“คุณโทรหาเพื่อนร่วมชั้นของคุณ แล้วบอกเขาว่าอย่าติดใจเอาความบริษัทซูเลยนะคะ” ทันใดนั้น ซูหยิงเซี่ยที่นั่งอยู่บนโซฟาก็เอ่ยปากกับหานซานเฉียน เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานซานเฉียนก็ยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกจนใจ แล้วพูดว่า “ความหวังดีของคุณ พวกเขาไม่รู้สึกซาบซึ้งใจหรอกครับ”“แต่ในตระกูลซูยังคงมีญาติอีกมากมายที่พึ่งพาบริษัทในการดำรงชีวิต ถ้าบริษัทล้มละลาย พวกเขาจะทำอย่างไรล่ะ?” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างเป็นกังวลเมื่อก่อนหานซานเฉียนเห็นด้วยกับคำพูดของซูหยิงเซี่ย แต่สำหรับเรื่องนี้ เขาจะไม่ยอมประนีประนอมแน่ อีกอย่าง เขายังได้สั่งให้จงเหลียงไปที่บริษัทตระกูลซูแล้วด้วย คำพูดที่พูดออกไปแล้วจะคืนคำง่าย ๆ ได้อย่างไร?“คุณใจอ่อนเกินไปแล้ว พวกเขาอยากจะไล่คุณออกจากบริษัทจะแย่ ความเมตตาแบบนี้ไม่จำเป็นสำหรับพวกเขา”ทันใดนั้น กริ่งประตูก็ดังขึ้น หานซานเฉียนขมวดคิ้ว ถ้าเป็นคนในบ้าน ทุกคนมีกุญแจทำไมต้องกดกริ่งด้วย?หรือว่าคนของตระกูลซูจะบุกเข้ามาในโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง?เขาเดินไปที่ประตู เมื่อเปิดประตูออกก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอก“พี่หานครับ มีคนชื่อซูไห่เฉารออยู่หน้าทางเข้า ผมอย
คังหลิงติดต่อเจรจากับคนในพื้นที่สีเทาอยู่เบ่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าม่อหยางเป็นคนโหดเหี้ยมแค่ไหน เมืองหยุนเฉิงในเวลานี้ ถ้าเขาบอกอย่างนี้ จะมีใครกล้าแย้งเป็นอย่างอื่นได้“พี่ใหญ่ม่อ พี่...พี่มาได้ยังไงครับ!” คังหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนก ม่อหยางออกหน้าด้วยตัวเอง แถมยังพาคนมาเป็นจำนวนมากขนาดนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมาพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับเขาแน่นอน“อัดสักยกก่อนค่อยว่ากัน” ม่อหยางพูดอย่างเฉยเมย แม้ว่าหานซานเฉียนจะไม่ได้สั่งอะไรเป็นพิเศษ แต่จากน้ำเสียงของเขา ม่อหยางสัมผัสได้ถึงความโกรธ คนต่ำต้อยแบบนี้กล้าทำให้หานซานเฉียนไม่พอใจ เท่ากับรนหาที่ตายชัด ๆ หลังจากคังหลิงถูกหลายคนรุมอัดจนต้องกุมหัวร้องขอชีวิต หน้าของเขาบวมปูดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรให้ม่อหยางรู้สึกขุ่นเคือง“พี่ใหญ่ม่อครับ ระหว่างเรามีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันหรือเปล่าครับ ผมไม่ได้ทำอะไรให้พี่เดือดร้อนเลยนะครับ” ชายรูปร่างกำยำอย่างคังหลิงร่ำไห้ร้องทุกข์กับม่อหยาง“จะเข้าใจผิดหรือเปล่าฉันไม่รู้ แต่นายไปทำให้ใครขุ่นเคืองน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี” ม่อหยางกล่าวทำให้ใครขุ่นเคืองอย่างงั้นเหรอ?ในช่วงนี
เดิมทีหานซานเฉียนตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนซูหยิงเซี่ยอีกสักสองสามวันก่อนแล้วค่อยไปสอบปากคำคังหลิง แต่เมื่อเขาเห็นซูหยิงเซี่ยร้องไห้เป็นครั้งที่สอง เขาก็นอนพลิกไปพลิกมาทั้งคืน ในเช้าวันถัดมาหลังจากที่วิ่งจ๊อกกิ้งกับซูหยิงเซี่ยแล้วเขาก็ไปที่คลับเมจิกซิตี้ทันทีคังหลิงถูกพาตัวออกมาจากห้องใต้ดิน เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ในสายตาของหานซานเฉียน มันไม่ได้หนักหนาอะไรเลยทำให้ซูหยิงเซี่ยร้องไห้เสียใจถึงสองครั้ง ต่อให้ต้องตายมันก็ยังน้อยไปสำหรับเขาคังหลิงคิดว่าเรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิด ดังนั้นตอนนี้ที่เขาถูกนำตัวออกมา แสดงว่ากำลังจะปล่อยตัวเขาแล้ว“พี่ใหญ่ม่อ เรื่องเข้าใจผิดได้รับการสะสางแล้วใช่ไหมครับ? ผมบอกพี่แล้วว่าพี่ต้องจับผิดคนแน่ ๆ” คังหลิงกล่าวหานซานเฉียนเดินเข้าไปหาคังหลิงโดยไม่พูดอะไร และต่อยเข้าไปที่หน้าของเขาหนึ่งหมัดพร้อมกับรัดคอแน่น พลางถามขึ้นเสียงเย็น “นายทำอะไรไว้กับซูหยิงเซี่ย?”คังหลิงยังไม่ทันได้สติ ก็รู้สึกหายใจลำบากแล้ว อีกอย่าวเขาไม่คุ้นหน้าหานซานเฉียนเลยสักนิดจึงถามขึ้นว่า “คุณเป็นใคร?”“สามีของซูหยิงเซี่ย หานซานเฉียน” หานซานเฉียนกัดฟันพูดหานซานเฉียนเหรอ?คนไร้ปร
ถ้าม่อหยางต้องการฆ่าเขา เขาจะยังมีทางรอดอีกเหรอ?“พี่ใหญ่ม่อ พี่ใหญ่ม่อ คุณฆ่าผมไม่ได้นะครับ” คังหลิงพูดด้วยความตื่นตระหนก“คังหลิง ฉันสงสัยอย่างนึงว่านายมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้ยังไง” ม่อหยางกล่าว“พี่ใหญ่ม่อ ผมสามารถให้เงินพี่ได้ ขอแค่พี่ปล่อยผมไป พี่จะเอาเท่าไหร่ก็ได้ ผมสามารถรีดไถเงินจากตระกูลซูได้เลยตอนนี้ และยกให้พี่ทั้งหมด ให้พี่ทั้งหมดเลย ตกลงไหมครับ?” คังหลิงกล่าวคนที่โง่ขนาดคังหลิง ม่อหยางนั้นไม่เคยเห็นมาก่อนจริง ๆ แม้ว่าตระกูลซูจะไม่สำคัญสำหรับหานซานเฉียน แต่คนที่เขากำลังมีเรื่องอยู่ด้วยคือซูหยิงเซี่ย ภรรยาของหานซานเฉียน“เพื่อให้นายตายตาหลับ ฉันจะบอกความจริงกับนายก็แล้วกัน ชายคนนี้คือเจ้านายของฉัน นายกล้าล่วงเกินเขา แล้วคิดว่าจะมีทางรอดหรือไง?” ม่อหยางพูดด้วยรอยยิ้ม“จะ…เจ้านาย!” คังหลิงมองดูหานซานเฉียนอย่างไม่เชื่อสายตา เป็นไปได้อย่างไร เขาจะเป็นเจ้านายของม่อหยางได้อย่างไรนี่คือหานซานเฉียน คนไร้ประโยชน์แห่งตระกูลซูไม่ใช่เหรอ!“พี่ใหญ่ม่อ อย่ามาล้อเล่นกับผมเลย คนไร้ประโยชน์คนนี้จะเป็นเจ้านายของพี่ได้ยังไง ผมรู้ว่าพี่ล้อเล่น พี่ต้องการเงินเท่าไหร่ พี่บอกผมมาได้เลย
