หานซานเฉียนนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง เฉินเหยียนหรันบุกเข้ามาไม่บอกไม่กล่าว แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว เพราะการฝึกสัตว์ร้ายเจ็ดดาวของฮวงเซียวหย่งนั้นกระตุ้นความอยากรู้ของผู้คนมาก เป็นไปไม่ได้ที่หานซานเฉียนจะตอบแบบส่ง ๆ ไปแล้วเรื่องจะจบ“ข้าก็เหมือนท่านที่ไม่รู้อะไรเลย ถึงท่านจะถามข้า ข้าก็ไม่มีคำตอบที่น่าพอใจให้กับท่าน” ก่อนที่เฉินเหยียนหรันจะพูด หานซานเฉียนก็แทรกขึ้นก่อนเฉินเหยียนหรันมองหานซานเฉียนด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกนางว่าหานซานเฉียนไม่ได้หมดสติ เขาเห็นกระบวนการที่ฮวงเซียวหย่งพิชิตสัตว์ร้ายเจ็ดดาวด้วยตาตัวเองเป็นแน่ “หานซานเฉียน เจ้าอาศัยอยู่ในตระกูลเฉินของข้า ทานอาหารของตระกูลเฉินของข้า ตระกูลเฉินมอบชีวิตปัจจุบันให้เจ้า เจ้าหมดสติเป็นเวลานาน หากข้าไม่พาเจ้ากลับจวน ป่านนี้เจ้าคงจะเสียชีวิตในถิ่นทุรกันดารไปนานแล้ว และเจ้าก็ติดหนี้ชีวิตต่อตระกูลเฉินอยู่” เฉินเหยียนหรันกล่าว“เหตุผลที่ท่านให้ข้าอยู่ในตระกูลเฉิน ก็เพราะต้องการใช้ข้าเป็นเครื่องมือไม่ใช่หรือ” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ“แต่ข้าช่วยชิวิตเจ้าไว้ เจ้าจะปฏิเสธสิ่งนี้งั้นรึ” เฉินเหยียนหรันกล่าว
แม้ว่าฮวงเซียวหย่งจะไม่มีบทบาทใด ๆ ในการพิชิตพยัคฆ์ แต่การมีปรมาจารย์เช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ฮวงเซียวหย่งภูมิใจ ดังนั้นเขาจึงได้ตอบออกไปอย่างภาคภูมิใจฮวงโหวอี้ไม่ได้ดูถูกฮวงเซียวหย่ง ที่นี่ไม่ใช่ผลงานของเขา ท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ทุกคนที่มีคุณสมบัติที่จะมีปรมาจารย์เช่นนี้ “อาจารย์ของเจ้าอยู่ระดับใดกันแน่ ถึงได้พิชิตได้แม้กระทั่งอสูรเจ็ดดาวเช่นนี้” ฮวงโหวอี้ถามอย่างสงสัยฮวงเซียวหย่งยังคงรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อนึกถึงกระบวนการพิชิตอสูร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่องูหลามหยกตาแดงเปิดเผยรูปร่างที่แท้จริงของมัน ฮวงเซียวหย่งจะจำภาพนี้ไปตลอดชีวิตงูหลามหยกตาแดงคือสัตว์ร้ายเก้าดาวในตำนาน!“ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าท่านอยากรู้ แต่ท่านต้องรู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร หากท่านรู้อะไรบางอย่างแล้วเผลอเปิดเผยออกไป” ฮวงเซียวหย่งกล่าวฮวงโหวอี้พยักหน้าซ้ำ ๆ เขารู้ดีถึงเดิมพันของเรื่องนี้ หากอาจารย์ของฮวงเซียวหย่งไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยข้อมูลตนเอง แสดงว่าต้องมีเหตุผลบางอย่าง หากใครก็ตามรั่วไหลตัวตนของเขา ผลที่ตามมานั้นไม่อาจจินตนาการได้ “เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่ควรรู้ มันคงจะไม่ดี หากข้าเผลอพูดมากไป
