ความยโสโอหังและอวดดีของชายชราทำให้บรรดาพนักงานหลายคนในบริษัทรู้สึกขุ่นเคือง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะแค่มองก็รู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน พนักงานบริษัทเป็นแค่คนธรรมดา ใครจะกล้าไปล่วงเกินพวกเขาล่ะ? จงชิว ผู้ช่วยของซูหยิงเซี่ยเห็นว่าไม่มีใครในตระกูลซูยินดีออกมาพูด เธอจึงต้องก้าวออกมา “ช่วงนี้ประธานซูไม่ได้อยู่ในเมืองหยุนเฉิงค่ะ ถ้าพวกคุณมีธุระกับเธอ พวกคุณรอให้เธอกลับมาก่อนไม่ได้เหรอคะ?” จงชิวกล่าว “ไม่ได้อยู่ในเมืองหยุนเฉิง? ผมคิดว่าเธอจงใจหลบซ่อน เธอจะไม่อยู่ที่นี่ได้ยังไง คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับผม?” ชายชรามองจงชิวอย่างเหยียดหยาม จงชิวไม่ใช่คนใหญ่โตในบริษัท และไม่มีอำนาจพูดอะไรในบริษัท แต่ตอนนี้บรรดาญาติของตระกูลซูต่างก็ไม่มีใครออกมาพูดอะไร เธอจึงไม่มีทางเลือก เธอจะปล่อยให้ทุกคนไม่ได้เข้าทำงานไม่ได้ บริษัทต้องมีการจัดการกับเรื่องนี้ “ฉันเป็นผู้ช่วยของประธานซูค่ะ” จงชิวกล่าว ชายชราหัวเราะเยาะขึ้นมา เป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น กล้าดีอย่างไรมาคุยกับเขา “คุณเป็นแค่ผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ ผมแนะนำให้คุณเลิกพูดมากจะดีกว่า ถ้าไม่ติดต่อซูหยิงเซี่ยก็ไปหางานใหม่เถอะ” ชายชร
“พวกคุณไม่มีใครติดต่อซูหยิงเซี่ยได้เลยเหรอ? พวกคนไร้ประโยชน์ โตมาได้ยังไงกัน” เจี่ยงฟู่มองกวาดสายตาไปรอบ ๆ ถามคนทั้งหมดในบริษัทตอนนี้ไม่ใช่แค่พนักงาน แต่แม้แต่ญาติ ๆ ในตระกูลซูก็ไม่กล้ามองตาเจียงฟู่ ทุกคนต่างพากันก้มหน้าเงียบไม่พูดอะไรจงชิวไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงจึงพูดขึ้นว่า “ฉันจะรีบโทรหาประธานซูเดี๋ยวนี้ค่ะ”ในโรงพยาบาล ซูหยิงเซี่ยกำลังหั่นแอปเปิ้ลให้หานซานเฉียน ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น บนหน้าจอแสดงชื่อ จงชิว แวบแรกเธอก็มีลางสังหรณ์ว่าจะบริษัทคงเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่นอน เพราะเธอไม่ได้กลับบริษัทมาหลายวันแล้ว ตอนนี้เธอจึงไม่รู้สถานการณ์ของบริษัทเลย“จงชิว มีอะไรหรือเปล่า” ซูหยิงเซี่ยส่งแอปเปิ้ลให้หานซานเฉียน ก่อนจะะกดรับสายโทรศัพท์“ประธานซูคะ ตอนนี้คนของเจียงฟู่กำลังปิดกั้นอยู่ที่ประตูของบริษัท ไม่ให้พวกเราเข้าไปทำงานค่ะ” จงชิวพูดเมื่อได้ยินชื่อเจียงฟู่ ซูหยิงเซี่ยก็ขมวดคิ้วทันที ก่อนหน้านี้เขาก็เคยมาหาเธอแล้ว อีกทั้งยังมาเพราะหานซานเฉียน นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้เขาจะมาปิดประตูใหญ่บริษัทของเธอ!ก่อนหน้านี้ซูหยิงเซี่ยไม่เข้าใจสาเหตุของเรื่องราว แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว ตอนแรกเ
