เมื่อม่อหยางเห็นหานซานเฉียนก็หัวเราะออกมาพร้อมกับเอามือแตะไปที่จมูกแล้วพูดว่า “บังเอิญจริง ๆ”“บังเอิญจริง ๆ” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างประชดประชัน “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?”“ฉันมาคุยธุระนิดหน่อย ได้ยินลูกน้องบอกว่ามีเรื่องสนุกเกิดขึ้นที่นี่ จึงแวะมาดูหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะเป็นนาย” ม่อหยางพูดหานซานเฉียนไม่ได้สงสัยว่าม่อหยางจะส่งคนมาติดตามเขา เพราะมันไม่จำเป็น การเจอกันของสองคนจึงเป็นเรื่องบังเอิญโดยสมบูรณ์ทันใดนั้นหลิวกวงที่เจ็บปวดจนเป็นตะคริวในที่สุดก็ได้สติ เมื่อเห็นม่อหยางก็รีบร้องเรียกเขาทันที “พี่หยางครับ ไอคนนอกคอกนี่มันกล้าทำร้ายผม พี่หยางต้องช่วยผมจัดการมันด้วยนะครับ”ม่อหยางมองหลิวกวงอย่างไม่สบอารมณ์ และหันไปพูดกับลูกสมุนของเขาว่า “จัดการซะ”คนจำนวนมากเดินไปหาหลิวกวง พร้อมกับต่อยเข้าไปที่หลิวกวงโดยไม่พูดอะไรสักคำ ผู้คนที่กำมุงดูอยู่ต่างก็พากันตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน แม้แต่หลิวกวงก็ยังเรียกเขาว่าพี่ แถมเขายังทำร้ายหลิวกวงอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแกร่งกว่าหลิวกวง“พี่หยาง พี่หยาง พี่รีบบอกให้พวกเขาหยุดเถอะ ผมไม่ได้ก่อความวุ่น
อันที่จริงแล้วเธออาศัยจังหวะที่หลิวกวงไม่อยู่บ้าน ออกไปคลับเฮ้าส์ และพาชายหนุ่มล่ำบึกกลับไปที่บ้านด้วย แต่ว่าเธอจ่ายเงินไปแล้ว เขาจะขโมยเเงินของเธอทำไม?อีกอย่างเธอจะอธิบายเรื่องนี้ต่อหน้าหลิวกวงอย่างไร?“นังบ้า แอบนอกใจลับหลังฉันอย่างงั้นเหรอ” หลิวกวงโกรธจัดจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้“ไม่ ๆ ๆ ฉันไม่ได้ทำนะ ฉันไม่ได้ทำ เธอปรักปรำฉัน ฉันไม่ได้นอกใจคุณนะ” คุณนายพูดออกมาอย่างตื่นตระหนกหลิวกวงฝืนความเจ็บปวดยืนขึ้นมา แล้วจับผมของคุณนายคนนั้นพร้อมกับตบเข้าไปที่หน้าของเธอหลายครั้ง “ฉันหาเงินมาเลี้ยงดูเธอ แต่เธอกลับเอาเงินของฉันไปเลี้ยงดูผู้ชาย นังผู้หญิงสารเลว คิดว่าฉันจะไม่กล้าฆ่าเธอใช่ไหม”คุณนายถูกตบจนเวียนหัวตาลาย ใบหน้าของเธอปูดบวมออกมา และพูดอ้อนวอนขอความเมตตาว่า “ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว”หลิวกวงเป็นผู้ชายที่รักศักดิ์ศรีคนหนึ่ง เขาได้รู้ว่าผู้หญิงของตัวเองคบชู้ต่อหน้าพยานตั้งหลายคน แล้วเขายอมได้ยังไง เขาจึงลงมือกับเธออย่างไร้ความปราณี หลังจากถีบผู้หญิงคนนั้นจนล้มลงกับพื้น เขาก็ยังเตะซ้ำไปอีกหลายทีผู้คนที่มองดูต่างไม่คิดว่าเหตุการณ์จะกลายเป็นแบบนี้ พวกเข