เลี้ยงลูกดูแลสามี!คำนี้โจมตีหานซานเฉียนด้วยพลังมหาศาลโดยเฉพาะคำว่าเลี้ยงลูกนั้นทำให้หัวใจของหานซานเฉียนเต้นระรัว แม้ว่าตอนนี้เขาจะนอนเตียงเดียวกับซูหยิงเซี่ย แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลย อย่าบอกนะว่าเธอกำลังบอกใบ้อะไรเขาอยู่?“อ้อจริงสิ ที่คุณบอกว่าจะให้ฉันขึ้นเป็นประธานบริษัท คุณหมายความว่ายังไง?” หานซานเฉียนยังไม่ทันรู้สึกตัว ซูหยิงเซี่ยก็เริ่มหัวข้อถัดไปแล้ว ทำให้หานซานเฉียนรู้สึกเศร้ามาก เขาเสียใจที่ตัวเองไม่ทันตอบเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่นี้“คุณสามารถดำเนินการกับธนาคารเพื่อขอซื้อบริษัทตระกูลซูได้” หานซานเฉียนพูดออกมาอย่างง่ายดาย สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ซื้อบริษัทของตระกูลซูก็เรียบร้อย“พูดซะง่ายเลยนะ นั่นต้องใช้เงินอีกมากมายแค่ไหนกัน?” ตอนนี้ตระกูลซูกำลังเป็นหนี้ แม้ว่าการระงับโครงการเฉิงซีจะนำมาซึ่งวิกฤตครั้งใหญ่แก่ตระกูลซู แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตระกูลซูก็พึ่งพาเงินที่มีอยู่ในมือเพื่อประคับประคองให้อยู่รอดไปวัน ๆ ได้ ในความคิดของซูหยิงเซี่ยเรื่องนี้มันไม่ง่ายเลย “ตระกูลซูรับแรงกดดันธนาคารไม่ไหว ซูไห่เฉาเองก็ยืนหยัดอยู่ได้ไม่นาน การขายบริษัทเป็นทางเลื
ในขณะที่บรรดาญาติ ๆ กำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือดในบริษัทของตระกูลซูอยู่นั้น ซูหยิงเซี่ยกำลังจัดกระเป๋าเดินทางของเธอในคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเนื่องจากตอนนี้เธอไม่ได้ทำงานในบริษัทแล้ว เจี่ยงหลานจึงแนะนำให้เธอกลับไปที่เมืองปินเซี่ยน ถือเสียว่าเป็นทริปกลับบ้านเกิดและท่องเที่ยวก็แล้วกันซูหยิงเซี่ยอารมณ์ไม่ดี อยากจะไปสูดอากาศพอดี เธอจึงตอบตกลงในทันทีหานซานเฉียนยังคงจัดการเรื่องซื้อกิจการบริษัทของตระกูลซูอยู่ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถไปพร้อมพวกเธอได้ อีกประมาณสองวันถึงจะตามไปซูหยิงเซี่ยไม่รู้ว่าหานซานเฉียนกำลังทำอะไรอยู่ แต่หานซานเฉียนบอกว่ามีธุระต้องจัดการ เธอจึงไม่ถามอะไรมากไปกว่านี้“หยิงเซี่ย หานซานเฉียนจะมีธุระอะไร? ทำไมลูกไม่ให้เขาไปกับพวกเราล่ะ?” เจี่ยงหลานเข้ามาถามซูหยิงเซี่ยในห้องหากเป็นเมื่อก่อน เจี่ยงหลานจะดีใจมากที่เขาออกตัวไม่ไปด้วย แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าหานซานเฉียนเป็นคนเก่ง ดังนั้นเธอจึงอยากที่จะพาหานซานเฉียนกลับบ้านด้วยเพื่อให้คนในครอบครัวได้รู้ว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ และเธอก็อยากหลอกใช้หานซานเฉียนเพื่อเพิ่มราศีให้ตัวเองด้วย“เขาบอกว่ามีเรื่องต้องจัดการ ก็คงมี