“หัวหดเป็นเต่ามานาน ทนไม่ไหวแล้วเหรอ? ถึงได้โผล่มาสักที” เจี่ยงฟู่พูดพลางยิ้มเยาะซูหยิงเซี่ย“หานซานเฉียนมีหน้าที่ต้องช่วยพวกคุณชนะการแข่งขันหมากล้อมด้วยเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ในเมื่อรู้แล้วว่าชายชราเหล่านี้มาที่บริษัทด้วยสาเหตุอะไร จึงไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมอีกต่อไปวันนี้สมาคมหมากล้อมแห่งเมืองหยุนเฉิงกลายเป็นเรื่องตลกของวงการหมากล้อมระดับโลกในประเทศจีน แม้ว่าพวกเขาจะถอนตัวออกไปจากสมาคมหมากล้อมได้ทันเวลา แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกอับอายขายหน้า ตำแหน่งที่มีเกียรตินี้กำลังถูกผู้คนหัวเราะเยาะ ทำให้ชายชราหลายคนรู้สึกโกรธมาก เมื่อได้ยินซูหยิงเซี่ยพูดแบบนี้ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นอีก“ซูหยิงเซี่ย เธอควรระวังคำพูดของเธอหน่อยนะ หากฉันเจียงฟู่ได้พูดอะไรออกไปสักคำเดียว บริษัทของเธอจะต้องย่อยยับในเมืองหยุนเฉิงแน่นอน” เจียงฟู่พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ถ้าพวกคุณมีความสามารถขนาดนี้ แล้วทำไมไม่แข่งด้วยตัวเองล่ะ? คุณก็สามารถเอาชนะได้ไม่ใช่เหรอ? หรือว่าคุณ?” ซูหยิงเซี่ยพูดพลางชี้นิ้วไปที่ชายชราแต่ละคนอย่างดูถูกเมื่อบรรดาชายชราถูกชี้นิ้วใส่สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็
บรรดาญาติ ๆ ตระกูลซูหลายคนพูดเตือนซูหยิงเซี่ยด้วยความหวังดีซูหยิงเซี่ยยิ้มอย่างเยือกเย็น ถ้าไม่มีหานซานเฉียนคงไม่มีบริษัทตระกูลซูไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่เรื่องราวเหล่านี้หานซานเฉียนไม่เอาออกมาพูดเท่านั้น แต่คนพวกนี้กลับอยากให้หานซานเฉียนคุกเข่าขอโทษเพื่อความมั่นคงของบริษัทเธอรู้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้เป็นห่วงบริษัทจริง พวกเขาเพียงแค่ห่วงชีวิตของตัวเองหลังจากบริษัทพังทลายลงมากกว่า พวกเขากลัวว่าจะตกงาน และการให้หานซานเฉียนออกมาคุกเข่าขอโทษ พวกเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร ดังนั้นจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับพวกเขา“ในเมื่อฉันเป็นคนตัดสินใจเรื่องของบริษัท พวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาชี้นิ้วสั่งฉัน ฉันจะไม่ให้หานซานเฉียนออกมาคุกเข่าขอโทษเด็ดขาด” ซูหยิงเซี่ยพูด“เธอ...”“หยิงเซี่ย หรือว่าเธออยากเห็นบริษัทล้มละลายงั้นเหรอ?”“เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าเธอเป็นคนฉลาด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิดไป เธอก็แค่คนโง่เขลาคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร”บรรดาญาติ ๆ ในตระกูลซูต่างกันพูดกับซูหยิงเซี่ยด้วยความโกรธซูอี้หานที่กำลังมองดูสถานการณ์อยู่ด้านข้างไม่ได้พูดแสดงความคิดเห็นอะไร แต่ภายในใจเ
