ซ่งจื่อหรูไม่รู้เลยว่าตอนนี้นางกลายเป็นคนสำคัญที่ฮั่วเฟยหรูต้องการปกป้องไปแล้ว สามพี่น้องนั่งกินข้าวกันอย่างอร่อยสักพักร่างเล็กๆที่คุ้นตาก็เดินเข้ารั้วมา
"น้องห้าเจ้ามาแล้วหรือพี่คิดว่าวันนี้เจ้าจะมาได้เสียอีก เอะนั่นพี่รองก็มาได้ด้วยดีจริงๆ"
หลี่ถิงถิงจุงมือหลี่หานเดินเข้ามา นางยิ้มตาหยีจนเห็นหันครบทุกซี่ก่อนจะนั่งลงข้างๆซ่งจื่อเย่ว หลี่หานนั่งใกล้กันกับซ่งจื่อห่าว
"พี่รอง..ท่านเจ็บตรงไหนบ้าง ขออภัยจริงๆวันหลังหากมีเรื่องท่านก็อย่าขวางท่านย่าเลย นางทำอะไรข้าไม่ได้หรอกกลับกันท่านจะถูกนางตีเสียเอง"ซ่งจื่อหรูรู้สึกสงสารพี่ชายลูกพี่ลูกน้องคนนี้ เขามักปกป้องพวกนางสามพี่น้องและทุกครั้งที่พยายามปกป้องพวกนางพี่รองมักจะถูกตบตีเสมอ
"ข้าไม่เป็นไรมากหรอก เจ้าสองคนเสียอีกน้องสี่น้องห้าต่อไปก็พยายามอย่ามีเรื่องกับท่านย่านักเลย อยู่ให้ห่างนางสักหน่อยถูกตีจนเป็นรอยถึงเวลาออกเรือน จะหาบุรุษที่ดีมาแต่งงานได้อย่างไร"
"เหอะ..ข้าต้องหาบุรุษเช่นท่านพ่อข้าขยันขันแข็งถึงแม้จะกตัญญูจนซื่อบื้อเกินไปหน่อยแต่ก็รักท่านแม่ข้าและข้ายิ่งนัก" หลี่ถิงถิงหมายมั่น
หลี่หานกับซ่งจื่อหรูหัวเราะกับคำพูดของหลี่ถิงถิง นี่ถ้าอารองหลี่ต้าจูอยู่ตรงนี้ไม่รู้ว่าเขาจะดีใจที่ถูกบุตรสาวยกย่องว่าขยันขันแข็งและรักภรรยาหรือจะเสียใจที่ถูกบุตรสาวว่ากตัญญูจนซื่อบื้อกันแน่
"เจ้าเนี่ยนะ..ถิงถิงหัดเรียบร้อยบ้าง หากบ้านสามีในอนาคตรู้เข้าใครจะแต่งเจ้ากัน"หลี่หานอ่อนใจแต่ก็เอ็นดูน้องสาวคนนี้นักหลี่ถิงถิงเป็นเด็กสดใสและตรงไปตรงมา มักถูกทำโทษบ่อยๆเพราะความเถรตรงของนาง
"เอาน่า..พี่รองถิงถิงเองยังเด็ก ค่อยๆสอนเถอะ อายุนางเพิ่งจะเก้าขวบเอง รีบร้อนไปใย หากบ้านหลี่เลี้ยงไม่ไหว ก็มาอยู่บ้านข้า"
ทันทีที่ซ่งจื่อหรูพูดจบหลี่ถิงถิงตาลุกวาวพี่สี่พูดตรงใจนางมาก นางเบื่อดูสีหน้าและคอยรองรับอารมณ์ของอาเล็กกับพี่สามแล้วจริงๆ
"พี่สี่ เมื่อวานท่านย่าบอกจะขายข้าเอาเงินตำลึงมาให้อาสี่กับพี่ใหญ่เรียนหนังสือ ด่าว่าข้าเป็นคนไร้ประโยชน์"
"นางกล่าวเช่นนั้นจริงรึพี่รอง ข้านึกว่าอาเล็กพูดเพราะโมโหไม่คิดว่านางจะกล้าทำ"
หลี่หานพยักหน้า พร้อมถอนหายใจก่อนจะเอ่ยอย่างท้อแท้
"ท่านย่านางจะให้ข้าไปเป็นเด็กฝึกงานช่างไม้ในเมือง หาเงินส่งให้นาง"
"ได้ยินว่าเถ้าแก่จูเป็นคนโหดร้าย ท่านย่าคิดอะไรของนางกัน" ซ่งจื่อหรูไม่เข้าใจยายแก่มหาภัยคนนี้จริงๆ
"พี่สี่ข้าไม่เข้าใจ ข้ากับพี่รองเป็นคนคลอดอาสี่กับพี่ใหญ่มาหรือยังไง เหตุใดข้าต้องมารับผิดชอบชีวิตพวกเขาด้วย"
หลี่ถิงถิงเอ่ยด้วยความโมโห ซ่งจื่อห่าวกินข้าวอบเกาลัดอย่างไม่ใส่ใจที่พี่ๆคุยแต่อยู่ๆเขาก็เอ่ยขึ้นมา
"ขายคนมีทะเบียนราษฎร์ผิดกฎหมายต้าเหลียง ต้องถูกโบยร้อยไม้ จำคุกสองปี"
ทั้งสามหันมามองเขาเป็นตาเดียวแต่พ่อเด็กน้อยกลับนั่งกินข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่าไรอย่างนั้น
"จื่อห่าว เรื่องนี้ใครบอกเจ้ากันไปได้ยินที่ใดมา"
ซ่งจื่อหรูถามน้องชายคนเล็ก ดวงตาสุกใสของซ่งจื่อห่าวมองมายังสามคนแล้วส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยต่อ
"พี่ใหญ่หมายถึงเรื่องไหนขอรับ"
"ก็เรื่องเรื่องกฎหมายทะเบียนราษฎร์ที่เจ้าเอ่ยเมื่อครู่"
"อ้อ..ตอนที่ไปหาผักป่าคราวก่อนเดินผ่านบ้านท่านอาเซียว ข้าได้ยินเขาสอนพี่เอ้อหลางขอรับเกี่ยวกับกฎหมายพื้นฐานที่ราษฎรของต้าเหลียงควรรู้"ซ่งจื่อห่าวตอบ
"มีอะไรอีกบ้าง ที่ได้ยินมาบอกพี่ใหญ่หน่อย"
