“คุณโทรหาเพื่อนร่วมชั้นของคุณ แล้วบอกเขาว่าอย่าติดใจเอาความบริษัทซูเลยนะคะ” ทันใดนั้น ซูหยิงเซี่ยที่นั่งอยู่บนโซฟาก็เอ่ยปากกับหานซานเฉียน เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานซานเฉียนก็ยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกจนใจ แล้วพูดว่า “ความหวังดีของคุณ พวกเขาไม่รู้สึกซาบซึ้งใจหรอกครับ”“แต่ในตระกูลซูยังคงมีญาติอีกมากมายที่พึ่งพาบริษัทในการดำรงชีวิต ถ้าบริษัทล้มละลาย พวกเขาจะทำอย่างไรล่ะ?” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างเป็นกังวลเมื่อก่อนหานซานเฉียนเห็นด้วยกับคำพูดของซูหยิงเซี่ย แต่สำหรับเรื่องนี้ เขาจะไม่ยอมประนีประนอมแน่ อีกอย่าง เขายังได้สั่งให้จงเหลียงไปที่บริษัทตระกูลซูแล้วด้วย คำพูดที่พูดออกไปแล้วจะคืนคำง่าย ๆ ได้อย่างไร?“คุณใจอ่อนเกินไปแล้ว พวกเขาอยากจะไล่คุณออกจากบริษัทจะแย่ ความเมตตาแบบนี้ไม่จำเป็นสำหรับพวกเขา”ทันใดนั้น กริ่งประตูก็ดังขึ้น หานซานเฉียนขมวดคิ้ว ถ้าเป็นคนในบ้าน ทุกคนมีกุญแจทำไมต้องกดกริ่งด้วย?หรือว่าคนของตระกูลซูจะบุกเข้ามาในโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง?เขาเดินไปที่ประตู เมื่อเปิดประตูออกก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอก“พี่หานครับ มีคนชื่อซูไห่เฉารออยู่หน้าทางเข้า ผมอย
คังหลิงติดต่อเจรจากับคนในพื้นที่สีเทาอยู่เบ่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าม่อหยางเป็นคนโหดเหี้ยมแค่ไหน เมืองหยุนเฉิงในเวลานี้ ถ้าเขาบอกอย่างนี้ จะมีใครกล้าแย้งเป็นอย่างอื่นได้“พี่ใหญ่ม่อ พี่...พี่มาได้ยังไงครับ!” คังหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนก ม่อหยางออกหน้าด้วยตัวเอง แถมยังพาคนมาเป็นจำนวนมากขนาดนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมาพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับเขาแน่นอน“อัดสักยกก่อนค่อยว่ากัน” ม่อหยางพูดอย่างเฉยเมย แม้ว่าหานซานเฉียนจะไม่ได้สั่งอะไรเป็นพิเศษ แต่จากน้ำเสียงของเขา ม่อหยางสัมผัสได้ถึงความโกรธ คนต่ำต้อยแบบนี้กล้าทำให้หานซานเฉียนไม่พอใจ เท่ากับรนหาที่ตายชัด ๆ หลังจากคังหลิงถูกหลายคนรุมอัดจนต้องกุมหัวร้องขอชีวิต หน้าของเขาบวมปูดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรให้ม่อหยางรู้สึกขุ่นเคือง“พี่ใหญ่ม่อครับ ระหว่างเรามีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันหรือเปล่าครับ ผมไม่ได้ทำอะไรให้พี่เดือดร้อนเลยนะครับ” ชายรูปร่างกำยำอย่างคังหลิงร่ำไห้ร้องทุกข์กับม่อหยาง“จะเข้าใจผิดหรือเปล่าฉันไม่รู้ แต่นายไปทำให้ใครขุ่นเคืองน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี” ม่อหยางกล่าวทำให้ใครขุ่นเคืองอย่างงั้นเหรอ?ในช่วงนี
เดิมทีหานซานเฉียนตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนซูหยิงเซี่ยอีกสักสองสามวันก่อนแล้วค่อยไปสอบปากคำคังหลิง แต่เมื่อเขาเห็นซูหยิงเซี่ยร้องไห้เป็นครั้งที่สอง เขาก็นอนพลิกไปพลิกมาทั้งคืน ในเช้าวันถัดมาหลังจากที่วิ่งจ๊อกกิ้งกับซูหยิงเซี่ยแล้วเขาก็ไปที่คลับเมจิกซิตี้ทันทีคังหลิงถูกพาตัวออกมาจากห้องใต้ดิน เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ในสายตาของหานซานเฉียน มันไม่ได้หนักหนาอะไรเลยทำให้ซูหยิงเซี่ยร้องไห้เสียใจถึงสองครั้ง ต่อให้ต้องตายมันก็ยังน้อยไปสำหรับเขาคังหลิงคิดว่าเรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิด ดังนั้นตอนนี้ที่เขาถูกนำตัวออกมา แสดงว่ากำลังจะปล่อยตัวเขาแล้ว“พี่ใหญ่ม่อ เรื่องเข้าใจผิดได้รับการสะสางแล้วใช่ไหมครับ? ผมบอกพี่แล้วว่าพี่ต้องจับผิดคนแน่ ๆ” คังหลิงกล่าวหานซานเฉียนเดินเข้าไปหาคังหลิงโดยไม่พูดอะไร และต่อยเข้าไปที่หน้าของเขาหนึ่งหมัดพร้อมกับรัดคอแน่น พลางถามขึ้นเสียงเย็น “นายทำอะไรไว้กับซูหยิงเซี่ย?”คังหลิงยังไม่ทันได้สติ ก็รู้สึกหายใจลำบากแล้ว อีกอย่าวเขาไม่คุ้นหน้าหานซานเฉียนเลยสักนิดจึงถามขึ้นว่า “คุณเป็นใคร?”“สามีของซูหยิงเซี่ย หานซานเฉียน” หานซานเฉียนกัดฟันพูดหานซานเฉียนเหรอ?คนไร้ปร
ถ้าม่อหยางต้องการฆ่าเขา เขาจะยังมีทางรอดอีกเหรอ?“พี่ใหญ่ม่อ พี่ใหญ่ม่อ คุณฆ่าผมไม่ได้นะครับ” คังหลิงพูดด้วยความตื่นตระหนก“คังหลิง ฉันสงสัยอย่างนึงว่านายมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้ยังไง” ม่อหยางกล่าว“พี่ใหญ่ม่อ ผมสามารถให้เงินพี่ได้ ขอแค่พี่ปล่อยผมไป พี่จะเอาเท่าไหร่ก็ได้ ผมสามารถรีดไถเงินจากตระกูลซูได้เลยตอนนี้ และยกให้พี่ทั้งหมด ให้พี่ทั้งหมดเลย ตกลงไหมครับ?” คังหลิงกล่าวคนที่โง่ขนาดคังหลิง ม่อหยางนั้นไม่เคยเห็นมาก่อนจริง ๆ แม้ว่าตระกูลซูจะไม่สำคัญสำหรับหานซานเฉียน แต่คนที่เขากำลังมีเรื่องอยู่ด้วยคือซูหยิงเซี่ย ภรรยาของหานซานเฉียน“เพื่อให้นายตายตาหลับ ฉันจะบอกความจริงกับนายก็แล้วกัน ชายคนนี้คือเจ้านายของฉัน นายกล้าล่วงเกินเขา แล้วคิดว่าจะมีทางรอดหรือไง?” ม่อหยางพูดด้วยรอยยิ้ม“จะ…เจ้านาย!” คังหลิงมองดูหานซานเฉียนอย่างไม่เชื่อสายตา เป็นไปได้อย่างไร เขาจะเป็นเจ้านายของม่อหยางได้อย่างไรนี่คือหานซานเฉียน คนไร้ประโยชน์แห่งตระกูลซูไม่ใช่เหรอ!“พี่ใหญ่ม่อ อย่ามาล้อเล่นกับผมเลย คนไร้ประโยชน์คนนี้จะเป็นเจ้านายของพี่ได้ยังไง ผมรู้ว่าพี่ล้อเล่น พี่ต้องการเงินเท่าไหร่ พี่บอกผมมาได้เลย
