ในขณะที่บรรดาญาติ ๆ กำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือดในบริษัทของตระกูลซูอยู่นั้น ซูหยิงเซี่ยกำลังจัดกระเป๋าเดินทางของเธอในคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเนื่องจากตอนนี้เธอไม่ได้ทำงานในบริษัทแล้ว เจี่ยงหลานจึงแนะนำให้เธอกลับไปที่เมืองปินเซี่ยน ถือเสียว่าเป็นทริปกลับบ้านเกิดและท่องเที่ยวก็แล้วกันซูหยิงเซี่ยอารมณ์ไม่ดี อยากจะไปสูดอากาศพอดี เธอจึงตอบตกลงในทันทีหานซานเฉียนยังคงจัดการเรื่องซื้อกิจการบริษัทของตระกูลซูอยู่ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถไปพร้อมพวกเธอได้ อีกประมาณสองวันถึงจะตามไปซูหยิงเซี่ยไม่รู้ว่าหานซานเฉียนกำลังทำอะไรอยู่ แต่หานซานเฉียนบอกว่ามีธุระต้องจัดการ เธอจึงไม่ถามอะไรมากไปกว่านี้“หยิงเซี่ย หานซานเฉียนจะมีธุระอะไร? ทำไมลูกไม่ให้เขาไปกับพวกเราล่ะ?” เจี่ยงหลานเข้ามาถามซูหยิงเซี่ยในห้องหากเป็นเมื่อก่อน เจี่ยงหลานจะดีใจมากที่เขาออกตัวไม่ไปด้วย แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าหานซานเฉียนเป็นคนเก่ง ดังนั้นเธอจึงอยากที่จะพาหานซานเฉียนกลับบ้านด้วยเพื่อให้คนในครอบครัวได้รู้ว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ และเธอก็อยากหลอกใช้หานซานเฉียนเพื่อเพิ่มราศีให้ตัวเองด้วย“เขาบอกว่ามีเรื่องต้องจัดการ ก็คงมี
ในขณะที่บริษัทของตระกูลซูบรรดาญาติ ๆ กำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือด ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขานั้น ซูหยิงเซี่ยกำลังจัดกระเป๋าเดินทางของเธอแล้วเนื่องจากตอนนี้เธอไม่ได้ทำงานในบริษัทแล้ว เจี่ยงหลานจึงแนะนำให้กลับไปที่เมืองปินเซี่ยนเร็วกว่าเดิม ถือเสียว่าเป็นทริปกลับบ้านเกิดและเที่ยวให้สนุกมากขึ้นหน่อยซูหยิงเซี่ยอารมณ์ไม่ดี อยากจะไปสูดอากาศพอดี เธอจึงตอบตกลงในทันทีหานซานเฉียนยังคงจัดการเรื่องเข้าซื้อกิจการบริษัทของตระกูลซูอยู่ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถตามพวกเธอไปได้ ต้องรออีกประมาณสองวันแม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะไม่รู้ว่าหานซานเฉียนกำลังทำอะไรอยู่ แต่หานซานเฉียนก็บอกว่ามีธุระต้องจัดการ เธอจึงไม่ถามอะไรมากไปกว่านี้“หยิงเซี่ย หานซานเฉียนมีธุระอะไรเหรอ? ทำไมลูกไม่ให้เขาไปกับพวกเราด้วย?” เจี่ยงหลานเข้ามาถามซูหยิงเซี่ยในห้องหากเป็นเมื่อก่อน เจี่ยงหลานอยากให้หานซานเฉียนบอกเองว่าไม่ไป แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าหานซานเฉียนเป็นคนเก่งมาก ดังนั้นเธอจึงเต็มใจที่จะพาหานซานเฉียนกลับบ้านด้วยเพื่อให้คนในครอบครัวได้รู้ว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ เธอถึงขั้นคิดว่าจะอาศัยหานซานเฉียนช่วยให้เธอมีหน้ามีตามากขึ้นด