"สามีหย่าจะภรรยาต้องดูว่าภรรยาทำตัวเยี่ยงไร กลับกันหากว่ามีประพฤติมิชอบภรรยาก็สามารถหย่าสามีได้เช่นกัน การรับอนุหากภรรยาเอกไม่ยินยอมย่อมมิอาจมีได้ และการแต่งอนุเข้าบ้านนั้นภรรยาเอกต้องเป็นคนไปสู่ขอให้ทางสามีเท่านั้นมิเช่นนั้นไม่สามารถมีตำแหน่งในจวนได้เป็นเพียวหญิงที่ไม่ต่างจากสตรีในหอนางโลมา เรื่องกตัญญูนั้นบุตรควรกตัญญูต่อบุพการี แต่บิดามารดามิควรเอาความกตัญญูมาบีบบังคับหากบิดามารดาลำเอียงบุตรมีพยานเกิน15คนว่าถูกครอบครัวใช้ความกตัญญูมาเป็นเครื่องมือรังแก ก็สามารถยื่นคำร้องต่อผู้นำหมู่บ้าน ว่าถูกปฎิบัติไม่เป็นธรรมและขอแยกบ้านได้ขอรับ ทางการจะพิจารณาอีกที"
"น้องหก แยกบ้านง่ายถึงเพียงนั้นจริงหรือพี่รองพี่สี่ข้าอยากแยกบ้านเหมือนกัน"หลี่ถิงถิงตื่นเต้นทันที
"พี่ห้า แม้ว่ากฎหมายบอกว่าได้แต่ก็ไม่มีใครทำกันหรอกขอรับเพราะกังวลว่าบุตรหลานอาจจะมีปัญหาในอนาคต กฎหมายเป็นสิ่งที่เหล่าบัณฑิตเขียนขึ้นบางคนแค่ไม่ต้องการให้ความกตัญญูมาเป็นเครื่องต่อรองและเหนี่ยวรั้งขอรับ เพราะบัณฑิตบางคนอายที่พ่อแม่ฐานะต่ำต้อยจึงต้องการหลุดพ้น ท่านอาเซียวบอกพี่เอ้อหลางว่าการปกครองเปลี่ยนกฎหมายก็เปลี่ยนตาม แต่บิดามารดาไม่สามารถเปลี่ยนได้จำต้องกตัญญูต่อพวกท่านที่ท่านอาเซียวสอนพี่เอ้อหลางก็มีเช่นนี้ขอรับ"
นี่มันๆ อัจฉริยะเกินไปแล้วเจ้าเด็กบ้านี่เพิ่งจะสามขวบเองนะ ให้ตายเถอะแค่เดินผ่านยังจำได้ขนาดนี้ถ้าได้เรียนหนังสือไม่อยากจะรู้เลยว่าจะก้าวหน้าเพียงใด ไม่ใช่แค่ซ่งจื่อหรู หลี่หาน และหลี่ถิงถิง ฮั่วเฟยหย่งกัยฮั่วเฟยหรงและชาวบ้านบางส่วนที่เพิ่งมาถึงก็ปะหลาดใจ เด็กคนนี้ช่างมีพรสวรรค์เสียจริงๆ หลี่เซียวผู้นั้นคือซิ่วไฉผู้นึง ตอนกำลังจะไปสอบจี่เหรินกลับล้มป่วย สุดท้ายภรรยากลับทอดทิ้งเหลือเพียงบุตรชายอายุเจ็ดขวบ คนด้านนอกที่ฟังอยู่ได้แต่ถอนหายใจ พร้อมกับตะโกนร้องเรียกคนด้านใน
"เจ้าสี่นี่ลุงหกนะเจ้าอยู่หรือไม่"
"เหมือนมีคนเรียกเจ้านะน้องสี่"หลี่หานเอ่ยขึ้น
"อืม...ข้าจะออกไปดูสักหน่อยเจ้าค่ะพี่รอง"
เมื่อซ่งจื่อหรูเปิดออกมาก็เห็นฮั่วหย่งกับฮั่วเฟยหรงและท่านอาท่านลุงในหมู่บ้านยืนอยู่ ในมือถือเลื่อยและมีดตัดไม้ไว้ด้วย
"ท่านอาฮั่ว พี่หรงท่านอาท่านลุงทุกท่านพวกท่านจะไปที่ใดกันเจ้าคะนี่ยามเซิน(15.00-16.59)แล้ว อีกไม่ถึงสองชั่วยามก็จะค่ำแล้ว"
"อ้อได้ยินว่าพรุ่งนี้ท่านผู้นำหมู่บ้านจะพาคนมาช่วยซ่อมแซมรั้วให้เจ้า พวกข้าคิดว่าอยู่ว่างๆ จึงมาช่วยเจ้าตัดไม้ไผ่เอาไว้พรุ่งนี้บางส่วนก่อน"
"จื่อหรูขอบคุณเจ้าค่ะลำบากทุกท่านแล้ว"
เมื่อทักทายกันเรียบร้อยทุกคนเดินไปยังป่าไผ่ เลือกที่ลำต้นตรงยาวใหญ่ขนาดประมาณ3ชุ่นจากนั้นก็ถามซ่งจื่อหรูว่าต้องการตัดท่อนประมาณเท่าไหร่
"รบกวนท่านอาตัดยาวประมาณ2จั้งได้ไหมเจ้าคะ"
"มันจะไม่ยาวเกินไปหรือ"
"ข้าอยากปักลงดินลึกสัก30ชุ่นจะได้แข็งแรงหน่อยเจ้าค่ะ อยู่กันแค่สามคน อีกทั้งยังมีแต่เด็ก ปลอดภัยสักหน่อยน่าจะดีกว่า"
เนื่องจากชาวบ้านหลายคนจึงเลื่อยต้นไผ่ได้รวดเร็วแต่ก็ไม่เร็วเท่าซ่งจื่อหรู แค่พริบตานางก็เลื่อยต้นไผ่ไปเกือบร้อยต้น พ่อลูกสกุลฮั่วและชาวบ้านต่างอ้าปากค้าง มีเพียงเด็กบ้านหลี่กับซ่งจื่อเย่วที่ไม่รู้สึกแปลกแถมหัวเราะกับท่าทางของพวกเขา"พี่ใหญ่กับพี่รองมีพรสวรรค์ด้านกำลัง เรื่องออกแรงล้วนไม่มีใครเทียบพวกนางได้หากไม่ใช่เพราะปกป้องข้ากับพี่รอง พี่ใหญ่ของข้าคงไม่ถูกปีศาจเฒ่าทุบตีหรอกขอรับ"ซ่งจื่อห่าวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ปีศาจเฒ่าที่ซ่งจื่อห่าวพูดน่าจะหมายถึงแม่เฒ่าหลี่ เด็กคนนี้ปกติคนนึกว่าใบ้แต่เวลาพูดทำเอาคนไปไม่ถูกเชียวเด็กๆสกุลซ่งนี่ช่างประหลาดแท้ เหตุใดประหลาดนะหรือแม่หนูซ่งจื่อเย่วนั่น ใช้เพียงมือเดียวก็สามารลากไผ่ทั้งต้นมาวางเรียงราย" ข้าว่าไม่ต้องห่วงสามพี่น้องนี่จะดีกว่า ควรห่วงคนที่จะมาหาเรื่องพวกนางเถอะฮ่า ฮ่า ฮ่า""ยังไงก็ยังเด็ก เล่ห์เหลี่ยมของผู้ใหญ่นั้นมากมายนัก "ครั้นยามที่หลี่ต้าซานยังอยู่ เขาเป็นคนอัธยาศัยดีมีน้ำใจไม่ว่าผู้ใดไหว้วานก็มักไม่ปฏิเสธ สะใภ้ซ่งก็อ่อนโยนสั่งสอนบุตรสาวได้ดีเด็กทั้งสามวางตัวดี ผู้คนในหมู่บ้านจึงรักและเอ็นดูปลายยามเซินก็ตัดต้นไผ่ได้เกือบสามร้อยต
ขณะที่มึนๆงงๆ ก็ถูกเหวี่ยงมายังสถานที่แห่งหนึ่ง เบื้องหน้ามีไร่กับบ้านหลังเล็กๆ นี่มันไร่ของคุณปู่ แต่เหมือนจะย่อส่วนลงเหลือเพียงประมาณ สามไร่ มีโรงเรือนกับบ้านหลังน้อยๆ ซ่งจื่อหรูเดินสำรวจ"มีลำธารตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เฮ้อนี่เจ๊ตายกลายเป็นวิญญาณอีกรอบเหรอ Oh my god . ถ้าให้ตายหลายรอบจะให้เกิดใหม่ทำไม นี่เทพชะตา ท่านว่างมากหรือ ข้าไม่ได้เสียใจหรอกก็แค่สงสารแต่เด็กพวกนั้นถ้าตื่นมาแล้วรู้ว่าพี่สาวตัวเองตายไปแล้วจะทำอย่างไร""คิดอะไรมั่วซั่วกัน หลานยังไม่ตายสักหน่อย""คุณปู่ คุณปู่จริงๆด้วย หนูตายแล้วหรือว่าฝันอยู่กันแน่ คุณปู่ขาหนูคิดถึงคุณปู่มากเลยค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ล่ะคะ พวกท่านอยู่ที่ไหน"ซ่งจื่อหรูกอดซ่งฮั่นเหลียงแน่น"เด็กโง่ หลานยังไม่ตาย ที่นี่คือกำไลที่หลานใส่ติดตัวตลอดเวลา นี่เป็นสิ่งที่ปู่สามารถทำเพื่อหลานได้ จำไว้จงใช้มันอย่างมีสติ""คุณปู่หมายความว่ายังไงคะ หนูไม่เข้าใจ""เดี๋ยวหลานก็รู้เอง เรื่องนี้แม้แต่น้องๆก็เอ่ยไม่ได้ สิ่งที่พวกเขาตามหา มันอยู่กับหลานมาตลอด""ใครตามหาอะไรคะ คุณปู่ขาทำไมหนูไม่เข้าใจสักอย่าง""ปู่ต้องไปแล้ว หลานรักบางอย่างต้องรอให้ถึงเวลาของมัน"ซ่งฮ
ยามเหมาแล้วซ่งจื่อหรูตื่นแต่เช้า แม้ไม่มีอาหารจะเลี้ยงแขกได้แต่เกาลัดคั่วก็คงไม่น่าเกลียดเกินไป ที่จริงนางอยากใช้สิ่งนี้หาเงินแต่หลังจากที่ได้ยินว่าหลานชายของลุงเก้าป่วยเพราะที่บ้านไม่มีอาหารซ่งจื่อหรูจึงไม่คิดหวงสิ่งนี้ อีกอย่างการขายเกาลัดโดยพาน้องไปด้วยคงไม่สะดวกในห้วงกำไลพอมีผลไม้กับไข่ ให้พอประทังไปสักระยะจนกว่าจะขึ้นเขาครั้งต่อไปซ่งจื่อหรูนำหม้อที่เก็บไว้ออกมาใช้และนำเกาลัดมาต้มเป็นโจ๊ก เมื่อคืนนำตระกร้าเก่าที่ไม่ได้ใช้มาซ่อมแซมแล้วแอบวางดักไว้ ฝนตกตอนยามอวิ๋น(03.00-04.59)อาจมีปลาที่ชะตาขาดหลงมาติดก็ได้ ซ่งจื่อหรูยังคงก่อเตาไฟด้วยหินสามก้อน หลังจากต้มเกาลัดจนเป็นโจ๊กเนื้อเนียน ก็ลดไฟลงก่อนจะเปิดประตูบ้านเดินไปยังลำธาร อยากหยิบไข่ในห้วงกำไลออกมาจะขาดใจแต่หาที่มาของไข่ไม่ได้จะเดือดร้อนอีกเมื่อถึงลำธารก็ยกตระกร้าขึ้นเป็นไปตามคาด ปลาติดในตระกร้าเกือบยี่สิบตัว หนักตัวละเกือบห้าชั่ง นำปลามาขอดเกล็ดควักใส้ ล้างจนสะอาด ค่อยไล่เป็นชิ้นไม่บางไม่หนา จากนั้นเดินไปถอนต้นหอมป่าและของตรงข้างรั้วติดฝั่งลำธารที่สำรวจเจอก่อนหน้า ล้างต้นหอมและขิงกลับเข้าบ้านตั้งหม้ออีกใบใส่น้ำ ตามด้วยขิงทุบกับต
