คำพูดของเจียงฟู่เป็นเหมือนคำประกาศกร้าว ทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างพากันรู้สึกหวาดกลัวการที่เขาพูดเช่นนี้ หมายความว่าเขาจะไม่ปล่อยซูหยิงเซี่ยไปแน่นอนเมื่อเทียบศักยภาพของทั้งสองฝ่าย ซูหยิงเซี่ยไม่มีโอกาสที่จะชนะแม้แต่น้อยบริษัทของตระกูลซูเป็นแค่บริษัทระดับสองเท่านั้น แต่ตระกูลเจียงเหออยู่ภายใต้ตระกูลเทียน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ ที่ต่างก็มีตำแหน่งไม่ธรรมดา เมื่อพวกเขาร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงการวงการธุรกิจของเมืองหยุนเฉิง นอกจากตระกูลเทียนแล้ว ก็ไม่มีตระกูลไหนต่อต้านความแข็งแกร่งของพวกเขาได้ แล้วใครจะสามารถทนรับผลกระทบของเรื่องนี้ไหวกัน?ในสายตาของหลาย ๆ คน ภายใต้การกดขี่ของเจียงฟู่ บริษัทของตระกูลซูไม่สามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้อีกแล้ว ถึงขนาดมีคนคิดว่าซูหยิงเซี่ยทำอย่างนี้ไม่คุ้มเอาซะเลย ที่เอาอนาคตของบริษัทมาแขวนเพื่อคนไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น วิธีการอย่างนี้มันโง่เขลาเอามาก ๆ โดยเฉพาะญาติ ๆ ตระกูลซูพวกนั้น เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่ง่ายเลยที่จะรักษาการงานที่มั่นคงเอาไว้ได้แล้ว แต่พวกเขาก็ต้องมาเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ที่อาจตกงานอีกครั้ง เพราะการตัดสินใจที่ไม่ฉลาดของซูหยิงเซี่ยแต่เสียด
“เชื่อ เชื่อแน่นอน ฉันจะไปกับนาย”“ผมก็จะไปกับคุณ บริษัทกระจอกอย่างนี้ไม่อยากอยู่ตั้งนานแล้ว”“หยิงเซี่ยไม่มีความสามารถในการเป็นผู้นำ บริษัทอยู่ในมือเธอยังไงก็ต้องล่มละลายไม่ช้าก็เร็ว ตอนนี้มีโอกาสดี ๆ วางอยู่ตรงหน้า พวกเราจะไม่รีบคว้าเอาไว้ได้ยังไงล่ะ?”เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคน ซูไห่เฉาก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ก่อนจะพูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใจใครเลยนะ พวกเขาทั้งหมดต่างก็จะตามฉันไป”“พวกมอดพวกนี้ นายเอาไปเลย ฉันซาบซึ้งมาก” ซูหยิงเซี่ยหัวเราะ เธอไม่สนใจกับการทรยศของญาติตระกูลซูเหล่านี้เลยสักนิด เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนมีความสามารถอะไร นอกจากคิดหาวิธียักยอกเงินบริษัทไปวัน ๆ ก็ไม่ได้มีคุณงามความดีอะไรเลยแม้แต่น้อย“ซูหยิงเซี่ย เธอหมายความว่าไง!”“สมควรแล้วบริษัทจะพังอยู่ในมือเธอ คนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอย่างนี้จะมีคุณสมบัติอะไรมาเป็นประธาน”“เธอเป็นคนรุ่นหลัง พวกเราเป็นผู้อาวุโส ไม่อยากโต้เถียงกับเธอให้เสียเวลา ทำให้ผู้อาวุโสเจียงไม่พอใจแบบนี้นี่จะเป็นเรื่องที่เธอเสียใจที่สุดในชีวิตแน่”คนเหล่านั้นต่างก็ตำหนิซูหยิงเซี่ย ซูไห่เฉาเห็นฉากนี้ก็ยิ่งชอบใจมากขึ้นเรื่
