พูดไปพูดมาท้ายที่สุดตระกูลซูก็ยังคงต้องจ่ายเกือบสองแสนหยวนอยู่ดี เจี่ยงหลานจะยอมรับสิ่งนี้ได้อย่างไร เธอจึงเลิกโต้เถียงกับหานซานเฉียน พอถึงเวลานั้นค่อยให้ซูหยิงเซี่ยออกหน้าสั่งให้หานซานเฉียนจ่ายเงินจำนวนนี้ทั้งหมดถึงจะสมเหตุผล แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เจี่ยงหลานคิดไปถึงความเป็นไปได้อีกเรื่องหนึ่งด้วยค่าธรรมเนียมทรัพย์สินรายปีสูงลิ่วขนาดนี้ แต่หานซานเฉียนยังกล้าที่จะซื้อคฤหาสน์หลังนี้ ผู้ชายคนนี้มีเงินเท่าไหร่กันแน่? ตอนนี้คฤหาสน์ถูกโอนให้ซูหยิงเซี่ยแล้ว เจี่ยงหลานก็ยังคิดถึงเงินส่วนตัวของหานซานเฉียนอีก ต้องบอกให้ซูหยิงเซี่ยทำให้หานซานเฉียนควักเงินทั้งหมดของเขาออกมาให้ได้ “แม่ยายของคุณคนนี้น่ารังเกียจกว่าในละครเสียอีกนะคะ” ภายในครัว เหอถิงพูดกับหานซานเฉียนด้วยสีหน้าพะอืดพะอม วันนี้หานซานเฉียนเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้ซูหยิงเซี่ย พอได้ยินเหอถิงพูดแบบนั้น เขาก็ยิ้มออกมาอย่างจนใจ “วงการคนเห็นแก่เงินเข้าแล้วออกยากน่ะครับ” “ป้าทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ป้าก็ไม่อยากทำงานที่นี่หรอก” เหอถิงเอ่ย “ป้าเหอครับ นี่คืองานที่ป้าเอาไว้เลี้ยงชีพได้ ป้าแค่หาเงินก็พอแล้วครับ จะมาปวดหัว
ถังหลงรู้สึกหวั่นใจ เรื่องนี้จะคุยโวเล่น ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าจงเหลียงรู้เข้า เขาจบเห่แน่ แต่คนอย่างเขาจะไปเกี่ยวข้องกับจงเหลียงได้อย่างไรกัน? ซูหยิงเซี่ยคงจะแค่เคยเอ่ยถึงเท่านั้นแหละ “หานซานเฉียน อย่ามาทำให้ฉันเสียเวลา เขาจะรู้หรือเปล่าแล้วเกี่ยวอะไรกับนาย” ถังหลงพูดเหยียดหยาม “นายนั่นแหละที่ทำให้ฉันเสียเวลา ฉันกำลังจะไปหาจงเหลียง ถ้าช้าขึ้นมานายจะรับผิดชอบไหวไหม?” หานซานเฉียนกล่าว ถังหลงขมวดคิ้วและกัดฟันแน่น เจ้าหมอนี่จะไปหาจงเหลียงในนามของตระกูลซูอย่างงั้นเหรอ? เขามีตำแหน่งสูงขนาดนี้ในตระกูลซูตั้งแต่เมื่อไรกัน? แล้วเรื่องคุยโวเมื่อครู่นี้ ถ้าเจ้าหมอนี่เอาไปเล่าให้จงเหลียงฟัง แล้วเขาจะอธิบายอย่างไร? “วันนี้พี่จงไม่อยู่ นายรีบไสหัวไปไกล ๆ ดีกว่า” ถังหลงพูด “ไม่เป็นไร ถึงเขาจะไม่ได้อยู่ในบริษัท ฉันก็โทรศัพท์เรียกเขามาที่นี่ได้” หานซานเฉียนกล่าว ถังหลงยิ้มเยาะ เจ้าหมอนี่คุยโวเลียนแบบเขาแล้วเหรอ? แม้ว่าตระกูลซูจะเป็นผู้จัดหาวัสดุก่อสร้างให้กับโครงการเฉิงซี แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าจงเหลียง พวกเขาก็ไม่กล้าแสดงท่าทีแบบนี้หรอก เพราะบริษัทลั่วเฉวเป็นฝ่ายเลือกผู้ร่วมงาน นั่นหมายความว
