บรรดาญาติ ๆ ตระกูลซูหลายคนพูดเตือนซูหยิงเซี่ยด้วยความหวังดีซูหยิงเซี่ยยิ้มอย่างเยือกเย็น ถ้าไม่มีหานซานเฉียนคงไม่มีบริษัทตระกูลซูไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่เรื่องราวเหล่านี้หานซานเฉียนไม่เอาออกมาพูดเท่านั้น แต่คนพวกนี้กลับอยากให้หานซานเฉียนคุกเข่าขอโทษเพื่อความมั่นคงของบริษัทเธอรู้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้เป็นห่วงบริษัทจริง พวกเขาเพียงแค่ห่วงชีวิตของตัวเองหลังจากบริษัทพังทลายลงมากกว่า พวกเขากลัวว่าจะตกงาน และการให้หานซานเฉียนออกมาคุกเข่าขอโทษ พวกเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร ดังนั้นจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับพวกเขา“ในเมื่อฉันเป็นคนตัดสินใจเรื่องของบริษัท พวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาชี้นิ้วสั่งฉัน ฉันจะไม่ให้หานซานเฉียนออกมาคุกเข่าขอโทษเด็ดขาด” ซูหยิงเซี่ยพูด“เธอ...”“หยิงเซี่ย หรือว่าเธออยากเห็นบริษัทล้มละลายงั้นเหรอ?”“เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าเธอเป็นคนฉลาด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิดไป เธอก็แค่คนโง่เขลาคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร”บรรดาญาติ ๆ ในตระกูลซูต่างกันพูดกับซูหยิงเซี่ยด้วยความโกรธซูอี้หานที่กำลังมองดูสถานการณ์อยู่ด้านข้างไม่ได้พูดแสดงความคิดเห็นอะไร แต่ภายในใจเ
คำพูดของเจียงฟู่เป็นเหมือนคำประกาศกร้าว ทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างพากันรู้สึกหวาดกลัวการที่เขาพูดเช่นนี้ หมายความว่าเขาจะไม่ปล่อยซูหยิงเซี่ยไปแน่นอนเมื่อเทียบศักยภาพของทั้งสองฝ่าย ซูหยิงเซี่ยไม่มีโอกาสที่จะชนะแม้แต่น้อยบริษัทของตระกูลซูเป็นแค่บริษัทระดับสองเท่านั้น แต่ตระกูลเจียงเหออยู่ภายใต้ตระกูลเทียน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ ที่ต่างก็มีตำแหน่งไม่ธรรมดา เมื่อพวกเขาร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงการวงการธุรกิจของเมืองหยุนเฉิง นอกจากตระกูลเทียนแล้ว ก็ไม่มีตระกูลไหนต่อต้านความแข็งแกร่งของพวกเขาได้ แล้วใครจะสามารถทนรับผลกระทบของเรื่องนี้ไหวกัน?ในสายตาของหลาย ๆ คน ภายใต้การกดขี่ของเจียงฟู่ บริษัทของตระกูลซูไม่สามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้อีกแล้ว ถึงขนาดมีคนคิดว่าซูหยิงเซี่ยทำอย่างนี้ไม่คุ้มเอาซะเลย ที่เอาอนาคตของบริษัทมาแขวนเพื่อคนไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น วิธีการอย่างนี้มันโง่เขลาเอามาก ๆ โดยเฉพาะญาติ ๆ ตระกูลซูพวกนั้น เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่ง่ายเลยที่จะรักษาการงานที่มั่นคงเอาไว้ได้แล้ว แต่พวกเขาก็ต้องมาเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ที่อาจตกงานอีกครั้ง เพราะการตัดสินใจที่ไม่ฉลาดของซูหยิงเซี่ยแต่เสียด