เจี่ยงหว่านเม้มปาก นี่คงจะเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ดูเหมือนว่าเธอจะอับอายก็เลยไม่พาหานซานเฉียนมาด้วย“หยิงเซี่ย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ยอมให้เขามาหรอกใช่ไหม ทุกคนคือครอบครัวกันทั้งนั้น แล้วนี่ก็วันเทศกาลทั้งที พวกเธอมากันหมดแล้วปล่อยให้เขาอยู่ที่เมืองหยุนเฉิงคนเดียวได้ยังไง? ถึงเขาจะไม่ดีเท่าหลิ่วจื้อเจี๋ยก็ตาม แต่เขาก็ไม่ถึงขั้นเป็นพวกผิดกฎหมายเสียหน่อย” เจี่ยงหว่านเอ่ย“เจี่ยงหว่าน ผิดกฎหมายอะไรกัน หานซานเฉียนแค่กำลังยุ่งก็เลยมาพร้อมกับพวกเราไม่ได้เท่านั้นเอง” เจี่ยงหลานพูดอย่างไม่พอใจ“น้าหลานคะ หนูเกรงว่าที่เขาบอกว่ากำลังยุ่งจะเป็นแค่ข้ออ้างน่ะสิคะ ใครจะไปรู้ว่าเขามีธุระจริงหรือเปล่า” เจี่ยงหว่านพูดพลางยิ้มอย่างใสซื่อ แต่แฝงไปด้วยคำพูดทิ่มแทง“วางใจเถอะ เดี๋ยวเขาก็มา เธอไม่ผิดหวังแน่นอน” เจี่ยงหลานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเจี่ยงหว่านเอามือปิดปากหัวเราะและพูดว่า “เขาจะมาหรือไม่มามันเกี่ยวอะไรกับหนูหรอกค่ะ ทำไมหนูถึงจะต้องผิดหวัง รีบเข้าข้างในกันเถอะค่ะ หนูจะแนะนำแฟนของหนูให้ทุกคนได้รู้จัก”เมื่อเข้ามาในบ้าน หลิ่วจื้อเจี๋ยเห็นซูหยิงเซี่ยก็ตาเป็นประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับซูห
เช้าวันต่อมา เจี่ยงหว่านซื้ออาหารเช้าให้กับครอบครัวซูหยิงเซี่ยอย่างกระตือรือร้น แม้แต่เจี่ยงหลานก็ยังรู้สึกแปลกใจกับความกระตือรือร้นนี้ ทำไมอยู่ ๆ เจี่ยงหว่านถึงได้ทำดีกับพวกเธอแบบนี้ล่ะ?ระหว่างมื้ออาหารเช้า เจี่ยงหว่านเสนอให้ซูหยิงเซี่ยโทรหาหานซานเฉียนเพื่อถามว่าเขาจะมาถึงเมื่อไหร่ จึงทำให้เจี่ยงหลานเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เธอพยายามทำดีด้วยในทันทีอันที่จริงหานซานเฉียนก็จะมาถึงอยู่แล้ว แต่เขาแค่จะมาช้าเพียงนิดหน่อยเท่านั้น เพราะฉะนั้นจะโทรหรือไม่โทรก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรซูหยิงเซี่ยถูกบังคับให้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดเบอร์โทรศัพท์ของหานซานเฉียน หานซานเฉียนยังไม่ทันได้รับสาย เจี่ยงหว่านก็รีบคว้าโทรศัพท์ของเธอไปในทันที“พี่หว่าน พี่...” ซูหยิงเซี่ยเริ่มรู้สึกไม่พอใจเจี่ยงหว่านพูดแทรกขึ้นมาว่า “ฉันกำลังช่วยเธอตามหานซานเฉียนมาอยู่นะ ดูซิว่าเขาจะมีข้ออ้างอะไรอีก”หลังจากหานซานเฉียนรับสาย เจี่ยงหวานก็รีบถามอย่างร้อนรนว่า “หานซานเฉียน ทำไมนายถึงยังไม่มา ทุกคนเขามากันหมดแล้ว ขาดแค่นายคนเดียว หรือว่านายไม่กล้ามากันแน่”เมื่อได้ยินเสียงของเจี่ยงหว่าน หานซานเฉียนก็รู้สึกประหลาด
