ซูไห่เฉากล้าที่จะยั่วโมโห เพราะหานซานเฉียนกำลังได้รับบาดเจ็บอยู่ ซูไห่เฉาไม่สามารถทำอะไรได้หลังจากที่เขาฟื้นตัวและออกจากโรงพยาบาล แต่ทุกคนมากันหมดแล้ว จะกลับไปแบบนี้ก็อายแย่สิ? “หานซานเฉียน ขยะอย่างแกจะมีประโยชน์อะไรที่จะมาขู่ฉัน? แกคิดว่าฉันยังกลัวแกอยู่อีกเหรอ?” ซูไห่เฉาพูดเหยียดหยาม “กลัวหรือไม่กลัวฉัน มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับปากของแก แกอยากลองรสชาติของกำปั้นไหมล่ะ?” หานซานเฉียนยิ้ม “ถึงหมัดของนายจะแข็งพอ แล้วนายจะต่อยทั้งสภาพแบบนี้ได้ยังไง ปัญญาอ่อน ตาบอดหรือไง?” ซูอี้หานกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ถึงฉันจะถูกต่อย ก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงอย่างเธอจะมาพูดวิจารณ์คนอื่นไปทั่ว และไม่มีสิทธิ์จะมาซ้ำเติมคนอื่นแบบนี้” หานซานเฉียนกล่าว ซูอี้หานหน้าชา เธอไม่มีสิทธิ์ ในตระกูลซูเธอเคยมีสถานะที่สูงกว่าซูหยิงเซี่ย แล้วเธอจะไม่มีสิทธิ์ได้อย่างไร “เศษสวะที่เกาะผู้หญิงกินนายกล้าดียังไงมาด่าฉัน น่าตลก ช่างไม่ดูตัวเองเลย” ซูอี้หานหัวเราะ เมื่อใดก็ตามที่หานซานเฉียนได้ยินคำว่า “เกาะผู้หญิงสามคำนี้ หานซานเฉียนแทบจะอยากหัวเราะออกมา แม้มันจะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ท้ายที่สุดการเ
วันที่สองในโรงพยาบาล มีแขกรับเชิญคนใหม่เข้ามาภายในห้องผู้ป่วย หานซานเฉียนระวังตัวเป็นพิเศษ ผู้หญิงที่ดูเหมือนเรียบร้อยเคยบุกเข้าไปในห้องน้ำผู้ชาย หานซานเฉียนจะปฏิบัติกับเธอเหมือนผู้หญิงทั่วไปได้อย่างไร แต่ซูหยิงเซี่ยไม่ได้ระวังกลับกระตือรือร้นมาก “อีหยุน เธอรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่โรงพยาบาล” ซูหยิงเซี่ยจับมือฉี๋อีหยุนอย่างกระตือรือร้น และปฏิบัติต่อเพื่อนสาวคนนี้ด้วยความจริงใจ “พวกเธอไม่ได้ไปถ่ายพรีเวดดิ้งกันเหรอ เกิดอะไรขึ้น?” ฉี๋อีหยุนไม่ตอบคำถามของซูหยิงเซี่ย เธอให้ความสนใจกับหานซานเฉียน และรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนเกาะจีเหยียน แต่เธอจะให้ซูหยิงเซี่ยรู้ไม่ได้ เมื่อได้ยินคำถามนี้ ซูหยิงเซี่ยกลับพูดไม่ออก สาเหตุที่ตระกูลลู่เกิดปัญหานั้น เป็นเพราะเขาไม่ต้องการเอาเงินจำนวนมากเกินไป ไปประมูลกับหานซานเฉียน สถาณการณ์แบบนี้ทำให้ต่างคนไม่มีทางเลี่ยง แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรใหญ่โตเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของหานซานเฉียนก็เป็นเพียงบาดแผลที่ผิวหนังเท่านั้น “ไม่มีอะไร มันเป็นแค่อุบัติเหตุเล็กน้อย” ซูหยิงเซี่ยกล่าว การตายของพ่อลูกตระกูลลู่นั้นถูกตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่จริง ๆ