“นายท่าน นายน้อย มีคนจากตระกูลเฉินมาขอรับ”ณ จวนของเจ้าเมือง คนรับใช้วิ่งไปหาฮวงโหวอี้และลูกชายของเขาด้วยความตื่นตระหนกฮวงโหวอี้ถลึงตาใส่คนรับใช้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เหตุใดต้องตื่นตระหนกขนาดนั้นด้วย ตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยถูกขับไล่กลับไปแล้ว เขากลัวตระเฉินหรืออย่างไร?“เจ้าเป็นคนของจวนเจ้าเมือง เหตุใดต้องกลัวตระกูลเฉินด้วย?” ฮวงโหวอี้พูดอย่างไม่พอใจ“นายท่าน ไม่เพียงแต่เฉินเยวียนไห่เท่านั้นที่มาที่นี่ แต่เฉินเหยียนหรันก็มาที่นี่ด้วยขอรับ” คนรับใช้กล่าวฮวงโหวอี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าใจสาเหตุที่ทำให้คนรับใช้ตื่นตระหนกฮวงเซียวหย่งชอบเฉินเหยียนหรันมาหลายปีแล้ว นี่คือสิ่งที่ทุกคนในเมืองหลงหยุนรู้ดี เมื่อถูกฮวงเซียวหย่งตามจีบ นางมักจะปฏิเสธเขาเสมอ และไม่เคยมาหาเขาที่จวนเช่นนี้มาก่อนแต่คราวนี้ เฉินเหยียนหรันมาที่จวนของเจ้าเมืองด้วยตัวเอง ซึ่งมีความหมายแอบแฝงฮวงโหวอี้เหลือบมองฮวงเซียวหย่ง จากนั้นหัวเราะขึ้นไปบนฟ้าแล้วพูดว่า "ลูกชาย ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะชื่นชอบเจ้าขึ้นมาแล้ว ถึงได้มาหาถึงจวนเช่นนี้”หากเป็นเมื่อก่อนฮวงเซียวหย่งคงจะคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อต้อนรับ
ฮวงเซียวหย่งอยากจะถามว่าหานซานเฉียนไปที่ไหนแล้ว แต่เขาไม่สามารถเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหานซานเฉียนได้ หากเขาถามออกไปตรง ๆ มันจะกระตุ้นความสงสัยของตระกูลเฉินอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงระงับความปรารถนาในใจตัวเอง“เฉินเหยียนหรัน เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะแต่งงานกับเจ้าจริง ๆ หรอกใช่ไหม?” ฮวงเซียวหย่งกล่าว“เจ้าชอบข้าไม่ใช่หรือ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ครอบครองข้า เจ้าจะยอมพลาดโอกาสนี้อย่างนั้นหรือ?” เฉินเหยียนหรันถามโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ตั้งแต่ต้นจนจบ นางเชื่อมั่นว่าตราบใดที่นางเต็มใจพยักหน้า ฮวงเซียวหย่งก็จะยังคงรักนางมากเหมือนเมื่อก่อน ความมั่นใจในตัวเองนี้ช่างไร้สาระอย่างยิ่งใช้ประโยคเดียวในการอธิบายอารมณ์ปัจจุบันของฮวงเซียวหย่งคือ เมื่อก่อนเคยเพิกเฉยต่อข้า แต่ตอนนี้กลับทำตัวเหนือกว่า ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งมีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่ราชสำนักของจักรพรรดิแล้ว เขาจะหมกมุ่นอยู่กับเฉินเหยียนหรันได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ยังเตะอาจารย์ออกจากบ้านด้วย เขาจะพานางเข้ามาในจวนของเจ้าเมืองได้อย่างไร!“เฉินเหยียนหรัน เจ้าผยองเกินไป เมื่อก่อนเคยชอบเจ้ามาก แต่ตอนนี้เจ้าไม่คู่ควร”