ซ่งจื่อหรูบอกท่านปู่เก้าว่านางวางโจ๊กไว้ที่ไหน อย่าลืมให้อาไช่กินและกินทีละน้อย มีไข่4ฟองช่วงนี้นางอาจจะยุ่งนิดหน่อยให้ต้มไข่กับมันเทศกินไปก่อนเมื่อถึงบ้านก็เห็นซ่งจื่อเย่วกับซ่งจื่อห่าวช่วยกันกวาดลานหน้าบ้าน ช่างเป็นเด็กรู้ความจริง"หิวแล้วสิ มากินโจ๊กกันเถอะ วันนี้พี่ต้มโจ๊กเกาลัดด้วย กินมากหน่อยจะได้ตัวสูงๆ""พี่ใหญ่ พี่อาไช่จะตายไหมเจ้าคะ ข้าได้ยินคนพูดว่าพี่อาไช่ป่วยจนจะไม่ไหวแล้ว"ซ่งจื่อเย่วรู้ว่าเขาป่วยหลี่อาไช่เคยเลี้ยงนางกับจื่อห่าวเวลาที่ท่านแม่กับพี่สาวไปรับจ้างซ่งจื่อหรุจึงบอกนาง"พี่อาไช่จะไม่ตายหรอก....เขาเป็นเด็กดีกตัญญูยิ่งนักเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแน่ๆ"แต่ละปีมีเด็กไม่น้อยที่จากไปก่อนวัยอันควรเพราความอดอยากหิวโหย ทารกบางคนถูกโยนทิ้งบนเขามิใช่เพราะบิดามารดาไม่รัก หากแต่สถานการณ์บังคับให้เป็นเช่นนี้ บ้านไหนมีลูกมากก็ขายลูกขายหลานให้กับบ้านขุนนางหรือบ้านเศรษฐีพวกเขาคิดว่าอย่างน้อยก็มีเสื้อผ้าใส่มีข้าวให้กินนี่เป็นความเข้าใจของชาวบ้านว่าลูกไปจะมีชีวิตที่ดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นไปเสียทั้งหมด บางคนถูกนายจ้างทารุนอนุบางคนถูกขายต่อ จนราชสำนักต้องออกกฎหมายห้ามซื้อข
ทั้งคู่ยกหม้อที่ใส่เกาลัดคั่วกับมันเทศเผาออกมา ทุกคนที่กำลังนั่งกินได้กลิ่นหอมถึงกับกลืนน้ำลาย" จื่อหรูหลานยกอะไรมาหรือนั่น กลิ่นหอมเสียจริงเชียว" หลี่ฝูเหยาเอ่ยถามเมื่อเห็นนางยกถาดไม้ออกมา"นี่คือเกาลัดคั่วเจ้าค่ะส่วนนี่มันเทศเผา ท่านปู่ใหญ่ท่านอาและท่านลุงทุกท่านลองชิมสิเจ้าคะ""เฮ้ ท่านหลี่เจิ้งเจ้าสิ่งนี้อร่อยยิ่งนักเมื่อวานนางให้ข้าไปสองหัว ข้าทำตามวิธีของนางให้ยายแก่บ้านข้าปอกแล้วหั่นต้มใส่ข้าวเป็นข้าต้มหวานนักเชียวอีกทั้งอิ่มท้องอีกด้วย""จริงอย่างที่พี่หกพูด พวกข้าก็ได้อร่อยจนลูกๆข้ายังอยากกินอีกเลย"ท่านลุงหกและท่านลุงแปดพยักหน้าบอกกล่าวแก่คนที่มาล้อมรั้วทุกคนก็หยิบกินคนละหัว เนื้อมันละเอียดนุ่มหวานหอมเพราะเป็นสิ่งที่ไม่มีสารปรุงแต่ง ธรรมชาติล้วนๆอีกทั้งบริเวณบ้านนางและภูเขาสองลูกเป็นภูเขาไฟมาก่อนจึงอุดมด้วยสารอาหาร ซ่งจื่อหรูทุบเปลือกเกาลัดออกป้อนซ่งจื่อเย่วและซ่งจื่อห่าว"พี่ใหญ่อร่อยมากเจ้าค่ะ จื่อห่าวอร่อยไหม""กินดีๆระวังติดคอค่อยๆไม่ต้องรีบในบ้านยังมีอีกพี่หรงท่านลองกินดูสักหน่อยเถอะข้าบอกแล้วว่าอร่อย"จื่อห่าวพยักหน้าให้พี่รอง ซ่งจื่อหรูแกะเกาลัดส่งให้ฮั่วเฟยหรง เขามอ
กลางป่าลึก ชายฉกรรจ์กลุ่มนึงกำลังฝึกกันอย่างขะมักเขม้น ฮั่วเฟยหย่งนั่งยู่บนก้อนหิน มองดูการฝึกด้านล่าง"ท่านอ๋อง..ซื่อจื่อเหมือนจะเปลี่ยนไปพะยะค่ะ เวลาที่มองแม่นางซ่งดูเหมือนสายตาจะอ่อนโยนกว่าปกติ" จิงอี้กล่าวแก่ฮั่วเฟยหย่ง"ที่จิงอี้กล่าวมานั้นเป็นความจริงพะย่ะค่ะ กระหม่อมก็เห็นเช่นนั้นวันนี้ยังไปช่วยนางทำรั้ว ตอนเย็นเด็กคนนั้นยังให้ปลามาสามตัวบอกให้ซื่อจื่อทำน้ำแกงให้พระชายาเสวย อีกทั้งให้ต้มมันเทศใส่ขิงให้พระชายาเสวยด้วย นางกล่าวว่าพระชายา ถูกความเย็นตอนที่คลอดท่านหญิงควรทำให้ร่างกายอบอุ่นพะย่ะค่ะ""เจ้าหมายความว่านางมีความรู้เรื่องการแพทย์ เช่นนั้นรึ""กระหม่อมเองก็ไม่แน่ใจพะย่ะค่ะ"จิงเสวียนไม่กล้าบอกว่ามีหรือไม่แต่อาการพระชายาก็ดีขึ้น"อืม..จิงเสียนเจ้าสืบได้อะไรมาบ้าง""ที่เด็กซ่งจื่อหรูคนนั้นพูดเป็นความจริงพะย่ะค่ะ ผู้เฒ่าซ่งหนีสงครามมา แต่งงานกับสตรีแซ่เหวินที่เจอกันที่ค่ายผู้ลี้ภัย จากนั้นมีบุตรสาวหนึ่งคน ต่อมาบุตรสาวแต่งงานกับลูกชายคนที่สามสกุลหลี่ เรื่องหลังจากนั้นก็ตามที่ท่านอ๋องทรงทราบ""คุณชายเฟิ่งก่อนที่ตระกูลถูกกวาดล้าง ดูเหมือนจะแต่งงานกับคุณหนูสายรองสกุลหลิวมีบุตรชาย