“ประธานซู ขอโทษนะคะ แต่พวกเราก็ยังต้องใช้ชีวิต”“เฮ้อ ทำลายบริษัทเพื่อคนไร้ค่าคนเดียว ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ ”“รีบไปก็ดีแล้วแหละ เพราะไม่ช้าเราก็เร็วก็จะต้องตกงานกันอยู่ดี”ซูหยิงเซี่ยยืนอยู่ท่ามกลางอุปสรรค ลืมตามองลูกน้องเก่าของตัวเองทยอยไปที่บริษัทใหม่ของซูไห่เฉา จนเหลือเพียงจงชิวคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ข้างเธอ“ประธานซู ฉันเชื่อในตัวคุณค่ะ ฉันจะผ่านอุปสรรคความยากลำบากนี้ไปพร้อมกับบริษัทค่ะ” จงชิวพูดกับซูหยิงเซี่ยอย่างแน่วแน่ แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าความยากลำบากนี้ใหญ่มากสำหรับบริษัท แต่ซูหยิงเซี่ยก็ดีกับเธอมาก และเธอจะไม่มีวันเนรคุณซูหยิงเซี่ยในเวลานี้อย่างแน่นอนซูหยิงเซี่ยหัวเราะขึ้นมาอย่างปลื้มใจ แล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง”“จิ จิ จิ จิ” ซูอี้หานเดินเข้าไปด้านข้างซูหยิงเซี่ยพร้อมกับถอน แล้วพูดขึ้นว่า “เธอนี่มีความผูกพันลึกซึ้งจริง ๆ เมื่อก่อนทำไมฉันถึงดูไม่ออกในความรู้สึกที่เธอมีต่อคนไร้ค่าคนนั้นนะ เพื่อเขาแม้แต่ความปลอดภัยของบริษัทก็ไม่สนใจแล้ว”“ซูอี้หาน เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ การที่บริษัทล้มละลายเธอก็น่าจะดีใจมากไม่ใช่เหรอ?” ซูหยิงเซี่ยพูด“แน่นอ
หลังจากรอจนทุกคนจากไปจนหมด เส้นประสาทของซูหยิงเซี่ยที่แน่นตึงอยู่ถึงได้ผ่อนคลายลงมาหน่อย พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“ประธานซูคะ ตอนนี้ทุกคนในบริษัทต่างก็ไปกันหมด พวกเราจะทำยังไงกันดีคะ?” จงชิวถามซูหยิงเซี่ย คำพูดของซูไห่เฉาทำให้พนักงานทั้งบริษัทต่างพากันกลับลำกันหมด และบริษัทใหญ่อย่างบริษัทของตระกูลซูก็กลายเป็นรังว่างเปล่าในทันที“วางใจเถอะ ฉันจะคิดหาวิธีแก้ไขเอง ช่วงนี้เธอก็กลับไปพักผ่อน พักร้อนก่อนก็แล้วกัน” ซูหยิงเซี่ยพูดจงชิวมีสีหน้าเป็นกังวล เนื่องจากพื้นฐานของการดำเนินงานของบริษัทจำเป็นต้องมีพนักงานมาปฏิบัติงาน แต่ตอนนี้พนักงานต่างก็ไปกันหมดแล้ว ต่อให้ซูหยิงเซี่ยจะสามารถคิดวิธีหาพนักงานใหม่มาได้ แต่คนพวกนี้ก็ไม่คุ้นเคยกับการปฏิบัติการภายในบริษัท และจำเป็นต้องการเวลาในการคุ้นเคย ช่วงเวลานี้ก็โดนเจียงฟู่มุ่งเป้า นั่นทำให้จงชิวมองไม่เห็นความหวังที่จะจัดการกับช่วงเวลาความยากลำบากของบริษัทนี้เลยแน่นอนว่าเธอไม่ได้กังวลว่าตัวเองจะตกงาน แต่เป็นห่วงแทนซูหยิงเซี่ย“ประธานซูคะ ฉันไม่ได้กลัวที่ตัวเองจะตกงาน ฉันแค่ไม่อยากให้บริษัทถูกคนพวกนั้นทำให้พังทลายลงค่ะ” จงชิวพูดซูหยิงเซี่ยรู้ด