“เชื่อ เชื่อแน่นอน ฉันจะไปกับนาย”“ผมก็จะไปกับคุณ บริษัทกระจอกอย่างนี้ไม่อยากอยู่ตั้งนานแล้ว”“หยิงเซี่ยไม่มีความสามารถในการเป็นผู้นำ บริษัทอยู่ในมือเธอยังไงก็ต้องล่มละลายไม่ช้าก็เร็ว ตอนนี้มีโอกาสดี ๆ วางอยู่ตรงหน้า พวกเราจะไม่รีบคว้าเอาไว้ได้ยังไงล่ะ?”เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคน ซูไห่เฉาก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ก่อนจะพูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใจใครเลยนะ พวกเขาทั้งหมดต่างก็จะตามฉันไป”“พวกมอดพวกนี้ นายเอาไปเลย ฉันซาบซึ้งมาก” ซูหยิงเซี่ยหัวเราะ เธอไม่สนใจกับการทรยศของญาติตระกูลซูเหล่านี้เลยสักนิด เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนมีความสามารถอะไร นอกจากคิดหาวิธียักยอกเงินบริษัทไปวัน ๆ ก็ไม่ได้มีคุณงามความดีอะไรเลยแม้แต่น้อย“ซูหยิงเซี่ย เธอหมายความว่าไง!”“สมควรแล้วบริษัทจะพังอยู่ในมือเธอ คนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอย่างนี้จะมีคุณสมบัติอะไรมาเป็นประธาน”“เธอเป็นคนรุ่นหลัง พวกเราเป็นผู้อาวุโส ไม่อยากโต้เถียงกับเธอให้เสียเวลา ทำให้ผู้อาวุโสเจียงไม่พอใจแบบนี้นี่จะเป็นเรื่องที่เธอเสียใจที่สุดในชีวิตแน่”คนเหล่านั้นต่างก็ตำหนิซูหยิงเซี่ย ซูไห่เฉาเห็นฉากนี้ก็ยิ่งชอบใจมากขึ้นเรื่
“ประธานซู ขอโทษนะคะ แต่พวกเราก็ยังต้องใช้ชีวิต”“เฮ้อ ทำลายบริษัทเพื่อคนไร้ค่าคนเดียว ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ ”“รีบไปก็ดีแล้วแหละ เพราะไม่ช้าเราก็เร็วก็จะต้องตกงานกันอยู่ดี”ซูหยิงเซี่ยยืนอยู่ท่ามกลางอุปสรรค ลืมตามองลูกน้องเก่าของตัวเองทยอยไปที่บริษัทใหม่ของซูไห่เฉา จนเหลือเพียงจงชิวคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ข้างเธอ“ประธานซู ฉันเชื่อในตัวคุณค่ะ ฉันจะผ่านอุปสรรคความยากลำบากนี้ไปพร้อมกับบริษัทค่ะ” จงชิวพูดกับซูหยิงเซี่ยอย่างแน่วแน่ แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าความยากลำบากนี้ใหญ่มากสำหรับบริษัท แต่ซูหยิงเซี่ยก็ดีกับเธอมาก และเธอจะไม่มีวันเนรคุณซูหยิงเซี่ยในเวลานี้อย่างแน่นอนซูหยิงเซี่ยหัวเราะขึ้นมาอย่างปลื้มใจ แล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง”“จิ จิ จิ จิ” ซูอี้หานเดินเข้าไปด้านข้างซูหยิงเซี่ยพร้อมกับถอน แล้วพูดขึ้นว่า “เธอนี่มีความผูกพันลึกซึ้งจริง ๆ เมื่อก่อนทำไมฉันถึงดูไม่ออกในความรู้สึกที่เธอมีต่อคนไร้ค่าคนนั้นนะ เพื่อเขาแม้แต่ความปลอดภัยของบริษัทก็ไม่สนใจแล้ว”“ซูอี้หาน เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ การที่บริษัทล้มละลายเธอก็น่าจะดีใจมากไม่ใช่เหรอ?” ซูหยิงเซี่ยพูด“แน่นอ