เมื่อมองไปที่หลิ่วจื้อเจี๋ย จู่ ๆ เจี่ยงหว่านก็คิดเปรียบเทียบเขากับหานซานเฉียน จริงอยู่ว่ามีคนที่ยกย่องหานซานเฉียนอยู่บ้าง แต่เธอไม่เข้าใจเลยว่าคนไร้ประโยชน์แบบนั้นจะมีคุณสมบัติอะไรที่สามารถมาเทียบกับหลิ่วจื้อเจี๋ยได้?เจี่ยงหว่านเอาแต่สนใจเรื่องที่จะทำให้หานซานเฉียนกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่น เธอจึงไม่ได้สนใจในจุดนี้ณ เมืองหยุนเฉิงหานซานเฉียนนั่งอยู่ในห้องของประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว ตรงหน้าเขามีจงเหลียงกับตู้หงยืนอยู่เมื่อก่อนตู้หงสงสัยมาตลอดว่าที่จริงแล้วหานซานเฉียนเป็นใครกันแน่ เขายังหนุ่มยังแน่น ไม่นึกเลยว่าจะมีทรัพย์สินหลายหมื่นล้าน จนกระทั่งเขาเข้ามาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวนี่แหละถึงได้รู้ฐานะที่แท้จริงของหานซานเฉียนเป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าผู้อยู่เบื้องหลังของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวก็คือตระกูลหาน และหานซานเฉียนเองก็แซ่หานพอดี บางทีเขาอาจจะมาจากตระกูลหานก็ได้ แต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ตู้หงก็ไม่มีอะไรมายืนยันได้ เรื่องระดับสูงแบบนี้ เขาไม่มีปัญญาจะตรวจสอบได้เลย“คุณหานครับ มะรืนนี้ซูไห่เฉาน่าจะให้คำตอบกับเรา คุณจะออกหน้าเองเลยมั้ยครับ?” ตู้หง
“ซูไห่เฉา จากตำแหน่งประธานบริษัทกลายเป็นแค่คนงานรับจ้าง ถึงนายจะรู้สึกอึดอัด แต่ฉันเชื่อว่านายจะปรับตัวได้ ขอให้โชคดีนะ” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบเขาก็เดินจากไปโดยไม่ถือสาในสิ่งที่ซูไห่เฉาทำกับเขาเลยแม้แต่น้อยถ้าเขาถือสาละก็ ซูไห่เฉาคงตายไปนานแล้วสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ ซูไห่เฉายังไม่ได้ละเมิดขีดจำกัดของเขาซูไห่เฉาหลบข้างทางเพื่อให้หานซานเฉียนเดิน เขาจะขวางทางก็ไม่กล้า จะสู้ก็สู้ไม่ได้ จึงทำได้เพียงรู้สึกฉุนเฉียวเท่านั้นหลังจากที่หานซานเฉียนกลับไป ซูไห่เฉาก็คิดจะเข้าไปหาจงเหลียงในบริษัท แต่กลับถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยขวางเอาไว้ เพราะจงเหลียงได้สั่งเอาไว้แล้วว่าถ้าซูไห่เฉามา ห้ามให้เขาเข้ามาในบริษัทซูไห่เฉาจึงทำได้แค่ยืนรออยู่หน้าประตูอย่างช่วยไม่ได้จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน เมื่อซูไห่เฉาเห็นจงเหลียง เขาก็รีบวิ่งไปหาในทันที“พี่จงเหลียงครับ พี่จงเหลียง พี่ให้ผมเข้าไปในบริษัทสักครั้งเถอะนะครับ พี่สามารถยื่นข้อเสนอให้ผมทำตามที่พี่พอใจได้เลยนะครับ” ซูไห่เฉามองจงเหลียงด้วยสายตาอ้อนวอน ตอนนี้มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถกอบกู้กิจการให้อยู่รอดได้ คือการที่จะทำให้บริษัทอสัง