คำพูดของเจียงฟู่เป็นเหมือนคำประกาศกร้าว ทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างพากันรู้สึกหวาดกลัวการที่เขาพูดเช่นนี้ หมายความว่าเขาจะไม่ปล่อยซูหยิงเซี่ยไปแน่นอนเมื่อเทียบศักยภาพของทั้งสองฝ่าย ซูหยิงเซี่ยไม่มีโอกาสที่จะชนะแม้แต่น้อยบริษัทของตระกูลซูเป็นแค่บริษัทระดับสองเท่านั้น แต่ตระกูลเจียงเหออยู่ภายใต้ตระกูลเทียน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ ที่ต่างก็มีตำแหน่งไม่ธรรมดา เมื่อพวกเขาร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงการวงการธุรกิจของเมืองหยุนเฉิง นอกจากตระกูลเทียนแล้ว ก็ไม่มีตระกูลไหนต่อต้านความแข็งแกร่งของพวกเขาได้ แล้วใครจะสามารถทนรับผลกระทบของเรื่องนี้ไหวกัน?ในสายตาของหลาย ๆ คน ภายใต้การกดขี่ของเจียงฟู่ บริษัทของตระกูลซูไม่สามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้อีกแล้ว ถึงขนาดมีคนคิดว่าซูหยิงเซี่ยทำอย่างนี้ไม่คุ้มเอาซะเลย ที่เอาอนาคตของบริษัทมาแขวนเพื่อคนไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น วิธีการอย่างนี้มันโง่เขลาเอามาก ๆ โดยเฉพาะญาติ ๆ ตระกูลซูพวกนั้น เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่ง่ายเลยที่จะรักษาการงานที่มั่นคงเอาไว้ได้แล้ว แต่พวกเขาก็ต้องมาเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ที่อาจตกงานอีกครั้ง เพราะการตัดสินใจที่ไม่ฉลาดของซูหยิงเซี่ยแต่เสียด
“เชื่อ เชื่อแน่นอน ฉันจะไปกับนาย”“ผมก็จะไปกับคุณ บริษัทกระจอกอย่างนี้ไม่อยากอยู่ตั้งนานแล้ว”“หยิงเซี่ยไม่มีความสามารถในการเป็นผู้นำ บริษัทอยู่ในมือเธอยังไงก็ต้องล่มละลายไม่ช้าก็เร็ว ตอนนี้มีโอกาสดี ๆ วางอยู่ตรงหน้า พวกเราจะไม่รีบคว้าเอาไว้ได้ยังไงล่ะ?”เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคน ซูไห่เฉาก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ก่อนจะพูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใจใครเลยนะ พวกเขาทั้งหมดต่างก็จะตามฉันไป”“พวกมอดพวกนี้ นายเอาไปเลย ฉันซาบซึ้งมาก” ซูหยิงเซี่ยหัวเราะ เธอไม่สนใจกับการทรยศของญาติตระกูลซูเหล่านี้เลยสักนิด เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนมีความสามารถอะไร นอกจากคิดหาวิธียักยอกเงินบริษัทไปวัน ๆ ก็ไม่ได้มีคุณงามความดีอะไรเลยแม้แต่น้อย“ซูหยิงเซี่ย เธอหมายความว่าไง!”“สมควรแล้วบริษัทจะพังอยู่ในมือเธอ คนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอย่างนี้จะมีคุณสมบัติอะไรมาเป็นประธาน”“เธอเป็นคนรุ่นหลัง พวกเราเป็นผู้อาวุโส ไม่อยากโต้เถียงกับเธอให้เสียเวลา ทำให้ผู้อาวุโสเจียงไม่พอใจแบบนี้นี่จะเป็นเรื่องที่เธอเสียใจที่สุดในชีวิตแน่”คนเหล่านั้นต่างก็ตำหนิซูหยิงเซี่ย ซูไห่เฉาเห็นฉากนี้ก็ยิ่งชอบใจมากขึ้นเรื่
