“คุณผู้หญิง คุณลองเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้ไม่ได้นะคะ ก่อนที่คุณจะเข้าประตู คุณไม่ได้ดูป้ายที่ประตูเหรอคะ? เราไม่ใช่ร้านค้าธรรมดานะคะ” พนักงานเดินไปหาฉี๋อีหยุนและพูดดูถูก ผู้หญิงคนนี้ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่รู้ว่ามาจากไหน จู่ ๆ ก็จะมาขอลองสินค้าในร้านที่หรูหราเช่นนี้? หญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเธอได้ยินคำพูดของฉี๋อีหยุน เธอจึงหันไปหยอกล้อด้านข้างว่า “ยัยแว่น เธอมาผิดที่แล้วล่ะ รีบออกไปเถอะ ร้านแบบนี้ไม่เหมาะให้คนอย่างเธอมาเดินเล่นหรอก” ฉี๋อีหยุนหันกลับมามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น สถานที่นี้เหมาะสำหรับนังโสเภณีอย่างเธอเท่านั้นเหรอ?” จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกหน้าชา เธอชี้ที่ฉี๋อีหยุนและพูดว่า “นังสารเลว เธอเรียกใครว่านังโสเภณี? เธอควรเก็บปากไว้ให้ดีนะ” “ก็เธอไง ไม่เห็นด้วยหรือไง?” ฉี๋อีหยุนพูดอย่างใจเย็น “นังสารเลว เธออยากตายนักใช่ไหม ได้” หญิงสาวกัดฟัน และเดินไปหาฉี๋อีหยุน เมื่อเห็นแบบนี้ พนักงานก็รีบไปยืนตรงกลาง แล้วพูดกับหญิงสาวว่า “พี่ ดูเธอสิ อย่างกับไม่เคยเจอโลกกว้าง อย่าลดตัวไปมีเรื่องกับผู้หญิงแบบนี้เลยค่ะ” จู่ ๆ หญิงสาวก็นึกขึ้นมาได้ จึงระงับอารมณ์ท
“ภูมิใจมากไหมที่เอาเงินเก็บตั้งหลายปีมาท้าทายเศษเงินของฉัน? ตั้งแต่วันนี้ เธอคงต้องกลับบ้านไปกินหมั่นโถวแทน” หญิงสาวพูดเหยียดหยาม เธอคิดว่าฉี๋อีหยุนคงต้องควักเงินในกระเป๋าที่มีทั้งหมดมาซื้อชุดตัวนี้ “เศษเงิน? สำหรับฉัน เงินจำนวนนี้ไม่ใช่แม้แต่เศษเงิน” หลังจากฉี๋อีหยุนพูดจบ เธอก็หันไปหาผู้จัดการ และถามว่า “ฉันลองชุดได้หรือยัง?” “ได้ค่ะ ได้อยู่แล้วค่ะ ห้องลองอยู่ทางนี้ค่ะ” ผู้จัดการรีบพูด เธอไม่สนใจว่าฉี๋อีหยุนจะเก็บเงินก้อนนี้มากี่ปี ตราบใดที่เธอสามารถซื้อเสื้อผ้าได้ เธอก็เป็นแขกผู้มีเกียรติ แม้ว่าหญิงสาวคนนั้นจะดูร่ำรวย แต่หลังจากเดินช้อปปิ้งเป็นเวลานาน เธอกลับไม่ได้ซื้ออะไรเลย ฉี๋อีหยุนหยิบเสื้อผ้า และเดินเข้าไปในห้องลอง “ผู้หญิงแบบนี้ไม่เหมาะกับเสื้อผ้าแพง ๆ หรอก ต่อให้ซื้อมาใส่ ก็ไม่ได้ทำให้ดูสูงส่งขึ้นมา” หญิงสาวพูดเย้ยหยัน หลังจากที่ชุดนี้มาถึงร้าน ก็ไม่มีใครเคยลองสวม จึงไม่มีใครรู้ว่าหลังจากสวมแล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้พนักงานแทบจะทุกคนต่างจับจ้องไปที่ประตูห้องลองเสื้อผ้า แม้ว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นพูด แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าเป็นอย่างไร หลังจากรออยู่คร
