“แม่คะ แม่ไปเอาของโกโรโกโสพวกนี้มาจากไหนคะ” ซูหยิงเซี่ยมองไปที่แม่ของเธอแล้วบ่นออกมา หลังจากโดนเธอทำแบบนี้ คฤหาสน์ก็เหมือนกลายเป็นที่เก็บสะสมขยะทันที รสนิยมและสไตล์การแต่งบ้านก่อนหน้านี้ได้หายไปอย่างสมบูรณ์“อะไรคือโกโรโกโส ทั้งหมดนี้แม่ซื้อมาด้วยเงินนะ” เจี่ยงหลานที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที เธอคัดเลือกสิ่งของทุกอย่างมาด้วยความตั้งอกตั้งใจ และใช้เวลาต่อรองราคากับเถ้าแก่มาตั้งครึ่งวัน แต่ซูหยิงเซี่ยกลับบอกว่ามันเป็นสิ่งของโกโรโกโส“อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ราคาหลายสิบล้านหยวน แต่แม่กลับซื้อของราคาไม่กี่สิบหยวนมาวางประดับไว้ในคฤหาสน์แบบนี้ มันไม่ตลกเหรอคะ? อีกอย่างมันดูดีตรงไหนกัน มันดูไม่ต่างกับขยะเลยต่างหาก” ซูหยิงเซี่ยรู้สึกโกรธจัด การที่หานซานเฉียนตกแต่งบ้าน เขาต้องใช้กำลังกายและกำลังใจอย่างมากแน่นอน แต่สิ่งที่แม่ของเธอทำได้ทำลายรูปแบบการตกแต่งไปทั้งหมด“รังเกียจของถูกงั้นเหรอ? ได้” เจี่ยงหลานยื่นมือของเธอออกไปตรงหน้าซูหยิงเซี่ยและพูดว่า “ลูกก็ให้เงินแม่มาสิ แม่จะซื้อของดี ๆ ที่มีราคาเหมาะสมกับคฤหาสน์หลังนี้กลับมาให้”“แม่คะ…” ซูหยิงเซี่ยโกรธจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี
หลังจากที่เจี่ยงหลานเปิดประตู เธอยังคงประหลาดใจและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งคนเหล่านั้นเริ่มเคลื่อนย้ายสิ่งของที่เธอซื้อมา เจี่ยงหลานก็เกิดอาการคลุ้มคลั่งทันที “พวกแกกำลังทำอะไร มาเอาของในบ้านของพวกเราไปทำไม?”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของแผนกทรัพย์สินมีรูปร่างสูงใหญ่ เจี่ยงหลานจึงทำได้เพียงแค่ตะโกนร้องเอะอะโวยวาย แต่ไม่กล้าเข้าไปขัดขวาง แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงที่เก่งแต่ปากเท่านั้นหลังจากของที่เจี่ยงหลานซื้อมาถูกขนออกไปจนหมด หานซานเฉียนถึงค่อยเดินออกมาจากห้อง“หานซานเฉียน ทำไมแกยังไม่หยุดพวกเขาอีก พวกเขาเข้ามาปล้นตอนกลางวันแสก ๆ สิ่งของพวกนี้ฉันจ่ายเงินซื้อมานะ” เจี่ยงหลานพูดกับหานซานเฉียนอย่างกระวนกระวาย ราวกับมดที่อยู่บนหม้อไฟ“ผมเรียกพวกเขามาเอง” หานซานเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ“อะไรนะ!” เจี่ยงหลานตกตะลึง ก่อนจะรู้สึกเดือดดาลในทันทีและถามว่า “หานซานเฉียน แกหมายความว่ายังไง แกดูถูกของที่ฉันซื้อกลับมาพวกนี้อย่างงั้นเหรอ”“ใช่ครับ ผมดูถูกมันจริง ๆ นั่นแหละ” หานซานเฉียนพูดเสียงเย็น“แกสั่งให้พวกเขาเอาของ ๆ ฉันกลับมาคืนที่เดิมเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น…” ไสหัวไป