“ถังหลง คุณหมายความว่ายังไง คุณหานเป็นแขกคนสำคัญของผม คุณกล้าดียังไงมาสบประมาทเขาแบบนี้” จงเหลียงตำหนิด้วยน้ำเสียงเย็นชา แขกคนสำคัญ? ถังหลงนึกสงสัยทันทีว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า คนไร้ประโยชน์อย่างหานซานเฉียนจะเป็นแขกคนสำคัญของจงเหลียงได้อย่างไร? แม้ว่าเขาจะเป็นตัวแทนของตระกูลซู แต่จงเหลียงก็ไม่มีทางจะให้เกียรติเขาถึงขนาดนี้ “พี่จง เขาคือหานซานเฉียนนะ พี่จำผิดคนหรือเปล่าครับ?” ถังหลงถามยืนยันอีกครั้ง จงเหลียงพ่นลมหายใจแรงก่อนจะกล่าวขึ้น “คุณหานครับ ขอโทษนะครับ ที่พนักงานของบริษัทเราดูถูกคุณ คุณจะลงโทษยังไงก็ว่ามาได้เลยครับ” พอเห็นจงเหลียงก้มตัวลงเล็กน้อย ถังหลงก็ตกตะลึง ถ้าเมื่อครู่หูฝาด ตอนนี้คงไม่ได้ตาฝาดไปหรอกนะ เป็นไปได้อย่างไร! มันจะเป็นไปได้อย่างไร! หรือว่าจงเหลียงจะให้ความสำคัญกับตระกูลซูมากขนาดนี้เลยเหรอ? แต่เมืองในหยุนเฉิงมีผู้จัดหาสินค้าและบริการที่ดีกว่าตระกูลซูมากมาย แม้ว่าจะไม่ได้ร่วมมือกับตระกูลซู ก็ยังมีผู้คนรอต่อแถวเพื่อร่วมมือกับบริษัทลั่วเฉวอีกเป็นจำนวนมาก “ถังหลง นายยังจำเดิมพันเมื่อกี้ได้ใช่ไหม ถ้าฉันโทรเรียกจงเหลียงมาได้ นายต้องคุกเข่าหน้าประ
หานซานเฉียนรู้สึกประใจหลาดเล็กน้อยกับคำขอโทษของถังหลง นับว่าถังหลงสร้างความประหลาดใจให้เขาไม่น้อย ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีรายได้นับล้านต่อปีได้ในสถานที่อย่างเมืองหยุนเฉิง ความสุขุมและการรู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำของเขา คนทั่วไปนั้นเทียบไม่ติด หานซานเฉียนไม่คิดว่าถังหลงจะสำนึกผิดจริง ๆ เขาแค่ไม่อยากตกงานที่จะทำให้ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะแก้แค้น อาศัยบริษัทลั่วเฉวมาใกล้ชิดกับตระกูลหานงั้นเหรอ? ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ เกรงว่าเขาจะต้องผิดหวังอีกครั้ง “ผมไม่ใช่คนใจแคบคิดเล็กคิดน้อย ขอแค่คุณคุกเข่าสามวัน ผมจะไม่ติดใจเอาความกับคุณอีก” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ถังหลงกัดฟันแน่นมองตามหลังหานซานเฉียนที่เดินจากไป แล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ไอ้คนไร้ประโยชน์ ไม่ช้าก็เร็ว วันหนึ่งแกจะต้องตกอยู่ในกำมือของถังหลงคนนี้ รอให้ฉันได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญของตระกูลหานก่อนเถอะ ฉันจะทำให้แกต้องร้องขอชีวิต ซูหยิงเซี่ยก็จะต้องกลายเป็นทาสบำเรอกามของฉันด้วย” หลังจากที่เขาพูดคำเหล่านี้จบอย่างเกรี้ยวกราด คนใจเสาะอย่างถังหลงก็คุกเข่าลงอีกครั้ง เมื่อไม่ได้รับคำสั่งจากหานซานเฉียน ทางด้านจงเหลียงก็ไม่ได้ไล่ถังหลงออ