หลังจากรอจนทุกคนจากไปจนหมด เส้นประสาทของซูหยิงเซี่ยที่แน่นตึงอยู่ถึงได้ผ่อนคลายลงมาหน่อย พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“ประธานซูคะ ตอนนี้ทุกคนในบริษัทต่างก็ไปกันหมด พวกเราจะทำยังไงกันดีคะ?” จงชิวถามซูหยิงเซี่ย คำพูดของซูไห่เฉาทำให้พนักงานทั้งบริษัทต่างพากันกลับลำกันหมด และบริษัทใหญ่อย่างบริษัทของตระกูลซูก็กลายเป็นรังว่างเปล่าในทันที“วางใจเถอะ ฉันจะคิดหาวิธีแก้ไขเอง ช่วงนี้เธอก็กลับไปพักผ่อน พักร้อนก่อนก็แล้วกัน” ซูหยิงเซี่ยพูดจงชิวมีสีหน้าเป็นกังวล เนื่องจากพื้นฐานของการดำเนินงานของบริษัทจำเป็นต้องมีพนักงานมาปฏิบัติงาน แต่ตอนนี้พนักงานต่างก็ไปกันหมดแล้ว ต่อให้ซูหยิงเซี่ยจะสามารถคิดวิธีหาพนักงานใหม่มาได้ แต่คนพวกนี้ก็ไม่คุ้นเคยกับการปฏิบัติการภายในบริษัท และจำเป็นต้องการเวลาในการคุ้นเคย ช่วงเวลานี้ก็โดนเจียงฟู่มุ่งเป้า นั่นทำให้จงชิวมองไม่เห็นความหวังที่จะจัดการกับช่วงเวลาความยากลำบากของบริษัทนี้เลยแน่นอนว่าเธอไม่ได้กังวลว่าตัวเองจะตกงาน แต่เป็นห่วงแทนซูหยิงเซี่ย“ประธานซูคะ ฉันไม่ได้กลัวที่ตัวเองจะตกงาน ฉันแค่ไม่อยากให้บริษัทถูกคนพวกนั้นทำให้พังทลายลงค่ะ” จงชิวพูดซูหยิงเซี่ยรู้ด
นอกห้องพักผู้ป่วย เจี่ยงหลานดึงซูหยิงเซี่ยไปตรงสุดทางเดิน “แม่ แม่ทำอะไรน่ะ มีอะไรพูดในห้องผู้ป่วยไม่ได้เหรอคะ” ซูหยิงเซี่ยถามเจี่ยงหลานอย่างสงสัยเจี่ยงหลานมองห้องผู้ป่วยครู่หนึ่ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าหานซานเฉียนจะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเธอพูด ถึงจะเริ่มเอ่ยปากว่า “เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้ทั้งเมืองรู้กันหมดแล้ว ลูกคิดจะทำยังไง?”ซูหยิงเซี่ยนึกไม่ถึงเลยว่าข่าวจะแพร่ออกไปเร็วขนาดนี้ แม้แต่เจี่ยงหลานก็รู้แล้ว น่าจะเป็นเจียงฟู่ที่จงใจปล่อยข่าวออกไป คงอยากจะให้บริษัทที่กำลังร่วมมือกับบริษัทตระกูลทราบข่าว แล้วมาขอยกเลิกการร่วมมือกับบริษัทอย่างแน่นอนสำหรับบริษัทตระกูลซูแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือหายนะเมื่อเห็นซูหยิงเซี่ยเอาแต่เงียบ เจี่ยงหลานก็เร่งเธอว่า “ยังต้องคิดอะไรอีก ไม่ง่ายเลยนะกว่าลูกจะได้เป็นประธานบริษัท ลูกคงไม่อยากเห็นบริษัทพังลงไปต่อหน้าต่อตาหรอกใช่ไหม รีบบอกให้หานซานเฉียนออกมาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เถอะ”“แม่คะ ตอนนี้หานซานเฉียนยังอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้หนูแค่อยากให้เขารักษาตัวให้หายดีก่อนค่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูด“บาดเจ็บอะไรกัน แผลเล็กแค่นั้นไม่เห็นเป็นอะไร ตอนนี้บริษัทต่างหากที่เ
