“ซานเฉียน คุณนี่ฉลาดจริง ๆ นะเนี่ย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณให้ฉันมาที่ไซต์งานก่อสร้าง คราวนี้ก็คงโดนซูไห่เฉาจับพิรุธได้” ซูหยิงเซี่ยพูดพร้อมหัวเราะกับหานซานเฉียน เมื่อวานเธอมาที่ไซต์งานก่อสร้าง เนื่องจากเป็นคำแนะนำของหานซานเฉียนเมื่อวานตอนที่เขาแนะนำเรื่องนี้ ซูหยิงเซี่ยไม่เข้าใจความคิดของหานซานเฉียน จนกระทั่งตอนนี้เธอถึงได้เข้าใจ ที่แท้หานซานเฉียนก็รู้ล่วงหน้ามาตั้งนานแล้วว่าซูไห่เฉาจะนำเอาเรื่องนี้มาเป็นตัวจับพิรุธเธอ“พฤติกรรมของซูไห่เฉาแทบจะพุ่งเป้าต่อต้านคุณทุกวินาที ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่คุณไม่ได้เข้าบริษัทคิดว่าเขาจะปล่อยคุณไปง่าย ๆ งั้นเหรอ?” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับหัวเราะ แล้วมองไปที่ใบหน้าของซูหยิงเซี่ยที่ฟื้นสภาพกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว ทำให้เขาค่อนข้างพอใจมากซูหยิงเซี่ยเห็นว่าหานซานเฉียนจ้องมองที่ใบหน้ารูปไข่ของตัวเอง ทันใดนั้นก็คิดถึงเหตุการณ์เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และคำพูดของเขาตอนที่ออกจากฟาร์มผลไม้ฝูหยางขึ้นมา“ซานเฉียน ถ้าบนใบหน้าของฉันทิ้งรอยแผลเป็นไว้จริง ๆ คุณจะให้หยางฉีเตรียมโลงศพไว้จริง ๆ เหรอ?” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างสงสัยหานซานเฉียนส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่หยางฉี แต่เป็นตร
ทุกคนในตระกูลซูมาถึงที่ไซต์งานก่อสร้าง สีหน้าของหญิงชราเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้เป็นสถานที่ที่กำลังดำเนินการพัฒนา มีความเป็นไปได้มากว่าจะเข้ามาแทนที่เขตเหมืองหลักของเมืองหยุนเฉิงในอนาคต เนื่องจากตระกูลซูอาศัยช่องทางนี้ หมายความว่าพวกเขาจะกลายเป็นตระกูลแนวหน้าของเมืองหยุนเฉิงได้อย่างไม่ยากเย็น นี่คือสิ่งที่หญิงชราปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง จนเก็บเอาไปฝัน“ฉันคิดว่าชั่วชีวิตของฉันคงไม่มีวันได้เห็นตระกูลซูโผล่เข้ามาเป็นตระกูลแนวหน้าของเมืองหยุนเฉิง คิดไม่ถึงว่าสวรรค์จะเมตตามอบโอกาสนี้ให้กับฉันอย่างไม่คาดคิด” นี่เป็นครั้งแรกของหญิงชราที่ได้มาสำรวจทางตะวันตกของเมือง จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นดีใจเล็กน้อย“คุณย่าครับ คุณย่าไม่ต้องกังวลนะครับ ภายใต้การนำของผม ตระกูลซูจะสามารถทัดเทียมกับตระกูลเทียนได้อย่างแน่นอนครับ บางทีอาจจะอยู่เหนือตระกูลเทียนก็ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย” ซูไห่เฉาพูดด้วยรอยยิ้มหญิงชราพยักหน้าและพูดชื่นชมว่า “ไม่เลว แกเป็นคนทะเยอทะยานอย่างนี้ ภายหลังฉันก็สามารถตายตาหลับได้แล้ว”“คุณย่าครับ ผมจะโทรศัพท์หาซูหยิงเซี่ย เพื่อดูว่าเธออ