เมื่อฉี๋อีหยุนออกจากร้านหรู และเดินไปในห้างสรรพสินค้า ทุกแห่งกลายเป็นฉากที่สวยงาม ทุกคนต่างพากันหยุดดู ผู้หญิงต่างก็พากันอิจฉา ส่วนผู้ชายก็ดูหลงใหล ไม่ไกลมากนักมีร่างสูงสะกดรอยตามเธออย่างเงียบ ๆ และต้องการจะฆ่าผู้ชายทุกคนที่จ้องตาฉี๋อีหยุน สำหรับตงฮ้าว การมองฉี๋อีหยุนมากเกินไปถือเป็นการดูหมิ่น น่าเสียดายที่การฆ่าคนไม่สามารถปกปิดออร่าของฉี๋อีหยุนได้ เมื่อเธอสลัดสิ่งที่แปลกปลอมทั้งหมดออก เธอก็ดูสวยเป็นพิเศษ “คุณหนู ไอแค่สวะนั่น ทำให้คุณต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ” ตงฮ้าวพูดพร้อมกัดฟัน เขารู้ว่าสาเหตุที่ฉี๋อีหยุนเปลี่ยนไปนั้นเป็นเพราะหานซานเฉียน แต่สวะอย่างหานซานเฉียนนั่นมีดีอะไรนักหนา! ตงฮ้าวต้องการฆ่าหานซานเฉียน แต่เขารู้ว่าถ้าเขาทำอย่างนั้นจริง ๆ เขาจะไม่สามารถเข้าใกล้ฉี๋อีหยุนได้อีกในชีวิต หัวใจของเขาเจ็บปวด และไม่ต้องการให้ผู้ชายคนอื่นเห็นความสวยของฉี๋อีหยุน แต่สำหรับเรื่องนี้กลับไม่มีทางเลือก เมื่อฉี๋อีหยุนเดินออกจากห้างสรรพสินค้า ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หลายต่อหลายครั้ง เพียงเพราะแค่เธอยืนอยู่ข้างถนน ผู้ขับขี่เหล่านั้นจดจ่ออยู่กับการมองฉี๋อีหยุนมากเกินไป จึงทำให้ร
“ลูกมีผู้ชายที่ชอบแล้วเหรอคะ?” โอวหยางเฟยถาม “เหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หรือว่าต้องไปสืบดูว่าเขาคนนี้เป็นใคร?” ฉี๋ตงหลินกล่าว โอวหยางเฟยรีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เข้าไปยุ่งกับเรื่องของเธอ คุณอยากโดนดุเหรอ ฉันไม่ช่วยคุณนะ” ฉี๋ตงหลินยิ้มแห้ง ๆ เพราะเขาค่อนข้างกลัว จึงได้แต่ถอนหายใจ ฉี๋อีหยุนแข็งแกร่งมาก เธอทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และไม่เคยขอความช่วยเหลือจากทั้งสองคนเลยตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งทำให้ฉี๋อีหยุนต่อต้านเรื่องนี้มาก “ลูกก็โตแล้ว เธอรู้อะไรควรไม่ควร คุณวางใจเถอะค่ะ” โอวหยางเฟยกล่าว ฉี๋ตงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ผมคงทำได้เท่านี้แหละ ผมหวังว่าเจ้าเด็กคนนั้นจะไม่ทำให้ผิดหวัง ถ้าเขากล้าทำให้อีหยุนเสียใจ ผมฆ่าเขาแน่” ตอนนี้หานซานเฉียนยังคงเพลิดเพลินกับแอปเปิ้ลที่ซูหยิงเซี่ยปอกให้ “หยิงเซี่ย เมื่อไหร่ผมจะออกจากโรงพยาบาลได้เหรอครับ?” แม้ว่าเขาจะมีความสุขกับการที่ซูหยิงเซี่ยดูแลเขาเป็นอย่างดีที่โรงพยาบาล แต่นั่นก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก หานซานเฉียนจึงไม่อยากอยู่นานกว่านี้ “ฉันถามให้แล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของคุณ อย่างดีก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ค่ะ”