ซ่งจื่อหรูตรงไปยังโรงเรือน ทันทีที่เห็นก็ใช้มือลูบหน้าอกตัวเองอย่าโล่งใจ พริกที่เพิ่งเก็บเมื่อต้นปีมัดแขวนเรียงราย ข้าวโพด ถั่วเหลืองและถั่วลิสงก็อยู่ในกระสอบ มีข้าวเปลือกอยู่เกือบยี่สิบกระสอบนอกนั้นเป็นไหดินเผาหลายขนาดเรียงรายมีแค่นี้แหละมีแค่นี้จริงๆเฮ้อ"ไปดูไก่กับลูกหมูสักหน่อยดีกว่า"เดือนมาถึงโรงเลี้ยง ก็ได้ยินเสียงลูกหมูน้องอี๊ดๆๆๆ นับแล้วมีประมาณ60ตัว สั่งลุงหวังคนดูแลว่าให้รับซื้อมาแค่20ตัวไหงซื้อมาขนาดนี้จะเลี้ยงไงก่อน ดีที่ตอนนั้นขุดบ่อน้ำใกล้โรงเลี้ยงไม่งั้นกว่าจะตักน้ำจากลำธารมาคงเหนื่อยตายพอดี ที่นี่ไม่มีใครเข้ามาได้ซ่งจื่อหรูถอดเสื้อตัวนอกออก ใช้จอบค่อยๆขุดร่องให้มูลของหมูไหลตามร่อง ไปรวมที่เดียวกัน จากนั้นก็ล้างพื้นกรงใช้เวลาชั่วโมงกว่าก็เรียบร้อยถัดมาก็ทำความสะอาดโรงเลี้ยงไก่ ลูกไก่ฟักครบแล้วกำลังส่งเสียงเจี๊ยบๆๆๆลั่นระงม ซ่งจื่อหรูกวาดเศษหญ้าฟางที่มีมูลไก่เต็มไปหมดจากนั้นก็กองรวมกัน ก่อนจะขนไปยังลานกว้างตากไว้ทำปุ๋ย ปูหญ้าฟางใหม่ลงไปยังดีที่ก่อนจะฟักลูกไก่และลงลูกหมูในฟาร์ม ได้เตรียมอาหารสัตว์ไว้เพียงพอแล้วทำทุกอย่างเรียบร้อยก็ให้อาหารพวกมันแม้ว่าจะสว่างจ้าแต่ในนี้
"ท่านอ๋อง ลูกเราโตแล้วพระองค์เองก็อย่าทรงชักสีหน้าใส่เด็กคนนั้นเลยเพคะ หม่อมฉันเองก็แปลกใจเหตุใดจึงรู้สึกผุกพันกับนางนักก็ไม่รู้""เจ้าต้องลมหนาวไม่ได้นางยังเอาเด็กสองคนมาฝากให้ดูแลจนเจ้าต้องออกมานั่งเฝ้าพวกเขาด้านนอกจะไม่ให้โมโหนางบ้างเกรงว่าจะไม่ได้ จริงสิเมื่อคืนไม่ได้ยินเสียงเจ้าไอเลยขอโทษนะหรานเอ๋อร์ข้าละเลยเจ้าจริงๆดูท่าข้าควรรีบสะสางเรื่องราวแล้วพาเจ้ากลับเมืองหลวงสักที""เมื่อคืนไม่มีอาการไอแถมยังรู้สึกอุ่นด้วยเพคะ อาจเพราะหรงเอ๋อร์ทำมันต้มน้ำขิงให้กินเห็นบอกว่าอาหรูบอกมาว่ากินน้ำขิงร่างกายจะอุ่นขึ้น ท่านอ๋องถ้าไม่ได้บิดาของเด็กสามคนนั้นยอมเดินฝ่าหิมะไปตามหมอในตำบล ยอมทิ้งศักดิ์ศรีบุรุษให้หมอตำแยขึ้นหลังมาหม่อมฉันกับลูกหญิงก็อาจไม่รอดแล้ว ต่อไปเจอหน้าพวกนางทรงทำดีสักหน่อยเถอะเพคะอย่าให้ใครว่าได้ว่าพวกเราเป็นถึงเชื้อพระวงศ์แต่ไร้คุณธรรมไม่รู้คุณคน""ได้ๆหรานเอ๋อร์ทุกอย่างล้วนฟังเจ้า นอนพักอีกหน่อยเถอะเซียนเอ๋อร์ยังไม่ตื่นเลยอีกอย่างฟ้าก็ยังไม่สว่าง""ไม่แล้วเพคะเมื่อคืนหลับสบายนัก หม่อมฉันไม่ได้นอนหลับสนิทเช่นนี้มานานแล้วทุกคืนพออากาศเย็นต้องลุกขึ้นมาไอ""ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้คน
หลี่เสี่ยวม่านไม่อยู่รอท่านยายตื่นนางเกรงใจไห่เมิ่งหยวน จึงพูดคุยกับป้าสะใภ้ใหญ่ไม่นานก็ขอตัวกลั บ ไห่เมิ่งหยวนพานางกลับแต่ขากลับมาถึงครึ่งทางเขาก็เลี้ยวไปอีกทาง มีเส้นทางเส้นเล็กๆแยกลงไป"ท่านพี่เมิ่งหยวนเราจะไปที่ใดเจ้าคะ" หลี่เสี่ยวม่านเห็นเขาไม่กลับทางเดิมจึงสงสัย" เด็กดีข้าอยากพาเจ้าไปดูอะไรสักหน่อย"ไม่นานทุ่งดอกไม้หลากหลายสีก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า หลี่เสี่ยวม่านชอบมันมาก ไห่เมิ่งหยวนอุ้มนางลงจากหลังม้า หลี่เสี่ยวม่านวิ่งเล่นกลางทุ่ง นางอายุเพียงสิบแปดไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีความเป็นเด็กสาวหลี่เสี่ยวม่านยืนกางแขนสูดอากาศตรงหน้า ไห่เมิ่งหยวนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง เขาโอบเอวนางไว้รั้งแผ่นหลังนางเข้าหาตัว หลี่เสี่ยวม่านตกใจเล็กน้อย จนได้ยินเสียงลมหายใจข้างหู เขากระซิบชื่อนางเสียงหวาน" เสี่ยวม่าน ข้ารักเจ้าข้าอยากดูแลเจ้าชั่วชีวิต เจ้ารังเกียจข้าหรือไม่"หลี่เสี่ยวม่านหันกลับมามองหน้าเขา ก่อนจะถามให้แน่ใจ"ท่านพี่เมิ่งหยวน ท่านรักข้าจริงๆหรือ ข้าเป็นสตรีน่าเบื่อมากนะเจ้าคะ นอกจากปรนนิบัติท่านยาย หุงหาอาหารพอได้ ข้าก็ไม่มีความสามารถอะไรเลย"" ข้าต้องการสตรีอ่อนหวาน ยามข้าเหนื่อยมาแค่เห็นหน้