“หยิงเซี่ย ในเมื่อเจ้านายของบริษัทลั่วเฉวให้ความสำคัญกับเธอขนาดนี้ เธอไม่สามารถทำให้เขาผิดหวังได้นะ” หญิงชรากล่าวซูหยิงเซี่ยพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณย่าไม่ต้องกังวลนะคะ หนูจะทำอย่างเต็มที่ค่ะ แต่ที่บริษัทยังมีงานที่หนูต้องจัดการอีกมาก หนูอาจจะไม่สามารถมาที่ไซต์งานก่อสร้างได้อีกต่อไป ถ้าอย่างนั้นคุณย่าช่วยหนูเลือกใครสักคนมาช่วยหนูที่ไซต์งานก่อสร้าง และเฝ้าจับตามองก็ดีนะคะ”แค่เฝ้าจับตามองเท่านั้น ไม่มีงานอย่างอื่นให้ทำ ยิ่งไม่มีอำนาจอะไรเลยหญิงชราเหลือบมองซูอี้หาน งานนี้ไม่สามารถยอมให้ซูไห่เฉาทำได้อย่างแน่นอน ถ้าเขาไปที่ไซต์งานก่อสร้าง บริษัทก็คงถูกปกครองโดยซูหยิงเซี่ยเพียงคนเดียวจริง ๆ ไม่เพียงหัวหน้างานจะไม่มีอำนาจใด ๆ แล้ว แต่ยังเท่ากับทำให้อำนาจของซูไห่เฉานั้นหมดสิ้นลงซูอี้หานพบว่าหญิงชรากำลังมองเธออยู่ เธอก็รู้สึกกระวนกระวายในทันที เธอไม่อยากทำงานอยู่กลางแสงแดดทุกวัน ผิวขาว ๆ ของเธอ ถ้าถูกพิษจากรังสีอัลตราไวโอเลตเข้าคงกลายเป็นถ่านสีดำแน่“คุณย่าคะ หนูไม่ทำนะคะ คุณย่าอย่าหวังว่าหนูจะมาทำงานนี้เลยค่ะ” ซูอี้หานไม่รอให้หญิงชราเริ่มพูดก็ปฏิเสธขึ้นมาทันทีหญิงชราถอนหายใจ
ภายในห้องประชุมเงียบกริบ ทุกคนต่างพากันก้มหน้าก้มตา ไม่พูดอะไรออกมาเลยซูไห่เฉาไม่คิดว่าซูหยิงเซี่ยจะกล้านำเรื่องนี้ออกมาพูดจริง ๆ เธอไม่กลัวว่ามันจะขัดใจทุกคนบ้างเลยหรือไง?“ซูหยิงเซี่ย ในเมื่อเธอเป็นคนที่ดูแลรายการเดินบัญชีของบริษัท เงินจะหายไปไหนได้ เธอไม่ถามตัวเอง แต่วิ่งมาถามพวกเรา คิดว่าตลกมากหรือไง?” ซูไห่เฉากล่าว“เงินเข้ากระเป๋าใคร ฉันรู้ดีที่สุด นายต้องการให้ฉันแจกแจงเงินทุกก้อนหรือเปล่าล่ะ?” ซูหยิงเซี่ยตอกกลับซูไห่เฉาหน้าชา การทุจริตของทุกคนจำนวนเงินล้วนไม่เท่ากัน เรื่องแบบนี้นำมาพูดเดิมพัน ไม่เพียงแค่ทำให้เสียหน้า ยังทำให้เกิดความไม่พอใจของแต่ละบ้านด้วย“หยิงเซี่ย เธออยากให้เกิดการทะเลาะกันภายในครอบครัวเหรอ?” ซูไห่เฉากล่าว“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ซูหยิงเซี่ย พวกเขาล้วนทำงานเพื่อบริษัท ครั้งนี้ฉันจะยกเว้นให้ แต่ครั้งต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว” หญิงชราลุกขึ้นยืนแล้วพูดปัญหาที่ยุ่งยากขนาดนี้ คิดจะยุติกันง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ?ซูหยิงเซี่ยมองหญิงชราด้วยความแปลกใจเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะคิดอยู่แล้วว่าหญิงชราไม่มีทางที่จะลงโทษใคร แต่อย่างน้อยที่สุดก็ต้องยับยั้งสักหน่อย ถ้าเรื่องจบอย่า
