คำพูดของหานซานเฉียนทำให้ทั้งคฤหาสน์เงียบสงัดลงทันที จนสามารถได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตก มีสิทธิ์อะไรอย่างนั้นเหรอ ลูกเขยแต่งงานเข้าบ้านอย่างเขา กล้าถามได้อย่างไรว่าหญิงชรามีสิทธิ์อะไรที่จะเข้ามาอยู่อาศัยที่นี่! ซูกั๋วเย่ามองไปที่หานซานเฉียนอย่างขวัญหนีดีฝ่อ เขาพูดคำนี้ออกมาได้อย่างไร ถ้าทำให้หญิงชราโกรธ อนาคตของซูหยิงเซี่ยคงจะพังพินาศแน่ “หานซานเฉียน แกหุบปาก แกไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรที่นี่” ซูกั๋วเย่าพูดอย่างโกรธเคือง แม้ว่าเจี่ยงหลานจะรู้สึกแปลกใจ แต่เธอก็ค่อนข้างพอใจในท่าทีแข็งกร้าวของหานซานเฉียน อันที่จริงเธอก็ไม่ต้องแบกรับผลที่จะตามมาในภายหลัง ไม่ว่าหานซานเฉียนจะโวยวายอย่างไรก็ได้ ขอแค่อย่าให้หญิงชราเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ก็พอ “หานซานเฉียน วันนี้แกกินยาผิดรึไง? เงินนี้คุณปู่เป็นคนให้มา คุณย่าจะเข้ามาอยู่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว คนเกาะเมียกินอย่างแกต่างหากที่ควรไสหัวออกไป” ซูไห่เฉากล่าว “ใช่ แกต่างหากที่ควรออกไป คุณย่าเป็นผู้นำตระกูลซู มันเป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่ท่านจะอยู่ที่นี่” ซูอี้หานไม่อาจยอมรับได้ว่า ซูหยิงเซี่ยจะชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเธอ แต่เมื่อหานซานเฉียนออกมารนห
แต่พอกำลังจะพูด เจี่ยงหลานก็รีบห้ามปากตัวเองไว้ทันที หานซานเฉียนเป็นคนซื้อคฤหาสน์หลังนี้มา ถ้าไล่หานซานเฉียนออกจากตระกูลซู แล้วเธอจะมีสิทธิ์อยู่ที่นี่ต่อไปได้อย่างไร? แม้ว่าทรัพย์สินของคู่สามีภรรยาจะสามารถแบ่งให้ซูหยิงเซี่ยได้ครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีหน้ามีตาเท่ากับการได้อยู่อาศัยในคฤหาสน์ใจกลางภูเขาอยู่ดี ดูท่าคงจะต้องหาวิธีทำให้หนังสือรับรองกรรมสิทธิ์คฤหาสน์หลังนี้เป็นชื่อของซูหยิงเซี่ยเท่านั้น จึงจะสามารถขับไล่หานซานเฉียนออกจากตระกูลซูได้ “คุณย่าคะ หนูไม่เห็นด้วยค่ะ” ซูหยิงเซี่ยยืนกรานหนักแน่น หญิงชราขบกรามจนแทบหัก สะบัดแขนเสื้อเดินหนีอย่างโกรธจัด ญาติพี่น้องทั้งหมดของตระกูลซูก็ตามหญิงชราออกไปจากคฤหาสน์ “คุณย่าครับ ซูหยิงเซี่ยไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด ผมเคยบอกตั้งนานแล้วว่าหานซานเฉียนมีความคิดจะเอาทรัพย์สินของตระกูลซูไป ดูจากท่าทีของซูหยิงเซี่ยในตอนนี้ ต่อไปตระกูลซูของเราคงจะไม่ตกไปอยู่ในมือของคนนอกคนนี้หรอกนะครับ” ซูไห่เฉาพูดกับหญิงชราที่อยู่ข้าง ๆ “ซูหยิงเซี่ยไม่มีทางได้เป็นประธานบริษัท รีบติดต่อจงเหลียงให้ย่าเดี๋ยวนี้" หญิงชรากล่าว ซูไห่เฉารู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที
เจี่ยงหลานและซูกั๋วเย่ากลับมาภายในเวลาไม่ถึงสามชั่วโมง ในคฤหาสน์นั้นมีทุกอย่างแล้ว พวกเขาเพียงแค่เอาเสื้อผ้ากลับมาเท่านั้น เจี่ยงหลานมีความแน่วแน่มากเป็นพิเศษ เธอวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะขายบ้านผ่านทางอินเตอร์เน็ต ดูเหมือนเธอจะได้อยู่ที่นี่ตลอดชีวิต ส่วนคำพูดที่เคยพูดกับหานซานเฉียนก่อนหน้านี้เธอลืมมันไปหมดแล้ว“บ้านหลังนี้ดูค่อนข้างว่างเปล่า พรุ่งนี้ฉันจะมาจัดห้องให้มันเป็นระเบียบสักหน่อย” ขณะที่เจี่ยงหลานพูด หานซานเฉียนกับซูหยิงเซี่ยไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ว่าฝันร้ายกลับกำลังจะเกิดขึ้นเช้าวันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนไปส่งซูหยิงเซี่ยทำงานตามปกติ ขณะที่เจี่ยงหลานไปตลาดฮวาเหนียว ไม่เพียงแค่ซื้อดอกไม้ต้นหญ้าราคาถูกกลับมาเป็นจำนวนมาก แต่ยังซื้อของประดับตกแต่งจำพวกขวด โถ และไหต่าง ๆ มากมาย ชิ้นหนึ่งประมาณสิบกว่าหยวน เอาวางไว้ที่ห้องนั่งเล่นเต็มไปหมดปรากฏว่าการตกแต่งสไตล์เรียบง่าย ถูกเจี่ยงหลานเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ และมีกลิ่นของราคาถูกทะลุออกมาอย่างชัดเจนคฤหาสน์สุดหรูราคาเกือบร้อยล้านหยวน ถ้าหากมองจากห้องนั่งเล่นถูกดึงราคาลงมาไม่ถึงล้านหยวนทั้งหมดนี้เจี่ยงหลานยังคงภาคภูมิใจใน
หญิงชราเริ่มพูดออกมาว่า “เรื่องของความร่วมมือ ความสามารถของซูหยิงเซี่ยมีจำกัด ฉันเกรงว่าจะทำให้โครงการเฉิงซีเกิดความล่าช้า”“ความสามารถของซูหยิงเซี่ยไม่ได้เก่งกาจอย่างที่ผมจินตนาการเอาไว้ก็จริง แต่ความสามารถในการเรียนรู้ของเธอก็ไม่เลวนะครับ ช่วงนี้เธอมีพัฒนาการที่ดีมาโดยตลอด และเป็นคนมีความรับผิดชอบอีกด้วย” จงเหลียงพูด“เด็กน้อยคนนี้มีความรับผิดชอบก็จริง เวลาทำอะไรก็จะทุ่มเทพยายามอย่างเต็มความสามารถ แต่ถึงยังไงความสามารถของมนุษย์ก็มีขีดจำกัด ไม่ว่าเธอจะเรียนรู้อีกสักเท่าไหร่มันย่อมมีขีดจำกัด เพื่อให้พวกเราร่วมมือกันได้ดีขึ้น ฉันก็เลยตั้งใจจะเปลี่ยนผู้รับผิดชอบโครงการน่ะค่ะ” หญิงชราพูดออกมาทันทีที่สิ้นเสียงของหญิงชรา ซูไห่เฉาก็พูดต่อว่า “พี่จง ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้มีส่วนร่วมในโครงการนี้ แต่ว่าสาระสำคัญเฉพาะของโครงการผมรู้ดีที่สุด ผมสามารถพัฒนาต่อได้อย่างสมบูรณ์ พี่ไม่ต้องกังวลใจกับปัญหาใด ๆ เลยครับ”เมื่อเห็นว่าจงเหลียงไม่ได้พูดอะไร อีกทั้งยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ทำให้ซูไห่เฉารู้สึกมั่นใจขึ้นไปอีก และพูดต่อว่า “ในตระกูลซู ผมมีอำนาจและความรู้ที่ล้ำหน้ากว่า ผมจะต้องทำได้ดีกว่าซูหยิงเซ
หญิงชราไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนี้ เพราะการให้อำนาจแก่ซูหยิงเซี่ย สำหรับตระกูลซูแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ดี และมันอันตรายจนถึงชีวิตสำหรับซูไห่เฉาการที่ซูหยิงเซี่ยแทรกซึมเข้ามามีอำนาจลำดับชั้นของบริษัท ภายหลังหากคิดจะลิดรอนสิทธิ์คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก โครงการเฉิงซีเองก็คงจะใช้เวลาในการดำเนินต่อไปอย่างน้อยสองถึงสามปี ในช่วงไม่กี่ปีนี้ซูหยิงเซี่ยสามารถสร้างชื่อเสียงของตัวเองในบริษัทได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลยแต่ว่าเพื่อรักษาความร่วมมือนี้ไว้ เธอจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้เพราะมีเพียงแค่ความร่วมมือนี้เท่านั้นที่จะทำให้ตระกูลซูอยู่รอดไปได้หากหญิงชรามีโอกาสอีกครั้ง วันนี้เธอจะไม่นัดพบกับจงเหลียงเด็ดขาด แต่ว่าตอนนี้มันสายไปแล้ว“ผมบอกแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ เจ้านายของผมจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้เอง” พูดจบจงเหลียงก็ตรงออกจากห้องประชุมทันทีซูไห่เฉาพูดกับหญิงชราด้วยความหวาดกลัวว่า “คุณย่าครับ พวกเราจะทำยังไงกันดีครับ ถ้าหากไม่มีความร่วมมือนี้แล้ว ตระกูลซูได้จบเห่แน่ครับ!”หญิงชราถลึงตาใส่ซูไห่เฉา ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาไร้ความสามารถ เรื่องต่าง ๆ ก็คงไม่มาถึงจุดนี้จงเหลียงตรวจสอบประ
เมื่อคนอื่น ๆ ในตระกูลซูรู้ว่าความร่วมมืออาจถูกยกเลิก ก็พากันแตกตื่นอยู่พักหนึ่ง ตระกูลซูวางเดิมพันอย่างหนักกับโครงการเฉิงซี ทุกคนในที่นี้ต่างรู้ดีว่าหากไม่มีความร่วมมือนี้ ตระกูลซูก็จะจบเห่เหมือนกัน“คุณแม่ ทำไมคุณแม่ถึงไม่ปรึกษาพวกเราก่อนล่ะคะ ท่าทีของจงเหลียงเมื่อครั้งก่อนมันก็ชัดเจนมากแล้ว นี่ไม่ใช่ว่าหาเรื่องใส่ตัวหรอกเหรอ?”“ใช่ค่ะ คุณย่าความร่วมมือนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซูหยิงเซี่ยก็ทำมันออกมาได้ดีอยู่แล้ว คุณย่าให้ซูไห่เฉาเข้ามาก้าวก่ายแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกันคะ”“ถ้าความร่วมมือนี้จบลง พวกเราทุกคนก็จะต้องเดือดร้อนไปด้วย ซูไห่เฉาจะเป็นคนแบกรับความรับผิดชอบนี้ไหวไหม?”บรรดาญาติ ๆ ต่างเริ่มโจมตีซูไห่เฉาซูไห่เฉาและซูกั๋วหลินไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะพวกเขารู้ดีว่าผลกระทบของเรื่องนี้มันร้ายแรงมากแค่ไหน “คุณย่าคะ พอจะมีทางทำให้เจ้าของสินสอดคนนั้นปรากฏตัวออกมาได้ไหมคะ เขาน่าจะช่วยตระกูลซูได้” ซูอี้หานพูดออกมา เรื่องสินสอดทองหมั้นซูอี้หานไม่อาจจะลืมมันได้ แม้กระทั่งตอนนี้ก็อยากจะเอาเครื่องประดับทองคำหยกและเงินสดพวกนั้นกลับบ้านใจจะขาดอีกทั้งตอนนี้ซูหยิงเซี่ยได้เข้าไปอาศัยอย
นี่นับเป็นครั้งแรกที่ซูหยิงเซี่ยได้รับการสนับสนุนจากทุกคน ในการประชุมภายในของตระกูลซู หลังจากการประชุม ซูไห่เฉากลับมาที่ห้องทำงานอย่างไม่พอใจ เขารู้ว่าถ้าหากซูหยิงเซี่ยทำสำเร็จ ตำแหน่งของเขาในบริษัทมีแนวโน้มที่จะตกต่ำลง หลังจากนี้ซูหยิงเซี่ยคงจะเหยียบย่ำเขา และมีความเป็นไปได้ว่าเธอจะสั่นคลอนตำแหน่งประธานกรรมการในอนาคตของเขาอีกด้วย“ไม่ได้ ฉันจะต้องหาวิธีออกจากสถานการณ์นี้ให้ได้” ซูไห่เฉาพูดพลางกัดฟันแน่นทันใดนั้นเอง ซูกั๋วหลินก็มาถึงที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน“ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยได้อยู่ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขา แถมยังมีอำนาจควบคุมบริษัทอีก มันน่าโมโหนัก” ซูกั๋วหลินพูดอย่างเดือดดาล“พ่อครับ พ่อช่วยผมคิดหาวิธีจัดการที ผมจะต้องทวงอำนาจกลับคืนมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงต้องอยู่เบื้องล่างของซูหยิงเซี่ยตลอดไปแน่” ซูไห่เฉากล่าวซูกั๋วหลินถอนหายใจออกมา ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการ แต่ในสถานการณ์ตอนนี้มันไม่มีทางเป็นไปได้ อีกทั้งหญิงชราก็ได้ออกคำสั่งออกมาแล้ว ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้“ไห่เฉา พ่อมาหาแกไม่ใช่เพื่อช่วยแกหาวิธีจัดการ แต่มาเพื่อเตือนแกว่าอย่าเพิ่งเข้าไปยุ่งอะไรในช่วงนี้” ซูกั๋
ซูหยิงเซี่ยบอกเรื่องที่หญิงชรากับซูไห่เฉาทำลงไปกับหานซานเฉียนว่า “คุณว่าพวกเขาหาแส่เรื่องใส่ตัวไหม ความร่วมมือกำลังราบรื่น แต่พวกเขาก็หาปัญหาเพิ่ม ตอนนี้คุณจงเหลียงก็ไม่รับโทรศัพท์ของฉัน และไม่ยอมมาพบฉันอีกด้วย ความร่วมมือในการทำงานกับบริษัทลั่วเฉวก็คงล่าช้าออกไปอีก”“นี่มัน…ปัญหาใหญ่เลยนะ ตอนนี้เพื่อนของผมไม่ได้อยู่ในประเทศ ผมเองก็ติดต่อเขาไม่ได้เหมือนกัน” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปมแน่นซูหยิงเซี่ยลอบมองหานซานเฉียน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้หน้าหนาขอให้หานซานเฉียนช่วยโดยตรง แต่เธอก็พูดไปตั้งมากมาย อันที่จริงมันก็เหมือนพูดอ้อม ๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่สามารถช่วยเธอได้จริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็คงจบเห่แล้วอย่างแน่นอน“ซานเฉียน” ซูหยิงเซี่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหานซานเฉียนใจกระตุก เขาพยายามกลั้นยิ้มที่มุมปากเอาไว้แล้วเอ่ยถามว่า “มีอะไรเหรอ?”ใบหน้าของซูหยิงเซี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่ออย่างไม่รู้ตัว เธอกัดริมฝีปากล่าง และไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่ครู่หนี่งหานซานเฉียนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร เขารออย่างเงียบ ๆ“คุณ...ช่วยฉันหน่อยได้ไหม?” ในที่สุดซูหยิงเซี่ยก็เค้นคำพูดนี้ออกมาจากปากของเธอห