อหานซานเฉียนนอนอยู่ที่นั่น และเขาก็เป็นสามีของเธอ "สามี ฉันคิดถึงคุณจัง" น้ำตาที่หางตาของซูหยิงเซี่ยไหลลงมาราวกับไข่มุกที่แตกสลาย เช้าวันรุ่งขึ้นซูหยิงเซี่ยกำลังจะไปทำงาน หลังจากวิ่งในตอนเช้า เจี่ยงหลานมาพูดกับเธอว่า "หลังเลิกงานก็รีบกลับมาบ้าน วันนี้จะมีแขกมาที่บ้าน" ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้วแน่น ตระกูลเจียงยังจะมาที่บ้านอย่างโจ่งแจ้งอีกเหรอ? "อย่าบอกนะคะว่าคุณปู่และคนอื่น ๆ จะมาอีก?" ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างไม่พอใจ “ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา เป็นเพื่อนของฉันเอง อย่าลืมกลับบ้านก่อนเวลา” เจี่ยงหลานพูด ซูหยิงเซี่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในใจของเธอเป็นเรื่องยากมากที่เจี่ยงหล
เมื่อหานซานเฉียนออกมาวิ่งในตอนเช้า ไม่ได้เจอกับมี่เฟยเอ๋อร์ อาจเป็นเพราะเธอจงใจเลื่อนเวลาออกไป แต่สำหรับหานซานเฉียนนี่ถือเป็นเรื่องที่ดี จะได้หลีกเลี่ยงความอับอาย และไม่ต้องเห็นหน้าอันเย็นชาของมี่เฟยเอ๋อร์ อารมณ์จะได้ดีขึ้น แต่เมื่อสิ้นสุดการวิ่งในตอนเช้า และขณะกำลังจะกลับบ้าน ทั้งสองก็ได้เจอกันโดยบังเอิญ มี่เฟยเอ๋อร์ที่รออยู่ที่ประตูลิฟต์ พูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม "คุณจงใจไม่รอฉันใช่ไหม?" หานซานเฉียน อดหัวเราะไม่ได้ บางครั้งเขาอยากจะเขกหัวของมี่เฟยเอ๋อร์ และดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ทำไมเธอถึงได้มีความคิดแปลก ๆ “ความมั่นใจของคุณนี่มาจากรูปร่าง หรือหน้าตาของคุณกันแน่” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ มี่เฟยเอ๋อร์มั่นใจในรูปร่างและหน้าตาของเธอมาก เธอคิดว่าทั้งสองเกือบจะสมบูรณ์แบบ และไม่มีจุดบกพร่อง "สำหรับคนอย่างคุณ ฉันยังมีข้อบกพร่องอีกเหรอ?" มี่เฟยเอ๋อร์พูด “คนอย่างผม ผมเป็นคนแบบไหน?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัย "กระจอก ขี้ขลาด ไร้ความสามารถ ความบกพร่องของผู้ชายเกือบทั้งหมดอยู่ในตัวคุณ ถ้าคุณต้องการนิยามว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ก็คงจะไร้ค่า" มี่เฟยเอ๋อร์เย้ยหยัน สองคำนี้ไม่เคยหายไปจากชีวิต
"ผมจะไม่ปล่อยให้คุณทำลายเขา" ฉือจิงพูดพลางกัดฟัน "เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่มีวิธีแบบประนีประนอม แม้แต่ชีวิตของลูกชายเองก็ไม่สำคัญ คุณและหนานกงเชียนชิวถูกหล่อหลอมมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน แต่ความดื้อรั้นของซานเฉียนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะจินตนาการได้ เขาจะไม่ยอมถูกทำลายโดยใครก็ตาม นอกจากเธอ" เหยีบนจุนกล่าว เขาเข้าใจหานซานเฉียนดีกว่าใคร ๆ สิ่งที่หานซานเฉียนต้องการทำนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และการช่วยเหลือหานซานเฉียนจากเขาก็สำคัญเช่นกัน มันไม่ได้ทำให้หานซานเฉียนอ่อนแอแต่อย่างใด ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงสิ่งที่เขาอดทน เพื่อผู้ชายที่ร่ำรวยและมั่งคั่งคนนี้ ที่พึ่งพาตนเองได้ตั้งแต่อายุสิบสองปี และการเติบโตของเขาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ได้ส่งผลถึงความมุ่งมั่นที่ไม่อาจทำลายได้ของเขา "เธอ?" ฉือจิงแสดงเจตนาที่ต้องการฆ่าผ่านคิ้วที่ขมวดของเธอ ใครก็ตามที่สามารถกระตุ้นหานซานเฉียนได้นั้นเป็นภัยคุกคามในสายตาของฉือจิง "ผมแนะนำให้คุณกำจัดความคิดโง่ ๆ ในใจของคุณ การฆ่าเธอจะไม่ทำให้ซานเฉียนแข็งแกร่งขึ้น เพราะความแข็งแกร่งของเขาขึ้นอยู่กับซูหยิงเซี่ย และเขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่
