“ซูหยิงเซี่ย แล้วพวกเราจะคอยดู บริษัทนี้ถ้ามีเธอก็ต้องไม่มีผม” ซูไห่เฉาพูดอย่างเย็นชา“รอฉันแต่งงานกับคนรวยก่อนเถอะ ฉันจะทำให้เธอเงยหน้าไม่ได้ไปทั้งชีวิตเลยคอยดู” ซูอี้หานพูดจบ ก็เดินตามซูไห่เฉาออกจากห้องประชุมไปพร้อมกัน“เป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักชั่วดีจริง ๆ”“แล้วจะคอยให้ถึงวันนั้น ถ้าพวกเราไม่มีชีวิตที่ดี เธอก็ไม่มีเหมือนกัน”“หาเหตุผลในการใช้กำลังอย่างกับผู้มีอำนาจ คิดว่าทำแค่นี้ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรแล้วสินะ?”หลังจากญาติทุกคนออกจากห้องประชุม ซูหยิงเซี่ยค่อยกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง เธอรู้ว่าการทำแบบนี้จะนำไปสู่ความโกรธเกรี้ยวของทุกคน แต่มันไม่ใช่สิ่งสำคัญเลย ถึงอย่างไรก็ตาม ตระกูลซูก็ไม่มีใครเห็นเธออยู่ในสายตาอยู่แล้ว การกลายเป็นศัตรูกับเธอเท่านั้น ถึงจะทำให้เธอไม่มีข้ออ้างที่จะใจอ่อนในอนาคตหลังจากเลิกงาน ซูหยิงเซี่ยนั่งอยู่บนรถของหานซานเฉียน พูดแค่ประโยคเดียวว่า “ตอนนี้ทุกคนต่างอยากให้ฉันตายใจจะขาด”หานซานเฉียนไม่ได้พูดอะไร แต่ถ้าใครก็ตามกล้าแตะต้องซูหยิงเซี่ยแม้แต่ปลายผมเส้นเดียว เขาจะทำให้อีกฝ่ายตายทั้งเป็นหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป หรงหลิ่วกับหยางเหวินยังคงคุกเข่าอยู่ในห้องโถ
เมื่อซูหยิงเซี่ยตื่นมาตอนเช้า เธอพบว่าท่านอนของตัวเองมันแปลกไป ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงขึ้นทันทีเธอแอบมองหานซานเฉียนอย่างละเอียดสักพัก และพบว่าเขายังหลับอยู่จึงรู้สึกโล่งใจถ้าเรื่องแบบนี้ให้เขารู้ล่ะก็ คงอับอายไม่น้อยเธอกำลังที่จะแอบดึงขากลับมาที่เดิม จู่ ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งมาจับข้อเท้าของเธอเอาไว้หานซานเฉียนลืมตาขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะและพูดว่า “ทับผมทั้งคืนยังคิดจะหนีอีกเหรอ?”“อ๊ะ! คุณ… คุณตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถามอย่างลุกลี้ลุกลนหานซานเฉียนตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนการพักผ่อนของซูหยิงเซี่ย เขาจึงไม่ขยับเขยื้อนร่างกายไปไหนเลย โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดแบบนี้ล้ำค่ามาก เป็นเรื่องปกติที่จะรักและทะนุถนอมอย่างรู้คุณค่าในทุกวินาที“คุณทับผมตลอดทั้งคืน จะไม่ให้ผมตื่นได้ยังไง?” หานซานเฉียนกล่าวเมื่อซูหยิงเซี่ยได้ฟัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “คุณรังเกียจที่ฉันอ้วนใช่ไหม?”หานซานเฉียนทำหน้าสงสัย นี่เขายังไม่ได้พูดถึงเรื่องน้ำหนักเลยด้วยซ้ำ เธอเข้าใจว่าเขารังเกียจที่เธออ้วนได้อย่างไรกัน?ก่อนจะได้อธิบาย ซูหยิงเซี่ยก็ลุกลงจากเตียงด้วยความโกรธ