นอกห้องพักผู้ป่วย เจี่ยงหลานดึงซูหยิงเซี่ยไปตรงสุดทางเดิน “แม่ แม่ทำอะไรน่ะ มีอะไรพูดในห้องผู้ป่วยไม่ได้เหรอคะ” ซูหยิงเซี่ยถามเจี่ยงหลานอย่างสงสัยเจี่ยงหลานมองห้องผู้ป่วยครู่หนึ่ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าหานซานเฉียนจะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเธอพูด ถึงจะเริ่มเอ่ยปากว่า “เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้ทั้งเมืองรู้กันหมดแล้ว ลูกคิดจะทำยังไง?”ซูหยิงเซี่ยนึกไม่ถึงเลยว่าข่าวจะแพร่ออกไปเร็วขนาดนี้ แม้แต่เจี่ยงหลานก็รู้แล้ว น่าจะเป็นเจียงฟู่ที่จงใจปล่อยข่าวออกไป คงอยากจะให้บริษัทที่กำลังร่วมมือกับบริษัทตระกูลทราบข่าว แล้วมาขอยกเลิกการร่วมมือกับบริษัทอย่างแน่นอนสำหรับบริษัทตระกูลซูแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือหายนะเมื่อเห็นซูหยิงเซี่ยเอาแต่เงียบ เจี่ยงหลานก็เร่งเธอว่า “ยังต้องคิดอะไรอีก ไม่ง่ายเลยนะกว่าลูกจะได้เป็นประธานบริษัท ลูกคงไม่อยากเห็นบริษัทพังลงไปต่อหน้าต่อตาหรอกใช่ไหม รีบบอกให้หานซานเฉียนออกมาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เถอะ”“แม่คะ ตอนนี้หานซานเฉียนยังอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้หนูแค่อยากให้เขารักษาตัวให้หายดีก่อนค่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูด“บาดเจ็บอะไรกัน แผลเล็กแค่นั้นไม่เห็นเป็นอะไร ตอนนี้บริษัทต่างหากที่เ
ซูกั๋วเย่าพยักหน้า คำพูดนี้มีเหตุผล หานซานเฉียนทำเพื่อซูหยิงเซี่ยมากมาย เขาจะกล้าลงมือกับพ่อแม่แท้ ๆ ของซูหยิงเซี่ยได้อย่างไรกัน“แต่คุณก็อย่าทำเกินไปล่ะ การทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้มีผลดีกับพวกเราหรอกนะ” ซูกั๋วเย่าเตือน“วางใจเถอะ ฉันแยกแยะได้ ฉันเพียงแค่อยากทำให้เขารู้ว่าบ้านนี้ฉันเป็นใหญ่” เจี่ยงหลานพูดในห้องพักผู้ป่วย หานซานเฉียนถามไม่ได้ความจากซูกั๋วเย่า และตอนนี้ซูหยิงเซี่ยก็ไม่ยอมพูด ทำให้เขารู้สึกจนปัญญา“ถ้าคุณไม่ยอมบอกผม ผมแค่โทรออกไปถามก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น” หานซานเฉียนพูดซูหยิงเซี่ยรู้ แม้แต่ม่อหยางต่างก็ยังเป็นเพื่อนของหานซานเฉียน มันง่ายมากที่เขาจะตรวจสอบเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าจะปิดไม่อยู่ซะแล้วสินะ“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ บริษัทมีปัญหานิดหน่อยเท่านั้นเอง คุณรักษาอาการบาดเจ็บให้ดีก่อน ปัญหาพวกนั้นฉันจัดการได้ค่ะ หรือว่าคุณไม่เชื่อฉันคะ” ซูหยิงเซี่ยพูดพลางหัวเราะหานซานเฉียนเชื่อในความสามารถของซูหยิงเซี่ย แต่เรื่องก็ต้องดูว่าเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ถ้าเกินขอบเขตความสามารถของเธอ เธอจะจัดการเองได้อย่างไร?แม้แต้เจี่ยงหลานยังเคลื่อนไหวเพราะเรื่องนี