หานซานเฉียนกัดฟัน ในใจรู้สึกเหมือนกำลังเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ เขากลัวว่าถ้าจู่ ๆ ซูหยิงเซี่ยกลับมา เรื่องจะไปกันใหญ่ “คุณสวยมาก หุ่นดีมาก ความยับยั้งชั่งใจของผู้ชายธรรมดานั้นใช้ไม่ได้กับคุณ แต่คุณประเมินผมต่ำเกินไป ผมไม่มีทางทำร้ายซูหยิงเซี่ยเด็ดขาด” หานซานเฉียนกล่าว ฉี๋อีหยุนกำหมัด สีหน้าไม่พอใจ เธอทำถึงขนาดนี้แล้ว แต่ยังหลอกล่อหานซานเฉียนไม่ได้ หรือต้องโผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา และเป็นฝ่ายรุกก่อนจริง ๆ? “ถ้าคุณอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร มันง่ายมากเลยค่ะ แค่คุณมาเป็นผู้ชายของฉัน ฉันไม่รังเกียจที่คุณเคยแต่งงานมาแล้วหรอกนะ” ฉี๋อีหยุนกล่าว เมื่อได้ยินแบบนี้ หานซานเฉียนก็หัวเราะและพูดว่า “ฉี๋อีหยุน ดูเหมือนว่าคุณจะแยกแยะลำดับความสำคัญไม่ออกนะ ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรจากผม แต่คุณควรจะขอร้องผม ในเมื่อขอร้องผม ก็ไม่ควรทำท่าทางแบบนี้ คุณมีสิทธิ์อะไรมารังเกียจผมเหรอ?” เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามที่แทงใจดำของหานซานเฉียน ฉี๋อีหยุนพลันตกตะลึง เธอไม่มีสิทธิ์ไปรังเกียจหานซานเฉียนจริง และจุดยืนของเธอในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์มาบอกให้หานซานเฉียนทำอะไรตามใจตัวเอง “ฉันสามารถทำให้คุณมีอำนาจและอิทธิพลได้มากก
“คุณผู้หญิง คุณลองเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้ไม่ได้นะคะ ก่อนที่คุณจะเข้าประตู คุณไม่ได้ดูป้ายที่ประตูเหรอคะ? เราไม่ใช่ร้านค้าธรรมดานะคะ” พนักงานเดินไปหาฉี๋อีหยุนและพูดดูถูก ผู้หญิงคนนี้ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่รู้ว่ามาจากไหน จู่ ๆ ก็จะมาขอลองสินค้าในร้านที่หรูหราเช่นนี้? หญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเธอได้ยินคำพูดของฉี๋อีหยุน เธอจึงหันไปหยอกล้อด้านข้างว่า “ยัยแว่น เธอมาผิดที่แล้วล่ะ รีบออกไปเถอะ ร้านแบบนี้ไม่เหมาะให้คนอย่างเธอมาเดินเล่นหรอก” ฉี๋อีหยุนหันกลับมามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น สถานที่นี้เหมาะสำหรับนังโสเภณีอย่างเธอเท่านั้นเหรอ?” จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกหน้าชา เธอชี้ที่ฉี๋อีหยุนและพูดว่า “นังสารเลว เธอเรียกใครว่านังโสเภณี? เธอควรเก็บปากไว้ให้ดีนะ” “ก็เธอไง ไม่เห็นด้วยหรือไง?” ฉี๋อีหยุนพูดอย่างใจเย็น “นังสารเลว เธออยากตายนักใช่ไหม ได้” หญิงสาวกัดฟัน และเดินไปหาฉี๋อีหยุน เมื่อเห็นแบบนี้ พนักงานก็รีบไปยืนตรงกลาง แล้วพูดกับหญิงสาวว่า “พี่ ดูเธอสิ อย่างกับไม่เคยเจอโลกกว้าง อย่าลดตัวไปมีเรื่องกับผู้หญิงแบบนี้เลยค่ะ” จู่ ๆ หญิงสาวก็นึกขึ้นมาได้ จึงระงับอารมณ์ท