ในขณะที่บริษัทของตระกูลซูบรรดาญาติ ๆ กำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือด ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขานั้น ซูหยิงเซี่ยกำลังจัดกระเป๋าเดินทางของเธอแล้วเนื่องจากตอนนี้เธอไม่ได้ทำงานในบริษัทแล้ว เจี่ยงหลานจึงแนะนำให้กลับไปที่เมืองปินเซี่ยนเร็วกว่าเดิม ถือเสียว่าเป็นทริปกลับบ้านเกิดและเที่ยวให้สนุกมากขึ้นหน่อยซูหยิงเซี่ยอารมณ์ไม่ดี อยากจะไปสูดอากาศพอดี เธอจึงตอบตกลงในทันทีหานซานเฉียนยังคงจัดการเรื่องเข้าซื้อกิจการบริษัทของตระกูลซูอยู่ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถตามพวกเธอไปได้ ต้องรออีกประมาณสองวันแม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะไม่รู้ว่าหานซานเฉียนกำลังทำอะไรอยู่ แต่หานซานเฉียนก็บอกว่ามีธุระต้องจัดการ เธอจึงไม่ถามอะไรมากไปกว่านี้“หยิงเซี่ย หานซานเฉียนมีธุระอะไรเหรอ? ทำไมลูกไม่ให้เขาไปกับพวกเราด้วย?” เจี่ยงหลานเข้ามาถามซูหยิงเซี่ยในห้องหากเป็นเมื่อก่อน เจี่ยงหลานอยากให้หานซานเฉียนบอกเองว่าไม่ไป แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าหานซานเฉียนเป็นคนเก่งมาก ดังนั้นเธอจึงเต็มใจที่จะพาหานซานเฉียนกลับบ้านด้วยเพื่อให้คนในครอบครัวได้รู้ว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ เธอถึงขั้นคิดว่าจะอาศัยหานซานเฉียนช่วยให้เธอมีหน้ามีตามากขึ้นด
เจี่ยงหว่านเม้มปาก นี่คงจะเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ดูเหมือนว่าเธอจะอับอายก็เลยไม่พาหานซานเฉียนมาด้วย“หยิงเซี่ย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ยอมให้เขามาหรอกใช่ไหม ทุกคนคือครอบครัวกันทั้งนั้น แล้วนี่ก็วันเทศกาลทั้งที พวกเธอมากันหมดแล้วปล่อยให้เขาอยู่ที่เมืองหยุนเฉิงคนเดียวได้ยังไง? ถึงเขาจะไม่ดีเท่าหลิ่วจื้อเจี๋ยก็ตาม แต่เขาก็ไม่ถึงขั้นเป็นพวกผิดกฎหมายเสียหน่อย” เจี่ยงหว่านเอ่ย“เจี่ยงหว่าน ผิดกฎหมายอะไรกัน หานซานเฉียนแค่กำลังยุ่งก็เลยมาพร้อมกับพวกเราไม่ได้เท่านั้นเอง” เจี่ยงหลานพูดอย่างไม่พอใจ“น้าหลานคะ หนูเกรงว่าที่เขาบอกว่ากำลังยุ่งจะเป็นแค่ข้ออ้างน่ะสิคะ ใครจะไปรู้ว่าเขามีธุระจริงหรือเปล่า” เจี่ยงหว่านพูดพลางยิ้มอย่างใสซื่อ แต่แฝงไปด้วยคำพูดทิ่มแทง“วางใจเถอะ เดี๋ยวเขาก็มา เธอไม่ผิดหวังแน่นอน” เจี่ยงหลานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเจี่ยงหว่านเอามือปิดปากหัวเราะและพูดว่า “เขาจะมาหรือไม่มามันเกี่ยวอะไรกับหนูหรอกค่ะ ทำไมหนูถึงจะต้องผิดหวัง รีบเข้าข้างในกันเถอะค่ะ หนูจะแนะนำแฟนของหนูให้ทุกคนได้รู้จัก”เมื่อเข้ามาในบ้าน หลิ่วจื้อเจี๋ยเห็นซูหยิงเซี่ยก็ตาเป็นประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับซูห
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