คุณนายคนนั้นพูดพร้อมกับนำกระเป๋าเงินหนัก ๆ ที่อยู่ในมือตีเข้าไปที่หัวของหญิงวัยกลางคนหญิงวัยกลางคนถูกคนอื่นชี้หน้า เธอได้แต่พูดซ้ำ ๆ ว่า “ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้เอาไปจริง ๆ นะเธอใส่ร้ายฉัน”“ใส่ร้ายแกอย่างงั้นเหรอ? ฉันจะใส่ร้ายคนต่ำต้อยอย่างแกไปทำไมกัน ฉันจำเป็นต้องกุเรื่องเพราะเงินแค่นี้เหรอ?” คุณนายคนนั้นพูด พร้อมกับใช้มือตบเข้าที่หน้าหญิงวัยกลางคน แต่ก็ยังไม่สะสาแก่ใจ เธอจึงใช้ส้นสูงเตะหล่อนซ้ำเข้าไปอีกสองที“พวกคุณมองดูฉันให้ดีสิ ๆ ฉันดูเหมือนคนที่ขัดสนกับเงินแค่ไม่กี่หมื่นหยวนเหรอ? ฉันแค่ไม่อยากให้กากเดนมนุษย์แบบนี้ไปทำให้คนอื่นเกิดความเสียหายอีกก็เท่านั้น” คุณนายคนนั้นกล่าวเมื่อมองจากการแต่งกายของเธอ เธอก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนที่ขัดสนเรื่องเงินจริง ๆ ดังนั้นฝูงชนจึงไม่ได้สงสัยในตัวเธอ และยิ่งกล่าวหาหญิงวัยกลางคนอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างช่วยตัวเองพูด คุณนายคนนั้นก็มีสีหน้าพึงพอใจ เธอเหลือบมองหญิงวัยกลางคนพร้อมกับพูดอย่างดูถูกว่า “ยัยหัวขโมย วันนี้ฉันจะทำให้ทุกคนได้เห็นหน้าตาของแก อย่าคิดว่าจะได้งานทำในเมืองหยุนเฉิงนี้อีก”รู้หน้าไม่รู้ใจ คำพูด
หานซานเฉียนพยักหน้ารับผู้คนที่มุงดูไม่ได้สนใจว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน ในใจอยากให้เรื่องมันรุกรามไปเลยด้วยซ้ำ อย่างไรวันนี้ก็คงหางานไม่ได้ มีการแสดงสนุก ๆ ให้ดูก็ถือว่าไม่เสียเที่ยวแล้วหลังจากที่คุณนายโทรศัพท์หาใครบางคน เพียงไม่ถึงสิบนาทีก็มีกลุ่มคนมาที่กรมแรงงานแห่งนี้ กลุ่มคนอันธพาลที่ดูชั่วร้ายสิบกว่าคน ร่างกายท่อนบนสักรูปมังกรและนกฟีนิกซ์ แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี“ออกไป ออกไป อย่ามาขวางทางฉัน”ฝูงชนต่างพากันหลีกทางโดยอัตโนมัติ ชายวัยกลางคนที่หัวใกล้ล้านเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดอย่างที่สุดเมื่อคุณนายเห็นเขาก็เดินขากะเผลกไปยืนอยู่ข้าง ๆ คนนั้นแล้วพูดว่า “ที่รัก ไอ้หมาตัวนี้มันทำร้ายฉัน”“สารเลว กล้าทำร้ายผู้หญิงของหลิวกวง แกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ?” หลิวกวงดูแข็งแกร่งและน่าเกรงขาม ผู้คนที่อยู่ข้างหลังเขาก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้“หลิวกวง!”“คน ๆ นี้คือ หลิวกวง”“ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง มิน่าล่ะผู้หญิงคนนั้นถึงได้หยิ่งผยองขนาดนั้น”หลังจากที่หลิวกวงประกาศว่าตัวเองคือใคร ผู้คนในที่เกิดเหตุต่างก็ตกตะลึง เพราะพวกเขารู้จักคน ๆ นี้เป็นอย่างดีหลิวก
