หยุนเฉิง บริษัทของซูไห่เฉาได้ถูกจัดตั้งขึ้น และสมาชิกเดิมของบริษัทตระกูลซูถูกดึงตัวไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ต่างกับการย้ายบริษัท นอกจากเปลี่ยนที่อยู่แล้วนั้น อย่างอื่นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ซูไห่เฉากลับอารมณ์ไม่ดีขึ้น เขาคิดว่าเหตุการณ์ในจัตุรัสสามารถทำลายซูหยิงเซี่ยได้ แต่ผลที่ได้กลับทำให้ทุกคนตกตะลึง ไม่เพียงแต่เธอจะไม่เสียหน้า แต่เธอยังกลายเป็นประเด็นร้อนในหยุนเฉิงอีก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หยุนเฉิงประสบกับความวุ่นวายครั้งใหญ่ ทุกคนที่ปรากฏตัวในจัตุรัส รวมถึงเจียงฟู่นั้นล้วนต่างประกาศล้มละลายภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน “ไห่เฉา พวกคนของบริษัทตระกูลซูมาจากไหนกัน ทำไมจู่ ๆ ถึงก้าวกระโดดเหมือนกับกองทัพสวรรค์” ซูอี้หานที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของซูไห่เฉา และพูดอย่างงงงวย เหตุการณ์ที่จัตุรัสไม่ได้ทำให้ซูหยิงเซียขายหน้าหรอก ซูอี้หานยังคิดที่จะเหยียบเท้าของซูหยิงเซี่ยเรื่องที่บริษัท แต่ตอนนี้บริษัทตระกูลซูไม่เพียงแต่ไม่ล้มละลาย กลับพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมของเจียงฟู่ทั้งหมดแทบจะตกอยู่ในมือของบริษัทตระกูลซู ตอนนี้ทั้งหยุนเฉิง ยกเว้นตระกูลเทียนแล้วนั้น ก็ไม่มีใครเทียบได้ก
จู่ ๆ โทรศัพท์ของซูไห่เฉาก็ดังขึ้น และรอยยิ้มแห่งความสุขก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “มีอะไรเหรอ?” หลังจากซูไห่เฉาวางสาย ซูอี้หานก็ถามด้วยความสงสัย “พวกเขากลับมาแล้ว ไอขยะอย่างหานซานเฉียนนั่นเหมือนจะบาดเจ็บนะ มันนั่งอยู่บนรถเข็นจริง ๆ ก็ไม่เลว นั่งรถเข็นตั้งแต่อายุยังน้อย” ซูไห่เฉาพูดด้วยรอยยิ้ม ซูอี้หานก็มีความสุขเช่นกัน เมื่อได้ยินแบบนี้ ความเจ็บปวดทั้งหมดของหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยนั้น ควรค่าแก่ความยินดี “เธออยากไปดูเขาไหม ยังไงก็เลือกผลไม้เน่า ๆ ไปสักหน่อยสิ” ซูอี้หานกล่าว “อยากดูแน่นอน ผลไม้น่ะไม่ต้องหรอก ฉันมีของขวัญที่ดีกว่านั้น” ซูไห่เฉาเย้ยหยัน หลังจากที่หานซานเฉียนมาถึงหยุนเฉิง เขาก็ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ม่อหยางจัดการเรื่องนี้ไว้ให้เขาล่วงหน้า การทำสิ่งต่าง ๆ ในอาณาเขตของเขานั้นง่ายกว่ามาก และทุกอย่างสามารถทำได้ด้วยเพียงประโยคเดียว ในห้องเดี่ยววีไอพีนี้ หานซานเฉียนได้รับการดูแลโดยซูหยิงเซี่ย ส่วนม่อหยางและคนอื่น ๆ ไม่อยากรบกวนเวลาของทั้งคนสองคน พวกเขาจึงรีบออกไปก่อน “คุณไม่กลับไปดูบริษัทเหรอครับ” หานซานเฉียนถามซูหยิงเซี่ย ซูหยิงเซี่ยกังวลเรื่องบร
