ถ้าม่อหยางต้องการฆ่าเขา เขาจะยังมีทางรอดอีกเหรอ?“พี่ใหญ่ม่อ พี่ใหญ่ม่อ คุณฆ่าผมไม่ได้นะครับ” คังหลิงพูดด้วยความตื่นตระหนก“คังหลิง ฉันสงสัยอย่างนึงว่านายมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้ยังไง” ม่อหยางกล่าว“พี่ใหญ่ม่อ ผมสามารถให้เงินพี่ได้ ขอแค่พี่ปล่อยผมไป พี่จะเอาเท่าไหร่ก็ได้ ผมสามารถรีดไถเงินจากตระกูลซูได้เลยตอนนี้ และยกให้พี่ทั้งหมด ให้พี่ทั้งหมดเลย ตกลงไหมครับ?” คังหลิงกล่าวคนที่โง่ขนาดคังหลิง ม่อหยางนั้นไม่เคยเห็นมาก่อนจริง ๆ แม้ว่าตระกูลซูจะไม่สำคัญสำหรับหานซานเฉียน แต่คนที่เขากำลังมีเรื่องอยู่ด้วยคือซูหยิงเซี่ย ภรรยาของหานซานเฉียน“เพื่อให้นายตายตาหลับ ฉันจะบอกความจริงกับนายก็แล้วกัน ชายคนนี้คือเจ้านายของฉัน นายกล้าล่วงเกินเขา แล้วคิดว่าจะมีทางรอดหรือไง?” ม่อหยางพูดด้วยรอยยิ้ม“จะ…เจ้านาย!” คังหลิงมองดูหานซานเฉียนอย่างไม่เชื่อสายตา เป็นไปได้อย่างไร เขาจะเป็นเจ้านายของม่อหยางได้อย่างไรนี่คือหานซานเฉียน คนไร้ประโยชน์แห่งตระกูลซูไม่ใช่เหรอ!“พี่ใหญ่ม่อ อย่ามาล้อเล่นกับผมเลย คนไร้ประโยชน์คนนี้จะเป็นเจ้านายของพี่ได้ยังไง ผมรู้ว่าพี่ล้อเล่น พี่ต้องการเงินเท่าไหร่ พี่บอกผมมาได้เลย
เลี้ยงลูกดูแลสามี!คำนี้โจมตีหานซานเฉียนด้วยพลังมหาศาลโดยเฉพาะคำว่าเลี้ยงลูกนั้นทำให้หัวใจของหานซานเฉียนเต้นระรัว แม้ว่าตอนนี้เขาจะนอนเตียงเดียวกับซูหยิงเซี่ย แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลย อย่าบอกนะว่าเธอกำลังบอกใบ้อะไรเขาอยู่?“อ้อจริงสิ ที่คุณบอกว่าจะให้ฉันขึ้นเป็นประธานบริษัท คุณหมายความว่ายังไง?” หานซานเฉียนยังไม่ทันรู้สึกตัว ซูหยิงเซี่ยก็เริ่มหัวข้อถัดไปแล้ว ทำให้หานซานเฉียนรู้สึกเศร้ามาก เขาเสียใจที่ตัวเองไม่ทันตอบเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่นี้“คุณสามารถดำเนินการกับธนาคารเพื่อขอซื้อบริษัทตระกูลซูได้” หานซานเฉียนพูดออกมาอย่างง่ายดาย สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ซื้อบริษัทของตระกูลซูก็เรียบร้อย“พูดซะง่ายเลยนะ นั่นต้องใช้เงินอีกมากมายแค่ไหนกัน?” ตอนนี้ตระกูลซูกำลังเป็นหนี้ แม้ว่าการระงับโครงการเฉิงซีจะนำมาซึ่งวิกฤตครั้งใหญ่แก่ตระกูลซู แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตระกูลซูก็พึ่งพาเงินที่มีอยู่ในมือเพื่อประคับประคองให้อยู่รอดไปวัน ๆ ได้ ในความคิดของซูหยิงเซี่ยเรื่องนี้มันไม่ง่ายเลย “ตระกูลซูรับแรงกดดันธนาคารไม่ไหว ซูไห่เฉาเองก็ยืนหยัดอยู่ได้ไม่นาน การขายบริษัทเป็นทางเลื
