คำพูดของหานซานเฉียนทำให้ทั้งคฤหาสน์เงียบสงัดลงทันที จนสามารถได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตก มีสิทธิ์อะไรอย่างนั้นเหรอ ลูกเขยแต่งงานเข้าบ้านอย่างเขา กล้าถามได้อย่างไรว่าหญิงชรามีสิทธิ์อะไรที่จะเข้ามาอยู่อาศัยที่นี่! ซูกั๋วเย่ามองไปที่หานซานเฉียนอย่างขวัญหนีดีฝ่อ เขาพูดคำนี้ออกมาได้อย่างไร ถ้าทำให้หญิงชราโกรธ อนาคตของซูหยิงเซี่ยคงจะพังพินาศแน่ “หานซานเฉียน แกหุบปาก แกไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรที่นี่” ซูกั๋วเย่าพูดอย่างโกรธเคือง แม้ว่าเจี่ยงหลานจะรู้สึกแปลกใจ แต่เธอก็ค่อนข้างพอใจในท่าทีแข็งกร้าวของหานซานเฉียน อันที่จริงเธอก็ไม่ต้องแบกรับผลที่จะตามมาในภายหลัง ไม่ว่าหานซานเฉียนจะโวยวายอย่างไรก็ได้ ขอแค่อย่าให้หญิงชราเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ก็พอ “หานซานเฉียน วันนี้แกกินยาผิดรึไง? เงินนี้คุณปู่เป็นคนให้มา คุณย่าจะเข้ามาอยู่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว คนเกาะเมียกินอย่างแกต่างหากที่ควรไสหัวออกไป” ซูไห่เฉากล่าว “ใช่ แกต่างหากที่ควรออกไป คุณย่าเป็นผู้นำตระกูลซู มันเป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่ท่านจะอยู่ที่นี่” ซูอี้หานไม่อาจยอมรับได้ว่า ซูหยิงเซี่ยจะชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเธอ แต่เมื่อหานซานเฉียนออกมารนห
แต่พอกำลังจะพูด เจี่ยงหลานก็รีบห้ามปากตัวเองไว้ทันที หานซานเฉียนเป็นคนซื้อคฤหาสน์หลังนี้มา ถ้าไล่หานซานเฉียนออกจากตระกูลซู แล้วเธอจะมีสิทธิ์อยู่ที่นี่ต่อไปได้อย่างไร? แม้ว่าทรัพย์สินของคู่สามีภรรยาจะสามารถแบ่งให้ซูหยิงเซี่ยได้ครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีหน้ามีตาเท่ากับการได้อยู่อาศัยในคฤหาสน์ใจกลางภูเขาอยู่ดี ดูท่าคงจะต้องหาวิธีทำให้หนังสือรับรองกรรมสิทธิ์คฤหาสน์หลังนี้เป็นชื่อของซูหยิงเซี่ยเท่านั้น จึงจะสามารถขับไล่หานซานเฉียนออกจากตระกูลซูได้ “คุณย่าคะ หนูไม่เห็นด้วยค่ะ” ซูหยิงเซี่ยยืนกรานหนักแน่น หญิงชราขบกรามจนแทบหัก สะบัดแขนเสื้อเดินหนีอย่างโกรธจัด ญาติพี่น้องทั้งหมดของตระกูลซูก็ตามหญิงชราออกไปจากคฤหาสน์ “คุณย่าครับ ซูหยิงเซี่ยไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด ผมเคยบอกตั้งนานแล้วว่าหานซานเฉียนมีความคิดจะเอาทรัพย์สินของตระกูลซูไป ดูจากท่าทีของซูหยิงเซี่ยในตอนนี้ ต่อไปตระกูลซูของเราคงจะไม่ตกไปอยู่ในมือของคนนอกคนนี้หรอกนะครับ” ซูไห่เฉาพูดกับหญิงชราที่อยู่ข้าง ๆ “ซูหยิงเซี่ยไม่มีทางได้เป็นประธานบริษัท รีบติดต่อจงเหลียงให้ย่าเดี๋ยวนี้" หญิงชรากล่าว ซูไห่เฉารู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที
เจี่ยงหลานและซูกั๋วเย่ากลับมาภายในเวลาไม่ถึงสามชั่วโมง ในคฤหาสน์นั้นมีทุกอย่างแล้ว พวกเขาเพียงแค่เอาเสื้อผ้ากลับมาเท่านั้น เจี่ยงหลานมีความแน่วแน่มากเป็นพิเศษ เธอวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะขายบ้านผ่านทางอินเตอร์เน็ต ดูเหมือนเธอจะได้อยู่ที่นี่ตลอดชีวิต ส่วนคำพูดที่เคยพูดกับหานซานเฉียนก่อนหน้านี้เธอลืมมันไปหมดแล้ว“บ้านหลังนี้ดูค่อนข้างว่างเปล่า พรุ่งนี้ฉันจะมาจัดห้องให้มันเป็นระเบียบสักหน่อย” ขณะที่เจี่ยงหลานพูด หานซานเฉียนกับซูหยิงเซี่ยไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ว่าฝันร้ายกลับกำลังจะเกิดขึ้นเช้าวันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนไปส่งซูหยิงเซี่ยทำงานตามปกติ ขณะที่เจี่ยงหลานไปตลาดฮวาเหนียว ไม่เพียงแค่ซื้อดอกไม้ต้นหญ้าราคาถูกกลับมาเป็นจำนวนมาก แต่ยังซื้อของประดับตกแต่งจำพวกขวด โถ และไหต่าง ๆ มากมาย ชิ้นหนึ่งประมาณสิบกว่าหยวน เอาวางไว้ที่ห้องนั่งเล่นเต็มไปหมดปรากฏว่าการตกแต่งสไตล์เรียบง่าย ถูกเจี่ยงหลานเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ และมีกลิ่นของราคาถูกทะลุออกมาอย่างชัดเจนคฤหาสน์สุดหรูราคาเกือบร้อยล้านหยวน ถ้าหากมองจากห้องนั่งเล่นถูกดึงราคาลงมาไม่ถึงล้านหยวนทั้งหมดนี้เจี่ยงหลานยังคงภาคภูมิใจใน
หญิงชราเริ่มพูดออกมาว่า “เรื่องของความร่วมมือ ความสามารถของซูหยิงเซี่ยมีจำกัด ฉันเกรงว่าจะทำให้โครงการเฉิงซีเกิดความล่าช้า”“ความสามารถของซูหยิงเซี่ยไม่ได้เก่งกาจอย่างที่ผมจินตนาการเอาไว้ก็จริง แต่ความสามารถในการเรียนรู้ของเธอก็ไม่เลวนะครับ ช่วงนี้เธอมีพัฒนาการที่ดีมาโดยตลอด และเป็นคนมีความรับผิดชอบอีกด้วย” จงเหลียงพูด“เด็กน้อยคนนี้มีความรับผิดชอบก็จริง เวลาทำอะไรก็จะทุ่มเทพยายามอย่างเต็มความสามารถ แต่ถึงยังไงความสามารถของมนุษย์ก็มีขีดจำกัด ไม่ว่าเธอจะเรียนรู้อีกสักเท่าไหร่มันย่อมมีขีดจำกัด เพื่อให้พวกเราร่วมมือกันได้ดีขึ้น ฉันก็เลยตั้งใจจะเปลี่ยนผู้รับผิดชอบโครงการน่ะค่ะ” หญิงชราพูดออกมาทันทีที่สิ้นเสียงของหญิงชรา ซูไห่เฉาก็พูดต่อว่า “พี่จง ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้มีส่วนร่วมในโครงการนี้ แต่ว่าสาระสำคัญเฉพาะของโครงการผมรู้ดีที่สุด ผมสามารถพัฒนาต่อได้อย่างสมบูรณ์ พี่ไม่ต้องกังวลใจกับปัญหาใด ๆ เลยครับ”เมื่อเห็นว่าจงเหลียงไม่ได้พูดอะไร อีกทั้งยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ทำให้ซูไห่เฉารู้สึกมั่นใจขึ้นไปอีก และพูดต่อว่า “ในตระกูลซู ผมมีอำนาจและความรู้ที่ล้ำหน้ากว่า ผมจะต้องทำได้ดีกว่าซูหยิงเซ
หญิงชราไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนี้ เพราะการให้อำนาจแก่ซูหยิงเซี่ย สำหรับตระกูลซูแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ดี และมันอันตรายจนถึงชีวิตสำหรับซูไห่เฉาการที่ซูหยิงเซี่ยแทรกซึมเข้ามามีอำนาจลำดับชั้นของบริษัท ภายหลังหากคิดจะลิดรอนสิทธิ์คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก โครงการเฉิงซีเองก็คงจะใช้เวลาในการดำเนินต่อไปอย่างน้อยสองถึงสามปี ในช่วงไม่กี่ปีนี้ซูหยิงเซี่ยสามารถสร้างชื่อเสียงของตัวเองในบริษัทได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลยแต่ว่าเพื่อรักษาความร่วมมือนี้ไว้ เธอจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้เพราะมีเพียงแค่ความร่วมมือนี้เท่านั้นที่จะทำให้ตระกูลซูอยู่รอดไปได้หากหญิงชรามีโอกาสอีกครั้ง วันนี้เธอจะไม่นัดพบกับจงเหลียงเด็ดขาด แต่ว่าตอนนี้มันสายไปแล้ว“ผมบอกแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ เจ้านายของผมจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้เอง” พูดจบจงเหลียงก็ตรงออกจากห้องประชุมทันทีซูไห่เฉาพูดกับหญิงชราด้วยความหวาดกลัวว่า “คุณย่าครับ พวกเราจะทำยังไงกันดีครับ ถ้าหากไม่มีความร่วมมือนี้แล้ว ตระกูลซูได้จบเห่แน่ครับ!”หญิงชราถลึงตาใส่ซูไห่เฉา ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาไร้ความสามารถ เรื่องต่าง ๆ ก็คงไม่มาถึงจุดนี้จงเหลียงตรวจสอบประ
เมื่อคนอื่น ๆ ในตระกูลซูรู้ว่าความร่วมมืออาจถูกยกเลิก ก็พากันแตกตื่นอยู่พักหนึ่ง ตระกูลซูวางเดิมพันอย่างหนักกับโครงการเฉิงซี ทุกคนในที่นี้ต่างรู้ดีว่าหากไม่มีความร่วมมือนี้ ตระกูลซูก็จะจบเห่เหมือนกัน“คุณแม่ ทำไมคุณแม่ถึงไม่ปรึกษาพวกเราก่อนล่ะคะ ท่าทีของจงเหลียงเมื่อครั้งก่อนมันก็ชัดเจนมากแล้ว นี่ไม่ใช่ว่าหาเรื่องใส่ตัวหรอกเหรอ?”“ใช่ค่ะ คุณย่าความร่วมมือนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซูหยิงเซี่ยก็ทำมันออกมาได้ดีอยู่แล้ว คุณย่าให้ซูไห่เฉาเข้ามาก้าวก่ายแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกันคะ”“ถ้าความร่วมมือนี้จบลง พวกเราทุกคนก็จะต้องเดือดร้อนไปด้วย ซูไห่เฉาจะเป็นคนแบกรับความรับผิดชอบนี้ไหวไหม?”บรรดาญาติ ๆ ต่างเริ่มโจมตีซูไห่เฉาซูไห่เฉาและซูกั๋วหลินไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะพวกเขารู้ดีว่าผลกระทบของเรื่องนี้มันร้ายแรงมากแค่ไหน “คุณย่าคะ พอจะมีทางทำให้เจ้าของสินสอดคนนั้นปรากฏตัวออกมาได้ไหมคะ เขาน่าจะช่วยตระกูลซูได้” ซูอี้หานพูดออกมา เรื่องสินสอดทองหมั้นซูอี้หานไม่อาจจะลืมมันได้ แม้กระทั่งตอนนี้ก็อยากจะเอาเครื่องประดับทองคำหยกและเงินสดพวกนั้นกลับบ้านใจจะขาดอีกทั้งตอนนี้ซูหยิงเซี่ยได้เข้าไปอาศัยอย