ทั้งสองคนขับรถเข้าไปในหมู่บ้านเล็ก ๆ แถบชานเมืองหยุนเฉิงหลังจากสอบถามจากคนในพื้นที่นั้นอยู่หลายครั้งก็รู้ว่าเตาสือเอ้อร์อาศัยอยู่ที่ไหนบ้านอิฐสีแดงเก่าและล้าสมัย เป็นที่กำบังจากลมและฝนทั้งหมดได้แค่เล็กน้อย ซึ่งจินตนาการได้ยากมากที่จะคิดว่าคนอย่างเตาสือเอ้อร์จะพักอาศัยอยู่ในสถานที่ทรุดโทรมแบบนี้ประตูไม้ที่โยกเยกนั้นทำให้หานซานเฉียนไม่กล้าออกแรงเคาะประตูมากเกินไป เพราะกลัวว่าจะเคาะประตูจนพังเสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูดังขึ้น พร้อมกับเตาสือเอ้อร์ที่ผลักประตูบ้านออกมา เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนกับม่อหยาง ทั้งสองคนต่างมองกันอย่างไม่ละสายตาหลังจากเดินเข้ามามีสนามรอบบ้านหนึ่งผืน แม้จะเป็นโคลนทั้งหมด แต่ก็ไม่มีวัชพืชเลยสักต้น ดูท่าทางแล้ว เขาคงดูแลและจัดการภายในบ้านได้อย่างสะอาดเวลาต่อมาก็มีคนในหมู่บ้านจำนวนมากรีบวิ่งเข้าไปในลานบ้าน และตะโกนเอะอะโวยวายเสียงดัง“แกติดเงินพวกเรา เมื่อไหร่แกจะคืนเงิน”“แกหลบอยู่แต่ในบ้านทุกวัน คิดว่าที่พวกเราไม่พูดอะไร เลยจะไม่คืนก็ได้อย่างนั้นเหรอ?”“แกมันสมควรตาย ถ้าเปลี่ยนเป็นเงินไม่ได้ ทำไมถึงยังไม่ขายลูกสาวอีกล่ะ? เก็บไว้ให้ตัวเองใช้ตอนแก่หรือไง?”ข
เมื่อออกจากหมู่บ้าน หานซานเฉียนเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน อายุประมาณสิบขวบและผูกผมหางม้าเมื่อเห็นเธอ หานซานเฉียนรู้ทันทีว่าเงินของเตาสือเอ้อร์นั้นถูกใช้จ่ายไปกับอะไร เสื้อผ้าของเด็กผู้หญิงตั้งแต่หัวจรดเท้าล้วนเป็นของแบรนด์เนมที่ใช้ได้ดีทีเดียว“ความคิดของเตาสือเอ้อร์ทั้งหมดล้วนใช้ไปกับตัวของลูกสาว ไม่แปลกใจเลยที่ถึงจะให้เงินเขา แต่ก็ไม่ยินดีที่ช่วยทำงานให้” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับยิ้มออกมาม่อหยางมีสีหน้าท่าทางเอาจริงเอาจัง เพราะเมื่อครู่นี้ที่หานซานเฉียนพูดว่าคืนนี้เย่เฟยจะต้องตายอย่างแน่นอนนั้น แต่ที่เขาเห็น นี่ไม่ใช่งานที่ง่าย ๆ งานหนึ่งเลยข้างกายเย่เฟยมีบอดี้การ์ดมากมายรายรอบ ๆ คนเหล่านั้นล้วนเป็นนักเลงของสนามมวย เย่เฟยมีพฤติกรรมที่ละเอียดรอบคอบ แม้จะพักผ่อนในยามว่างก็มีสถานที่ที่จะไปเป็นประจำ และจะส่งคนจำนวนมากไปคุ้มกัน ถ้าต้องการจะฆ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ แต่จะต้องมีการเคลื่อนไหวทีควรได้ผลมากกว่านี้ และมีผลกระทบแผ่กระจายออกเป็นวงกว้างมากเกินไป มีความเป็นไปได้มากที่จะเอาตัวเองเข้าไปพัวพันด้วย“หานซานเฉียน นายวางแผนจะจัดการกับเย่เฟยยังไง?” ม่อหยางถามเ