ในขณะที่บรรดาญาติ ๆ กำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือดในบริษัทของตระกูลซูอยู่นั้น ซูหยิงเซี่ยกำลังจัดกระเป๋าเดินทางของเธอในคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเนื่องจากตอนนี้เธอไม่ได้ทำงานในบริษัทแล้ว เจี่ยงหลานจึงแนะนำให้เธอกลับไปที่เมืองปินเซี่ยน ถือเสียว่าเป็นทริปกลับบ้านเกิดและท่องเที่ยวก็แล้วกันซูหยิงเซี่ยอารมณ์ไม่ดี อยากจะไปสูดอากาศพอดี เธอจึงตอบตกลงในทันทีหานซานเฉียนยังคงจัดการเรื่องซื้อกิจการบริษัทของตระกูลซูอยู่ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถไปพร้อมพวกเธอได้ อีกประมาณสองวันถึงจะตามไปซูหยิงเซี่ยไม่รู้ว่าหานซานเฉียนกำลังทำอะไรอยู่ แต่หานซานเฉียนบอกว่ามีธุระต้องจัดการ เธอจึงไม่ถามอะไรมากไปกว่านี้“หยิงเซี่ย หานซานเฉียนจะมีธุระอะไร? ทำไมลูกไม่ให้เขาไปกับพวกเราล่ะ?” เจี่ยงหลานเข้ามาถามซูหยิงเซี่ยในห้องหากเป็นเมื่อก่อน เจี่ยงหลานจะดีใจมากที่เขาออกตัวไม่ไปด้วย แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าหานซานเฉียนเป็นคนเก่ง ดังนั้นเธอจึงอยากที่จะพาหานซานเฉียนกลับบ้านด้วยเพื่อให้คนในครอบครัวได้รู้ว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ และเธอก็อยากหลอกใช้หานซานเฉียนเพื่อเพิ่มราศีให้ตัวเองด้วย“เขาบอกว่ามีเรื่องต้องจัดการ ก็คงมี
ในขณะที่บริษัทของตระกูลซูบรรดาญาติ ๆ กำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือด ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขานั้น ซูหยิงเซี่ยกำลังจัดกระเป๋าเดินทางของเธอแล้วเนื่องจากตอนนี้เธอไม่ได้ทำงานในบริษัทแล้ว เจี่ยงหลานจึงแนะนำให้กลับไปที่เมืองปินเซี่ยนเร็วกว่าเดิม ถือเสียว่าเป็นทริปกลับบ้านเกิดและเที่ยวให้สนุกมากขึ้นหน่อยซูหยิงเซี่ยอารมณ์ไม่ดี อยากจะไปสูดอากาศพอดี เธอจึงตอบตกลงในทันทีหานซานเฉียนยังคงจัดการเรื่องเข้าซื้อกิจการบริษัทของตระกูลซูอยู่ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถตามพวกเธอไปได้ ต้องรออีกประมาณสองวันแม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะไม่รู้ว่าหานซานเฉียนกำลังทำอะไรอยู่ แต่หานซานเฉียนก็บอกว่ามีธุระต้องจัดการ เธอจึงไม่ถามอะไรมากไปกว่านี้“หยิงเซี่ย หานซานเฉียนมีธุระอะไรเหรอ? ทำไมลูกไม่ให้เขาไปกับพวกเราด้วย?” เจี่ยงหลานเข้ามาถามซูหยิงเซี่ยในห้องหากเป็นเมื่อก่อน เจี่ยงหลานอยากให้หานซานเฉียนบอกเองว่าไม่ไป แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าหานซานเฉียนเป็นคนเก่งมาก ดังนั้นเธอจึงเต็มใจที่จะพาหานซานเฉียนกลับบ้านด้วยเพื่อให้คนในครอบครัวได้รู้ว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ เธอถึงขั้นคิดว่าจะอาศัยหานซานเฉียนช่วยให้เธอมีหน้ามีตามากขึ้นด