พันล้านเซินเวิงช่างเชื่อมั่นในตัวซูไห่เฉามากจริง ๆ ถึงกลับกล้าออกเงินลงทุนตั้งพันล้าน แต่ขยะอย่างซูไห่เฉา ต่อให้เขามีเงินเป็นพันล้านแล้วอย่างไร จะสามารถสร้างคลื่นพายุอะไรในหยุนเฉิงได้งั้นเหรอ?“พันล้านไม่นานเดี๋ยวก็ถูกซูไห่เฉาทำลายจนหมดเองไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ส่วนเรื่องพนักงานบริษัท ผมจะหาคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาเอง” หานซานเฉียนพูด“คุณรู้จักคนที่หาบุคลากรให้บริษัทเหรอคะ” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างสงสัย หานซานเฉียนรู้จักคนแทบทุกสาขาอาชีพ ช่างเป็นสามีที่ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ“ผมมีเพื่อนสองสามคนในด้านนี้ แต่คุณต้องรับปากผมว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้ว พวกเราต้องไปถ่ายพรีเวดดิ้งกัน ไม่อย่างนั้นผนังห้องในบ้านมันคงว่างเปล่า” หานซานเฉียนหัวเราะซูหยิงเซี่ยไม่ติดใจกับเงื่อนไขนี้ของหานซานเฉียน เพราะเธอก็อยากไปทำเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังหาเวลาว่างไม่ได้เท่านั้น“ได้สิคะ แต่สองสามวันนี้ คุณต้องพักผ่อนอยู่ที่โรงพยาบาล ในเมื่อคุณเก่งขนาดนี้ เสียเวลาสักสองสามวันคงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” ซูหยิงเซี่ยพูดหานซานเฉียนหัวเราะ “ไม่มีปัญหาแน่นอน ให้ตัวตลกพวกนั้นได้ใจไปสองสามวันก็แล้วกัน”คฤหาสน์ตระกูลเทียนเทีย
เทียนฉางเฉิงรีบปิดปากหวางเม่าด้วยความตื่นตระหนก และพูดอย่าโกรธเคืองว่า “นายจะทำเสียงดังขนาดนี้ทำไม กลัวคนอื่นไม่ได้ยินหรือไง?”หวางเม่ารู้สึกว่าตับไตไส้พุงของเขากำลังสั่นสะท้าน สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วตระกูลหานนั้นแทบจะอยู่เหนือสุด แม้ว่าการตายของหานเฉิงจะทำให้สถานะผันผวนมาก่อน แต่ตระกูลหานก็หยั่งรากลึกจนผลกระทบใด ๆ ก็ไม่สามารถทำให้สะทกสะท้านได้คนที่ถูกคนในหยุนเฉิงประนามว่าไร้ประโยชน์ ทำไมถึงกลายเป็นคนของตระกูลหานไปได้?ความแตกต่างที่มากขนาดนี้ทำให้หวางเม่าไม่สามารถเชื่อได้ และเขาก็ไม่อยากจะเชื่อด้วยเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่คนที่เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยเช่นนี้จะทนถูกดูหมิ่นมาได้ถึงสามปี “เขา...ทำไมเขาถึงทำแบบนี้? พูดตรง ๆ เลยนะ ด้วยสถานะของเขาสามารถให้ตระกูลเทียนเป็นลูกน้องของเขายังได้เลย และนายเองก็คงจะเต็มใจทำด้วยซ้ำ” หวางเม่ากล่าวเทียนฉางเฉิงจ้องไปที่หวางเม่าอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรเพราะนั่นเป็นความจริง ตระกูลเทียนอยู่ในจุดสูงสุดของหยุนเฉิง แต่นี่ก็แปลว่าตระกูลเทียนไม่สามารถก้าวหน้าได้อีก แต่หากได้รับใช้ตระกูลหาน แม้ว่าอาจจะมีข้อผูกมัดบางประการ แต่นั่นก็สามารถนำผ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