ซูหยิงเซี่ยตอบเพียงสองสามคำ และไม่ได้บอกว่าจะไปที่บริษัทตอนไหน เธอนั้นไม่รีบ หานซานเฉียนยังอยู่ในโรงพยาบาลและเธอจะต้องดูแล อีกทั้งสถานการณ์ของบริษัทตอนนี้ ที่จริงเธอก็ไม่จำเป็นต้องรีบไป หลังจากวางสาย ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียนด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไปเกาะจีเหยียนได้ไม่นาน แต่หานซานเฉียนกลับดูแลทุกอย่างในหยุนเฉิง ไม่เพียงแต่เขาจะพัฒนาบริษัทเท่านั้น แต่แม้แต่บริษัทใหญ่ ๆ อย่างเจียงเหอ กรุ๊ป ก็ล้มละลายจนหมด การล้มละลายของพวกเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ซูหยิงเซี่ยจินตนาการไม่ออกเลยว่าหานซานเฉียนทำอะไรลงไปบ้าง “คุณ คุณทำได้อย่างไรเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยถามหานซานเฉียนเพราะเหลือเชื่อ หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมหาเพื่อนที่มีอิทธิพลมาช่วย เขาทำสำเร็จได้ นั่นไม่ได้เป็นเพราะผมหรอก” ซูหยิงเซี่ยป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอจะเชื่อได้อย่างไรว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหานซานเฉียน อีกทั้งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อไม่นานมานี้ หานซานเฉียนก็เป็นคนทำสำเร็จทั้งสิ้น! “คุณคือฮีโร่ของฉันเหรอเนี่ย” ซูหยิงเซี่ยกล่าว หานซานเฉียนรู้สึกงงเล็กน้อยกับคำพูดที่กะทันหันของซูหยิงเซี่ย แต่เขาก็ยังพยักหน้า ถ้าเขาเ
ซูไห่เฉากล้าที่จะยั่วโมโห เพราะหานซานเฉียนกำลังได้รับบาดเจ็บอยู่ ซูไห่เฉาไม่สามารถทำอะไรได้หลังจากที่เขาฟื้นตัวและออกจากโรงพยาบาล แต่ทุกคนมากันหมดแล้ว จะกลับไปแบบนี้ก็อายแย่สิ? “หานซานเฉียน ขยะอย่างแกจะมีประโยชน์อะไรที่จะมาขู่ฉัน? แกคิดว่าฉันยังกลัวแกอยู่อีกเหรอ?” ซูไห่เฉาพูดเหยียดหยาม “กลัวหรือไม่กลัวฉัน มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับปากของแก แกอยากลองรสชาติของกำปั้นไหมล่ะ?” หานซานเฉียนยิ้ม “ถึงหมัดของนายจะแข็งพอ แล้วนายจะต่อยทั้งสภาพแบบนี้ได้ยังไง ปัญญาอ่อน ตาบอดหรือไง?” ซูอี้หานกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ถึงฉันจะถูกต่อย ก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงอย่างเธอจะมาพูดวิจารณ์คนอื่นไปทั่ว และไม่มีสิทธิ์จะมาซ้ำเติมคนอื่นแบบนี้” หานซานเฉียนกล่าว ซูอี้หานหน้าชา เธอไม่มีสิทธิ์ ในตระกูลซูเธอเคยมีสถานะที่สูงกว่าซูหยิงเซี่ย แล้วเธอจะไม่มีสิทธิ์ได้อย่างไร “เศษสวะที่เกาะผู้หญิงกินนายกล้าดียังไงมาด่าฉัน น่าตลก ช่างไม่ดูตัวเองเลย” ซูอี้หานหัวเราะ เมื่อใดก็ตามที่หานซานเฉียนได้ยินคำว่า “เกาะผู้หญิงสามคำนี้ หานซานเฉียนแทบจะอยากหัวเราะออกมา แม้มันจะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ท้ายที่สุดการเ