เมื่อเผชิญกับความกังวลของเจี่ยงหลาน หานซานเฉียนรู้เหตุผลเป็นอย่างดี เธอจะต้องคุยโวบางเรื่อง แน่นอนว่าเพื่อรักษาหน้าตัวเอง แต่บางคำก็เกินความจริงจนเกินไป ด้วยนิสัยของเจี่ยงหลาน บางอย่างจะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นหานซานเฉียนจึงต้องเตือนเธอ "แม่ ผมรู้ว่าแม่ต้องรักษาหน้าไว้ แต่บางคำพูดก็ไม่สามารถพูดเรื่อยเปื่อยได้ ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้นะครับ” หานซานเฉียนกล่าว เจี่ยงหลานหุบยิ้มทันที หลังจากได้ยินประโยคนี้ เธอกลายเป็นคนเคร่งขรึม จากสถานะของเธอ หานซานเฉียนจะมาวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างไร? “หานซานเฉียน อย่าคิดว่าจะชี้แนะฉันได้ เพราะทำเรื่องบางอย่างลงไป เธอไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้พูดอะไร แต่ถึงจะพูด นั่นก็คือลูกสาวของฉัน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ” เจี่ยงหลานพูดอย่างเย็นชา นี่คือสิ่งที่หานซานเฉียนกังวล เขาแน่ใจว่าเจี่ยงหลานคงไม่เอาเขาไปคุยโว ท้ายที่สุดแล้ว ชื่อเสียงของเขาในหยุนเฉิงนั้นแย่มาก พูดว่าเขาเก่งกาจอย่างไรคนอื่นก็คงไม่เชื่อ “ผมรู้ ผมก็เลยหวังว่าแม่จะไม่ออกตัวมากจนเกินไปจนเกิดปัญหา ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีคนกี่คนในหยุนเฉิงที่ต้องการให้หยิงเซี่ยล้ม ยิ่งแม่โม้ว่าหยิงเซี่ย
“พี่เผิง ผมจะไปเทียบกับพี่ได้ยังไงกัน” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม เขาพบว่ามีร่องรอยของความเศร้าระหว่างคิ้วของเผิงฟาง ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน แต่ตอนนี้เด็ก ๆ ทั้งหมดอยู่ด้วย หานซานเฉียนจึงไม่ได้พูดอะไรมาก “จริงสิ วันนี้ต่งซานก็โทรหาฉันด้วย บอกว่าจะมาหา เธอสองคนไม่ได้เจอกันนานแล้วนี่” เผิงฟางกล่าว “บังเอิญจัง ตอนนี้เธอยังมาที่นี่บ่อยไหมครับ?” ต่งซานเป็นผู้หญิงที่มีน้ำใจ อ่อนหวานและน่ารัก เธอมักจะมาช่วยที่บ้านแห่งรัก และเธอก็รู้จักกับหานซานเฉียนเป็นอย่างดี แต่พูดไป พวกเขาเคยเจอกันไม่เกินสิบครั้งในสองหรือสามปี “ตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว บางครั้งก็พาเขามาที่นี่ด้วย แต่แค่ไม่กี่ครั้ง” เผิงฟางกล่าว เมื่อเล่นกับเด็ก ๆ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ต่งซานก็เดินมาพร้อมกับขนมถุงใหญ่ เด็ก ๆ รอบ ๆ หานซานเฉียนต่างแห่กันไปหาต่งซานทันที “พวกเธอนี่ร้ายจริง ๆ ระวังไว้คราวหน้าพี่จะไม่มาหาแล้ว” หานซานเฉียนยิ้มเจื่อน “ซานเฉียน นายก็มาที่นี่เหมือนกันเหรอ เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ต่งซานพูดกับหานซานเฉียนด้วยความประหลาดใจ ผู้ชายที่ยืนข้างเธอคือแฟนที่เผิงฟางพูดถึง เขาชื่อว่าซ่งจี ซ่งจีมองหานซานเฉียนอย่างระแว
