หยุนเฉิง บริษัทของซูไห่เฉาได้ถูกจัดตั้งขึ้น และสมาชิกเดิมของบริษัทตระกูลซูถูกดึงตัวไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ต่างกับการย้ายบริษัท นอกจากเปลี่ยนที่อยู่แล้วนั้น อย่างอื่นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ซูไห่เฉากลับอารมณ์ไม่ดีขึ้น เขาคิดว่าเหตุการณ์ในจัตุรัสสามารถทำลายซูหยิงเซี่ยได้ แต่ผลที่ได้กลับทำให้ทุกคนตกตะลึง ไม่เพียงแต่เธอจะไม่เสียหน้า แต่เธอยังกลายเป็นประเด็นร้อนในหยุนเฉิงอีก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หยุนเฉิงประสบกับความวุ่นวายครั้งใหญ่ ทุกคนที่ปรากฏตัวในจัตุรัส รวมถึงเจียงฟู่นั้นล้วนต่างประกาศล้มละลายภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน “ไห่เฉา พวกคนของบริษัทตระกูลซูมาจากไหนกัน ทำไมจู่ ๆ ถึงก้าวกระโดดเหมือนกับกองทัพสวรรค์” ซูอี้หานที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของซูไห่เฉา และพูดอย่างงงงวย เหตุการณ์ที่จัตุรัสไม่ได้ทำให้ซูหยิงเซียขายหน้าหรอก ซูอี้หานยังคิดที่จะเหยียบเท้าของซูหยิงเซี่ยเรื่องที่บริษัท แต่ตอนนี้บริษัทตระกูลซูไม่เพียงแต่ไม่ล้มละลาย กลับพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมของเจียงฟู่ทั้งหมดแทบจะตกอยู่ในมือของบริษัทตระกูลซู ตอนนี้ทั้งหยุนเฉิง ยกเว้นตระกูลเทียนแล้วนั้น ก็ไม่มีใครเทียบได้ก
จู่ ๆ โทรศัพท์ของซูไห่เฉาก็ดังขึ้น และรอยยิ้มแห่งความสุขก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “มีอะไรเหรอ?” หลังจากซูไห่เฉาวางสาย ซูอี้หานก็ถามด้วยความสงสัย “พวกเขากลับมาแล้ว ไอขยะอย่างหานซานเฉียนนั่นเหมือนจะบาดเจ็บนะ มันนั่งอยู่บนรถเข็นจริง ๆ ก็ไม่เลว นั่งรถเข็นตั้งแต่อายุยังน้อย” ซูไห่เฉาพูดด้วยรอยยิ้ม ซูอี้หานก็มีความสุขเช่นกัน เมื่อได้ยินแบบนี้ ความเจ็บปวดทั้งหมดของหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยนั้น ควรค่าแก่ความยินดี “เธออยากไปดูเขาไหม ยังไงก็เลือกผลไม้เน่า ๆ ไปสักหน่อยสิ” ซูอี้หานกล่าว “อยากดูแน่นอน ผลไม้น่ะไม่ต้องหรอก ฉันมีของขวัญที่ดีกว่านั้น” ซูไห่เฉาเย้ยหยัน หลังจากที่หานซานเฉียนมาถึงหยุนเฉิง เขาก็ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ม่อหยางจัดการเรื่องนี้ไว้ให้เขาล่วงหน้า การทำสิ่งต่าง ๆ ในอาณาเขตของเขานั้นง่ายกว่ามาก และทุกอย่างสามารถทำได้ด้วยเพียงประโยคเดียว ในห้องเดี่ยววีไอพีนี้ หานซานเฉียนได้รับการดูแลโดยซูหยิงเซี่ย ส่วนม่อหยางและคนอื่น ๆ ไม่อยากรบกวนเวลาของทั้งคนสองคน พวกเขาจึงรีบออกไปก่อน “คุณไม่กลับไปดูบริษัทเหรอครับ” หานซานเฉียนถามซูหยิงเซี่ย ซูหยิงเซี่ยกังวลเรื่องบร
ซูหยิงเซี่ยตอบเพียงสองสามคำ และไม่ได้บอกว่าจะไปที่บริษัทตอนไหน เธอนั้นไม่รีบ หานซานเฉียนยังอยู่ในโรงพยาบาลและเธอจะต้องดูแล อีกทั้งสถานการณ์ของบริษัทตอนนี้ ที่จริงเธอก็ไม่จำเป็นต้องรีบไป หลังจากวางสาย ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียนด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไปเกาะจีเหยียนได้ไม่นาน แต่หานซานเฉียนกลับดูแลทุกอย่างในหยุนเฉิง ไม่เพียงแต่เขาจะพัฒนาบริษัทเท่านั้น แต่แม้แต่บริษัทใหญ่ ๆ อย่างเจียงเหอ กรุ๊ป ก็ล้มละลายจนหมด การล้มละลายของพวกเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ซูหยิงเซี่ยจินตนาการไม่ออกเลยว่าหานซานเฉียนทำอะไรลงไปบ้าง “คุณ คุณทำได้อย่างไรเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยถามหานซานเฉียนเพราะเหลือเชื่อ หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมหาเพื่อนที่มีอิทธิพลมาช่วย เขาทำสำเร็จได้ นั่นไม่ได้เป็นเพราะผมหรอก” ซูหยิงเซี่ยป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอจะเชื่อได้อย่างไรว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหานซานเฉียน อีกทั้งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อไม่นานมานี้ หานซานเฉียนก็เป็นคนทำสำเร็จทั้งสิ้น! “คุณคือฮีโร่ของฉันเหรอเนี่ย” ซูหยิงเซี่ยกล่าว หานซานเฉียนรู้สึกงงเล็กน้อยกับคำพูดที่กะทันหันของซูหยิงเซี่ย แต่เขาก็ยังพยักหน้า ถ้าเขาเ
ซูไห่เฉากล้าที่จะยั่วโมโห เพราะหานซานเฉียนกำลังได้รับบาดเจ็บอยู่ ซูไห่เฉาไม่สามารถทำอะไรได้หลังจากที่เขาฟื้นตัวและออกจากโรงพยาบาล แต่ทุกคนมากันหมดแล้ว จะกลับไปแบบนี้ก็อายแย่สิ? “หานซานเฉียน ขยะอย่างแกจะมีประโยชน์อะไรที่จะมาขู่ฉัน? แกคิดว่าฉันยังกลัวแกอยู่อีกเหรอ?” ซูไห่เฉาพูดเหยียดหยาม “กลัวหรือไม่กลัวฉัน มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับปากของแก แกอยากลองรสชาติของกำปั้นไหมล่ะ?” หานซานเฉียนยิ้ม “ถึงหมัดของนายจะแข็งพอ แล้วนายจะต่อยทั้งสภาพแบบนี้ได้ยังไง ปัญญาอ่อน ตาบอดหรือไง?” ซูอี้หานกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ถึงฉันจะถูกต่อย ก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงอย่างเธอจะมาพูดวิจารณ์คนอื่นไปทั่ว และไม่มีสิทธิ์จะมาซ้ำเติมคนอื่นแบบนี้” หานซานเฉียนกล่าว ซูอี้หานหน้าชา เธอไม่มีสิทธิ์ ในตระกูลซูเธอเคยมีสถานะที่สูงกว่าซูหยิงเซี่ย แล้วเธอจะไม่มีสิทธิ์ได้อย่างไร “เศษสวะที่เกาะผู้หญิงกินนายกล้าดียังไงมาด่าฉัน น่าตลก ช่างไม่ดูตัวเองเลย” ซูอี้หานหัวเราะ เมื่อใดก็ตามที่หานซานเฉียนได้ยินคำว่า “เกาะผู้หญิงสามคำนี้ หานซานเฉียนแทบจะอยากหัวเราะออกมา แม้มันจะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ท้ายที่สุดการเ
วันที่สองในโรงพยาบาล มีแขกรับเชิญคนใหม่เข้ามาภายในห้องผู้ป่วย หานซานเฉียนระวังตัวเป็นพิเศษ ผู้หญิงที่ดูเหมือนเรียบร้อยเคยบุกเข้าไปในห้องน้ำผู้ชาย หานซานเฉียนจะปฏิบัติกับเธอเหมือนผู้หญิงทั่วไปได้อย่างไร แต่ซูหยิงเซี่ยไม่ได้ระวังกลับกระตือรือร้นมาก “อีหยุน เธอรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่โรงพยาบาล” ซูหยิงเซี่ยจับมือฉี๋อีหยุนอย่างกระตือรือร้น และปฏิบัติต่อเพื่อนสาวคนนี้ด้วยความจริงใจ “พวกเธอไม่ได้ไปถ่ายพรีเวดดิ้งกันเหรอ เกิดอะไรขึ้น?” ฉี๋อีหยุนไม่ตอบคำถามของซูหยิงเซี่ย เธอให้ความสนใจกับหานซานเฉียน และรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนเกาะจีเหยียน แต่เธอจะให้ซูหยิงเซี่ยรู้ไม่ได้ เมื่อได้ยินคำถามนี้ ซูหยิงเซี่ยกลับพูดไม่ออก สาเหตุที่ตระกูลลู่เกิดปัญหานั้น เป็นเพราะเขาไม่ต้องการเอาเงินจำนวนมากเกินไป ไปประมูลกับหานซานเฉียน สถาณการณ์แบบนี้ทำให้ต่างคนไม่มีทางเลี่ยง แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรใหญ่โตเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของหานซานเฉียนก็เป็นเพียงบาดแผลที่ผิวหนังเท่านั้น “ไม่มีอะไร มันเป็นแค่อุบัติเหตุเล็กน้อย” ซูหยิงเซี่ยกล่าว การตายของพ่อลูกตระกูลลู่นั้นถูกตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่จริง ๆ
หานซานเฉียนกัดฟัน ในใจรู้สึกเหมือนกำลังเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ เขากลัวว่าถ้าจู่ ๆ ซูหยิงเซี่ยกลับมา เรื่องจะไปกันใหญ่ “คุณสวยมาก หุ่นดีมาก ความยับยั้งชั่งใจของผู้ชายธรรมดานั้นใช้ไม่ได้กับคุณ แต่คุณประเมินผมต่ำเกินไป ผมไม่มีทางทำร้ายซูหยิงเซี่ยเด็ดขาด” หานซานเฉียนกล่าว ฉี๋อีหยุนกำหมัด สีหน้าไม่พอใจ เธอทำถึงขนาดนี้แล้ว แต่ยังหลอกล่อหานซานเฉียนไม่ได้ หรือต้องโผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา และเป็นฝ่ายรุกก่อนจริง ๆ? “ถ้าคุณอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร มันง่ายมากเลยค่ะ แค่คุณมาเป็นผู้ชายของฉัน ฉันไม่รังเกียจที่คุณเคยแต่งงานมาแล้วหรอกนะ” ฉี๋อีหยุนกล่าว เมื่อได้ยินแบบนี้ หานซานเฉียนก็หัวเราะและพูดว่า “ฉี๋อีหยุน ดูเหมือนว่าคุณจะแยกแยะลำดับความสำคัญไม่ออกนะ ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรจากผม แต่คุณควรจะขอร้องผม ในเมื่อขอร้องผม ก็ไม่ควรทำท่าทางแบบนี้ คุณมีสิทธิ์อะไรมารังเกียจผมเหรอ?” เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามที่แทงใจดำของหานซานเฉียน ฉี๋อีหยุนพลันตกตะลึง เธอไม่มีสิทธิ์ไปรังเกียจหานซานเฉียนจริง และจุดยืนของเธอในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์มาบอกให้หานซานเฉียนทำอะไรตามใจตัวเอง “ฉันสามารถทำให้คุณมีอำนาจและอิทธิพลได้มากก