เมื่อจอดรถเสร็จแล้ว หานซานเฉียนก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์จินเฉียวผู้จัดการล็อบบี้เป็นผู้หญิงแต่งหน้าจัดและแต่งตัวสวย เมื่อเห็นหานซานเฉียนก็พูดต้อนรับอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาว่า “คุณคะ ไม่ทราบว่าคุณจะไปชั้นไหนคะ?”คฤหาสน์จินเฉียวแบ่งออกเป็นสามชั้น ที่ชั้นหนึ่งคุณสามารถนวดเท้าได้ ที่ชั้นสองสามารถอาบน้ำได้ ส่วนชั้นสามนั้นเป็นชั้นสวรรค์ของผู้ชายหลาย ๆ คน ตราบใดที่มีเงิน ไม่มีอะไรในที่แห่งนี้ที่คุณไม่สามารถเพลิดเพลินได้“ชั้นสาม” หานซานเฉียนกล่าว“กรุณาตามดิฉันมาค่ะ” ชั้นที่แตกต่างกัน ค่าใช้จ่ายย่อมแตกต่างกันด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนบอกว่าจะไปชั้นสาม ทำให้ผู้จัดการล็อบบี้แสดงความความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น และนำทางหานซานเฉียนขึ้นไปชั้นบนด้วยตัวเองที่ชั้นสามนั้นสิ่งรอบตัวมีความหรูหรามาก ทุกห้องเป็นห้องสวีทเล็ก ๆ แบบห้องเดี่ยว หานซานเฉียนต้องการห้องหรูหราที่สุดหนึ่งห้อง มาตรฐานของค่าใช้จ่ายอยู่ที่ห้าพันแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนภายในห้องมีแสงไฟสลัว ผู้จัดการล็อบบี้ได้แนะนำหานซานเฉียนเกี่ยวกับรายการของการบริการรวมถึงราคาด้วย แม้กระทั่งเมนูอาหารก็ยังมีเมนูที่เรียกว่าอาหารดังกล่าวนั้นคือข้อมูลของหม
เมื่อเห็นว่าผู้จัดการกำลังจะเปลื้องผ้า หานซานเฉียนถึงรู้ว่าเธอเข้าใจผิดแล้ว จึงรีบพูดออกมาว่า “ที่ผมเรียกคุณมาเพราะมีเรื่องอย่างอื่นให้คุณช่วย”“เรื่องอย่างอื่นเหรอคะ?” ผู้จัดการมองหานซานเฉียนอย่างระแวดระวังและพูดว่า “คุณคงไม่มีความกระหายอย่างอื่นเป็นพิเศษใช่ไหมคะ? ฉันไม่ยอมรับสิ่งแปลกปลอมพวกนั้นนะคะ”หานซานเฉียนยิ้มอย่างไม่มีทางเลือก ในสมองของผู้จัดการคนนี้มีแต่เรื่องอะไรเนี่ย แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะคิดมาก“ผมต้องการรู้ว่าเย่เฟยอยู่ห้องไหน และตอนนี้ข้างกายเขามีผู้ติดตามกี่คน” หานซานเฉียนถาม ถึงแม้จะรู้ว่าเย่เฟยมาถึงที่คฤหาสน์จินเฉียวเรียบร้อยแล้ว แต่ในเรื่องสถานที่อยู่ด้านนอก เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือตรวจสอบเอง ด้วยเหตุนี้การถามคนอื่นจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด“พี่เฟยเหรอ? คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?” ผู้จัดการมองหานซานเฉียนอย่างประหลาดใจ เย่เฟยเป็นแขกประจำของคฤหาสน์จินเฉียว และยังเป็นพี่ใหญ่ของสนามมวยใต้ดินแห่งเมืองหยุนเฉิง เจ้านายของคฤหาสน์จินเฉียวให้เขาเข้ามาเป็นสมาชิกกรณีพิเศษ เมื่อมาถึงที่นี่ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่หยวนเดียว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเห็นถึงสถานะของเย่เฟย