เมื่อพาเหอถิงเข้ามาในบ้าน ขณะที่หานซานเฉียนกำลังจะจัดหาห้องให้คุณป้าเหอถิงอยู่นั้น เจี่ยงหลานก็เดินลงมาจากข้างบนพอดี“หานซานเฉียน แกกำลังทำอะไรน่ะ แล้วคนนี้เป็นใคร?” เจี่ยงหลานถามหานซานเฉียนอย่างสงสัย“ป้าเหอ เธอคือคนที่ผมจ้างงานมาเป็นแม่บ้าน ทำอาหารและทำความสะอาดครับ” หานซานเฉียนกล่าวจ้างแม่บ้าน?เจี่ยงหลานเดินไปหาหานซานเฉียนด้วยความโกรธ และพูดเสียงเย็นว่า “ตอนนี้แกปีกกล้าขาแข็งจริง ๆ แล้วสินะ จ้างแม่บ้านโดยไม่ต้องถามความเห็นชอบจากฉันก่อนงั้นเหรอ ถ้าแกไม่อยากทำอาหารให้พวกเราก็บอกมาตรง ๆ ฉันจะทำเอง”“ได้สิครับ” หานซานเฉียนมองเจี่ยงหลานด้วยสายตาเฉยเมย แล้วหันกลับไปพูดกับป้าเหอถิงว่า “ป้าเหอครับ ในเมื่อมีคนทำอาหารแล้ว ป้าแค่ทำความสะอาดก็พอครับ”เจี่ยงหลานกัดฟังอย่างโกรธเคือง เธอจะทำอาหารได้อย่างไร? นับตั้งแต่หานซานเฉียนเข้ามาอยู่ในตระกูลซู เธอก็อยู่ห่างจากครัว และคุ้นชินกับชีวิตที่มีอาหารมาเสิร์ฟถึงที่ เธอเพียงแค่พูดออกไปเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าหานซานเฉียนจะจริงจังกับมัน“อยากกินอาหารที่ฉันทำงั้นเหรอ แกไม่มีสิทธิ์” เจี่ยงหลานมองหานซานเฉียนอย่างเย็นชา และพูดต่อว่า “แกจ้างเธอเดือนล
ทันใดนั้นก็มีหญิงวัยกลางคนท่วงท่าดูสง่างามคนหนึ่งเดินมาทางเจี่ยงหลาน พร้อมบอดี้การ์ดใส่ชุดสูทสีดำอยู่ข้างหลังหลายสิบคน การปรากฏตัวอย่างเอิกเกริกนี้ดูก็รู้ว่าคือผู้มีอิทธิพลอีกทั้งลักษณะบุคลิกภาพและรูปลักษณ์ของเธอนั้นทำให้เจี่ยงหลานและคนอื่น ๆ รู้สึกอับอายขายหน้าที่สู้ไม่ได้“คุณนายจากตระกูลไหนกัน ออกมาข้างนอกต้องพกพาบอดี้การ์ดเยอะแยะขนาดนั้น”“มีเงินนี่มันดีจริง ๆ ถ้าฉันมีเงิน ฉันก็จะดูแลตัวเองดี ๆ อย่างเธอเช่นกัน”“ทำไมเธอถึงเดินตรงมาทางพวกเราล่ะ เจี่ยงหลาน คนรู้จักของเธอรึเปล่า”ผู้หญิงคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจี่ยงหลานเจี่ยงหลานมองดูเธออย่างสงสัย“คุณคือเจี่ยงหลานใช่ไหม?”“ใช่...ใช่ฉันเอง ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ”‘เพี๊ยะ’นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะตบเข้าไปบนหน้าของเจี่ยงหลานในทันทีเพื่อนของเจี่ยงหลานที่เห็นเหตุการณ์นี้ แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอก็ตาม แต่เมื่อเห็นบอดี้การ์ดกว่าสิบคนของอีกฝ่าย ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ“เธอ...เธอตบฉันทำไม ฉันรู้จักเธอด้วยเหรอ?” เจี่ยงหลานยกมือขึ้นจับแก้ม ก่อนจะถามอย่างโกรธเคือง “จำชื่อของฉันเอาไว้ให้ดี ฉันชื
