“ที่บ้านมีของอะไรต้องเก็บไหม ต้องไปหาที่อยู่ให้พวกนายในตัวเมืองก่อน” หานซานเฉียนกล่าว เตาสือเอ้อร์เก็บเสื้อผ้าที่ถางชิงหว่านชอบใส่มาจำนวนหนึ่ง อย่างอื่นเขาไม่ได้หยิบมา เพราะไม่ได้มีค่าอะไร การจะเข้าไปในตัวเมือง ถางชิงหว่านยังคงรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย โตจนป่านนี้ เธอเคยไปนับครั้งได้ด้วยมือข้างเดียว หลังจากขึ้นรถ เตาสือเอ้อร์ก็พูดออกมาประโยคหนึ่งที่ทำให้ม่อหยางแทบกระอักเลือด “เป็นถึงพี่ใหญ่ แต่ขับรถเก่า ๆ แบบนี้น่ะเหรอ?” หานซานเฉียนระเบิดหัวเราะออกมา ม่อหยางหน้าเขียวปั๊ด ถลึงตาใส่หานซานเฉียนอย่างโกรธเคืองที่เขาเเห็นเป็นเรื่องตลก เมื่อมาถึงตัวเมืองก็หาบ้านให้พวกเขาก่อน โดยพิจารณาถึงความสะดวกในการไปเรียนหนังสือของถางชิงหว่าน ดังนั้นหานซานเฉียนจึงใช้เงินเป็นจำนวนมากในการซื้อห้องชุดในเขตโรงเรียนให้เตาสือเอ้อร์ แล้วยังใส่เป็นชื่อของเตาสือเอ้อร์อีกด้วย เตาสือเอ้อร์คิดว่า ในเมื่อเขาต้องทำงานให้หานซานเฉียนอยู่แล้ว ทุกอย่างจึงเป็นสิ่งที่สมควรได้รับแล้ว จึงไม่ได้พูดขอบคุณอะไรเขา เขาจ่ายเงินที่ไม่จำเป็นเพื่อให้เตาสือเอ้อร์และลูกสาว ให้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ภายในวันนั้นเลย ตอนหานซานเฉี
“หยิงเซี่ยล่ะ?” หานซานเฉียนเอ่ยถาม เจี่ยงหลานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอสัมผัสได้ว่าท่าทีของซูหยิงเซี่ยที่มีต่อหานซานเฉียนนั้นเย็นชาขึ้นมาก แถมยังสั่งให้เหอถิงทำความสะอาดห้องใหม่ให้หานซานเฉียนอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเธอต้องการแยกห้องนอนกับหานซานเฉียน มันไม่สำคัญว่าเกิดอะไรขึ้น ความแตกร้าวระหว่างคนทั้งสองรับเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเจี่ยงหลาน การเติมเชื้อไฟเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งทำให้หานซานเฉียนออกจากคฤหาสน์ไปได้เลยยิ่งดี เพื่อที่เธอจะได้สบายตาสบายใจ “แกมีสิทธิ์อะไรมาถามว่าซูหยิงเซี่ยอยู่ที่ไหน เธอเก็บห้องใหม่ไว้ให้แกแล้ว เพราะต้องการจะแยกห้องกับแก นี่แกยังไม่เข้าใจความหมายของเธออีกเหรอ?” เจี่ยงหลานพูดด้วยรอยยิ้ม ดีจริง ๆ ถ้าเธอได้ใช้โอกาสนี้เตะหานซานเฉียนออกไปได้ก็คงจะดียิ่งขึ้น “หุบปาก” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชา เมื่อสามปีก่อน แม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะไม่เต็มใจแต่งงานกับเขา แต่ทั้งสองคนก็นอนห้องเดียวกัน การแยกห้องนอนในตอนนี้สำหรับหานซานเฉียนแล้ว เป็นเหมือนแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งแรกในความสัมพันธ์ของพวกเขา โดยที่เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าเจี่ยงหลานยังคงกวนน้ำให้ขุ่นต่อไป