“ซูหยิงเซี่ย แล้วพวกเราจะคอยดู บริษัทนี้ถ้ามีเธอก็ต้องไม่มีผม” ซูไห่เฉาพูดอย่างเย็นชา“รอฉันแต่งงานกับคนรวยก่อนเถอะ ฉันจะทำให้เธอเงยหน้าไม่ได้ไปทั้งชีวิตเลยคอยดู” ซูอี้หานพูดจบ ก็เดินตามซูไห่เฉาออกจากห้องประชุมไปพร้อมกัน“เป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักชั่วดีจริง ๆ”“แล้วจะคอยให้ถึงวันนั้น ถ้าพวกเราไม่มีชีวิตที่ดี เธอก็ไม่มีเหมือนกัน”“หาเหตุผลในการใช้กำลังอย่างกับผู้มีอำนาจ คิดว่าทำแค่นี้ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรแล้วสินะ?”หลังจากญาติทุกคนออกจากห้องประชุม ซูหยิงเซี่ยค่อยกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง เธอรู้ว่าการทำแบบนี้จะนำไปสู่ความโกรธเกรี้ยวของทุกคน แต่มันไม่ใช่สิ่งสำคัญเลย ถึงอย่างไรก็ตาม ตระกูลซูก็ไม่มีใครเห็นเธออยู่ในสายตาอยู่แล้ว การกลายเป็นศัตรูกับเธอเท่านั้น ถึงจะทำให้เธอไม่มีข้ออ้างที่จะใจอ่อนในอนาคตหลังจากเลิกงาน ซูหยิงเซี่ยนั่งอยู่บนรถของหานซานเฉียน พูดแค่ประโยคเดียวว่า “ตอนนี้ทุกคนต่างอยากให้ฉันตายใจจะขาด”หานซานเฉียนไม่ได้พูดอะไร แต่ถ้าใครก็ตามกล้าแตะต้องซูหยิงเซี่ยแม้แต่ปลายผมเส้นเดียว เขาจะทำให้อีกฝ่ายตายทั้งเป็นหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป หรงหลิ่วกับหยางเหวินยังคงคุกเข่าอยู่ในห้องโถ
เมื่อซูหยิงเซี่ยตื่นมาตอนเช้า เธอพบว่าท่านอนของตัวเองมันแปลกไป ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงขึ้นทันทีเธอแอบมองหานซานเฉียนอย่างละเอียดสักพัก และพบว่าเขายังหลับอยู่จึงรู้สึกโล่งใจถ้าเรื่องแบบนี้ให้เขารู้ล่ะก็ คงอับอายไม่น้อยเธอกำลังที่จะแอบดึงขากลับมาที่เดิม จู่ ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งมาจับข้อเท้าของเธอเอาไว้หานซานเฉียนลืมตาขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะและพูดว่า “ทับผมทั้งคืนยังคิดจะหนีอีกเหรอ?”“อ๊ะ! คุณ… คุณตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถามอย่างลุกลี้ลุกลนหานซานเฉียนตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนการพักผ่อนของซูหยิงเซี่ย เขาจึงไม่ขยับเขยื้อนร่างกายไปไหนเลย โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดแบบนี้ล้ำค่ามาก เป็นเรื่องปกติที่จะรักและทะนุถนอมอย่างรู้คุณค่าในทุกวินาที“คุณทับผมตลอดทั้งคืน จะไม่ให้ผมตื่นได้ยังไง?” หานซานเฉียนกล่าวเมื่อซูหยิงเซี่ยได้ฟัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “คุณรังเกียจที่ฉันอ้วนใช่ไหม?”หานซานเฉียนทำหน้าสงสัย นี่เขายังไม่ได้พูดถึงเรื่องน้ำหนักเลยด้วยซ้ำ เธอเข้าใจว่าเขารังเกียจที่เธออ้วนได้อย่างไรกัน?ก่อนจะได้อธิบาย ซูหยิงเซี่ยก็ลุกลงจากเตียงด้วยความโกรธ