“ฉันเนี่ยนะ?” ซูอี้หานขมวดคิ้วอย่างงุนงง เรื่องนี้เป็นหน้าที่ที่ซูไห่เฉาต้องจัดการ ทำไมถึงเอามาโยนให้เธอ แถมเธอก็ไม่มีวิธีอะไรที่จะทำให้จงเหลียงเปลี่ยนใจด้วย“เธอก็ลองไปนอนกับเขาดูสิ ถ้าเขามีความสุข เขาต้องยอมให้โอกาสบริษัทเราอีกครั้งแน่” ซูไห่เฉากล่าว“ซูไห่เฉา นี่นายเสียสติไปแล้วหรือไง” เมื่อซูอี้หานได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นอย่างร้อนรน เธอจะยอมหลับนอนกับจงเหลียงได้ยังไง ในอนาคตเธออาจจะต้องแต่งงานกับผู้ชายจากตระกูลที่ร่ำรวย ถ้าเกิดถูกขุดเรื่องฉาว ๆ ขึ้นมา ไม่เท่ากับดับอนาคตของตัวเองหรอกเหรอ“ซูอี้หาน เธอเองก็เป็นคนตระกูลซูนะ ตอนนี้ฉันแค่ขอให้เธอเสียสละเพื่อตระกูลซูนิดหน่อยเท่านั้นเอง หรือเธอไม่คิดจะช่วยกันเลย?” ซูไห่เฉากล่าว“ก็ไม่น่ะสิ ความบริสุทธิ์ของฉันมีค่ามากกว่าตระกูลซู ถ้าสามีในอนาคตของฉันรู้ ฉันก็จบเห่น่ะสิ” ซูอี้หานกล่าวซูไห่เฉารู้ว่าเธอยังใฝ่ฝันที่จะได้แต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวย แต่ยังมีความจริงบางอย่างที่เธอยังไม่รู้ สำหรับมุมมองของหญิงสาวทั่วไป ความงามของเธอถือว่าไม่แพ้ใคร แต่สำหรับตระกูลร่ำรวยแล้วมันจะไปมีค่าอะไร? ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งและมีอิทธิพลพวกนั้นรายล้อมไปด้วยนางแบ
“พวกคุณคิดว่าซูหญิงเซี่ยเป็นโสเภณี และคิดว่าเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผม ทำให้ผมตัดสินใจเจาะจงที่จะร่วมงานกับเธองั้นเหรอ แต่ความจริงแล้วผมกับเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้น แต่คุณกลับทำตัวเหมือนเป็นโสเภณีจริง ๆ” จงเหลียงพูดอย่างเหยียดหยาม“นี่คุณหมายความว่ายังไง?” ซูอี้หานถามอย่างโกรธเคือง เธอยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อที่จะทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจงเหลียงจะพูดแบบนี้กับเธอ“ผมหมายว่ายังไงอย่างนั้นเหรอ?” จงเหลียงหัวเราะเยาะ แล้วพูดต่ออีกว่า “ก็ไม่ได้หมายความว่ายังไง ผู้หญิงแพศยาแบบคุณ ผมขยะแขยงยิ่งกว่าอะไรดี”เมื่อจงเหลียงพูดจบก็ปิดประตูลงทันทีซูอี้หานรู้สึกโมโหมาก เธอจงใจแต่งตัวเซ็กซี่ขนาดนี้ ชุดซีทรูวับ ๆ แวม ๆ แบบนี้ ผู้ชายหน้าไหนก็ไม่อาจต้านทานไหว แต่...แต่ว่าจงเหลียงกลับขยะแขยงเธองั้นเหรอ!“คุณจงเหลียง ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ” ซูอี้หานเตะประตูด้วยความโมโหพร้อมกับตะโกนเสียงดังจงเหลียงเปิดประตูด้วยสีหน้าที่เย็นชาพร้อมตำหนิเธอว่า “ซูอี้หาน ถ้าคุณยังทำตัววุ่นวายอีกละก็ ผมจะให้พนักงานรักษาความปลอดภัยมาไล่คุณออกไป คุณอยากให้เรื่องนี้มีคนรับรู้