วันที่สองในโรงพยาบาล มีแขกรับเชิญคนใหม่เข้ามาภายในห้องผู้ป่วย หานซานเฉียนระวังตัวเป็นพิเศษ ผู้หญิงที่ดูเหมือนเรียบร้อยเคยบุกเข้าไปในห้องน้ำผู้ชาย หานซานเฉียนจะปฏิบัติกับเธอเหมือนผู้หญิงทั่วไปได้อย่างไร แต่ซูหยิงเซี่ยไม่ได้ระวังกลับกระตือรือร้นมาก “อีหยุน เธอรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่โรงพยาบาล” ซูหยิงเซี่ยจับมือฉี๋อีหยุนอย่างกระตือรือร้น และปฏิบัติต่อเพื่อนสาวคนนี้ด้วยความจริงใจ “พวกเธอไม่ได้ไปถ่ายพรีเวดดิ้งกันเหรอ เกิดอะไรขึ้น?” ฉี๋อีหยุนไม่ตอบคำถามของซูหยิงเซี่ย เธอให้ความสนใจกับหานซานเฉียน และรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนเกาะจีเหยียน แต่เธอจะให้ซูหยิงเซี่ยรู้ไม่ได้ เมื่อได้ยินคำถามนี้ ซูหยิงเซี่ยกลับพูดไม่ออก สาเหตุที่ตระกูลลู่เกิดปัญหานั้น เป็นเพราะเขาไม่ต้องการเอาเงินจำนวนมากเกินไป ไปประมูลกับหานซานเฉียน สถาณการณ์แบบนี้ทำให้ต่างคนไม่มีทางเลี่ยง แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรใหญ่โตเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของหานซานเฉียนก็เป็นเพียงบาดแผลที่ผิวหนังเท่านั้น “ไม่มีอะไร มันเป็นแค่อุบัติเหตุเล็กน้อย” ซูหยิงเซี่ยกล่าว การตายของพ่อลูกตระกูลลู่นั้นถูกตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่จริง ๆ
หานซานเฉียนกัดฟัน ในใจรู้สึกเหมือนกำลังเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ เขากลัวว่าถ้าจู่ ๆ ซูหยิงเซี่ยกลับมา เรื่องจะไปกันใหญ่ “คุณสวยมาก หุ่นดีมาก ความยับยั้งชั่งใจของผู้ชายธรรมดานั้นใช้ไม่ได้กับคุณ แต่คุณประเมินผมต่ำเกินไป ผมไม่มีทางทำร้ายซูหยิงเซี่ยเด็ดขาด” หานซานเฉียนกล่าว ฉี๋อีหยุนกำหมัด สีหน้าไม่พอใจ เธอทำถึงขนาดนี้แล้ว แต่ยังหลอกล่อหานซานเฉียนไม่ได้ หรือต้องโผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา และเป็นฝ่ายรุกก่อนจริง ๆ? “ถ้าคุณอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร มันง่ายมากเลยค่ะ แค่คุณมาเป็นผู้ชายของฉัน ฉันไม่รังเกียจที่คุณเคยแต่งงานมาแล้วหรอกนะ” ฉี๋อีหยุนกล่าว เมื่อได้ยินแบบนี้ หานซานเฉียนก็หัวเราะและพูดว่า “ฉี๋อีหยุน ดูเหมือนว่าคุณจะแยกแยะลำดับความสำคัญไม่ออกนะ ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรจากผม แต่คุณควรจะขอร้องผม ในเมื่อขอร้องผม ก็ไม่ควรทำท่าทางแบบนี้ คุณมีสิทธิ์อะไรมารังเกียจผมเหรอ?” เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามที่แทงใจดำของหานซานเฉียน ฉี๋อีหยุนพลันตกตะลึง เธอไม่มีสิทธิ์ไปรังเกียจหานซานเฉียนจริง และจุดยืนของเธอในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์มาบอกให้หานซานเฉียนทำอะไรตามใจตัวเอง “ฉันสามารถทำให้คุณมีอำนาจและอิทธิพลได้มากก