“ภูมิใจมากไหมที่เอาเงินเก็บตั้งหลายปีมาท้าทายเศษเงินของฉัน? ตั้งแต่วันนี้ เธอคงต้องกลับบ้านไปกินหมั่นโถวแทน” หญิงสาวพูดเหยียดหยาม เธอคิดว่าฉี๋อีหยุนคงต้องควักเงินในกระเป๋าที่มีทั้งหมดมาซื้อชุดตัวนี้ “เศษเงิน? สำหรับฉัน เงินจำนวนนี้ไม่ใช่แม้แต่เศษเงิน” หลังจากฉี๋อีหยุนพูดจบ เธอก็หันไปหาผู้จัดการ และถามว่า “ฉันลองชุดได้หรือยัง?” “ได้ค่ะ ได้อยู่แล้วค่ะ ห้องลองอยู่ทางนี้ค่ะ” ผู้จัดการรีบพูด เธอไม่สนใจว่าฉี๋อีหยุนจะเก็บเงินก้อนนี้มากี่ปี ตราบใดที่เธอสามารถซื้อเสื้อผ้าได้ เธอก็เป็นแขกผู้มีเกียรติ แม้ว่าหญิงสาวคนนั้นจะดูร่ำรวย แต่หลังจากเดินช้อปปิ้งเป็นเวลานาน เธอกลับไม่ได้ซื้ออะไรเลย ฉี๋อีหยุนหยิบเสื้อผ้า และเดินเข้าไปในห้องลอง “ผู้หญิงแบบนี้ไม่เหมาะกับเสื้อผ้าแพง ๆ หรอก ต่อให้ซื้อมาใส่ ก็ไม่ได้ทำให้ดูสูงส่งขึ้นมา” หญิงสาวพูดเย้ยหยัน หลังจากที่ชุดนี้มาถึงร้าน ก็ไม่มีใครเคยลองสวม จึงไม่มีใครรู้ว่าหลังจากสวมแล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้พนักงานแทบจะทุกคนต่างจับจ้องไปที่ประตูห้องลองเสื้อผ้า แม้ว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นพูด แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าเป็นอย่างไร หลังจากรออยู่คร
เมื่อฉี๋อีหยุนออกจากร้านหรู และเดินไปในห้างสรรพสินค้า ทุกแห่งกลายเป็นฉากที่สวยงาม ทุกคนต่างพากันหยุดดู ผู้หญิงต่างก็พากันอิจฉา ส่วนผู้ชายก็ดูหลงใหล ไม่ไกลมากนักมีร่างสูงสะกดรอยตามเธออย่างเงียบ ๆ และต้องการจะฆ่าผู้ชายทุกคนที่จ้องตาฉี๋อีหยุน สำหรับตงฮ้าว การมองฉี๋อีหยุนมากเกินไปถือเป็นการดูหมิ่น น่าเสียดายที่การฆ่าคนไม่สามารถปกปิดออร่าของฉี๋อีหยุนได้ เมื่อเธอสลัดสิ่งที่แปลกปลอมทั้งหมดออก เธอก็ดูสวยเป็นพิเศษ “คุณหนู ไอแค่สวะนั่น ทำให้คุณต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ” ตงฮ้าวพูดพร้อมกัดฟัน เขารู้ว่าสาเหตุที่ฉี๋อีหยุนเปลี่ยนไปนั้นเป็นเพราะหานซานเฉียน แต่สวะอย่างหานซานเฉียนนั่นมีดีอะไรนักหนา! ตงฮ้าวต้องการฆ่าหานซานเฉียน แต่เขารู้ว่าถ้าเขาทำอย่างนั้นจริง ๆ เขาจะไม่สามารถเข้าใกล้ฉี๋อีหยุนได้อีกในชีวิต หัวใจของเขาเจ็บปวด และไม่ต้องการให้ผู้ชายคนอื่นเห็นความสวยของฉี๋อีหยุน แต่สำหรับเรื่องนี้กลับไม่มีทางเลือก เมื่อฉี๋อีหยุนเดินออกจากห้างสรรพสินค้า ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หลายต่อหลายครั้ง เพียงเพราะแค่เธอยืนอยู่ข้างถนน ผู้ขับขี่เหล่านั้นจดจ่ออยู่กับการมองฉี๋อีหยุนมากเกินไป จึงทำให้ร