ร่างเล็กๆวิ่งไปแล้วไห่เมิ่งหยวนหลั่งน้ำตาเบาๆ ไว้อาลัยให้กับลูกรักของเขา แต่พอเอ่ยถึงหลี่เสี่ยวม่านไห่เมิ่งหยวนก็เงียบทันที เขาให้ศิษย์รักของเขาซ่งจื่อหรูช่วยเป็นแม่สื่อให้ นางรับปากจะช่วยแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความจริงใจของเขาด้วยหลี่เสี่ยวม่านมารับยาบำรุงไปให้ท่านยายของนางทุกๆสามวัน เดิมทีเขาสามารถจัดยาบำรุงให้นางได้หลายเทียบแต่เช่นนั้นจะได้เห็นหน้านางในดวงใจบ่อยๆได้อย่างไรเล่า ซ่งจื่อเย่วเรียกอาหญิงเสียงหวานก่อนจะมีขนมเต็มปากวันนี้หลี่เสี่ยวม่านมารับยาแล้วจะเลยไปบ้านท่านยายเลย นางเห็นเขาจึงยิ้มให้รอยยิ้มที่ส่งมาให้เขานั้นช่างงดงามเสียจริง ไห่เมิ่งหยวนยอมรับแล้วว่าว่าเหตุใดเหล่าองค์ชาย องครักษ์ และคุณชายทั้งหลายรวมถึงตัวเขา จึงอยากมาเป็นเขยหมู่บ้านหลี่ซานกันทั้งนั้นไม่มีหมู่บ้านไหนจะรวมเอาบุตรหลานหน้าตาดีและงดงามไว้ได้เท่าที่นี่อีกแล้ว สายเลือดสกุลหลี่ตั้งแต่หลี่ฝูเหยามาจนถึงหลี่เป่าเป่า และบุตรของจิงอี้กับหลี่อ้ายเสิ่นนั้นรูปงามทุกคนสกุลหลี่หมู่บ้านหลี่ซานแห่งนี้กว่าสามร้อยชีวิตไม่มีบุตรหลานขี้เหร่จริงๆซ่งจื่อเย่วกินขนมที่อาหญิงนางเอามาให้ นอกจากพี่ใหญ่ก็มีท่านอาเสี่ยวม่านนี่แหล
จ้าวเฟยหรงเสียงแหบพร่าข้างล่างของเขาทรมานยิ่งนักมันตึงจนแทบจะระเบิด มือหนาละจากดอกบัวงามค่อยๆไต่ลงจนเจอกุหลาบดอกตูม นิ้วเรียวสวยทักทายหยอกล้อกับเกสรจนซ่งจื่อหรูต้องชันเข่าขึ้นให้เขาสำรวจกลีบดอกที่อ่อนนุ่มของนางนิ้วเรียวยาวส่งเข้าไปทักทายในกายสาวจนซ่งจื่อหรูต้องจิกไหล่เขาแน่น อ้าปากหายใจเพื่อลดความหวามรัญจวนที่เขามอบให้ ในที่สุดหน้าท้องแบนราบก็กระตุกเกร็งนางหอบหายใจจ้าวเฟยหรงเลื่อนใบหน้าลงดูดดื่มน้ำหวานที่ผลิออกมาจากกุหลาบแสนสวย ก่อนจะมองร่างงามตรงหน้าด้วยสายตาหยาดเยิ้ม ซ่งจื่อหรูจับศรีษะเขาแน่นแนบกับกลางความสาวหวีดร้องกระตุกเกร็งอีกครั้งจากนั้นนางก็ช่วยคนตัวโตให้ได้ปลดปล่อย สะโพกแกร่งของจ้าวเฟยหรงเกร็งกระตุกยามที่มือนุ่มนิ่มนั้นเร่งจังหวะให้เขา จนต้องเขาต้องครวญครางเสียงแหบพร่าแล้วฟุบลงบนทรวงอกของนาง ดูดเม้มยอดทับทิมสีหวานของนางเพื่อคลายความเสียวซ่านของตนเองจ้าวเฟยหรงมองหญิงคนรักดวงตาเยิ้มหวาน มือหนากอบกุมทรวงอกสาวเขาอยากชื่นใจอีกรอบแต่ถูกนางดุตีมือเขาแล้วจับออก" พอแล้วท่านพี่ เดี๋ยวก็ใจอ่อนจนได้เลยเถิดกันพอดี ข้ารักท่านจึงอยากเก็บไว้ให้ท่านจนถึงวันที่เราเข้าหอ" ซ่งจื่อหรูประท้วง
เพราะช่วงนี้เพราะการก่อสร้างตำหนักใหม่ของจ้าวอ๋องมำให้บางครั้งจ้าวเฟยหรงต้องไปคุมแทนพระบิดา จ้าวอ๋องเลือกที่ดินเชิงเขาไท่ซานห่างจากตัวตำบลเสียนหยางเพียงหกสิบลี้ เขารู้ดีว่าบุตรชายอยากให้ตำหนักใหม่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านหลี่ซาน เมื่อบุตรชายเขาแต่งงานกับซ่งจื่อหรูการไปกลับเป็นเรื่องง่ายจิงเสวียนเดินทางกลับเมืองหลวงไปได้เกือบปีแล้ว ส่วนซ่งจื่อห่าวนั้นตอนนี้ยังอยู่ที่หมู่บ้านหลี่ซาน เนื่องจากซ่งจื่อหรูทำใจไม่ได้ที่จะให้น้องชายวัยเจ็ดขวบต้องไปเดียวดายที่เมืองหลวงแม้ว่าจะพักที่จวนหาน มีพี่สาวเช่นหลี่ม่านอวี้ดูแลซ่งจื่อหรูก็ยังไม่วางใจ หลี่ม่านอวี้เป็นนายหญิงของจวน นางมีเรื่องต้องจัดการมากมายจึงให้ซ่งจื่อห่าวอยู่ก่อน12เมื่อไหรนางจึงจะปล่อยไปเรือกลไฟสร้างเสร็จแล้วและเริ่มทดลองใช้ เดิมทีขนส่งอาหารพืชพันธุ์เข้าเมืองหลวงต้องใช้เวลาถึงเดือนครึ่ง แต่ตอนนี้เพียงแค่เจ็ดวันคนที่เมืองหลวงก็ได้อาหารสดใหม่แล้ว รถรางติดตั้งในอำเภอต่างๆของเมืองกว่างผิง ไม่มีมูลวัวมูลม้าให้เห็น ม้าและวัวถูกใช้ยามเดินทางไกลหรือต้องขนข้าวของหนักๆซ่งจื่อหรูช่วงนี้ได้เข้าไปในมิติบ่อยขึ้นเพราะชายคนรักบางครั้งต้องค้างคืนที่ตำบ
ทั้งคู่ส่งสายตาฟาดฟันกันอยู่ ไห่เมิ่งหยวนไปที่โรงครัวให้คนงานนำอาหารมาส่งให้สาวๆที่นั่งรออยู่ เขานำสุราสมุนไพรที่หมักเองมาหนึ่งกา ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ"คุณหนูจื่อหรู นี่เป็นสุราสมุนไพรที่ข้าเพิ่งจะหมักได้ที่ เห็นท่านบอกว่าอยากลองชิมข้าเลยนำมาให้ เรื่องที่ท่านอยากเรียนวิชาแพทย์จริงจัง หากท่านไม่รังเกียจที่ข้าเคยทำไม่ดีกับท่านก่อนหน้า ข้าก็ยินดีสอน"ไห่เมิ่งหยวนเริ่มชักชวนซ่งจื่อหรูดีใจนางอยากเรียนวิชาแพทย์เคยอ้อนวอนเขามาหลายครั้งแล้ว เมื่อก่อนพอเรียนรู้เล็กน้อยไม่แตกฉาน จึงไม่รู้ว่ากำลังถูกไห่เมิ่งหยวนหลอกนางให้มาอยู่ฝ่ายเขา นางเริ่มกรึ่มๆจึงรินสุราที่เขาเพิ่งให้มา ก่อนจะคุกเข่าลงคาราวะเขาส่งจอกสุราน้ำเสียงอ้อแอ้แต่สติยังรับรู้"ศิษย์ซ่งจื่อหรูคาราวะอาจารย์เจ้าค่ะ วันนี้มีแต่สุราไว้รอฤกษ์งามยามดีข้าจะยกน้ำชากราบท่านอย่างเป็นทางการนะเจ้าคะ"ซ่งจื่อหรูที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้นิดๆ" เด็กดีๆ อาจารย์รับรู้ความตั้งใจเจ้าแล้ว พร้อมเมื่อไหร่ก็มาเริ่มเรียนได้"ไฟเมิ่งหยวนรับจอกเหล้าคาราวะทันทีไหเมิ่งหยวนลูบศรีษะนางเบาๆ ที่จริงเขาเอ็นดูเด็กคนนี่มานานตั้งแต่เรื่องราวยังไม่พัวพันขนาดนี้ ไม่คิดว่าวันน
เพราะต้องเตรียมงานแต่งซ่งจื่อหรูจึงให้คนงานหยุดเจ็ดวันเพื่อให้พวกเขาได้พักผ่อนแต่ยังคงจ่ายค่าแรงให้ทุกคนดีใจ ตลาดหลี่ซานที่ตั้งชื่อตามชื่อหมู่บ้าน คึกคักเพราะคนมาหาซื้อสินค้าเนื่องจากเป็นตลาดโต้รุ่ง แม้จะกลางคืนก็ไม่เงียบเหงาแสงจากต้นเหมันต์ส่องสว่างตามทางเดิน โคมไฟประดับประดาทั่วทั้งสามหมู่บ้าน เมืองหลวงยังไม่คึกคักเท่านี้เลย เพราะซ่งจื่อหรูชอบหิวตอนดึก ตลาดนี้จึงขายทั้งกลางวันและกลางคืนซ่งจื่อหรูนอนไม่หลับยืนมองลงไปยังโรงทอผ้าความทรงจำบางอย่างเหมือนหายไป จำได้แค่ว่าคุณปู่มาบอกลาและอวิ่นห่าวมาหาครั้งสุดท้ายตอนนั้นเขาอายุสี่สิบแล้วบุตรสาวคนโตอยู่ชั้นมัธยมใบหน้าคล้ายกับนางตอนอยู่มัธยมเช่นกันส่วนคนเล็กเหมือนแม่ซ่งจื่อหรูมาอยู่ที่นี่อีกไม่กี่วันก็ครบสามปี ผ่านเรื่องราวมากมายแต่เหมือนเรื่องราวบางอย่างอยู่ๆก็เหมือนกับค่อยๆหายไปจากความทรงจำบางครั้งก็เหมือนจะเลือนลางจากนั้นก็นึกไม่ออกอีกเลยจ้าวเฟยหรงเห็นคนรักยืนมองเหม่อไปยังที่บ้านเก่าจึงเดินมากอดนาง เขาจับไหล่นางหันกลับมาก่อนจะจุมพิตอ้อยอิ่งอยู่นานจึงถอนริมฝีปาก ซ่งจื่อหรูกอดเอวหนาไว้ซบหน้ากับอกกว้าง"เป็นอะไรไปเด็กดี ข้าเห็นเจ้ายืนนิ่ง