กำปั้นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแก้ปัญหา แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถใช้วิธีนี้กับทุกเรื่องได้ ตระกูลเทียนเป็นตระกูลเก่าแก่ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในเมืองหยุนเฉิง การจะใช้กำปั้นเอาชนะตระกูลประจำถิ่นนั้นเป็นความคิดที่เพ้อเจ้อ หลังจากหานซานเฉียนออกจากไนท์คลับเมจิกซิตี้ ก็มาถึงสถานฝึกยุทธฉางเฉิงของเทียนฉางเฉิง ในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลเทียน เทียนฉางเฉิงมอบงานน้อยใหญ่ของบริษัทให้ย่อยต่าง ๆ ของเขาจนเกือบหมด เขาหมกมุ่นอยู่กับการฝึกวิทยายุทธตลอดเวลา และยังเคยไปศึกษาที่เส้าหลินมาระยะหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขามีคุณสมบัติไม่ตรงตามข้อกำหนดในการเข้าสู่เส้าหลินจึงไม่ได้เป็นศิษย์ของเส้าหลิน ในสายตาของเทียนฉางเฉิง สังคมก็เหมือนกับยุทธจักร และยุทธจักรก็ควรจะมีคนที่มีวิทยายุทธดำรงอยู่ ราษฎรเข้มแข็งประเทศก้าวหน้า บุคคลที่หวังแต่ผลประโยชน์อย่างเทียนฉางเฉิงเป็นเรื่องยากที่จะตระหนักได้เช่นนี้ในวัยชรา ในสถานฝึกยุทธ เสียงเฮดังขึ้นรอบทิศทาง ข้างกายเทียนฉางเฉิงคือเด็กสาวอายุราว ๆ 17-18 ปี ถักเปียหางม้าสองข้าง ดูร่าเริงมีชีวิตชีวา แม้ว่าสาวน้อยจะยังเด็กอยู่ แต่ในด้านรูปร่างนั้นเธ
“คุณต้องการเดิมพันอะไร” เทียนฉางเฉิงถาม “สวี้เหยาชอบเทียนหลิงเอ๋อร์มานานแล้ว ถ้าวันนี้คุณแพ้ ก็จัดการกำหนดเรื่องการแต่งงานของพวกเขาเลย ว่าไงล่ะ?” หลัวปินกล่าว เทียนฉางเฉิงคิดไม่ถึงว่าชายชราผู้นี้จะไร้ยางอายถึงขนาดคิดหมายปองเทียนหลิงเอ๋อร์ เทียนหลิงเอ๋อร์เป็นแก้วตาดวงใจของเขา ส่วนคนอย่างหลัวสวี้เหยา เทียนฉางเฉิงก็ไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา เขาเป็นคนที่ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ถ้าให้เทียนหลิงเอ๋อร์แต่งงานกับเขานั้น ไม่เท่ากับทำลายเทียนหลิงเอ๋อร์ไปทั้งชีวิตหรอกเหรอ “ว่าไงล่ะ หรือว่าคุณไม่กล้า? ถ้าไม่อย่างนั้น คุณก็ให้คนของสถานฝึกยุทธขึ้นมาต่อสู้ทีละคน สู้แบบเวียนเทียนผมก็ไม่รังเกียจ ขอเพียงคนของคุณเอาชนะได้” หลัวปินกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เมื่อเห็นความหยิ่งผยองของหลัวปิน เทียนหลิงเอ๋อร์ก็ไม่ยอมให้ปู่ของเธอต้องรู้สึกอับอายขายหน้าจึงพูดขึ้นว่า “คุณปู่คะ หนูเชื่อคุณปู่ค่ะ” ก่อนหน้านี้เทียนฉางเฉิงมีความมั่นใจมาก แต่ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่เอาความสุขของเทียนหลิงเอ๋อร์มาเป็นเดิมพัน “ฉางเฉิง คุณกลายเป็นคนลังเลแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หรือว่าพออายุมากขึ้น ความกล้าหาญก็น้อยลงไป? ถ้าคุณเอาชนะได้ ผมจ