ซูกั๋วเย่าพยักหน้า คำพูดนี้มีเหตุผล หานซานเฉียนทำเพื่อซูหยิงเซี่ยมากมาย เขาจะกล้าลงมือกับพ่อแม่แท้ ๆ ของซูหยิงเซี่ยได้อย่างไรกัน“แต่คุณก็อย่าทำเกินไปล่ะ การทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้มีผลดีกับพวกเราหรอกนะ” ซูกั๋วเย่าเตือน“วางใจเถอะ ฉันแยกแยะได้ ฉันเพียงแค่อยากทำให้เขารู้ว่าบ้านนี้ฉันเป็นใหญ่” เจี่ยงหลานพูดในห้องพักผู้ป่วย หานซานเฉียนถามไม่ได้ความจากซูกั๋วเย่า และตอนนี้ซูหยิงเซี่ยก็ไม่ยอมพูด ทำให้เขารู้สึกจนปัญญา“ถ้าคุณไม่ยอมบอกผม ผมแค่โทรออกไปถามก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น” หานซานเฉียนพูดซูหยิงเซี่ยรู้ แม้แต่ม่อหยางต่างก็ยังเป็นเพื่อนของหานซานเฉียน มันง่ายมากที่เขาจะตรวจสอบเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าจะปิดไม่อยู่ซะแล้วสินะ“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ บริษัทมีปัญหานิดหน่อยเท่านั้นเอง คุณรักษาอาการบาดเจ็บให้ดีก่อน ปัญหาพวกนั้นฉันจัดการได้ค่ะ หรือว่าคุณไม่เชื่อฉันคะ” ซูหยิงเซี่ยพูดพลางหัวเราะหานซานเฉียนเชื่อในความสามารถของซูหยิงเซี่ย แต่เรื่องก็ต้องดูว่าเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ถ้าเกินขอบเขตความสามารถของเธอ เธอจะจัดการเองได้อย่างไร?แม้แต้เจี่ยงหลานยังเคลื่อนไหวเพราะเรื่องนี
พันล้านเซินเวิงช่างเชื่อมั่นในตัวซูไห่เฉามากจริง ๆ ถึงกลับกล้าออกเงินลงทุนตั้งพันล้าน แต่ขยะอย่างซูไห่เฉา ต่อให้เขามีเงินเป็นพันล้านแล้วอย่างไร จะสามารถสร้างคลื่นพายุอะไรในหยุนเฉิงได้งั้นเหรอ?“พันล้านไม่นานเดี๋ยวก็ถูกซูไห่เฉาทำลายจนหมดเองไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ส่วนเรื่องพนักงานบริษัท ผมจะหาคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาเอง” หานซานเฉียนพูด“คุณรู้จักคนที่หาบุคลากรให้บริษัทเหรอคะ” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างสงสัย หานซานเฉียนรู้จักคนแทบทุกสาขาอาชีพ ช่างเป็นสามีที่ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ“ผมมีเพื่อนสองสามคนในด้านนี้ แต่คุณต้องรับปากผมว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้ว พวกเราต้องไปถ่ายพรีเวดดิ้งกัน ไม่อย่างนั้นผนังห้องในบ้านมันคงว่างเปล่า” หานซานเฉียนหัวเราะซูหยิงเซี่ยไม่ติดใจกับเงื่อนไขนี้ของหานซานเฉียน เพราะเธอก็อยากไปทำเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังหาเวลาว่างไม่ได้เท่านั้น“ได้สิคะ แต่สองสามวันนี้ คุณต้องพักผ่อนอยู่ที่โรงพยาบาล ในเมื่อคุณเก่งขนาดนี้ เสียเวลาสักสองสามวันคงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” ซูหยิงเซี่ยพูดหานซานเฉียนหัวเราะ “ไม่มีปัญหาแน่นอน ให้ตัวตลกพวกนั้นได้ใจไปสองสามวันก็แล้วกัน”คฤหาสน์ตระกูลเทียนเทีย