“ลูกมีผู้ชายที่ชอบแล้วเหรอคะ?” โอวหยางเฟยถาม “เหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หรือว่าต้องไปสืบดูว่าเขาคนนี้เป็นใคร?” ฉี๋ตงหลินกล่าว โอวหยางเฟยรีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เข้าไปยุ่งกับเรื่องของเธอ คุณอยากโดนดุเหรอ ฉันไม่ช่วยคุณนะ” ฉี๋ตงหลินยิ้มแห้ง ๆ เพราะเขาค่อนข้างกลัว จึงได้แต่ถอนหายใจ ฉี๋อีหยุนแข็งแกร่งมาก เธอทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และไม่เคยขอความช่วยเหลือจากทั้งสองคนเลยตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งทำให้ฉี๋อีหยุนต่อต้านเรื่องนี้มาก “ลูกก็โตแล้ว เธอรู้อะไรควรไม่ควร คุณวางใจเถอะค่ะ” โอวหยางเฟยกล่าว ฉี๋ตงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ผมคงทำได้เท่านี้แหละ ผมหวังว่าเจ้าเด็กคนนั้นจะไม่ทำให้ผิดหวัง ถ้าเขากล้าทำให้อีหยุนเสียใจ ผมฆ่าเขาแน่” ตอนนี้หานซานเฉียนยังคงเพลิดเพลินกับแอปเปิ้ลที่ซูหยิงเซี่ยปอกให้ “หยิงเซี่ย เมื่อไหร่ผมจะออกจากโรงพยาบาลได้เหรอครับ?” แม้ว่าเขาจะมีความสุขกับการที่ซูหยิงเซี่ยดูแลเขาเป็นอย่างดีที่โรงพยาบาล แต่นั่นก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก หานซานเฉียนจึงไม่อยากอยู่นานกว่านี้ “ฉันถามให้แล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของคุณ อย่างดีก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ค่ะ”
เมื่อเผชิญกับความกังวลของเจี่ยงหลาน หานซานเฉียนรู้เหตุผลเป็นอย่างดี เธอจะต้องคุยโวบางเรื่อง แน่นอนว่าเพื่อรักษาหน้าตัวเอง แต่บางคำก็เกินความจริงจนเกินไป ด้วยนิสัยของเจี่ยงหลาน บางอย่างจะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นหานซานเฉียนจึงต้องเตือนเธอ "แม่ ผมรู้ว่าแม่ต้องรักษาหน้าไว้ แต่บางคำพูดก็ไม่สามารถพูดเรื่อยเปื่อยได้ ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้นะครับ” หานซานเฉียนกล่าว เจี่ยงหลานหุบยิ้มทันที หลังจากได้ยินประโยคนี้ เธอกลายเป็นคนเคร่งขรึม จากสถานะของเธอ หานซานเฉียนจะมาวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างไร? “หานซานเฉียน อย่าคิดว่าจะชี้แนะฉันได้ เพราะทำเรื่องบางอย่างลงไป เธอไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้พูดอะไร แต่ถึงจะพูด นั่นก็คือลูกสาวของฉัน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ” เจี่ยงหลานพูดอย่างเย็นชา นี่คือสิ่งที่หานซานเฉียนกังวล เขาแน่ใจว่าเจี่ยงหลานคงไม่เอาเขาไปคุยโว ท้ายที่สุดแล้ว ชื่อเสียงของเขาในหยุนเฉิงนั้นแย่มาก พูดว่าเขาเก่งกาจอย่างไรคนอื่นก็คงไม่เชื่อ “ผมรู้ ผมก็เลยหวังว่าแม่จะไม่ออกตัวมากจนเกินไปจนเกิดปัญหา ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีคนกี่คนในหยุนเฉิงที่ต้องการให้หยิงเซี่ยล้ม ยิ่งแม่โม้ว่าหยิงเซี่ย