เมื่อม่อหยางเห็นหานซานเฉียนก็หัวเราะออกมาพร้อมกับเอามือแตะไปที่จมูกแล้วพูดว่า “บังเอิญจริง ๆ”“บังเอิญจริง ๆ” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างประชดประชัน “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?”“ฉันมาคุยธุระนิดหน่อย ได้ยินลูกน้องบอกว่ามีเรื่องสนุกเกิดขึ้นที่นี่ จึงแวะมาดูหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะเป็นนาย” ม่อหยางพูดหานซานเฉียนไม่ได้สงสัยว่าม่อหยางจะส่งคนมาติดตามเขา เพราะมันไม่จำเป็น การเจอกันของสองคนจึงเป็นเรื่องบังเอิญโดยสมบูรณ์ทันใดนั้นหลิวกวงที่เจ็บปวดจนเป็นตะคริวในที่สุดก็ได้สติ เมื่อเห็นม่อหยางก็รีบร้องเรียกเขาทันที “พี่หยางครับ ไอคนนอกคอกนี่มันกล้าทำร้ายผม พี่หยางต้องช่วยผมจัดการมันด้วยนะครับ”ม่อหยางมองหลิวกวงอย่างไม่สบอารมณ์ และหันไปพูดกับลูกสมุนของเขาว่า “จัดการซะ”คนจำนวนมากเดินไปหาหลิวกวง พร้อมกับต่อยเข้าไปที่หลิวกวงโดยไม่พูดอะไรสักคำ ผู้คนที่กำมุงดูอยู่ต่างก็พากันตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน แม้แต่หลิวกวงก็ยังเรียกเขาว่าพี่ แถมเขายังทำร้ายหลิวกวงอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแกร่งกว่าหลิวกวง“พี่หยาง พี่หยาง พี่รีบบอกให้พวกเขาหยุดเถอะ ผมไม่ได้ก่อความวุ่น
อันที่จริงแล้วเธออาศัยจังหวะที่หลิวกวงไม่อยู่บ้าน ออกไปคลับเฮ้าส์ และพาชายหนุ่มล่ำบึกกลับไปที่บ้านด้วย แต่ว่าเธอจ่ายเงินไปแล้ว เขาจะขโมยเเงินของเธอทำไม?อีกอย่างเธอจะอธิบายเรื่องนี้ต่อหน้าหลิวกวงอย่างไร?“นังบ้า แอบนอกใจลับหลังฉันอย่างงั้นเหรอ” หลิวกวงโกรธจัดจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้“ไม่ ๆ ๆ ฉันไม่ได้ทำนะ ฉันไม่ได้ทำ เธอปรักปรำฉัน ฉันไม่ได้นอกใจคุณนะ” คุณนายพูดออกมาอย่างตื่นตระหนกหลิวกวงฝืนความเจ็บปวดยืนขึ้นมา แล้วจับผมของคุณนายคนนั้นพร้อมกับตบเข้าไปที่หน้าของเธอหลายครั้ง “ฉันหาเงินมาเลี้ยงดูเธอ แต่เธอกลับเอาเงินของฉันไปเลี้ยงดูผู้ชาย นังผู้หญิงสารเลว คิดว่าฉันจะไม่กล้าฆ่าเธอใช่ไหม”คุณนายถูกตบจนเวียนหัวตาลาย ใบหน้าของเธอปูดบวมออกมา และพูดอ้อนวอนขอความเมตตาว่า “ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว”หลิวกวงเป็นผู้ชายที่รักศักดิ์ศรีคนหนึ่ง เขาได้รู้ว่าผู้หญิงของตัวเองคบชู้ต่อหน้าพยานตั้งหลายคน แล้วเขายอมได้ยังไง เขาจึงลงมือกับเธออย่างไร้ความปราณี หลังจากถีบผู้หญิงคนนั้นจนล้มลงกับพื้น เขาก็ยังเตะซ้ำไปอีกหลายทีผู้คนที่มองดูต่างไม่คิดว่าเหตุการณ์จะกลายเป็นแบบนี้ พวกเข