ถ้าให้ซูหยิงเซี่ยรู้เรื่องนี้ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าเธอจะคิดอย่างไร ซูหยิงเซี่ยไม่เคยเห็นแม้แต่ด้านมืดของสังคม นับประสาอะไรกับเรื่องฆ่าคนยิ่งให้เธอรู้ไม่ได้เด็ดขาด “ตอนนี้ยังบอกคุณไม่ได้ แต่ผมไม่ได้ไปมีอะไรกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น” หานซานเฉียนกล่าว “หานซานเฉียน แกคิดว่าพวกเราจะเชื่อเหรอ? แกคิดว่าสถานที่แห่งนั้นคือสวนสัตว์รึไง? เห็นพวกเราเป็นเด็กสามขวบเหรอ?” เจี่ยงหลานกระตือรือร้นที่จะสร้างความวุ่นวาย ต้องใช้โอกาสนี้ตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างซูหยิงเซี่ยกับหานซานเฉียน แน่นอนว่าต้องทำให้ซูหยิงเซี่ยได้กรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้เสียก่อน “คุณเชื่อผมไหม?” หานซานเฉียนมองซูหยิงเซี่ยแล้วถามอย่างจริงจัง ซูหยิงเซี่ยอยากจะเชื่อในตัวหานซานเฉียน แต่สถานที่อย่างจินเฉียว เธอไม่อาจเชื่อได้ว่าหานซานเฉียนจะไปดูเฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย “คุณไปทำอะไรก็ไม่ยอมบอก แล้วฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง?” ซูหยิงเซี่ยกล่าว หานซานเฉียนสูดหายใจเข้าลึกแล้วบอกว่า “วันหลังผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟัง แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา” “ต้องรอให้นังเมียน้อยตั้งท้องเลือดชั่วของแกก่อนหรือไง?” เจี่ยงหลานถาม นี่เป็นครั
“ผมเข้าใจแล้ว” หานซานเฉียนพูดอย่างเศร้าใจ เขารู้ว่าเรื่องนี้เธอคงโดนเจี่ยงหลานเป่าหูมา แต่ในเมื่อซูหยิงเซี่ยเป็นคนเอ่ยขึ้นมาเอง เขาย่อมไม่ปฏิเสธ เขาทนรับอดทนในตระกูลซูมาสามปีแล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะมีความหมายอะไรล่ะ? ขอเพียงซูหยิงเซี่ยมีความสุข หานซานเฉียนก็ยินดีทำทุกอย่าง “รับปากกับผมเรื่องหนึ่งได้ไหม?” หานซานเฉียนเอ่ยถาม “คุณไม่ต้องห่วง ป้าเหอจะได้ทำงานที่นี่ต่อไป ฉันจะไม่ไล่เธอออก” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “ครับ” วันนี้เจี่ยงหลานอารมณ์ดีมาก แม้ว่าจะมีเมฆครึ้ม แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นไปทั่วร่างกาย พอคิดว่าอีกไม่นานคฤหาสน์จะตกมาเป็นของซูหยิงเซี่ยแล้ว เธอก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกหานซานเฉียนขับไล่ออกไปอีกแล้ว เธอก็รู้สึกมีความสุขอย่างหาที่เปรียบมิได้ “วันนี้คุณเป็นอะไรไป แอบยิ้มทำไม?” ซูกั๋วเย่าเอ่ยถามเจี่ยงหลาน “คฤหาสน์หลังนี้กำลังจะกลายเป็นของลูกสาวคุณแล้ว จะไม่ให้ฉันมีความสุขได้ยังไงล่ะ?” เจี่ยงหลานกล่าว “เกิดอะไรขึ้น?” ซูกั๋วเย่ามองเจี่ยงหลานด้วยความงุนงง “หานซานเฉียนไอ้คนไร้ค่าคนนั้นไปจินเฉียวน่ะสิ แถมยังถูกซูหยิงเซี่ยจับได้อีก ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยให้มันโอนกรรมสิทธิ์คฤหาส