“ประธานซู ขอโทษนะคะ แต่พวกเราก็ยังต้องใช้ชีวิต”“เฮ้อ ทำลายบริษัทเพื่อคนไร้ค่าคนเดียว ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ ”“รีบไปก็ดีแล้วแหละ เพราะไม่ช้าเราก็เร็วก็จะต้องตกงานกันอยู่ดี”ซูหยิงเซี่ยยืนอยู่ท่ามกลางอุปสรรค ลืมตามองลูกน้องเก่าของตัวเองทยอยไปที่บริษัทใหม่ของซูไห่เฉา จนเหลือเพียงจงชิวคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ข้างเธอ“ประธานซู ฉันเชื่อในตัวคุณค่ะ ฉันจะผ่านอุปสรรคความยากลำบากนี้ไปพร้อมกับบริษัทค่ะ” จงชิวพูดกับซูหยิงเซี่ยอย่างแน่วแน่ แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าความยากลำบากนี้ใหญ่มากสำหรับบริษัท แต่ซูหยิงเซี่ยก็ดีกับเธอมาก และเธอจะไม่มีวันเนรคุณซูหยิงเซี่ยในเวลานี้อย่างแน่นอนซูหยิงเซี่ยหัวเราะขึ้นมาอย่างปลื้มใจ แล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง”“จิ จิ จิ จิ” ซูอี้หานเดินเข้าไปด้านข้างซูหยิงเซี่ยพร้อมกับถอน แล้วพูดขึ้นว่า “เธอนี่มีความผูกพันลึกซึ้งจริง ๆ เมื่อก่อนทำไมฉันถึงดูไม่ออกในความรู้สึกที่เธอมีต่อคนไร้ค่าคนนั้นนะ เพื่อเขาแม้แต่ความปลอดภัยของบริษัทก็ไม่สนใจแล้ว”“ซูอี้หาน เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ การที่บริษัทล้มละลายเธอก็น่าจะดีใจมากไม่ใช่เหรอ?” ซูหยิงเซี่ยพูด“แน่นอ
หลังจากรอจนทุกคนจากไปจนหมด เส้นประสาทของซูหยิงเซี่ยที่แน่นตึงอยู่ถึงได้ผ่อนคลายลงมาหน่อย พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“ประธานซูคะ ตอนนี้ทุกคนในบริษัทต่างก็ไปกันหมด พวกเราจะทำยังไงกันดีคะ?” จงชิวถามซูหยิงเซี่ย คำพูดของซูไห่เฉาทำให้พนักงานทั้งบริษัทต่างพากันกลับลำกันหมด และบริษัทใหญ่อย่างบริษัทของตระกูลซูก็กลายเป็นรังว่างเปล่าในทันที“วางใจเถอะ ฉันจะคิดหาวิธีแก้ไขเอง ช่วงนี้เธอก็กลับไปพักผ่อน พักร้อนก่อนก็แล้วกัน” ซูหยิงเซี่ยพูดจงชิวมีสีหน้าเป็นกังวล เนื่องจากพื้นฐานของการดำเนินงานของบริษัทจำเป็นต้องมีพนักงานมาปฏิบัติงาน แต่ตอนนี้พนักงานต่างก็ไปกันหมดแล้ว ต่อให้ซูหยิงเซี่ยจะสามารถคิดวิธีหาพนักงานใหม่มาได้ แต่คนพวกนี้ก็ไม่คุ้นเคยกับการปฏิบัติการภายในบริษัท และจำเป็นต้องการเวลาในการคุ้นเคย ช่วงเวลานี้ก็โดนเจียงฟู่มุ่งเป้า นั่นทำให้จงชิวมองไม่เห็นความหวังที่จะจัดการกับช่วงเวลาความยากลำบากของบริษัทนี้เลยแน่นอนว่าเธอไม่ได้กังวลว่าตัวเองจะตกงาน แต่เป็นห่วงแทนซูหยิงเซี่ย“ประธานซูคะ ฉันไม่ได้กลัวที่ตัวเองจะตกงาน ฉันแค่ไม่อยากให้บริษัทถูกคนพวกนั้นทำให้พังทลายลงค่ะ” จงชิวพูดซูหยิงเซี่ยรู้ด