เมื่อพาเหอถิงเข้ามาในบ้าน ขณะที่หานซานเฉียนกำลังจะจัดหาห้องให้คุณป้าเหอถิงอยู่นั้น เจี่ยงหลานก็เดินลงมาจากข้างบนพอดี“หานซานเฉียน แกกำลังทำอะไรน่ะ แล้วคนนี้เป็นใคร?” เจี่ยงหลานถามหานซานเฉียนอย่างสงสัย“ป้าเหอ เธอคือคนที่ผมจ้างงานมาเป็นแม่บ้าน ทำอาหารและทำความสะอาดครับ” หานซานเฉียนกล่าวจ้างแม่บ้าน?เจี่ยงหลานเดินไปหาหานซานเฉียนด้วยความโกรธ และพูดเสียงเย็นว่า “ตอนนี้แกปีกกล้าขาแข็งจริง ๆ แล้วสินะ จ้างแม่บ้านโดยไม่ต้องถามความเห็นชอบจากฉันก่อนงั้นเหรอ ถ้าแกไม่อยากทำอาหารให้พวกเราก็บอกมาตรง ๆ ฉันจะทำเอง”“ได้สิครับ” หานซานเฉียนมองเจี่ยงหลานด้วยสายตาเฉยเมย แล้วหันกลับไปพูดกับป้าเหอถิงว่า “ป้าเหอครับ ในเมื่อมีคนทำอาหารแล้ว ป้าแค่ทำความสะอาดก็พอครับ”เจี่ยงหลานกัดฟังอย่างโกรธเคือง เธอจะทำอาหารได้อย่างไร? นับตั้งแต่หานซานเฉียนเข้ามาอยู่ในตระกูลซู เธอก็อยู่ห่างจากครัว และคุ้นชินกับชีวิตที่มีอาหารมาเสิร์ฟถึงที่ เธอเพียงแค่พูดออกไปเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าหานซานเฉียนจะจริงจังกับมัน“อยากกินอาหารที่ฉันทำงั้นเหรอ แกไม่มีสิทธิ์” เจี่ยงหลานมองหานซานเฉียนอย่างเย็นชา และพูดต่อว่า “แกจ้างเธอเดือนล
ทันใดนั้นก็มีหญิงวัยกลางคนท่วงท่าดูสง่างามคนหนึ่งเดินมาทางเจี่ยงหลาน พร้อมบอดี้การ์ดใส่ชุดสูทสีดำอยู่ข้างหลังหลายสิบคน การปรากฏตัวอย่างเอิกเกริกนี้ดูก็รู้ว่าคือผู้มีอิทธิพลอีกทั้งลักษณะบุคลิกภาพและรูปลักษณ์ของเธอนั้นทำให้เจี่ยงหลานและคนอื่น ๆ รู้สึกอับอายขายหน้าที่สู้ไม่ได้“คุณนายจากตระกูลไหนกัน ออกมาข้างนอกต้องพกพาบอดี้การ์ดเยอะแยะขนาดนั้น”“มีเงินนี่มันดีจริง ๆ ถ้าฉันมีเงิน ฉันก็จะดูแลตัวเองดี ๆ อย่างเธอเช่นกัน”“ทำไมเธอถึงเดินตรงมาทางพวกเราล่ะ เจี่ยงหลาน คนรู้จักของเธอรึเปล่า”ผู้หญิงคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจี่ยงหลานเจี่ยงหลานมองดูเธออย่างสงสัย“คุณคือเจี่ยงหลานใช่ไหม?”“ใช่...ใช่ฉันเอง ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ”‘เพี๊ยะ’นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะตบเข้าไปบนหน้าของเจี่ยงหลานในทันทีเพื่อนของเจี่ยงหลานที่เห็นเหตุการณ์นี้ แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอก็ตาม แต่เมื่อเห็นบอดี้การ์ดกว่าสิบคนของอีกฝ่าย ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ“เธอ...เธอตบฉันทำไม ฉันรู้จักเธอด้วยเหรอ?” เจี่ยงหลานยกมือขึ้นจับแก้ม ก่อนจะถามอย่างโกรธเคือง “จำชื่อของฉันเอาไว้ให้ดี ฉันชื