คำพูดเหล่านี้ทำให้หานซานเฉียนลำบากใจเล็กน้อย เพราะเหตุการณ์นี้อาจกล่าวได้ว่าเกิดจากเขาทางอ้อม ตอนที่เขามุ่งเป้าไปที่บริษัทเจียงเหอ กรุ๊ป เขาไม่คิดว่าปฏิกิริยาเคมีจะเกิดขึ้น แต่ตราบใดที่มันเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน สำหรับหานซานเฉียนแล้วมันไม่ใช่ปัญหาเลย ในขณะเดียวกัน หานซานเฉียนสังเกตเห็นว่าซ่งจีแอบเก็บกุญแจรถเบนซ์ การกระทำนี้ทำให้เขาแอบหัวเราะในใจ ผู้ชายคนนี้มีความสุขเมื่อเขาได้โอ้อวด แต่เมื่อพูดถึงปัญหาเรื่องเงิน เขาก็ตัวแข็งทื่อทันที ราวกับว่ากลัวจะไปขอเงินเขา “พี่เผิง ค่าใช้จ่ายรายเดือนของสถานสงเคราะห์เท่าไหร่ครับ?” หานซานเฉียนถาม “คิดเฉพาะค่าอาหาร ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ราคาเกือบหมื่น แต่เด็กเหล่านี้อยู่ในช่วงเติบโต ดังนั้นอาหารก็ไม่ควรแย่เกินไป” เผิงฟางกล่าว “ในเมื่อช่วงนี้เป็นช่วงเวลาย่ำแย่ ให้พวกเขากินคุณภาพต่ำมาหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ยังไงพวกเขาก็มีปัญหาอยู่แล้ว สุขภาพดีจะมีประโยชน์อะไร” ซ่งจีพูดเบา ๆ ประโยคนี้ทำให้เผิงฟางไม่พอใจอย่างมาก สถานสงเคราะห์ไม่ยอมรับใครก็ตามที่มีจิตใจอคติ แต่เขาเป็นแฟนของต่งซาน เผิงฟางจึงไม่สามารถกล่าวโทษเขาโดยตรงได้“ซ่งจี คุณพู
“คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมไปส่ง” ซ่งจีปลดล็อกรถอย่างภาคภูมิใจ พลางชี้ไปที่รถเบนซ์แล้วพูดกับหานซานเฉียน “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากเป็นก้างขวางคอ และผมก็ต้องหาวิธีที่แก้ปัญหาให้บ้านแห่งรักด้วย” หานซานเฉียนกล่าว “ยังจะอวดดีอีกนะ โอเค ผมจะไม่แฉคุณ คุณมีความสุขก็ทำไปเถอะ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนล่ะ” ซ่งจีพูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากขึ้นรถแล้วทั้งสองก็ขับออกไป ต่งซานพูดกับซ่งจีในรถว่า “คุณไม่เคยมีปัญากับเขา แล้วทำไมคุณถึงต้องทำให้เขาลำบากใจด้วยคะ" “ผมทนฟังผู้ชายขี้โม้แบบนี้ไม่ได้ คุณก็ดูเขาสิ เป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แล้วยังคุยโวว่าตัวเองสามารถแก้ปัญหาเรื่องบ้านแห่งรักได้ เขามีอำนาจมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซ่งจีพูดอย่างเหยียดหยาม “ไม่ว่าเขาจะมีอำนาจหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่เขามีใจคิดจะช่วย” ต่งซานกล่าว “คุณยังไร้เดียงสาเกินไป มีใจแล้วมีประโยชน์ไหม? เขาแค่คุยโม้ต่อหน้าผม เพื่อสนองความไร้สาระของเขาเองไม่ใช่เหรอ? ผมไม่ฉีกหน้าเขาก็ถือว่าไว้หน้าคุณแล้วนะ” ซ่งจีพูดต่งซานถอนหายใจ ในใจเธอหวังจริง ๆ ว่าหานซานเฉียนจะช่วยได้ ถ้าเขาไม่สามารถช่วยได้ บ้านแห่งรักอาจจะพังลงได้“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