ฉือจิงอยู่ในความงุนงงอยู่สักพักที่สวนขนาดเล็ก คำพูดของเหยียนจุนส่งผลกระทบอย่างมากต่อเธอ และทำให้ความแน่วแน่ของเธอสั่นคลอนเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของฉือจิงก็มุ่งมั่นมากขึ้น "ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหาน นี่คือสิ่งที่เธอควรทำ ความเห็นแก่ตัวของฉันก็เพื่อตระกูลหาน ไม่ใช่เพื่อฉัน" ฉืงจิงกัดฟันและพูดกับตัวเอง เธอไม่อาจยอมรับได้ว่าทั้งหมดนี้ทำเพื่อเธอ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ตระกูลหาน วิญญาณของตระกูลหาน! ถ้าเขาไม่สามารถรับผิดชอบตระกูลหานได้ เขามีคุณสมบัติอะไรถึงเรียกตัวเองว่าคนกระกูลหาน? "พ่อ ต่อให้พ่อจะตายไปแล้ว ก็หวังว่าพ่อจะอวยพรให้ซานเฉียน อนาคตของตระกูลหานของเราขึ้นอยู่กับเขาคนเดียว" ฉือจิงออกจากลานเล็ก ๆ หลังจากพูดสิ่งนี้ เธอรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเหยียนจุนได้ และตอนนี้เธอได้แต่หวังว่าเหยียนจุนจะไม่เข้าไปยุ่งมากเกินไป เมื่อฉือจิงปรากฏตัวที่สนามบิน และกำลังจะกลับไปที่เมืองเยียนจิง จู่ ๆ เธอก็ถูกหยุดโดยกลุ่มคน “พวกคุณเป็นใคร?” ฉือจิงถาม “คุณหนูอยากเจอคุณ ตามพวกเรามา” คุณหนู? ฉือจิงขมวดคิ้ว คุณหนูของคนพวกนี้คือเป็นใครกัน? เม
"ฉันไม่ได้เจอหานซานเฉียน คุณก็รู้ว่าหานซานเฉียนเป็นเพียงแค่คนที่ถูกขับไล่ออกจากครอบครัว" ฉือจิงกัดฟันพูด "คนไร้ค่าคนนี้ได้ถูกคุณทอดทิ้ง แน่นอนว่าฉันรู้ แต่ตอนนี้หานจุนก็พิการไปแล้ว แถมยังอยู่ในคุก และหานซานเฉียนก็เป็นคนเดียวที่จะสามารถดูแลภาพรวมของตระกูลหานได้ ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้คุณจะไม่ฝากความหวังไว้ที่หานซานเฉียนหรือเปล่า?” หานเหยียนพูดแผ่วเบา “เรื่องของเขาไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลหาน” ฉือจิงกล่าว รอยยิ้มบนใบหน้าของหานเหยียนเข้มขึ้น เธอไม่คิดว่าคนไร้ค่าคนนี้จะถูกครอบครัวของเขาทิ้งอย่างไร้เยื่อใย "ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพ่อของฉันถึงยืนยันที่จะกำจัดกับคนไร้ค่าประเภทนี้ไปให้พ้นทาง" หานเหยียนพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม เมื่อฉือจิงออกจากโรงแรม รอยนิ้วมือที่แดงและบวมบนใบหน้าของเธอนั้นชัดเจนมาก แต่มันไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่เป็นความโกรธในใจของเธอ ความเย่อหยิ่งของตระกูลหานในสหรัฐอเมริกานั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับเธอ ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้น ถือว่าเธอเป็นผู้อาวุโสของหานเหยียน แต่หานเหยียนไม่ได้ให้เกียรติกับเธอเลยแม้แต่สาวรับใช้ก็ยังกล้าที่จะตบเธอ! "หานซานเฉียน ฉันไม่สมควรเป็น
มี่เฟยเอ๋อร์และหยางเหมิงยังไม่เริ่มทำงานอย่างเป็นทางการ ก็เลยยังมีเวลาว่างอีกสองวัน สำหรับผู้หญิงแล้ว การชอปปิงเป็นวิธีที่ดีที่สุดเวลาที่รู้สึกเบื่อ ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด แม้ว่าพวกเขาจะไปห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เพื่อชอปปิงแต่ไม่ได้ซื้ออะไรเลย พวกเขาก็จะไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย แต่พอกลับถึงบ้านเมื่อไหร่ ความโทรมพวกนั้นก็จะปรากฏขึ้น ทั้งสองเดินจูงมือกันอย่างสนิทสนม แวะร้านแล้วร้านเล่าลองเสื้อผ้าไปต่าง ๆ นา ๆ แต่ในมือของพวกเธอกลับว่างเปล่า ในขณะเดียวกัน ทั้งสองไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนกำลังตามพวกเธออยู่ข้างหลัง แม้ว่าเมื่อคืนนี้คนที่ไนท์คลับจะถูกฉินจ้าวข่มขู่ไปแล้ว แต่เขาถามคนรู้จักของเขาในบริษัทเทียน กรุ๊ป เรียบร้อย ฉินจ้าวเป็นเพียงหัวหน้าแผนกเล็ก ๆ และเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนในบริษัทเทียน กรุ๊ป ซึ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหาทางแก้แค้นจากมี่เฟยเอ๋อร์ แม้หน้าตาจะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่สิ่งนี้มันคือรากฐานของคนเลวพวกนี้ ถ้าหากไม่แก้แค้น ก็จะถูกมองว่าเป็นตัวตลก “พี่โก่ว ผู้หญิงสองคนนี้หน้าตาดีทีเดียว หลังจับได้แล้ว พวกเราขอจัดด้วยนะ