เดิมทีเทียนฉางเฉิงวางแผนที่จะให้คนที่แข็งแกร่งที่สุดในสถานฝึกยุทธตอบรับคำท้า แต่ในเวลานี้มันเกี่ยวข้องกับความสุขของเทียนหลิงเอ๋อร์ อีกอย่างหลัวปินยังบอกว่าไม่ได้ตัดสินแพ้ชนะกันในเกมเดียว ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะให้คนอื่นไปทดสอบ “คุณต้องสังเกตการณ์ให้ดี การต่อสู้ครั้งนี้จะแพ้ไม่ได้” เทียนฉางเฉิงกำชับกับคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาซึ่งเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนัก ส่วนคนที่ยืนอยู่บนสังเวียนในเวลานี้ คือยอดฝีมืออันดับสองในสำนัก “ไม่ต้องเป็นห่วงครับอาจารย์ ผมจะทำให้เต็มที่” ในเวลานี้ มีเสียงดังสนั่นขึ้นบนสังเวียนต่อสู้ คนของหลัวปินกระทืบเท้ากับพื้นจนเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทั่วทั้งสังเวียนการต่อสู้สั่นสะเทือน หลังจากสิ้นเสียงดังสนั่น บุคคลที่เป็นนักสู้ของเทียนฉางเฉิงนั้นก็วิ่งเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว ในสายตาของคนทั่วไป ความเร็วนั้นเร็วมากจนน่าตกใจ แต่หานซานเฉียนที่อยู่ข้าง ๆ นั้นกลับส่ายหน้าไปมา “การฝึกความแข็งแกร่งที่มากจนเกินไป จะส่งผลให้ความเร็วและความว่องไวลดลง แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการรับมือกับคนของสถานฝึกยุทธแห่งนี้” คำพูดของหานซานเฉียน บ่งบอกถึงจุดจบของการประลองฝีมือนี้ล่วง
“คุณปู่คะ ถ้าอย่างนั้นเราไปขอความช่วยเหลือจากเขาดีไหม?” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หานซานเฉียน “เขาเหรอ?” เทียนฉางเฉิงมองเทียนหลิงเอ๋อร์ด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเสนอแนะเช่นนี้ขึ้นมา “เมื่อกี้เขาบอกว่า ถ้าเราแพ้ ก็สามารถไปขอความช่วยเหลือจากเขาได้” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าว ชายหนุ่มคนนี้ พูดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ? แต่ดูท่าทางเขา ไม่เหมือนคนที่เป็นมวยเลยนะ เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้กล้าพูดแบบนี้ “หลิงเอ๋อร์ หลานทำไมเชื่อไปหมดทุกคนเลย หลานดูหน่วยก้านเขาสิ เหมือนยอดฝีมือตรงไหน?” เทียนฉางเฉิงกล่าว เทียนหลิงเอ๋อร์ถอนหายใจ เธอก็มองไม่ออกจริง ๆ ว่าหานซานเฉียนนั้นเหมือนยอดฝีมือตรงไหน แต่เธอก็ยอมรับความจริงไม่ได้เช่นกันว่าตัวเองกำลังจะแต่งงานกับหลัวสวี้เหยา เทียนหลิงเอ๋อร์ปล่อยมือของเทียนฉางเฉิง แล้วเดินตรงเข้าไปหาหานซานเฉียนด้วยใบหน้าแดงก่ำ เธอไม่เพียงกลัวการแต่งงานกับหลัวสวี้เหยา แต่ยังอับอายจนเหงื่อตก เพราะเธอได้ประกาศกร้าวว่าจะไม่ขอความช่วยเหลือจากหานซานเฉียน เมื่อเดินเข้าไปตรงหน้าหานซานเฉียน เทียนหลิงเอ๋อร์ก็ก้มหน้าลง ต้องการความช่วยเหลือแต่กลับพูดอะไรไม่ออก
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