ในสายตาของหนานกงเชียนชิว ตระกูลหานมีหลานชายเพียงคนเดียว นั่นก็คือหานจุน เพราะเธอรับไม่ได้ที่มีคนไร้ประโยชน์อยู่ในตระกูลหาน เหตุผลที่หนานกงเชียนชิวมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมาหาหลานชายสุดที่รักของตัวเอง นี่คือสิ่งที่เธอทำทุกเดือน ต่อให้ฟ้าถล่มก็ไม่อาจขัดขวางเธอไม่ให้มาหาหานจุนได้ เมื่อผู้ดูแลของหยุนหลงเห็นหนานกงเชียนชิว ก็เข้ามาต้อนรับแล้วพูดอย่างสุภาพ “คุณนายใหญ่ หานจุนรอท่านอยู่แล้วครับ” หนานกงเชียนชิวพยักหน้า แล้วเดินข้าไปในหยุนหลงโดยไม่พูดจาใด ๆ ในห้องเยี่ยมนักโทษ หนานกงเชียนชิวมองรอยแผลเป็นบนใบหน้าของหานจุน ซึ่งทำให้หญิงชราเจ็บปวดจนหายใจแทบไม่ออก ก่อนหน้านี้หานจุนมีปัญหากับคนอื่นจำนวนมาก ดังนั้นหลังจากที่เขาถูกจำคุก จึงโดนแก้แค้นและถูกทุบตีเป็นประจำ แม้ว่าหญิงชราจะพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งสิ่งเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม ตระกูลหานยังไม่อยู่ในระดับที่เป็นตระกูลใหญ่ตระกูลเดียว และที่นั่นก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหาน “คุณย่า เมื่อไรคุณย่าจะช่วยผมออกไปได้ ที่บ้า ๆ แบบนี้ ผมทนอยู่ต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว” หานจุนกล่าว
หลังออกจากหยุนหลงแล้ว หนานกงเชียนชิวก็ไปโรงพยาบาล ในห้องผู้ป่วยวีไอพี หานเฉิงที่ป่วยหนักได้รับการดูแลโดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เฉพาะทาง แต่ฉือจิงจะไปเฝ้าอยู่ข้างกายหานเฉิงทันทีที่เธอมีเวลาว่าง หานเฉิงอยู่ในอาการโคม่ามานานหลายเดือนแล้ว ท่าทีของแพทย์บ่งบอกว่าดูเหมือนจะไม่ค่อยจะมีความหวังนักว่าเขาจะสามารถฟื้นขึ้นมา อีกอย่าง ฉือจิงเองก็รู้ว่าชีวิตนี้เขาอาจจะตายไปแบบนี้ “แม่คะ ทำไมแม่มาอยู่ที่นี่ล่ะคะ” เมื่อเห็นหนานกงเชียนชิว ฉือจิงก็รีบลุกขึ้นทันที หนานกงเชียนชิวกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและแววตาเย็นชาว่า “หานซานเฉียนคนไร้ประโยชน์คนนั้นไม่สามารถแทนที่หานจุนได้” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉือจิงก็ขมวดคิ้วและถามว่า “แม่คะ แม่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ?” “พาหานซานเฉียนกลับมา ให้เขาติดคุกแทนหานจุน” หนานกงเชียนชิวกล่าว ก็ไหนบอกว่าจะให้โอกาสหานซานเฉียนไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ ๆ ถึงเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาล่ะ? ฉือจิงรู้ว่าวันนี้หญิงชราต้องไปเยี่ยมหานจุนมาแน่ ๆ ถ้าไม่อย่างนั้นเธอคงจะไม่พูดออกมาแบบนี้ หานจุนต้องพูดอะไรกับเธอมาแน่ “แม่คะ มีสายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้องมาที่ตระกูลหาน บรรดาคู่แข่งของเราล้วน
เขาพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่งพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ประโยคนี้ มาจากเรื่องราวตอนหนึ่งในพระคัมภีร์ พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับชาวบ้านทั่วไป ที่ไม่รู้ว่าจะเลือกรับหรือไม่รับอย่างไรใต้ต้นโพธิ์” “พระพุทธเจ้าตรัสว่า มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งกำลังจะตายเพราะกระหายน้ำ พระพุทธเจ้าสงสารบุคคลนี้จึงบันดาลทะเลสาบไว้ตรงหน้าเขา แต่เขากลับไม่ได้ดื่มเข้าไปแม้แต่หยดเดียว เพราะเขาคิดว่าในทะเลสาบนั้นมีน้ำมากเกินไป ในเมื่อดื่มได้ไม่หมด ก็สู้ไม่ดื่มเลยดีกว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนเราอาจพบเจอกับสิ่งสวยงามมากมายในชีวิต ขอแค่ตั้งใจยึดไว้เพียงสิ่งเดียวก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นถึงจะมีคนหมายปองมากมาย ก็จงเลือกเพียงหนึ่งเดียว” พอเห็นหานซานเฉียนอธิบายอย่างตั้งใจ ซูหยิงเซี่ยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือว่าเธอจะคิดมากไป? หรือบางทีผู้อยู่เบื้องหลังบริษัทลั่วเฉว อาจจะเป็นตระกูลหานก็ได้ แม้ว่าเขาจะแซ่หานเหมือนกัน แต่จะมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหานพวกนั้นได้อย่างไร? “คุณคิดว่าที่ฉันทำแบบนี้มันไร้เหตุผลไหม?” ซูหยิงเซี่ยถามต่อ หลังจากที่รับปากกับเจี่ยงหลานไปแล้ว อันที่จริงในใจของเธอก็รู้สึกเสียใจ เพราะแม้เธอจะมีปมในใจ แต่เธอก
พูดไปพูดมาท้ายที่สุดตระกูลซูก็ยังคงต้องจ่ายเกือบสองแสนหยวนอยู่ดี เจี่ยงหลานจะยอมรับสิ่งนี้ได้อย่างไร เธอจึงเลิกโต้เถียงกับหานซานเฉียน พอถึงเวลานั้นค่อยให้ซูหยิงเซี่ยออกหน้าสั่งให้หานซานเฉียนจ่ายเงินจำนวนนี้ทั้งหมดถึงจะสมเหตุผล แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เจี่ยงหลานคิดไปถึงความเป็นไปได้อีกเรื่องหนึ่งด้วยค่าธรรมเนียมทรัพย์สินรายปีสูงลิ่วขนาดนี้ แต่หานซานเฉียนยังกล้าที่จะซื้อคฤหาสน์หลังนี้ ผู้ชายคนนี้มีเงินเท่าไหร่กันแน่? ตอนนี้คฤหาสน์ถูกโอนให้ซูหยิงเซี่ยแล้ว เจี่ยงหลานก็ยังคิดถึงเงินส่วนตัวของหานซานเฉียนอีก ต้องบอกให้ซูหยิงเซี่ยทำให้หานซานเฉียนควักเงินทั้งหมดของเขาออกมาให้ได้ “แม่ยายของคุณคนนี้น่ารังเกียจกว่าในละครเสียอีกนะคะ” ภายในครัว เหอถิงพูดกับหานซานเฉียนด้วยสีหน้าพะอืดพะอม วันนี้หานซานเฉียนเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้ซูหยิงเซี่ย พอได้ยินเหอถิงพูดแบบนั้น เขาก็ยิ้มออกมาอย่างจนใจ “วงการคนเห็นแก่เงินเข้าแล้วออกยากน่ะครับ” “ป้าทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ป้าก็ไม่อยากทำงานที่นี่หรอก” เหอถิงเอ่ย “ป้าเหอครับ นี่คืองานที่ป้าเอาไว้เลี้ยงชีพได้ ป้าแค่หาเงินก็พอแล้วครับ จะมาปวดหัว
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