ทั้งสองคนขับรถเข้าไปในหมู่บ้านเล็ก ๆ แถบชานเมืองหยุนเฉิงหลังจากสอบถามจากคนในพื้นที่นั้นอยู่หลายครั้งก็รู้ว่าเตาสือเอ้อร์อาศัยอยู่ที่ไหนบ้านอิฐสีแดงเก่าและล้าสมัย เป็นที่กำบังจากลมและฝนทั้งหมดได้แค่เล็กน้อย ซึ่งจินตนาการได้ยากมากที่จะคิดว่าคนอย่างเตาสือเอ้อร์จะพักอาศัยอยู่ในสถานที่ทรุดโทรมแบบนี้ประตูไม้ที่โยกเยกนั้นทำให้หานซานเฉียนไม่กล้าออกแรงเคาะประตูมากเกินไป เพราะกลัวว่าจะเคาะประตูจนพังเสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูดังขึ้น พร้อมกับเตาสือเอ้อร์ที่ผลักประตูบ้านออกมา เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนกับม่อหยาง ทั้งสองคนต่างมองกันอย่างไม่ละสายตาหลังจากเดินเข้ามามีสนามรอบบ้านหนึ่งผืน แม้จะเป็นโคลนทั้งหมด แต่ก็ไม่มีวัชพืชเลยสักต้น ดูท่าทางแล้ว เขาคงดูแลและจัดการภายในบ้านได้อย่างสะอาดเวลาต่อมาก็มีคนในหมู่บ้านจำนวนมากรีบวิ่งเข้าไปในลานบ้าน และตะโกนเอะอะโวยวายเสียงดัง“แกติดเงินพวกเรา เมื่อไหร่แกจะคืนเงิน”“แกหลบอยู่แต่ในบ้านทุกวัน คิดว่าที่พวกเราไม่พูดอะไร เลยจะไม่คืนก็ได้อย่างนั้นเหรอ?”“แกมันสมควรตาย ถ้าเปลี่ยนเป็นเงินไม่ได้ ทำไมถึงยังไม่ขายลูกสาวอีกล่ะ? เก็บไว้ให้ตัวเองใช้ตอนแก่หรือไง?”ข
เมื่อออกจากหมู่บ้าน หานซานเฉียนเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน อายุประมาณสิบขวบและผูกผมหางม้าเมื่อเห็นเธอ หานซานเฉียนรู้ทันทีว่าเงินของเตาสือเอ้อร์นั้นถูกใช้จ่ายไปกับอะไร เสื้อผ้าของเด็กผู้หญิงตั้งแต่หัวจรดเท้าล้วนเป็นของแบรนด์เนมที่ใช้ได้ดีทีเดียว“ความคิดของเตาสือเอ้อร์ทั้งหมดล้วนใช้ไปกับตัวของลูกสาว ไม่แปลกใจเลยที่ถึงจะให้เงินเขา แต่ก็ไม่ยินดีที่ช่วยทำงานให้” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับยิ้มออกมาม่อหยางมีสีหน้าท่าทางเอาจริงเอาจัง เพราะเมื่อครู่นี้ที่หานซานเฉียนพูดว่าคืนนี้เย่เฟยจะต้องตายอย่างแน่นอนนั้น แต่ที่เขาเห็น นี่ไม่ใช่งานที่ง่าย ๆ งานหนึ่งเลยข้างกายเย่เฟยมีบอดี้การ์ดมากมายรายรอบ ๆ คนเหล่านั้นล้วนเป็นนักเลงของสนามมวย เย่เฟยมีพฤติกรรมที่ละเอียดรอบคอบ แม้จะพักผ่อนในยามว่างก็มีสถานที่ที่จะไปเป็นประจำ และจะส่งคนจำนวนมากไปคุ้มกัน ถ้าต้องการจะฆ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ แต่จะต้องมีการเคลื่อนไหวทีควรได้ผลมากกว่านี้ และมีผลกระทบแผ่กระจายออกเป็นวงกว้างมากเกินไป มีความเป็นไปได้มากที่จะเอาตัวเองเข้าไปพัวพันด้วย“หานซานเฉียน นายวางแผนจะจัดการกับเย่เฟยยังไง?” ม่อหยางถามเ