เมื่อกลับถึงบ้าน เจี่ยงหลานยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เธอทำได้แค่ใช้เหอถิงเป็นที่ระบายอารมณ์ โดยการด่ากราดเหอถิงรู้สถานะของตัวเองต่ำต้อย เมื่อเธอเห็นรอยนิ้วมือบนใบหน้าของเจี่ยงหลาน ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคงกำลังอารมณ์ไม่ดีเพราะโดนใครบางคนตบมา ถ้าหากด่าเธอสักคำสองคำแล้วจะทำให้เธอสงบลงได้ เหอถิงก็เต็มใจยอมรับมันซูกั๋วเย่ากลับมาบ้านหลังจากเล่นไพ่เสร็จ เขาเห็นเจี่ยงหลานกำลังคลุ้มคลั่ง และภายในบ้านมีคนแปลกหน้าอยู่อีกคน นั่นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาเห็นใบหน้าของเจี่ยงหลานบวมแดง เขาก็เข้าใจผิดว่าเหอถิงตบเธอ จึงพูดอย่างโกรธจัดว่า “เธอเป็นใครแล้วมาทำอะไรในบ้านของฉัน”“ฉันเป็นแม่บ้านที่ซานเฉียนจ้างมาค่ะ” เหอถิงกล่าวแม่บ้าน?บ้านหลังใหญ่แบบนี้จะจ้างแม่บ้านก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะกล้าตบเจ้านาย นี่มันจะจองหองพองขนเกินไปแล้ว“เจี่ยงหลาน คุณเป็นยังไงบ้าง เธอตบคุณใช่ไหม?” ซูกั๋วเย่าถามด้วยความเป็นห่วง“ถ้าเธอเป็นตบแล้วยังไง คนไร้ค่าอย่างคุณจะช่วยฉันแก้แค้นได้อย่างนั้นเหรอ?” เจี่ยงหลานยังคงรู้สึกโกรธอยู่ หัวของเธอเต็มไปด้วยภาพเย่อหยิ่งของฉือจิง จึงพูดอะไรออกมาโดยไม่ทันคิดเมื่อซูกั
เหอถิงที่กำลังเก็บของอยู่ภายในห้อง พอเห็นหานซานเฉียนกลับมาเธอจึงพูดขึ้นว่า “ซานเฉียน ป้าไม่อยากทำให้คุณต้องลำบากใจ ขอบคุณมากที่ช่วยป้าในหลาย ๆ เรื่อง” “ป้าเหอครับ ป้าลืมไปแล้วเหรอว่าเกิดอะไรขึ้นที่กรมแรงงานวันนี้ เรื่องที่ป้าไม่ได้ทำ ถ้าป้ายังไม่เรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง แล้วใครจะช่วยป้าได้ล่ะครับ? อีกอย่างป้าจะไปที่ไหน ป้าจะไปหาค่าใช้จ่ายของลูกสาวได้ที่ไหนอีกครับ? ในกรมแรงงานยังจะมีใครจ้างป้าอีกเหรอ?” หานซานเฉียนเอ่ย ใบหน้าของเธอก็มีรอยแผลเช่นกัน แถมยังบวมแดงมากกว่าเจี่ยงหลานเสียอีก ซึ่งไม่น่าจะใช่แรงของผู้หญิง ต้องเป็นฝีมือของซูกั๋วเย่าแน่ ๆ ค่าใช้จ่ายของลูกสาวนั้นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเหอถิงมาก สิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือ เมื่อลูกสาวของเธอโทรมาแล้วเธอไม่สามารถหาเงินมาได้แม้แต่เงินหยวนเดียว “ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่เธอกลับมาถึงบ้าน ใบหน้าก็มีบาดแผลแล้ว” เหอถิงกล่าว “ออกไปกับผม” หานซานเฉียนเอ่ย เหอถิงเดินตามหานซานเฉียนออกมาที่ห้องนั่งเล่น “ป้าเหอบอกว่าตอนที่คุณกลับมาบ้านใบหน้าก็มีบาดแผลอยู่แล้ว คุณถูกทำร้ายมาจากข้างนอก แต่มาใส่ความคนในบ้าน เจี่ยงหลาน คุณอ