ในอดีต ฮวงเซียวหย่งมักจะจินตนาการว่าในวันที่เขามีชื่อเสียง ทุกคนจะมองเขาด้วยความชื่นชม และเขาจะรู้สึกมีความสุขมากแต่เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นมากนักมีความสุขมากอย่างนั้นหรือ?ดูเหมือนจะไม่สำคัญอีกต่อไป แม้ว่าเฉินเหยียนหรันจะมาหาถึงจวน ฮวงเซียวหย่งก็ไม่รู้สึกมีความสุขมากนักตรงกันข้าม ฮวงเซียวหย่งเพียงแต่หัวเราะกับความรู้เท่าไม่ถึงการของตระกูลเฉิน และความไม่รู้จักชายผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงหากนางปฏิบัติต่อหานซานเฉียนดี ๆ สถานะของตระกูลเฉินจะสูงกว่าจวนของเจ้าเมืองอย่างแน่นอน และทั้งเมองหลงหยุนจะถูกตระกูลเฉินครอบงำ“ท่านพ่อ เมื่อก่อนข้าก็คิดอย่างนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนข้าจะไม่รู้สึกแบบนั้นแล้ว” ฮวงเซียวหย่งพูดเสียงเรียบ"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า" ฮวงโหวอี้หัวเราะก่อนจะพูดต่อว่า "เป็นเพราะว่าตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งมาก จนไม่จำเป็นต้องจริงจังกับคนเหล่านี้ และเป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่สนใจว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับเจ้า"ฮวงเซียวหย่งพยักหน้า บางทีอาจเป็นเช่นนั้น ตอนนี้แม้ว่าราชสำนักก็คงอยากเอาใจเขา แล้วเหตุใดเขาถึงจะมาสนใจว่าเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองหลงหยุนจะคิดอย่างไรกับเขากันล่ะ?“ท่า
เมื่อเห็นหานซานเฉียนถูกทุกคนพูดถึงและถูกเยาะเย้ย เฉินเถี่ยซินก็แสดงรอยยิ้มภาคภูมิใจ นี่เป็นสถานการณ์ที่เขาจงใจเตรียมการไว้ และการแสดงของทุกคนก็ทำให้เขาพอใจมาก เขาต้องการขับไล่คนไร้ค่าอย่างหานซานเฉียนเหมือนสุนัขหลงทาง หลังจากออกจากตระกูลเฉินไปแล้ว ทุกคนในเมืองหลงหยุนต้องรู้ว่าหานซานเฉียนถูกขับไล่ออกไปอย่างไรในเวลาเดียวกัน เฉินเถี่ยซินก็ยังหวังว่าข่าวนี้จะถูกส่งไปถึงจวนของเจ้าเมือง เพื่อที่ฮวงเซียวหย่งจะได้รู้ว่าเฉินเหยียนหรันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับชายคนนี้แม้ว่าเฉินเถี่ยซินไม่ต้องการให้เฉินเหยียนหรันถ่อมตัวให้ฮวงเซียวหย่ง แต่ในใจของเขาก็ยังคาดหวังให้เฉินเหยียนหรันแต่งงานเข้าจวนของเจ้าเมืองเมื่อเฉินเหยียนหรันแต่งงานกับฮวงเซียวหย่ง เขาอาจรู้ความลับของการพัฒนาระดับ และการพิชิตอสูรของฮวงเซียวหย่งหากสิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามที่เฉินเยวียนไห่คาดเดา และฮวงเซียวหย่งมีปรมาจารย์จริง บางทีเขาอาจได้รับการแนะนำจากฮวงเซียวหย่ง และได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ท่านนั้นก็ได้แต่เฉินเถี่ยซินไม่เคยคิดเลยว่าฮวงเซียวหย่งจะปฏิเสธเฉินเหยียนหรันอย่างชัดเจน และอาจารย์ของฮวงเซียวหย่งคือหานซานเฉียน ที่ถูกเขาไล