เจี่ยงหว่านเม้มปาก นี่คงจะเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ดูเหมือนว่าเธอจะอับอายก็เลยไม่พาหานซานเฉียนมาด้วย“หยิงเซี่ย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ยอมให้เขามาหรอกใช่ไหม ทุกคนคือครอบครัวกันทั้งนั้น แล้วนี่ก็วันเทศกาลทั้งที พวกเธอมากันหมดแล้วปล่อยให้เขาอยู่ที่เมืองหยุนเฉิงคนเดียวได้ยังไง? ถึงเขาจะไม่ดีเท่าหลิ่วจื้อเจี๋ยก็ตาม แต่เขาก็ไม่ถึงขั้นเป็นพวกผิดกฎหมายเสียหน่อย” เจี่ยงหว่านเอ่ย“เจี่ยงหว่าน ผิดกฎหมายอะไรกัน หานซานเฉียนแค่กำลังยุ่งก็เลยมาพร้อมกับพวกเราไม่ได้เท่านั้นเอง” เจี่ยงหลานพูดอย่างไม่พอใจ“น้าหลานคะ หนูเกรงว่าที่เขาบอกว่ากำลังยุ่งจะเป็นแค่ข้ออ้างน่ะสิคะ ใครจะไปรู้ว่าเขามีธุระจริงหรือเปล่า” เจี่ยงหว่านพูดพลางยิ้มอย่างใสซื่อ แต่แฝงไปด้วยคำพูดทิ่มแทง“วางใจเถอะ เดี๋ยวเขาก็มา เธอไม่ผิดหวังแน่นอน” เจี่ยงหลานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเจี่ยงหว่านเอามือปิดปากหัวเราะและพูดว่า “เขาจะมาหรือไม่มามันเกี่ยวอะไรกับหนูหรอกค่ะ ทำไมหนูถึงจะต้องผิดหวัง รีบเข้าข้างในกันเถอะค่ะ หนูจะแนะนำแฟนของหนูให้ทุกคนได้รู้จัก”เมื่อเข้ามาในบ้าน หลิ่วจื้อเจี๋ยเห็นซูหยิงเซี่ยก็ตาเป็นประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับซูห
เช้าวันต่อมา เจี่ยงหว่านซื้ออาหารเช้าให้กับครอบครัวซูหยิงเซี่ยอย่างกระตือรือร้น แม้แต่เจี่ยงหลานก็ยังรู้สึกแปลกใจกับความกระตือรือร้นนี้ ทำไมอยู่ ๆ เจี่ยงหว่านถึงได้ทำดีกับพวกเธอแบบนี้ล่ะ?ระหว่างมื้ออาหารเช้า เจี่ยงหว่านเสนอให้ซูหยิงเซี่ยโทรหาหานซานเฉียนเพื่อถามว่าเขาจะมาถึงเมื่อไหร่ จึงทำให้เจี่ยงหลานเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เธอพยายามทำดีด้วยในทันทีอันที่จริงหานซานเฉียนก็จะมาถึงอยู่แล้ว แต่เขาแค่จะมาช้าเพียงนิดหน่อยเท่านั้น เพราะฉะนั้นจะโทรหรือไม่โทรก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรซูหยิงเซี่ยถูกบังคับให้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดเบอร์โทรศัพท์ของหานซานเฉียน หานซานเฉียนยังไม่ทันได้รับสาย เจี่ยงหว่านก็รีบคว้าโทรศัพท์ของเธอไปในทันที“พี่หว่าน พี่...” ซูหยิงเซี่ยเริ่มรู้สึกไม่พอใจเจี่ยงหว่านพูดแทรกขึ้นมาว่า “ฉันกำลังช่วยเธอตามหานซานเฉียนมาอยู่นะ ดูซิว่าเขาจะมีข้ออ้างอะไรอีก”หลังจากหานซานเฉียนรับสาย เจี่ยงหวานก็รีบถามอย่างร้อนรนว่า “หานซานเฉียน ทำไมนายถึงยังไม่มา ทุกคนเขามากันหมดแล้ว ขาดแค่นายคนเดียว หรือว่านายไม่กล้ามากันแน่”เมื่อได้ยินเสียงของเจี่ยงหว่าน หานซานเฉียนก็รู้สึกประหลาด