คำพูดของหานซานเฉียนนั้นทำให้เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเจี่ยงหลานหยุดลงทันที ซูกั๋วเย่ามองหานซานเฉียนอย่างหวาดกลัว ในเวลานี้ภาพลักษณ์ของหานซานเฉียนไม่ใช่คนไร้ค่าคนเดิมอีกต่อไป แต่เขาดูแข็งแกร่งมากจนทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออก “หยิงเซี่ย ลูกยังไม่ช่วยแม่พูดอีก อยากเห็นเขาไล่แม่ออกจากบ้านจริง ๆ เหรอ?” เจี่ยงหลานไม่กล้าโวยวายใส่หานซานเฉียน จึงหันไปกดดันซูหยิงเซี่ยแทน ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้า ครั้งนี้แม่ของเธอทำเกินไปจริง ๆ แม้จะเป็นแม่แท้ ๆ แต่เธอก็ทนดูต่อไปไม่ได้เช่นกัน “แม่คะ ในเมื่อแม่ทำผิดก็ควรจะขอโทษค่ะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว เจี่ยงหลานได้ป่าวประกาศเรื่องที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขากับเพื่อน ๆ ของเธอทุกคนแล้ว แถมยังบอกอีกว่าถ้ามีโอกาสจะพาพวกเธอมาเปิดหูเปิดตาที่นี่ ถ้าถูกหานซานเฉียนไล่ออกไป เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ สำหรับเจี่ยงหลานที่รักศักดิ์ศรี เธอไม่สามารถยอมให้เรื่องราวดำเนินไปถึงจุดนั้นได้ “หานซานเฉียน ฉันก็เป็นแม่ยายของเธอเหมือนกัน เธอจะให้ฉันขอโทษคนใช้ได้ยังไง?” เจี่ยงหลานพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลงราวกับอ้อนวอน “คุณขอโทษเธอก่อน แล้วผมจะไปตามหาคนที่ทำร้ายคุณ เพื่อให้ม
ตระกูลเทียนแห่งหยุนเฉิง! นั่นคือตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองหยุนเฉิง ขนาดคนในตระกูลเทียนยังแตะต้องไม่ได้ เจี่ยงหลานไม่กล้าจินตนาการเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีฐานะเช่นไร “เจี่ยงหลาน นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมคุณถึงไปยุ่งกับคนใหญ่โตแบบนั้นได้?” ซูกั๋วเย่าถามเสียงขรึม ขณะนี้เจี่ยงหลานไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับน้ำเสียงที่ซูกั๋วเย่าใช้พูดกับเธอแล้ว เธอพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “ฉัน...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่เคยเจอเธอมาก่อนเลยด้วยซ้ำ” ความกลัวและหวาดผวาเข้าครอบงำเจี่ยงหลานในทันที ทำให้เธอมือไม้อ่อนและกระวนกระวายใจ “ไม่ต้องห่วง ในเมื่อเธอทำร้ายคุณแล้ว นั่นหมายความว่าเรื่องราวทั้งหมดจบลงแล้ว เพราะด้วยความสามารถของเธอสามารถล้มล้างตระกูลซูทั้งหมดได้ในชั่วข้ามคืน” หานซานเฉียนกล่าว “แต่...แต่เธอบอกว่า ขอให้ฉันทำตัวสงบเสงี่ยม ๆ อย่าทำให้เขาลำบากใจอีก ฉันไม่เข้าใจว่าประโยคนี้หมายถึงอะไร” การปลอบใจของหานซานเฉียนไม่ได้ทำให้ความหวาดกลัวของเจี่ยงหลานลดลงเลยสักนิด “เขา” ที่เธอบอก ต้องเป็นเพราะเธอได้ไปทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองเข้า เจี่ยงหลานกลัวว่าตัวเองอาจจะทำผิดพลาดเช่นนี้อีกโดยไม่ได้ตั้งใจ หานซานเฉ