“คุณผู้หญิง คุณลองเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้ไม่ได้นะคะ ก่อนที่คุณจะเข้าประตู คุณไม่ได้ดูป้ายที่ประตูเหรอคะ? เราไม่ใช่ร้านค้าธรรมดานะคะ” พนักงานเดินไปหาฉี๋อีหยุนและพูดดูถูก ผู้หญิงคนนี้ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่รู้ว่ามาจากไหน จู่ ๆ ก็จะมาขอลองสินค้าในร้านที่หรูหราเช่นนี้? หญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเธอได้ยินคำพูดของฉี๋อีหยุน เธอจึงหันไปหยอกล้อด้านข้างว่า “ยัยแว่น เธอมาผิดที่แล้วล่ะ รีบออกไปเถอะ ร้านแบบนี้ไม่เหมาะให้คนอย่างเธอมาเดินเล่นหรอก” ฉี๋อีหยุนหันกลับมามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น สถานที่นี้เหมาะสำหรับนังโสเภณีอย่างเธอเท่านั้นเหรอ?” จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกหน้าชา เธอชี้ที่ฉี๋อีหยุนและพูดว่า “นังสารเลว เธอเรียกใครว่านังโสเภณี? เธอควรเก็บปากไว้ให้ดีนะ” “ก็เธอไง ไม่เห็นด้วยหรือไง?” ฉี๋อีหยุนพูดอย่างใจเย็น “นังสารเลว เธออยากตายนักใช่ไหม ได้” หญิงสาวกัดฟัน และเดินไปหาฉี๋อีหยุน เมื่อเห็นแบบนี้ พนักงานก็รีบไปยืนตรงกลาง แล้วพูดกับหญิงสาวว่า “พี่ ดูเธอสิ อย่างกับไม่เคยเจอโลกกว้าง อย่าลดตัวไปมีเรื่องกับผู้หญิงแบบนี้เลยค่ะ” จู่ ๆ หญิงสาวก็นึกขึ้นมาได้ จึงระงับอารมณ์ท
“ภูมิใจมากไหมที่เอาเงินเก็บตั้งหลายปีมาท้าทายเศษเงินของฉัน? ตั้งแต่วันนี้ เธอคงต้องกลับบ้านไปกินหมั่นโถวแทน” หญิงสาวพูดเหยียดหยาม เธอคิดว่าฉี๋อีหยุนคงต้องควักเงินในกระเป๋าที่มีทั้งหมดมาซื้อชุดตัวนี้ “เศษเงิน? สำหรับฉัน เงินจำนวนนี้ไม่ใช่แม้แต่เศษเงิน” หลังจากฉี๋อีหยุนพูดจบ เธอก็หันไปหาผู้จัดการ และถามว่า “ฉันลองชุดได้หรือยัง?” “ได้ค่ะ ได้อยู่แล้วค่ะ ห้องลองอยู่ทางนี้ค่ะ” ผู้จัดการรีบพูด เธอไม่สนใจว่าฉี๋อีหยุนจะเก็บเงินก้อนนี้มากี่ปี ตราบใดที่เธอสามารถซื้อเสื้อผ้าได้ เธอก็เป็นแขกผู้มีเกียรติ แม้ว่าหญิงสาวคนนั้นจะดูร่ำรวย แต่หลังจากเดินช้อปปิ้งเป็นเวลานาน เธอกลับไม่ได้ซื้ออะไรเลย ฉี๋อีหยุนหยิบเสื้อผ้า และเดินเข้าไปในห้องลอง “ผู้หญิงแบบนี้ไม่เหมาะกับเสื้อผ้าแพง ๆ หรอก ต่อให้ซื้อมาใส่ ก็ไม่ได้ทำให้ดูสูงส่งขึ้นมา” หญิงสาวพูดเย้ยหยัน หลังจากที่ชุดนี้มาถึงร้าน ก็ไม่มีใครเคยลองสวม จึงไม่มีใครรู้ว่าหลังจากสวมแล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้พนักงานแทบจะทุกคนต่างจับจ้องไปที่ประตูห้องลองเสื้อผ้า แม้ว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นพูด แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าเป็นอย่างไร หลังจากรออยู่คร
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