เมื่อเย่เฟยเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นผู้ชาย เขาลุกขึ้นจากเตียงและพูดจาค่อนแคะ “ไอ้หมอนี่ จัดการกับลูกน้องสองคนของฉันที่อยู่ด้านนอกได้อย่างเงียบเชียบ มีฝีมือไม่น้อยเลยนะเนี่ย”“พวกมันรอแกอยู่นอกทางเดินเรียบร้อย ตอนนี้ก็ถึงตาแกแล้ว” หานซานเฉียนเดินไปทางเย่เฟยลูกสมุนที่เหลืออีกสองคนเข้ามายืนขวางอยู่ด้านหน้าของเย่เฟย เขาพูดอย่างไม่แยแส “มั่นใจนักนะ แกมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้? ฉันคือเย่เฟยที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ถ้าโดนคนสารเลวอย่างแกฆ่าตาย คนอื่นที่ได้ยินเรื่องนี้คงหัวเราะการตายของฉันจนฟันหัก”“คิดว่าคนพวกนี้จะปกป้องแกได้หรือไง?” หานซานเฉียนยิ้มออกมาอย่างเย็นชา สำหรับคนธรรมดาแล้ว ลูกสมุนสองคนนี้อาจจะถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แต่ต่อหน้าหานซานเฉียน พวกเขาเป็นแค่ผงโปรตีนที่ทำด้วยกระดาษเท่านั้น“ถ้าอย่างนั้นแกก็ลองดู หวังว่าแกจะไม่ตายอย่างอนาถเกินไปนะ” หลังจากพูดจบ เย่เฟยก็นอนลงบนเตียงโดยที่ไม่มีความกังวลใด ๆ ลูกสมุนทั้งสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้และตั้งรับ พร้อมกับมองหานซานเฉียนอย่างโหดเหี้ยม“ไอ้หนุ่ม แกคิดดีแล้วใช่ไหมว่าจะตายยังไง?”“รสชาติของขาที่ถูกหักกระดูกเป็นยังไง? แกเคยรู้สึกหรือเปล่
เมื่อเห็นว่าซูหยิงเซี่ยหลับไปแล้ว หานซานเฉียนจึงไม่ได้ถามอะไร และนอนหลับลงบนที่นอนที่ปูอยู่บนพื้นตลอดทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนตื่นนอนตอนหกโมงเช้า และเตรียมที่จะลุกขึ้นมา เขาก็ได้ยินซูหยิงเซี่ยพูดอย่างเย็นชาว่า “วันนี้ฉันจะไปวิ่งคนเดียว คุณไม่ต้องตามฉันมา แล้วฉันจะไปทำงานด้วยตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องไปส่งฉัน”นี่มันเกิดอะไรขึ้น?หานซานเฉียนไม่เข้าใจในสถานการณ์ และไม่รู้ถึงรายละเอียด เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย ทำไมวันนี้เธอถึงมีท่าทีเปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้หรือว่าประจำเดือนของเธอมา?เมื่อก่อนหานซานเฉียนก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง และเขาก็รู้ด้วยว่าทุกเดือนจะมีหลายวันที่อารมณ์ของผู้หญิงร้อนสุด ๆเขาคาดว่าอาจจะเป็นเหตุผลนี้ก็ได้หานซานเฉียนแตะที่ขาของเขา วันนี้ค่อนข้างไม่เหมาะที่จะออกไปวิ่งจริง ๆ แม้ว่าเมื่อคืนจะกระโดดลงมาจากชั้นสาม และไม่ได้ทำให้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ แต่เขายังต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่สักวันที่ประตูของคฤหาสน์ ซูหยิงเซี่ยที่รอมาสามนาทีจนท้อใจจึงออกไปวิ่งเพียงลำพังดูเหมือนว่าเมื่อคืนเขาจะเหนื่อยจริง ๆ เธอแค่บอกด้วยความแง่งอนว่าไม่ต้องตามเธอออกไปว