“คุณผู้หญิง คุณลองเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้ไม่ได้นะคะ ก่อนที่คุณจะเข้าประตู คุณไม่ได้ดูป้ายที่ประตูเหรอคะ? เราไม่ใช่ร้านค้าธรรมดานะคะ” พนักงานเดินไปหาฉี๋อีหยุนและพูดดูถูก ผู้หญิงคนนี้ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่รู้ว่ามาจากไหน จู่ ๆ ก็จะมาขอลองสินค้าในร้านที่หรูหราเช่นนี้? หญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเธอได้ยินคำพูดของฉี๋อีหยุน เธอจึงหันไปหยอกล้อด้านข้างว่า “ยัยแว่น เธอมาผิดที่แล้วล่ะ รีบออกไปเถอะ ร้านแบบนี้ไม่เหมาะให้คนอย่างเธอมาเดินเล่นหรอก” ฉี๋อีหยุนหันกลับมามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น สถานที่นี้เหมาะสำหรับนังโสเภณีอย่างเธอเท่านั้นเหรอ?” จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกหน้าชา เธอชี้ที่ฉี๋อีหยุนและพูดว่า “นังสารเลว เธอเรียกใครว่านังโสเภณี? เธอควรเก็บปากไว้ให้ดีนะ” “ก็เธอไง ไม่เห็นด้วยหรือไง?” ฉี๋อีหยุนพูดอย่างใจเย็น “นังสารเลว เธออยากตายนักใช่ไหม ได้” หญิงสาวกัดฟัน และเดินไปหาฉี๋อีหยุน เมื่อเห็นแบบนี้ พนักงานก็รีบไปยืนตรงกลาง แล้วพูดกับหญิงสาวว่า “พี่ ดูเธอสิ อย่างกับไม่เคยเจอโลกกว้าง อย่าลดตัวไปมีเรื่องกับผู้หญิงแบบนี้เลยค่ะ” จู่ ๆ หญิงสาวก็นึกขึ้นมาได้ จึงระงับอารมณ์ท
“ภูมิใจมากไหมที่เอาเงินเก็บตั้งหลายปีมาท้าทายเศษเงินของฉัน? ตั้งแต่วันนี้ เธอคงต้องกลับบ้านไปกินหมั่นโถวแทน” หญิงสาวพูดเหยียดหยาม เธอคิดว่าฉี๋อีหยุนคงต้องควักเงินในกระเป๋าที่มีทั้งหมดมาซื้อชุดตัวนี้ “เศษเงิน? สำหรับฉัน เงินจำนวนนี้ไม่ใช่แม้แต่เศษเงิน” หลังจากฉี๋อีหยุนพูดจบ เธอก็หันไปหาผู้จัดการ และถามว่า “ฉันลองชุดได้หรือยัง?” “ได้ค่ะ ได้อยู่แล้วค่ะ ห้องลองอยู่ทางนี้ค่ะ” ผู้จัดการรีบพูด เธอไม่สนใจว่าฉี๋อีหยุนจะเก็บเงินก้อนนี้มากี่ปี ตราบใดที่เธอสามารถซื้อเสื้อผ้าได้ เธอก็เป็นแขกผู้มีเกียรติ แม้ว่าหญิงสาวคนนั้นจะดูร่ำรวย แต่หลังจากเดินช้อปปิ้งเป็นเวลานาน เธอกลับไม่ได้ซื้ออะไรเลย ฉี๋อีหยุนหยิบเสื้อผ้า และเดินเข้าไปในห้องลอง “ผู้หญิงแบบนี้ไม่เหมาะกับเสื้อผ้าแพง ๆ หรอก ต่อให้ซื้อมาใส่ ก็ไม่ได้ทำให้ดูสูงส่งขึ้นมา” หญิงสาวพูดเย้ยหยัน หลังจากที่ชุดนี้มาถึงร้าน ก็ไม่มีใครเคยลองสวม จึงไม่มีใครรู้ว่าหลังจากสวมแล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้พนักงานแทบจะทุกคนต่างจับจ้องไปที่ประตูห้องลองเสื้อผ้า แม้ว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นพูด แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าเป็นอย่างไร หลังจากรออยู่คร