ไห่เมิ่งหยวนสะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลังเตรียมเดินจากไป สายตาเขาเห็นสตรีนางหนึ่งแต่กายด้วยกระโปรงสีเขียวอ่อน ทำผมทรงมวยต่ำปล่อยผมครึ่งศรีษะ ปักด้วยปิ่นผีเสื้อ มีกระดิ่งเงินลูกเล็กๆห้อยตรงปลาย เวลาก้าวเดินเสียงดังกรุ๊งกริ๊งกำลังเดินมาทางเขาไห่เมิ่งหยวน มองร่างบางระหงกำลังเดินใกล้เข้ามา นางเป็นใครกันเหตุใดถึงไม่เคยเห็นนางช่างงดงาม หลี่เสี่ยวม่านที่กำลังเดินมาทางศาลาเจอกับไห่เมิ่งหยวนนางจึงยิ้มให้แล้วค้อมศรีษะเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในศาลาได้ยินเสียงหวานนั่นเรียกหาบิดา"เสี่ยวม่านถวายพระพรท่านอ๋อง คาราวะซื่อจื่อ ลูกคาราวะท่านพ่อ ท่านอารอง พี่รอง และใต้เท้าเซี่ยเจ้าค่ะ"หลี่เสี่ยวม่านเคารพทุกคนที่อยู่ในศาลา"เจ้าเล็ก กลับมาแล้วหรือท่านยายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"หลี่ฝูเหยาทักทายบุตรสาว"ท่านยายทานข้าวได้เยอะแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านแม่นางขออยู่เป็นเพื่อนท่านยายก่อน ท่านแม่เกรงว่าไม่อยู่บ้านนานๆ ท่านพ่อเองก็งานยุ่งจึงให้ลูกกลับมาช่วยงานพี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รองกำลังตั้งครรภ์ต้องระวังการลุกนั่งเจ้าค่ะ""เสี่ยวม่านเอ๊ยลำบากเจ้าแล้ว แม่เจ้าจะกลับมางานแต่งม่านอวี้หรือไม่"หลี่เสี่ยวม่านเดินไปประคองบิดาให้
ซ่งจื่อหรู หลี่ไหลฝู หลี่ฝูเหยา จ้าวอ๋องเซี่ยหนานอินและหลี่ซ่งเต๋อที่กำลังปรึกษาเรื่องสั่งงานให้คนงานประกอบชิ้นส่วนของเรือ ซ่งจื่อหรูให้ท่านปู่ของนางสร้างศาลากลางบึงบัวเป็นศาลากว้างถึงสี่จั้งยาวแปดจั้ง(กว้าง10ม.ยาว20ม.โดยประมาณ)สร้างโต๊ะประชุมกว้างหนึ่งจั้งยาวสามจั้งเอาไว้ประชุมงานสำคัญแบบแปลนเรือกางอยู่บนโต๊ะจ้าวเฟยหรงพาจิงอี้กับจิงเสวียนไปคุมการต่อเรือ ซ่งจื่อหรูต้องการสร้างเรือสามแบบ แบบที่หนึ่งขนาดกลางสำหรับครอบครัวใหญ่ไว้ท่องเที่ยวพักผ่อน ขนาดใหญ่มีโกดังสำหรับพ่อค้าที่ต้งการเดินทางๆเรือเพื่อค้าขายต่างแดน และขนาดใหญ่สำหรับกองทัพ ซ่งจื่อหรูจะติดอาวุธให้เรือด้วย"ลูกสะใภ้ เรือที่เจ้าสร้างออกมาหากสำเร็จจะขายอย่างไร"จ้าวอ๋องที่ตอนนี้เรียกซ่งจื่อหรูว่าลูกสะใภ้ทูกคำ ใครจะกล้าคัดค้านพวกเขากัน สองพ่อลูกสกุลจ้าวนี้นอกจากวรยุทธที่เหนือคนอื่นยังมีความหน้าด้านอีกด้วยที่ไม่มีใครเปรียบได้" ลำเล็กสำหรับครอบครองในครัวเรือนได้ ลูกว่าลำละห้าแสนตำลึงกำลังดีเพคะ ลำใหญ่สำหรับกลุ่มการค้าสักสองล้านห้าหมื่นตำลึง ส่วนเรือที่ขายให้กองทัพลูกจะติดอาวุธให้ด้วย ลำละห้าล้านตำลึง ห้าล้านตำลึงถ้าเทียบกับการที่จ
จ้าวเฟยหรงนอนกอดร่างระหงอย่างหวงแหน ซ่งจื่อหรูกับซ่งจื่อเย่วยิ่งโตเป็นสาวยิ่งงดงามเปรียบดังดอกไม้งามเมืองกว่างผิงเลยทีเดียว ทั้งคู่นอนหลับจนนางรู้สึกมีมือหยาบกร้านมาลูบผม ซ่งจื่อหรูรู้สึกตัวจึงลืมตา พอเห็นคนที่ปรากฏตรงหน้าก็ลุกขึ้นทันทีสวมกอดแล้วร้องไห้"เหลียนฮวาหนูร้องไห้ทำไมกัน บอกปู่สิ"ส่งฮั่นเหลียงลูบหลังหลานสาว"คุณปู่คะ คุณปู่มาหาหนูสักทีอวิ่นห่าวเขามาไม่ได้อีกแล้ว หนูอยู่ที่นี่คิดถึงทุกคน""เหลียนฮวา ไปคุยกับปู่ข้างนอกเถอะ"ซ่งจื่อหรูหันไปมองคนที่นอนหลับข้างๆ หันกลับมามองหน้าปู่ของนาง"มาเถอะเขาไม่ตื่นหรอก"ซ่งฮั่นเหลียงบอกนางซ่งจื่อหรูจึงลุดเดินตามซ่งฮั่นเหลียงออกไป ทั้งคู่ยืนอยู่ริมระเบียงทอดมองลงมาที่โรงทอผ้าที่ก่อนหน้าเคยเป็นบ้านนางมาก่อนและเป็นสถานที่ๆเกิดเรื่องราว"คุณปู่คะ ทำไมตราประทับนั่งถึงเลือกหนู สกุลเฟิ่งผ่านมาหลายรุ่นเหตุใดต้องเป็นหนูที่มาแก้ไข""เดิมทีไข่มุกจันทราไม่ใช่ของดี ตั้งแต่ฮั่นอู๋ตี้ได้มันมาก็เริ่มเปลี่ยนไป โหดร้ายไล่ฆ่าคนไม่เลือกแม้กระทั่งบุตรตนเอง แต่ไข่มุกก็เสริมพลังอำนาจให้แก่เขา ตำหนักเทพในตอนนั้นออกอุบายให้เขาสร้างสุสานและบอกวิธีคืนชีพหลังจากตาย ค