เลี้ยงลูกดูแลสามี!คำนี้โจมตีหานซานเฉียนด้วยพลังมหาศาลโดยเฉพาะคำว่าเลี้ยงลูกนั้นทำให้หัวใจของหานซานเฉียนเต้นระรัว แม้ว่าตอนนี้เขาจะนอนเตียงเดียวกับซูหยิงเซี่ย แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลย อย่าบอกนะว่าเธอกำลังบอกใบ้อะไรเขาอยู่?“อ้อจริงสิ ที่คุณบอกว่าจะให้ฉันขึ้นเป็นประธานบริษัท คุณหมายความว่ายังไง?” หานซานเฉียนยังไม่ทันรู้สึกตัว ซูหยิงเซี่ยก็เริ่มหัวข้อถัดไปแล้ว ทำให้หานซานเฉียนรู้สึกเศร้ามาก เขาเสียใจที่ตัวเองไม่ทันตอบเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่นี้“คุณสามารถดำเนินการกับธนาคารเพื่อขอซื้อบริษัทตระกูลซูได้” หานซานเฉียนพูดออกมาอย่างง่ายดาย สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ซื้อบริษัทของตระกูลซูก็เรียบร้อย“พูดซะง่ายเลยนะ นั่นต้องใช้เงินอีกมากมายแค่ไหนกัน?” ตอนนี้ตระกูลซูกำลังเป็นหนี้ แม้ว่าการระงับโครงการเฉิงซีจะนำมาซึ่งวิกฤตครั้งใหญ่แก่ตระกูลซู แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตระกูลซูก็พึ่งพาเงินที่มีอยู่ในมือเพื่อประคับประคองให้อยู่รอดไปวัน ๆ ได้ ในความคิดของซูหยิงเซี่ยเรื่องนี้มันไม่ง่ายเลย “ตระกูลซูรับแรงกดดันธนาคารไม่ไหว ซูไห่เฉาเองก็ยืนหยัดอยู่ได้ไม่นาน การขายบริษัทเป็นทางเลื
ในขณะที่บรรดาญาติ ๆ กำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือดในบริษัทของตระกูลซูอยู่นั้น ซูหยิงเซี่ยกำลังจัดกระเป๋าเดินทางของเธอในคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเนื่องจากตอนนี้เธอไม่ได้ทำงานในบริษัทแล้ว เจี่ยงหลานจึงแนะนำให้เธอกลับไปที่เมืองปินเซี่ยน ถือเสียว่าเป็นทริปกลับบ้านเกิดและท่องเที่ยวก็แล้วกันซูหยิงเซี่ยอารมณ์ไม่ดี อยากจะไปสูดอากาศพอดี เธอจึงตอบตกลงในทันทีหานซานเฉียนยังคงจัดการเรื่องซื้อกิจการบริษัทของตระกูลซูอยู่ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถไปพร้อมพวกเธอได้ อีกประมาณสองวันถึงจะตามไปซูหยิงเซี่ยไม่รู้ว่าหานซานเฉียนกำลังทำอะไรอยู่ แต่หานซานเฉียนบอกว่ามีธุระต้องจัดการ เธอจึงไม่ถามอะไรมากไปกว่านี้“หยิงเซี่ย หานซานเฉียนจะมีธุระอะไร? ทำไมลูกไม่ให้เขาไปกับพวกเราล่ะ?” เจี่ยงหลานเข้ามาถามซูหยิงเซี่ยในห้องหากเป็นเมื่อก่อน เจี่ยงหลานจะดีใจมากที่เขาออกตัวไม่ไปด้วย แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าหานซานเฉียนเป็นคนเก่ง ดังนั้นเธอจึงอยากที่จะพาหานซานเฉียนกลับบ้านด้วยเพื่อให้คนในครอบครัวได้รู้ว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ และเธอก็อยากหลอกใช้หานซานเฉียนเพื่อเพิ่มราศีให้ตัวเองด้วย“เขาบอกว่ามีเรื่องต้องจัดการ ก็คงมี
