เมื่อจอดรถเสร็จแล้ว หานซานเฉียนก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์จินเฉียวผู้จัดการล็อบบี้เป็นผู้หญิงแต่งหน้าจัดและแต่งตัวสวย เมื่อเห็นหานซานเฉียนก็พูดต้อนรับอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาว่า “คุณคะ ไม่ทราบว่าคุณจะไปชั้นไหนคะ?”คฤหาสน์จินเฉียวแบ่งออกเป็นสามชั้น ที่ชั้นหนึ่งคุณสามารถนวดเท้าได้ ที่ชั้นสองสามารถอาบน้ำได้ ส่วนชั้นสามนั้นเป็นชั้นสวรรค์ของผู้ชายหลาย ๆ คน ตราบใดที่มีเงิน ไม่มีอะไรในที่แห่งนี้ที่คุณไม่สามารถเพลิดเพลินได้“ชั้นสาม” หานซานเฉียนกล่าว“กรุณาตามดิฉันมาค่ะ” ชั้นที่แตกต่างกัน ค่าใช้จ่ายย่อมแตกต่างกันด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนบอกว่าจะไปชั้นสาม ทำให้ผู้จัดการล็อบบี้แสดงความความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น และนำทางหานซานเฉียนขึ้นไปชั้นบนด้วยตัวเองที่ชั้นสามนั้นสิ่งรอบตัวมีความหรูหรามาก ทุกห้องเป็นห้องสวีทเล็ก ๆ แบบห้องเดี่ยว หานซานเฉียนต้องการห้องหรูหราที่สุดหนึ่งห้อง มาตรฐานของค่าใช้จ่ายอยู่ที่ห้าพันแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนภายในห้องมีแสงไฟสลัว ผู้จัดการล็อบบี้ได้แนะนำหานซานเฉียนเกี่ยวกับรายการของการบริการรวมถึงราคาด้วย แม้กระทั่งเมนูอาหารก็ยังมีเมนูที่เรียกว่าอาหารดังกล่าวนั้นคือข้อมูลของหม
เมื่อเห็นว่าผู้จัดการกำลังจะเปลื้องผ้า หานซานเฉียนถึงรู้ว่าเธอเข้าใจผิดแล้ว จึงรีบพูดออกมาว่า “ที่ผมเรียกคุณมาเพราะมีเรื่องอย่างอื่นให้คุณช่วย”“เรื่องอย่างอื่นเหรอคะ?” ผู้จัดการมองหานซานเฉียนอย่างระแวดระวังและพูดว่า “คุณคงไม่มีความกระหายอย่างอื่นเป็นพิเศษใช่ไหมคะ? ฉันไม่ยอมรับสิ่งแปลกปลอมพวกนั้นนะคะ”หานซานเฉียนยิ้มอย่างไม่มีทางเลือก ในสมองของผู้จัดการคนนี้มีแต่เรื่องอะไรเนี่ย แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะคิดมาก“ผมต้องการรู้ว่าเย่เฟยอยู่ห้องไหน และตอนนี้ข้างกายเขามีผู้ติดตามกี่คน” หานซานเฉียนถาม ถึงแม้จะรู้ว่าเย่เฟยมาถึงที่คฤหาสน์จินเฉียวเรียบร้อยแล้ว แต่ในเรื่องสถานที่อยู่ด้านนอก เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือตรวจสอบเอง ด้วยเหตุนี้การถามคนอื่นจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด“พี่เฟยเหรอ? คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?” ผู้จัดการมองหานซานเฉียนอย่างประหลาดใจ เย่เฟยเป็นแขกประจำของคฤหาสน์จินเฉียว และยังเป็นพี่ใหญ่ของสนามมวยใต้ดินแห่งเมืองหยุนเฉิง เจ้านายของคฤหาสน์จินเฉียวให้เขาเข้ามาเป็นสมาชิกกรณีพิเศษ เมื่อมาถึงที่นี่ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่หยวนเดียว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเห็นถึงสถานะของเย่เฟย
เมื่อเย่เฟยเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นผู้ชาย เขาลุกขึ้นจากเตียงและพูดจาค่อนแคะ “ไอ้หมอนี่ จัดการกับลูกน้องสองคนของฉันที่อยู่ด้านนอกได้อย่างเงียบเชียบ มีฝีมือไม่น้อยเลยนะเนี่ย”“พวกมันรอแกอยู่นอกทางเดินเรียบร้อย ตอนนี้ก็ถึงตาแกแล้ว” หานซานเฉียนเดินไปทางเย่เฟยลูกสมุนที่เหลืออีกสองคนเข้ามายืนขวางอยู่ด้านหน้าของเย่เฟย เขาพูดอย่างไม่แยแส “มั่นใจนักนะ แกมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้? ฉันคือเย่เฟยที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ถ้าโดนคนสารเลวอย่างแกฆ่าตาย คนอื่นที่ได้ยินเรื่องนี้คงหัวเราะการตายของฉันจนฟันหัก”“คิดว่าคนพวกนี้จะปกป้องแกได้หรือไง?” หานซานเฉียนยิ้มออกมาอย่างเย็นชา สำหรับคนธรรมดาแล้ว ลูกสมุนสองคนนี้อาจจะถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แต่ต่อหน้าหานซานเฉียน พวกเขาเป็นแค่ผงโปรตีนที่ทำด้วยกระดาษเท่านั้น“ถ้าอย่างนั้นแกก็ลองดู หวังว่าแกจะไม่ตายอย่างอนาถเกินไปนะ” หลังจากพูดจบ เย่เฟยก็นอนลงบนเตียงโดยที่ไม่มีความกังวลใด ๆ ลูกสมุนทั้งสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้และตั้งรับ พร้อมกับมองหานซานเฉียนอย่างโหดเหี้ยม“ไอ้หนุ่ม แกคิดดีแล้วใช่ไหมว่าจะตายยังไง?”“รสชาติของขาที่ถูกหักกระดูกเป็นยังไง? แกเคยรู้สึกหรือเปล่
เมื่อเห็นว่าซูหยิงเซี่ยหลับไปแล้ว หานซานเฉียนจึงไม่ได้ถามอะไร และนอนหลับลงบนที่นอนที่ปูอยู่บนพื้นตลอดทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนตื่นนอนตอนหกโมงเช้า และเตรียมที่จะลุกขึ้นมา เขาก็ได้ยินซูหยิงเซี่ยพูดอย่างเย็นชาว่า “วันนี้ฉันจะไปวิ่งคนเดียว คุณไม่ต้องตามฉันมา แล้วฉันจะไปทำงานด้วยตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องไปส่งฉัน”นี่มันเกิดอะไรขึ้น?หานซานเฉียนไม่เข้าใจในสถานการณ์ และไม่รู้ถึงรายละเอียด เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย ทำไมวันนี้เธอถึงมีท่าทีเปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้หรือว่าประจำเดือนของเธอมา?เมื่อก่อนหานซานเฉียนก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง และเขาก็รู้ด้วยว่าทุกเดือนจะมีหลายวันที่อารมณ์ของผู้หญิงร้อนสุด ๆเขาคาดว่าอาจจะเป็นเหตุผลนี้ก็ได้หานซานเฉียนแตะที่ขาของเขา วันนี้ค่อนข้างไม่เหมาะที่จะออกไปวิ่งจริง ๆ แม้ว่าเมื่อคืนจะกระโดดลงมาจากชั้นสาม และไม่ได้ทำให้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ แต่เขายังต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่สักวันที่ประตูของคฤหาสน์ ซูหยิงเซี่ยที่รอมาสามนาทีจนท้อใจจึงออกไปวิ่งเพียงลำพังดูเหมือนว่าเมื่อคืนเขาจะเหนื่อยจริง ๆ เธอแค่บอกด้วยความแง่งอนว่าไม่ต้องตามเธอออกไปว
เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรง ถ้ารู้มาก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ เธอก็จะไม่โทรศัพท์หาซูหยิงเซี่ยเฉินหลิงเหยารู้สึกเสียใจจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ ความเสียใจนั้นไม่มีประโยชน์ในเมื่อซูหยิงเซี่ยไม่เต็มใจที่จะถามเขา เฉินหลิงเหยาจึงทำได้เพียงแค่ไปหาหานซานเฉียนด้วยตัวเอง แล้วถามให้ชัดเจน หากเป็นความเข้าใจผิด บางทีการพูดออกมาให้ชัดเจนนั้นสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนกลับคืนมาได้“คุณอยู่ไหน ฉันอยากเจอคุณหน่อย” เฉินหลิงเหยาโทรไปที่เบอร์โทรศัพท์ของหานซานเฉียน และรีบพูดออกมาทันทีหานซานเฉียนกำลังอยู่ระหว่างทางที่จะไปบ้านของเตาสือเอ้อร์ เขาไม่ว่างอยู่แล้วจึงพูดว่า “วันอื่นแล้วกัน วันนี้ผมมีธุระ”“ฉันขอแนะนำให้คุณรีบมาเจอฉันทันทีจะดีที่สุด ไม่งั้นคุณจะต้องเสียใจในภายหลังที่ทุกอย่างสายเกินไป” เฉินหลิงเหยาขู่หานซานเฉียนไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังจะทำบ้าอะไรอีก แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำตามอำเภอใจ ดังนั้นเขาจึงวางสาย ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นเฉินหลิงเหยาที่โดนวางสายใส่ก็รู้สึกโกรธจนเดือดดาลเป็นฟืนไฟ ถ้าไม่ใช่เพราะโทรศัพท์เพิ่งซื้อมาใหม่ เธอคงทนไม่ไหวที่จะขว้างมันลงบนพื้
เมื่อเตาสือเอ้อร์ออกจากห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ โต๊ะทำงานก็อยู่ในสภาพที่แตกละเอียดไปแล้วอาจารย์ใหญ่กำลังมองดูความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง พูดไม่ออกพละกำลังของผู้ชายคนนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้โต๊ะทำงานป่นปี้แตกกระจายทั้งหมด การที่จะทำแบบนี้ได้ต้องใช้พละกำลังมากแค่ไหนกันอาจารย์ใหญ่ที่เป็นผู้รอดชีวิตถอนหายใจยาวออกมา และพูดเสียงเบาว่า “ดูท่าทางเงินก้อนนี้ไม่ค่อยได้กำไรสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ระวังเราคงจะถึงแก่ชีวิตไปแล้ว วันนี้สวรรค์ยังคุ้มครองอยู่จริง ๆ”เมื่อเตาสือเอ้อร์กลับมาถึงบ้าน เห็นรถจอดอยู่หน้าประตู จึงเดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่พอใจในสนามหน้าบ้าน หานซานเฉียนนั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ ถางชิงหว่านที่เพิ่งรู้จักผ่านการพูดคุยเมื่อครู่นี้ หลังจากรู้ชื่อของถางชิงหว่าน ชิงหว่านสองคำนี้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากคนหยาบคายอย่างเตาสือเอ้อร์ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถเอาชื่อที่ดูแปลกใหม่ไม่เหมือนใครมาใช้ตั้งชื่อลูกสาว ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนี้หาข้อมูลมาจากที่ไหน“ชิงหว่านบอกว่าเธอถูกไล่ออกจากโรงเรียนอย่างนั้นเหรอ?” หานซานเฉียนลุกขึ้นยืนและถามเตาสือเอ้อร์“อาจารย์ใหญ่น
“ที่บ้านมีของอะไรต้องเก็บไหม ต้องไปหาที่อยู่ให้พวกนายในตัวเมืองก่อน” หานซานเฉียนกล่าว เตาสือเอ้อร์เก็บเสื้อผ้าที่ถางชิงหว่านชอบใส่มาจำนวนหนึ่ง อย่างอื่นเขาไม่ได้หยิบมา เพราะไม่ได้มีค่าอะไร การจะเข้าไปในตัวเมือง ถางชิงหว่านยังคงรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย โตจนป่านนี้ เธอเคยไปนับครั้งได้ด้วยมือข้างเดียว หลังจากขึ้นรถ เตาสือเอ้อร์ก็พูดออกมาประโยคหนึ่งที่ทำให้ม่อหยางแทบกระอักเลือด “เป็นถึงพี่ใหญ่ แต่ขับรถเก่า ๆ แบบนี้น่ะเหรอ?” หานซานเฉียนระเบิดหัวเราะออกมา ม่อหยางหน้าเขียวปั๊ด ถลึงตาใส่หานซานเฉียนอย่างโกรธเคืองที่เขาเเห็นเป็นเรื่องตลก เมื่อมาถึงตัวเมืองก็หาบ้านให้พวกเขาก่อน โดยพิจารณาถึงความสะดวกในการไปเรียนหนังสือของถางชิงหว่าน ดังนั้นหานซานเฉียนจึงใช้เงินเป็นจำนวนมากในการซื้อห้องชุดในเขตโรงเรียนให้เตาสือเอ้อร์ แล้วยังใส่เป็นชื่อของเตาสือเอ้อร์อีกด้วย เตาสือเอ้อร์คิดว่า ในเมื่อเขาต้องทำงานให้หานซานเฉียนอยู่แล้ว ทุกอย่างจึงเป็นสิ่งที่สมควรได้รับแล้ว จึงไม่ได้พูดขอบคุณอะไรเขา เขาจ่ายเงินที่ไม่จำเป็นเพื่อให้เตาสือเอ้อร์และลูกสาว ให้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ภายในวันนั้นเลย ตอนหานซานเฉี
“หยิงเซี่ยล่ะ?” หานซานเฉียนเอ่ยถาม เจี่ยงหลานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอสัมผัสได้ว่าท่าทีของซูหยิงเซี่ยที่มีต่อหานซานเฉียนนั้นเย็นชาขึ้นมาก แถมยังสั่งให้เหอถิงทำความสะอาดห้องใหม่ให้หานซานเฉียนอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเธอต้องการแยกห้องนอนกับหานซานเฉียน มันไม่สำคัญว่าเกิดอะไรขึ้น ความแตกร้าวระหว่างคนทั้งสองรับเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเจี่ยงหลาน การเติมเชื้อไฟเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งทำให้หานซานเฉียนออกจากคฤหาสน์ไปได้เลยยิ่งดี เพื่อที่เธอจะได้สบายตาสบายใจ “แกมีสิทธิ์อะไรมาถามว่าซูหยิงเซี่ยอยู่ที่ไหน เธอเก็บห้องใหม่ไว้ให้แกแล้ว เพราะต้องการจะแยกห้องกับแก นี่แกยังไม่เข้าใจความหมายของเธออีกเหรอ?” เจี่ยงหลานพูดด้วยรอยยิ้ม ดีจริง ๆ ถ้าเธอได้ใช้โอกาสนี้เตะหานซานเฉียนออกไปได้ก็คงจะดียิ่งขึ้น “หุบปาก” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชา เมื่อสามปีก่อน แม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะไม่เต็มใจแต่งงานกับเขา แต่ทั้งสองคนก็นอนห้องเดียวกัน การแยกห้องนอนในตอนนี้สำหรับหานซานเฉียนแล้ว เป็นเหมือนแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งแรกในความสัมพันธ์ของพวกเขา โดยที่เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าเจี่ยงหลานยังคงกวนน้ำให้ขุ่นต่อไป
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