หลังจากออกจากตระกูลเฉินแล้ว หานซานเฉียนก็เดินไปตามถนนและตรอกซอกซอยโดยไม่มีจุดหมาย และในไม่ช้าสายลับของฮวงเซียวหย่งก็ค้นพบเขาไม่นานหลังจากนั้น ฮวงเซียวหย่งก็เดินไปหาหานซานเฉียน แม้ว่าอาจารย์และลูกศิษย์จะไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ฮวงเซียวหย่งเดินนำทาง โดยหานซานเฉียนก็เดินตามไป ในไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงถนนที่ไร้ผู้คนทางตะวันตกของเมืองตรงนี้มีบ้านหลังหนึ่งที่ฮวงเซียวหย่งเคยซื้อไว้เพื่อแอบพาสาวมาที่นี่ แต่น่าเสียดายหลังจากที่เขาตกหลุมรักเฉินเหยียนหรัน ฮวงเซียวหย่งก็ไม่สนใจผู้หญิงคนอื่นอีกเลย ดังนั้นบ้านหลังนี้จึงถูกทิ้งร้างมาจนถึงปัจจุบัน “ท่านอาจารย์” หลังจากเข้ามาในบ้านแล้ว ฮวงเซียวหย่งก็ปิดประตูและทักทายหานซานเฉียน คำเรียกง่าย ๆ แต่เต็มไปด้วยความเคารพอย่างที่สุด“ที่นี่เป็นที่ของเจ้ารึ” หานซานเฉียนถาม แม้ว่าวัชพืชในสวนจะขึ้นจนรกไปหมด แต่เมื่อจัดการเรียบร้อย มันก็น่าจะเป็นสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีทีเดียว“ขอรับ ข้าซื้อที่นี่ทิ้งไว้หลายปีแล้ว นอกจากข้า แม้แต่ท่านพ่อก็ไม่ทราบเรื่องนี้” ฮวงเซียวหย่งกล่าว“ทำความสะอาดสักหน่อยก็คงจะเข้าอยู่ได้ ตอนนี้อาจารย์ของเจ้าถูกไล่ออกจากตระกูลเฉินแล้ว
เมื่อฮวงเซียวหย่งพูดจบ ทั้งสามคนของราชสำนักก็มองเขาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ โดยหวังจะหาข้อบกพร่องในการแสดงออกของเขา แต่น่าเสียดายที่สีหน้าของฮวงเซียวหย่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีความผิดปกติอะไรเลยแม้แต่น้อยฮวงโหวอี้กลัวคนทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าเขา แต่ฮวงเซียวหย่งไม่กลัว เนื่องจากเขามีอาจารย์ที่ทรงพลัง และเพราะเขารู้ว่า แม้ว่าท่านอาจารย์จะไปที่ราชสำนัก เขาก็จะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากจักรพรรดิด้วยซ้ำมีท่านอาจารย์ที่ทรงพลังเช่นนี้ เขาจะกลัวผู้คนที่มาจากราชสำนักที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไร?“ช่างเป็นคนหนุ่มที่อนาคตไกลจริง ๆ เจ้ามีสัตว์ร้ายเจ็ดดาวตั้งแต่อายุยังน้อย จากนี้ไป อนาคตของเจ้าจะไม่มีขีดจำกัด” ชายคนนั้นไม่พบข้อบกพร่องใด ๆ ดังนั้นเขาจึงจำต้องเชื่อคำพูดของฮวงเซียวหย่ง“ขอบคุณสำหรับคำชมขอรับ” ฮวงโหวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม“คราวนี้ข้ามาที่นี่เพื่อถามเจ้าว่า เจ้าอยากเข้าร่วมราชสำนักหรือไม่?” ชายคนนั้นพูดต่อ"การเข้าร่วมราชสำนักเป็นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้ราชสำนัก แต่พวกท่านน่าจะสัมผัสได้ว่าสถานะปัจจุบันของข้าอยู่แค่ระดับโคมสี่เพียงเท
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