ในขณะที่บริษัทของตระกูลซูบรรดาญาติ ๆ กำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือด ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขานั้น ซูหยิงเซี่ยกำลังจัดกระเป๋าเดินทางของเธอแล้วเนื่องจากตอนนี้เธอไม่ได้ทำงานในบริษัทแล้ว เจี่ยงหลานจึงแนะนำให้กลับไปที่เมืองปินเซี่ยนเร็วกว่าเดิม ถือเสียว่าเป็นทริปกลับบ้านเกิดและเที่ยวให้สนุกมากขึ้นหน่อยซูหยิงเซี่ยอารมณ์ไม่ดี อยากจะไปสูดอากาศพอดี เธอจึงตอบตกลงในทันทีหานซานเฉียนยังคงจัดการเรื่องเข้าซื้อกิจการบริษัทของตระกูลซูอยู่ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถตามพวกเธอไปได้ ต้องรออีกประมาณสองวันแม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะไม่รู้ว่าหานซานเฉียนกำลังทำอะไรอยู่ แต่หานซานเฉียนก็บอกว่ามีธุระต้องจัดการ เธอจึงไม่ถามอะไรมากไปกว่านี้“หยิงเซี่ย หานซานเฉียนมีธุระอะไรเหรอ? ทำไมลูกไม่ให้เขาไปกับพวกเราด้วย?” เจี่ยงหลานเข้ามาถามซูหยิงเซี่ยในห้องหากเป็นเมื่อก่อน เจี่ยงหลานอยากให้หานซานเฉียนบอกเองว่าไม่ไป แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าหานซานเฉียนเป็นคนเก่งมาก ดังนั้นเธอจึงเต็มใจที่จะพาหานซานเฉียนกลับบ้านด้วยเพื่อให้คนในครอบครัวได้รู้ว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ เธอถึงขั้นคิดว่าจะอาศัยหานซานเฉียนช่วยให้เธอมีหน้ามีตามากขึ้นด
เจี่ยงหว่านเม้มปาก นี่คงจะเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ดูเหมือนว่าเธอจะอับอายก็เลยไม่พาหานซานเฉียนมาด้วย“หยิงเซี่ย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ยอมให้เขามาหรอกใช่ไหม ทุกคนคือครอบครัวกันทั้งนั้น แล้วนี่ก็วันเทศกาลทั้งที พวกเธอมากันหมดแล้วปล่อยให้เขาอยู่ที่เมืองหยุนเฉิงคนเดียวได้ยังไง? ถึงเขาจะไม่ดีเท่าหลิ่วจื้อเจี๋ยก็ตาม แต่เขาก็ไม่ถึงขั้นเป็นพวกผิดกฎหมายเสียหน่อย” เจี่ยงหว่านเอ่ย“เจี่ยงหว่าน ผิดกฎหมายอะไรกัน หานซานเฉียนแค่กำลังยุ่งก็เลยมาพร้อมกับพวกเราไม่ได้เท่านั้นเอง” เจี่ยงหลานพูดอย่างไม่พอใจ“น้าหลานคะ หนูเกรงว่าที่เขาบอกว่ากำลังยุ่งจะเป็นแค่ข้ออ้างน่ะสิคะ ใครจะไปรู้ว่าเขามีธุระจริงหรือเปล่า” เจี่ยงหว่านพูดพลางยิ้มอย่างใสซื่อ แต่แฝงไปด้วยคำพูดทิ่มแทง“วางใจเถอะ เดี๋ยวเขาก็มา เธอไม่ผิดหวังแน่นอน” เจี่ยงหลานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเจี่ยงหว่านเอามือปิดปากหัวเราะและพูดว่า “เขาจะมาหรือไม่มามันเกี่ยวอะไรกับหนูหรอกค่ะ ทำไมหนูถึงจะต้องผิดหวัง รีบเข้าข้างในกันเถอะค่ะ หนูจะแนะนำแฟนของหนูให้ทุกคนได้รู้จัก”เมื่อเข้ามาในบ้าน หลิ่วจื้อเจี๋ยเห็นซูหยิงเซี่ยก็ตาเป็นประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับซูห