เมื่อจอดรถเสร็จแล้ว หานซานเฉียนก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์จินเฉียวผู้จัดการล็อบบี้เป็นผู้หญิงแต่งหน้าจัดและแต่งตัวสวย เมื่อเห็นหานซานเฉียนก็พูดต้อนรับอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาว่า “คุณคะ ไม่ทราบว่าคุณจะไปชั้นไหนคะ?”คฤหาสน์จินเฉียวแบ่งออกเป็นสามชั้น ที่ชั้นหนึ่งคุณสามารถนวดเท้าได้ ที่ชั้นสองสามารถอาบน้ำได้ ส่วนชั้นสามนั้นเป็นชั้นสวรรค์ของผู้ชายหลาย ๆ คน ตราบใดที่มีเงิน ไม่มีอะไรในที่แห่งนี้ที่คุณไม่สามารถเพลิดเพลินได้“ชั้นสาม” หานซานเฉียนกล่าว“กรุณาตามดิฉันมาค่ะ” ชั้นที่แตกต่างกัน ค่าใช้จ่ายย่อมแตกต่างกันด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนบอกว่าจะไปชั้นสาม ทำให้ผู้จัดการล็อบบี้แสดงความความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น และนำทางหานซานเฉียนขึ้นไปชั้นบนด้วยตัวเองที่ชั้นสามนั้นสิ่งรอบตัวมีความหรูหรามาก ทุกห้องเป็นห้องสวีทเล็ก ๆ แบบห้องเดี่ยว หานซานเฉียนต้องการห้องหรูหราที่สุดหนึ่งห้อง มาตรฐานของค่าใช้จ่ายอยู่ที่ห้าพันแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนภายในห้องมีแสงไฟสลัว ผู้จัดการล็อบบี้ได้แนะนำหานซานเฉียนเกี่ยวกับรายการของการบริการรวมถึงราคาด้วย แม้กระทั่งเมนูอาหารก็ยังมีเมนูที่เรียกว่าอาหารดังกล่าวนั้นคือข้อมูลของหม
เมื่อเห็นว่าผู้จัดการกำลังจะเปลื้องผ้า หานซานเฉียนถึงรู้ว่าเธอเข้าใจผิดแล้ว จึงรีบพูดออกมาว่า “ที่ผมเรียกคุณมาเพราะมีเรื่องอย่างอื่นให้คุณช่วย”“เรื่องอย่างอื่นเหรอคะ?” ผู้จัดการมองหานซานเฉียนอย่างระแวดระวังและพูดว่า “คุณคงไม่มีความกระหายอย่างอื่นเป็นพิเศษใช่ไหมคะ? ฉันไม่ยอมรับสิ่งแปลกปลอมพวกนั้นนะคะ”หานซานเฉียนยิ้มอย่างไม่มีทางเลือก ในสมองของผู้จัดการคนนี้มีแต่เรื่องอะไรเนี่ย แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะคิดมาก“ผมต้องการรู้ว่าเย่เฟยอยู่ห้องไหน และตอนนี้ข้างกายเขามีผู้ติดตามกี่คน” หานซานเฉียนถาม ถึงแม้จะรู้ว่าเย่เฟยมาถึงที่คฤหาสน์จินเฉียวเรียบร้อยแล้ว แต่ในเรื่องสถานที่อยู่ด้านนอก เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือตรวจสอบเอง ด้วยเหตุนี้การถามคนอื่นจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด“พี่เฟยเหรอ? คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?” ผู้จัดการมองหานซานเฉียนอย่างประหลาดใจ เย่เฟยเป็นแขกประจำของคฤหาสน์จินเฉียว และยังเป็นพี่ใหญ่ของสนามมวยใต้ดินแห่งเมืองหยุนเฉิง เจ้านายของคฤหาสน์จินเฉียวให้เขาเข้ามาเป็นสมาชิกกรณีพิเศษ เมื่อมาถึงที่นี่ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่หยวนเดียว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเห็นถึงสถานะของเย่เฟย
เมื่อเย่เฟยเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นผู้ชาย เขาลุกขึ้นจากเตียงและพูดจาค่อนแคะ “ไอ้หมอนี่ จัดการกับลูกน้องสองคนของฉันที่อยู่ด้านนอกได้อย่างเงียบเชียบ มีฝีมือไม่น้อยเลยนะเนี่ย”“พวกมันรอแกอยู่นอกทางเดินเรียบร้อย ตอนนี้ก็ถึงตาแกแล้ว” หานซานเฉียนเดินไปทางเย่เฟยลูกสมุนที่เหลืออีกสองคนเข้ามายืนขวางอยู่ด้านหน้าของเย่เฟย เขาพูดอย่างไม่แยแส “มั่นใจนักนะ แกมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้? ฉันคือเย่เฟยที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ถ้าโดนคนสารเลวอย่างแกฆ่าตาย คนอื่นที่ได้ยินเรื่องนี้คงหัวเราะการตายของฉันจนฟันหัก”“คิดว่าคนพวกนี้จะปกป้องแกได้หรือไง?” หานซานเฉียนยิ้มออกมาอย่างเย็นชา สำหรับคนธรรมดาแล้ว ลูกสมุนสองคนนี้อาจจะถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แต่ต่อหน้าหานซานเฉียน พวกเขาเป็นแค่ผงโปรตีนที่ทำด้วยกระดาษเท่านั้น“ถ้าอย่างนั้นแกก็ลองดู หวังว่าแกจะไม่ตายอย่างอนาถเกินไปนะ” หลังจากพูดจบ เย่เฟยก็นอนลงบนเตียงโดยที่ไม่มีความกังวลใด ๆ ลูกสมุนทั้งสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้และตั้งรับ พร้อมกับมองหานซานเฉียนอย่างโหดเหี้ยม“ไอ้หนุ่ม แกคิดดีแล้วใช่ไหมว่าจะตายยังไง?”“รสชาติของขาที่ถูกหักกระดูกเป็นยังไง? แกเคยรู้สึกหรือเปล่
เมื่อเห็นว่าซูหยิงเซี่ยหลับไปแล้ว หานซานเฉียนจึงไม่ได้ถามอะไร และนอนหลับลงบนที่นอนที่ปูอยู่บนพื้นตลอดทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนตื่นนอนตอนหกโมงเช้า และเตรียมที่จะลุกขึ้นมา เขาก็ได้ยินซูหยิงเซี่ยพูดอย่างเย็นชาว่า “วันนี้ฉันจะไปวิ่งคนเดียว คุณไม่ต้องตามฉันมา แล้วฉันจะไปทำงานด้วยตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องไปส่งฉัน”นี่มันเกิดอะไรขึ้น?หานซานเฉียนไม่เข้าใจในสถานการณ์ และไม่รู้ถึงรายละเอียด เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย ทำไมวันนี้เธอถึงมีท่าทีเปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้หรือว่าประจำเดือนของเธอมา?เมื่อก่อนหานซานเฉียนก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง และเขาก็รู้ด้วยว่าทุกเดือนจะมีหลายวันที่อารมณ์ของผู้หญิงร้อนสุด ๆเขาคาดว่าอาจจะเป็นเหตุผลนี้ก็ได้หานซานเฉียนแตะที่ขาของเขา วันนี้ค่อนข้างไม่เหมาะที่จะออกไปวิ่งจริง ๆ แม้ว่าเมื่อคืนจะกระโดดลงมาจากชั้นสาม และไม่ได้ทำให้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ แต่เขายังต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่สักวันที่ประตูของคฤหาสน์ ซูหยิงเซี่ยที่รอมาสามนาทีจนท้อใจจึงออกไปวิ่งเพียงลำพังดูเหมือนว่าเมื่อคืนเขาจะเหนื่อยจริง ๆ เธอแค่บอกด้วยความแง่งอนว่าไม่ต้องตามเธอออกไปว
เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรง ถ้ารู้มาก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ เธอก็จะไม่โทรศัพท์หาซูหยิงเซี่ยเฉินหลิงเหยารู้สึกเสียใจจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ ความเสียใจนั้นไม่มีประโยชน์ในเมื่อซูหยิงเซี่ยไม่เต็มใจที่จะถามเขา เฉินหลิงเหยาจึงทำได้เพียงแค่ไปหาหานซานเฉียนด้วยตัวเอง แล้วถามให้ชัดเจน หากเป็นความเข้าใจผิด บางทีการพูดออกมาให้ชัดเจนนั้นสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนกลับคืนมาได้“คุณอยู่ไหน ฉันอยากเจอคุณหน่อย” เฉินหลิงเหยาโทรไปที่เบอร์โทรศัพท์ของหานซานเฉียน และรีบพูดออกมาทันทีหานซานเฉียนกำลังอยู่ระหว่างทางที่จะไปบ้านของเตาสือเอ้อร์ เขาไม่ว่างอยู่แล้วจึงพูดว่า “วันอื่นแล้วกัน วันนี้ผมมีธุระ”“ฉันขอแนะนำให้คุณรีบมาเจอฉันทันทีจะดีที่สุด ไม่งั้นคุณจะต้องเสียใจในภายหลังที่ทุกอย่างสายเกินไป” เฉินหลิงเหยาขู่หานซานเฉียนไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังจะทำบ้าอะไรอีก แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำตามอำเภอใจ ดังนั้นเขาจึงวางสาย ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นเฉินหลิงเหยาที่โดนวางสายใส่ก็รู้สึกโกรธจนเดือดดาลเป็นฟืนไฟ ถ้าไม่ใช่เพราะโทรศัพท์เพิ่งซื้อมาใหม่ เธอคงทนไม่ไหวที่จะขว้างมันลงบนพื้
เมื่อเตาสือเอ้อร์ออกจากห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ โต๊ะทำงานก็อยู่ในสภาพที่แตกละเอียดไปแล้วอาจารย์ใหญ่กำลังมองดูความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง พูดไม่ออกพละกำลังของผู้ชายคนนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้โต๊ะทำงานป่นปี้แตกกระจายทั้งหมด การที่จะทำแบบนี้ได้ต้องใช้พละกำลังมากแค่ไหนกันอาจารย์ใหญ่ที่เป็นผู้รอดชีวิตถอนหายใจยาวออกมา และพูดเสียงเบาว่า “ดูท่าทางเงินก้อนนี้ไม่ค่อยได้กำไรสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ระวังเราคงจะถึงแก่ชีวิตไปแล้ว วันนี้สวรรค์ยังคุ้มครองอยู่จริง ๆ”เมื่อเตาสือเอ้อร์กลับมาถึงบ้าน เห็นรถจอดอยู่หน้าประตู จึงเดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่พอใจในสนามหน้าบ้าน หานซานเฉียนนั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ ถางชิงหว่านที่เพิ่งรู้จักผ่านการพูดคุยเมื่อครู่นี้ หลังจากรู้ชื่อของถางชิงหว่าน ชิงหว่านสองคำนี้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากคนหยาบคายอย่างเตาสือเอ้อร์ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถเอาชื่อที่ดูแปลกใหม่ไม่เหมือนใครมาใช้ตั้งชื่อลูกสาว ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนี้หาข้อมูลมาจากที่ไหน“ชิงหว่านบอกว่าเธอถูกไล่ออกจากโรงเรียนอย่างนั้นเหรอ?” หานซานเฉียนลุกขึ้นยืนและถามเตาสือเอ้อร์“อาจารย์ใหญ่น
“ที่บ้านมีของอะไรต้องเก็บไหม ต้องไปหาที่อยู่ให้พวกนายในตัวเมืองก่อน” หานซานเฉียนกล่าว เตาสือเอ้อร์เก็บเสื้อผ้าที่ถางชิงหว่านชอบใส่มาจำนวนหนึ่ง อย่างอื่นเขาไม่ได้หยิบมา เพราะไม่ได้มีค่าอะไร การจะเข้าไปในตัวเมือง ถางชิงหว่านยังคงรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย โตจนป่านนี้ เธอเคยไปนับครั้งได้ด้วยมือข้างเดียว หลังจากขึ้นรถ เตาสือเอ้อร์ก็พูดออกมาประโยคหนึ่งที่ทำให้ม่อหยางแทบกระอักเลือด “เป็นถึงพี่ใหญ่ แต่ขับรถเก่า ๆ แบบนี้น่ะเหรอ?” หานซานเฉียนระเบิดหัวเราะออกมา ม่อหยางหน้าเขียวปั๊ด ถลึงตาใส่หานซานเฉียนอย่างโกรธเคืองที่เขาเเห็นเป็นเรื่องตลก เมื่อมาถึงตัวเมืองก็หาบ้านให้พวกเขาก่อน โดยพิจารณาถึงความสะดวกในการไปเรียนหนังสือของถางชิงหว่าน ดังนั้นหานซานเฉียนจึงใช้เงินเป็นจำนวนมากในการซื้อห้องชุดในเขตโรงเรียนให้เตาสือเอ้อร์ แล้วยังใส่เป็นชื่อของเตาสือเอ้อร์อีกด้วย เตาสือเอ้อร์คิดว่า ในเมื่อเขาต้องทำงานให้หานซานเฉียนอยู่แล้ว ทุกอย่างจึงเป็นสิ่งที่สมควรได้รับแล้ว จึงไม่ได้พูดขอบคุณอะไรเขา เขาจ่ายเงินที่ไม่จำเป็นเพื่อให้เตาสือเอ้อร์และลูกสาว ให้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ภายในวันนั้นเลย ตอนหานซานเฉี
“หยิงเซี่ยล่ะ?” หานซานเฉียนเอ่ยถาม เจี่ยงหลานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอสัมผัสได้ว่าท่าทีของซูหยิงเซี่ยที่มีต่อหานซานเฉียนนั้นเย็นชาขึ้นมาก แถมยังสั่งให้เหอถิงทำความสะอาดห้องใหม่ให้หานซานเฉียนอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเธอต้องการแยกห้องนอนกับหานซานเฉียน มันไม่สำคัญว่าเกิดอะไรขึ้น ความแตกร้าวระหว่างคนทั้งสองรับเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเจี่ยงหลาน การเติมเชื้อไฟเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งทำให้หานซานเฉียนออกจากคฤหาสน์ไปได้เลยยิ่งดี เพื่อที่เธอจะได้สบายตาสบายใจ “แกมีสิทธิ์อะไรมาถามว่าซูหยิงเซี่ยอยู่ที่ไหน เธอเก็บห้องใหม่ไว้ให้แกแล้ว เพราะต้องการจะแยกห้องกับแก นี่แกยังไม่เข้าใจความหมายของเธออีกเหรอ?” เจี่ยงหลานพูดด้วยรอยยิ้ม ดีจริง ๆ ถ้าเธอได้ใช้โอกาสนี้เตะหานซานเฉียนออกไปได้ก็คงจะดียิ่งขึ้น “หุบปาก” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชา เมื่อสามปีก่อน แม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะไม่เต็มใจแต่งงานกับเขา แต่ทั้งสองคนก็นอนห้องเดียวกัน การแยกห้องนอนในตอนนี้สำหรับหานซานเฉียนแล้ว เป็นเหมือนแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งแรกในความสัมพันธ์ของพวกเขา โดยที่เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าเจี่ยงหลานยังคงกวนน้ำให้ขุ่นต่อไป