เมื่อมองไปที่หลิ่วจื้อเจี๋ย จู่ ๆ เจี่ยงหว่านก็คิดเปรียบเทียบเขากับหานซานเฉียน จริงอยู่ว่ามีคนที่ยกย่องหานซานเฉียนอยู่บ้าง แต่เธอไม่เข้าใจเลยว่าคนไร้ประโยชน์แบบนั้นจะมีคุณสมบัติอะไรที่สามารถมาเทียบกับหลิ่วจื้อเจี๋ยได้?เจี่ยงหว่านเอาแต่สนใจเรื่องที่จะทำให้หานซานเฉียนกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่น เธอจึงไม่ได้สนใจในจุดนี้ณ เมืองหยุนเฉิงหานซานเฉียนนั่งอยู่ในห้องของประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว ตรงหน้าเขามีจงเหลียงกับตู้หงยืนอยู่เมื่อก่อนตู้หงสงสัยมาตลอดว่าที่จริงแล้วหานซานเฉียนเป็นใครกันแน่ เขายังหนุ่มยังแน่น ไม่นึกเลยว่าจะมีทรัพย์สินหลายหมื่นล้าน จนกระทั่งเขาเข้ามาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวนี่แหละถึงได้รู้ฐานะที่แท้จริงของหานซานเฉียนเป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าผู้อยู่เบื้องหลังของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวก็คือตระกูลหาน และหานซานเฉียนเองก็แซ่หานพอดี บางทีเขาอาจจะมาจากตระกูลหานก็ได้ แต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ตู้หงก็ไม่มีอะไรมายืนยันได้ เรื่องระดับสูงแบบนี้ เขาไม่มีปัญญาจะตรวจสอบได้เลย“คุณหานครับ มะรืนนี้ซูไห่เฉาน่าจะให้คำตอบกับเรา คุณจะออกหน้าเองเลยมั้ยครับ?” ตู้หง
“ซูไห่เฉา จากตำแหน่งประธานบริษัทกลายเป็นแค่คนงานรับจ้าง ถึงนายจะรู้สึกอึดอัด แต่ฉันเชื่อว่านายจะปรับตัวได้ ขอให้โชคดีนะ” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบเขาก็เดินจากไปโดยไม่ถือสาในสิ่งที่ซูไห่เฉาทำกับเขาเลยแม้แต่น้อยถ้าเขาถือสาละก็ ซูไห่เฉาคงตายไปนานแล้วสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ ซูไห่เฉายังไม่ได้ละเมิดขีดจำกัดของเขาซูไห่เฉาหลบข้างทางเพื่อให้หานซานเฉียนเดิน เขาจะขวางทางก็ไม่กล้า จะสู้ก็สู้ไม่ได้ จึงทำได้เพียงรู้สึกฉุนเฉียวเท่านั้นหลังจากที่หานซานเฉียนกลับไป ซูไห่เฉาก็คิดจะเข้าไปหาจงเหลียงในบริษัท แต่กลับถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยขวางเอาไว้ เพราะจงเหลียงได้สั่งเอาไว้แล้วว่าถ้าซูไห่เฉามา ห้ามให้เขาเข้ามาในบริษัทซูไห่เฉาจึงทำได้แค่ยืนรออยู่หน้าประตูอย่างช่วยไม่ได้จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน เมื่อซูไห่เฉาเห็นจงเหลียง เขาก็รีบวิ่งไปหาในทันที“พี่จงเหลียงครับ พี่จงเหลียง พี่ให้ผมเข้าไปในบริษัทสักครั้งเถอะนะครับ พี่สามารถยื่นข้อเสนอให้ผมทำตามที่พี่พอใจได้เลยนะครับ” ซูไห่เฉามองจงเหลียงด้วยสายตาอ้อนวอน ตอนนี้มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถกอบกู้กิจการให้อยู่รอดได้ คือการที่จะทำให้บริษัทอสัง