“จริงสิ พวกคุณได้ดูวีดีโอการแข่งขันหรือยัง” คนในกลุ่มถามขึ้นทันทีที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาการพูดคุยก็ดุเดือดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่หานซานเฉียนแพ้การแข่งขัน พวกเขาก็ได้เห็นคลิปวีดีโอการแข่งขันผ่านช่องทางต่าง ๆ แล้ว เพียงแต่ไม่มีใครอยากพูดถึงเรื่องอัปยศนี้“แต่จะว่าไปมันก็แปลกนะ หานซานเฉียนได้เปรียบมากแต่หลังจากที่เขาไปเข้าห้องน้ำอยู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน”“ฉันเองก็ลองคำนวณดูแล้ว สถานการณ์ในช่วงกลางเกมนั้นต่อให้เป็นฉันเล่นก็สามารถเอาชนะได้ ทำไมเขาถึงแพ้กัน”“เป็นไปได้ไหมว่าตอนที่เขาไปเข้าห้องน้ำจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“นายจะบอกว่าซ่างกวนเฮยไป๋แอบทำอะไรบางอย่างงั้นเหรอ?”เมื่อทุกคนกำลังพูดคุยกัน เจียงฟู่ก็ตบโต๊ะอย่างทนไม่ไหวและพูดว่า “แม้ว่าจะมีเรื่องบางอย่างที่ไม่โปร่งใสเกิดขึ้นจริง ๆ แต่เจ้าขยะนั่นก็ไร้ประโยชน์เกินไป ถูกข่มขู่นิดหน่อยก็ยอมแพ้แล้ว เขาไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของพวกเราเลยสักนิด”ในความคิดของเจียงฟู่ เนื่องจากหานซานเฉียนถูกพวกเขาบังคับให้เข้าร่วมการแข่งขัน ดังนั้นเขาก็ควรจะคำนึงถึงการรักษาหน้าให้พวกตนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาควรจะคว้าชัยชนะกลับมาแล
อันที่จริงซูอี้หานรู้ดีเกี่ยวกับความสามารถของซูไห่เฉา นอกจากจะใช้เงินเพื่อยกสถานะของซูไห่เฉาแล้ว เธอก็ยังหวังให้เขาใช้เงินพันล้านนี้ไปพัฒนาตระกูล ดังนั้นการที่จะอยู่เหนือตระกูลเทียนได้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เนื่องจากเธอเกลียดซูหยิงเซี่ยมาก ซูอี้หานจึงยอมเชื่อใจซูไห่เฉา“แน่นอนขอแค่อยู่ในมือนายตระกูลซูก็จะสามารถพัฒนาไปได้ไกลยิ่งขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะอุบายของยัยสารเลวนั่น นายจะเสียตำแหน่งประธานไปได้ยังไง แต่ตอนนี้ยัยนั่นก็ได้รับบทเรียนแล้ว บริษัทตระกูลซูกำลังจะจบเห่ในเร็ว ๆ นี้ และเธอจะกลายเป็นเพียงสุนัขจนตรอกตัวหนึ่งเท่านั้น พอถึงตอนนั้นพวกเราก็รอดูเรื่องตลกได้เลย” ซูอี้หานพูดด้วยรอยยิ้มร่าเริง ความปรารถนาสูงสุดในชีวิตของเธอก็คือการได้เห็นซูหยิงเซี่ยตกระกำลำบาก เพราะซูหยิงเซี่ยไม่เพียงแต่เอาสินสอดไปจากเธอ แถมยังมีตำแหน่งหน้าที่การงานในบริษัทที่สูงกว่าเธอด้วย นี่เป็นเรื่องที่เธอทนไม่ได้มานานแล้วหลายปีมานี้แม้ว่าตำแหน่งของซูอี้หานจะไม่สูงไม่ต่ำ แต่อย่างน้อยเธอก็มีหน้าที่การงานที่สูงกว่าซูหยิงเซี่ย สามารถทำตัวเหนือกว่าเธอได้ แต่ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยเลื่อนตำแหน่งเร็วมากจากการเป็น
ในโรงพยาบาล หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยไม่ได้สนใจเรื่องร้ายแรงจากภายนอกเลยว่าเป็นยังไงบ้าง พวกเขาไม่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลภายนอกเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าตอนนี้โลกภายนอกจะมีข่าวลือออกมาว่าตระกูลซูกำลังจะล้มละลาย ซูหยิงเซี่ยที่เป็นประธานคนใหม่ทำลายรากฐานทางธุกิจของตระกูลซูที่สั่งสมมาหลายสิบปี ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยถูกตำหนิว่าไร้ค่า และหานซานเฉียนก็เป็นตัวอันตราย เพราะหากไม่ใช่เพราะเขาตระกูลซูก็คงไม่มีจุดจบแบบนี้ทันใดนั้น ชื่อของหานซานเฉียนก็ถูกดันกลับขึ้นมาอีกครั้ง เพราะทุกคนรู้ว่าที่บริษัทตระกูลซูตกอยู่วิกฤตเป็นเพราะหานซานเฉียน และซูหยิงเซี่ยปกป้องคนไร้ค่านี้จนทำลายบริษัทของตระกูลซู“ซูหยิงเซี่ยเสียสติไปแล้วแน่ ๆ ถึงได้ยอมแลกบริษัทเพื่อคนไร้ประโยชน์แบบนั้น”“ไม่รู้ว่าคนไร้ค่าอย่างนี้ทำยังไงให้ซูหยิงเซี่ยหลงใหลจนต้องช่วยเขาขนาดนี้”“ดูเหมือนว่าการเกาะผู้หญิงกินนี่ก็ต้องอาศัยความสามารถเหมือนกัน ทักษะของหานซานเฉียนน่าจะสามารถเปิดหลักสูตรฝึกอบรมได้เลย”“ช่วงเวลาแห่งการเกาะผู้หญิงกินกำลังจะหมดลงแล้วล่ะ ตอนนี้บริษัทตระกูลซูตกเป็นเป้าหมายของเจียงฟู่ จะยังยืนหยัดได้อีกนานแค่ไหนกัน”ข้อว
“ถ้าเขาเก่งขนาดนั้น ทำไมยังไม่แก้ปัญหานี้อีกล่ะ ตอนนี้แม้แต่ซูหยิงเซี่ยก็ยังต้องเข้าไปพัวพันจนถูกคนทั้งเมืองรังเกียจ เขายังทนกับเสียงดูถูกนินทาพวกนี้ได้ แล้วยังจะกล้ามาพูดว่ารักซูหยิงเซี่ยได้อีก นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ารัก?” เจี่ยงหลานเกล่าวซูกั๋วเย่าส่ายหัว เขาเองก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าหานซานเฉียนคิดจะทำอะไร ถ้าเป็นเขาล่ะก็ หากมีความสามารถขนาดนั้นก็คงออกมาแก้ปัญหาไปนานแล้ว จะมามัวอยู่ในโรงพยาบาลอย่างสบายอกสบายใจได้อย่างไรกัน“ผมคิดว่าเราเลิกสนใจเรื่องนี้กันเถอะ แม้ว่าคุณจะคิดว่าหานซานเฉียนรักหยิงเซี่ย เลยไม่เกรงกลัวที่จะล่วงเกินเขา แต่คุณคิดดูสิ ครอบครัวของเราต้องพึ่งเขาเราถึงจะมีชีวิตที่สุขสบายในวันข้างหน้า แล้วทำไมเราจะต้องไปผิดใจกับเขาด้วยล่ะ” ซูกั๋วเยาเกลี้ยกล่อม“ต้องพึ่งพาเขาแล้วมันยังไงล่ะ ฉันป็นแม่เขานะ แค่สั่งสอนเขายังไม่ได้งั้นเหรอ?” เจี่ยงหลานกล่าวอย่างเย่อหยิ่งซูกั๋วเย่าถอนหายใจ นี่แหละคือนิสัยของเจี่ยงหลาน เธอมักจะหาเหตุผลที่เหนือกว่าได้เสมอ แต่เธอไม่กังวลหรือไงว่าหากซานเฉียนโดนกดจนถึงขีดสุดแล้วมันจะมีจุดจบอย่างไร?การถอยหนึ่งก้าวสามารถเห็นถึงมุมมองที่กว้างไกลได้ แต่ห
แม้ว่าหยินหย่งจะรู้ความจริงของหานซานเฉียนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เขาก็รู้ดีว่าการเงียบหายไปของหานซานเฉียนนั้นน่ากลัวมากขนาดไหนเดิมทีเขาเป็นคนมีชื่อเสียงด้านการรับมือกับอุปสรรคของหยุนเฉิง ทว่าตั้งแต่แต่งงานเมื่อสามปีก่อน เขาก็ยอมรับความอัปยศมาโดยตลอด ในมุมมองของหลินหย่ง นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำได้ ดังนั้นเขาและเตาสือเอ้อร์ต่างกันตรงที่คิดว่าเรื่องนี้นั้นสมเหตุสมผลแล้วไม่ว่าคนจะด่าประนามเขามากแค่ไหน แต่ภายในใจของเขานั้นไม่ไม่เคยสนใจ หรือแม้กระทั่งหยิ่งยโส เพราะคนอย่างหานซานเฉียนมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ในชั่วพริบตา ขอแค่เขาต้องการ เขาก็จะทำมันได้ในเมื่อแค่คิดเขาก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ แล้วเขาจะต้องสนใจอะไรอีกล่ะ?นี่คือระดับความเข้มแข็งของเขา ซึ่งไม่ควรค่าแก่การประลองกำลังกับมดโดยสิ้นเชิง“ฉันเป็นเดือดเป็นร้อนแทนพี่ซานเฉียนชะมัด ตอนนี้พวกเจียงฟู่เคลื่อนไหวแล้ว ฉันทนดูต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว” เตาสือเอ้อร์กล่าว“สือเอ้อร์ นายกับซานเฉียนนี่เป็นคนประเภทเดียวกัน ทำไมนายถึงไม่เข้าใจความรู้สึกของเขาล่ะ?” ม่อหยางยิ้ม และมองไปที่เตาสือเอ้อร์ ตอนแรกเขาและหานซานเฉียนแค่คิดว่าเตาสื
“คุณคิดจะทำอะไร?” ซูหยิงเซี่ยถาม“วันนี้ผมสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ในเมื่อเขาชอบการคุกเข่ามาก ผมก็เลยจะทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ” หานซานเฉียนพูดอย่างคลุมเครือ ในขณะทานข้าวเมื่อเผชิญหน้ากับความมั่นใจอย่างแรงกล้าของหานซานเฉียน แม้ว่าจะไม่สงสัยเลยว่าหานซานเฉียนจะทำได้หรือไม่ แต่ในใจของเธอมีร่องรอยของความกังวลอยู่ อย่างไรเสีย กลุ่มคนที่เจียงฟู่รวบรวมล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากอิทธิพลในหยุนเฉิง และตอนนี้ตระกูลเทียนก็ไม่สามารถช่วยเหลือหานซานเฉียนได้ ทำได้เพียงแค่พึ่งพาความสามารถของหานซานเฉียนแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เขาจะสามารถรับมือกับตระกูลที่มีอิทธิพลเหล่านั้นได้เหรอ?ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของซูหยิงเซี่ยก็ดังขึ้น“หยิงเซี่ย เธอได้ยินหรือยังว่าคนพวกนั้นต้องการให้หานซานเฉียนไปคุกเข่าที่จัตุรัสเหรินหมิน เรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วแล้ว ได้ยินมาว่าคนจำนวนไม่น้อยไปที่จัตุรัสเหรินหมินเพื่อรอดูอย่างใกล้ชิด ตอนนี้มีคนไปจองที่ที่จัตุรัสเหรินหมินแล้วด้วย” เฉินหลิงเหยากล่าว“ฉันได้ยินมาบ้างแล้ว” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยสีหน้าที่ไม่น่ามอง เจียงฟู่จงใจปล่อยข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาต้องการให้คนทั้งเมือง
เจียงเหอ กรุ๊ปหลังจากการประชุมภายในสิ้นสุดลง เมื่อเจียงไห่กำลังจะออกไป ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแห่งหนึ่งยิ้มและพูดกับเขาว่า "ท่านประธานเจียง หลายวันมานี้คุณเจียงฟู่ได้รับความสนใจจากคนมากมาย อิทธิพลของเขานี่ไม่เคยลดลงเลยนะครับ"เมื่อได้ยินประโยคนี้ เจียงไห่ยิ้มเพียงเล็กน้อย และกล่าวว่า “อิทธิพลอะไรกันล่ะ ช่วงนี้ท่านอาจจะเบื่อ ๆ น่ะ ก็เลยหาอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ตัวเองทำ”“ครั้งนี้ตระกูลซูคงถูกท่านเจียงเล่นงานจนน่าสมเพชเลยก็ได้นะครับ ซูหยิงเซี่ยคนนั้นช่างโชคร้ายจริง ๆ กว่าเธอจะได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทตระกูลซู คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าก่อความยุ่งยากให้กับท่านเจียง นี่มันรนหาที่ตายให้ตัวเองชัด ๆ” ผู้บริหารระดับสูงกล่าว“ฉันได้ยินมาว่าเธอทำเพื่อปกป้องคนไร้ประโยชน์อย่างหานซานเฉียนคนนั้น ไม่รู้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่” ผู้บริหารระดับสูงอีกคนเยาะเย้ย ทุกคนในหยุนเฉิงรู้เรื่องนี้ดี คนในเจียงเหอ กรุ๊ป เองก็ย่อมเคยได้ยินเรื่องนี้มา นายใหญ่ลงมือเล่นงานตระกูลซูเองขนาดนี้ ตอนนี้ไม่รู้เลยว่ามีคนกี่คนที่รอดูเรื่องสนุกนี้อยู่“หานซานเฉียนคนนี้ ทำให้ผู้ชายอย่างพวกเราอับอายขายหน้า เพราะฉะนั้นให้พ่อของฉันจัดก
เมื่อม่อหยางเห็นเจียงไห่ เขาก็จงใจลุกขึ้นและจัดเสื้อผ้าของเขา พร้อมกับกล่าวด้วยท่าทางขอโทษว่า “ประธานเจียง ผมต้องขอโทษจริง ๆ กับการเจอกันครั้งแรกของเรา แต่ผมกลับแต่งตัวไม่สุภาพ” “พี่ใหญ่ม่อ อย่าพูดอย่างนี้เลยครับ เจียงไห่ก็เป็นแค่คนธรรมดาคนนึงเท่านั้น จะต้องให้พี่ใหญ่แต่งตัวสุภาพมาได้ยังไงกัน?” เจียงไห่กล่าว“ในเมื่อนายรู้ตัวว่า ตัวเองเป็นแค่คนธรรมดา แล้วยังกล้าจะรนหาที่ตายอีกเหรอไง?” ม่อหยางกล่าวอย่างดูถูกที่เจียงไห่แสดงตัวว่าเป็นบุคคลธรรมดานั้นเป็นการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนของเขา แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าม่อหยางจะพูดแบบนี้ แสดงว่าเขานั้นไม่ได้รับความสนใจจากม่อหยางเลยสักนิดเจียงไห่กัดฟันกรอดอย่างโกรธเคือง และพูดว่า “พี่ใหญ่ม่อ คุณหมายความว่าอะไร ผมก็ถือเป็นบุคคลมีชื่อเสียงที่โด่งดังคนหนึ่งในหยุนเฉิงเหมือนกัน หากคุณเจตนาจะมาจ้องจับผิดรวมถึงหาเรื่องผม เจียงไห่คนนี้ก็ใช่ว่าจะมาหาเรื่องกันได้ง่าย ๆ”“ที่ฉันมาหานายวันนี้ก็เพื่อจะส่งข่าวให้นายเรื่องหนึ่ง และถือว่าเป็นการช่วยตระกูลเจียงของนายด้วย ส่วนนายจะโด่งดังแค่ไหน มันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน” ม่อหยางกล่าว“เฮอะ” เจียงไห่พ่นลมอย่างเย็นชา แ