นี่นับเป็นครั้งแรกที่ซูหยิงเซี่ยได้รับการสนับสนุนจากทุกคน ในการประชุมภายในของตระกูลซู หลังจากการประชุม ซูไห่เฉากลับมาที่ห้องทำงานอย่างไม่พอใจ เขารู้ว่าถ้าหากซูหยิงเซี่ยทำสำเร็จ ตำแหน่งของเขาในบริษัทมีแนวโน้มที่จะตกต่ำลง หลังจากนี้ซูหยิงเซี่ยคงจะเหยียบย่ำเขา และมีความเป็นไปได้ว่าเธอจะสั่นคลอนตำแหน่งประธานกรรมการในอนาคตของเขาอีกด้วย“ไม่ได้ ฉันจะต้องหาวิธีออกจากสถานการณ์นี้ให้ได้” ซูไห่เฉาพูดพลางกัดฟันแน่นทันใดนั้นเอง ซูกั๋วหลินก็มาถึงที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน“ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยได้อยู่ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขา แถมยังมีอำนาจควบคุมบริษัทอีก มันน่าโมโหนัก” ซูกั๋วหลินพูดอย่างเดือดดาล“พ่อครับ พ่อช่วยผมคิดหาวิธีจัดการที ผมจะต้องทวงอำนาจกลับคืนมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงต้องอยู่เบื้องล่างของซูหยิงเซี่ยตลอดไปแน่” ซูไห่เฉากล่าวซูกั๋วหลินถอนหายใจออกมา ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการ แต่ในสถานการณ์ตอนนี้มันไม่มีทางเป็นไปได้ อีกทั้งหญิงชราก็ได้ออกคำสั่งออกมาแล้ว ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้“ไห่เฉา พ่อมาหาแกไม่ใช่เพื่อช่วยแกหาวิธีจัดการ แต่มาเพื่อเตือนแกว่าอย่าเพิ่งเข้าไปยุ่งอะไรในช่วงนี้” ซูกั๋
ซูหยิงเซี่ยบอกเรื่องที่หญิงชรากับซูไห่เฉาทำลงไปกับหานซานเฉียนว่า “คุณว่าพวกเขาหาแส่เรื่องใส่ตัวไหม ความร่วมมือกำลังราบรื่น แต่พวกเขาก็หาปัญหาเพิ่ม ตอนนี้คุณจงเหลียงก็ไม่รับโทรศัพท์ของฉัน และไม่ยอมมาพบฉันอีกด้วย ความร่วมมือในการทำงานกับบริษัทลั่วเฉวก็คงล่าช้าออกไปอีก”“นี่มัน…ปัญหาใหญ่เลยนะ ตอนนี้เพื่อนของผมไม่ได้อยู่ในประเทศ ผมเองก็ติดต่อเขาไม่ได้เหมือนกัน” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปมแน่นซูหยิงเซี่ยลอบมองหานซานเฉียน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้หน้าหนาขอให้หานซานเฉียนช่วยโดยตรง แต่เธอก็พูดไปตั้งมากมาย อันที่จริงมันก็เหมือนพูดอ้อม ๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่สามารถช่วยเธอได้จริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็คงจบเห่แล้วอย่างแน่นอน“ซานเฉียน” ซูหยิงเซี่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหานซานเฉียนใจกระตุก เขาพยายามกลั้นยิ้มที่มุมปากเอาไว้แล้วเอ่ยถามว่า “มีอะไรเหรอ?”ใบหน้าของซูหยิงเซี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่ออย่างไม่รู้ตัว เธอกัดริมฝีปากล่าง และไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่ครู่หนี่งหานซานเฉียนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร เขารออย่างเงียบ ๆ“คุณ...ช่วยฉันหน่อยได้ไหม?” ในที่สุดซูหยิงเซี่ยก็เค้นคำพูดนี้ออกมาจากปากของเธอห
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