หญิงสาวที่ยามนี้อายุยี่สิบแล้ว ร่างบอบบางเอนตัวลงนอนตามแรงคะยันคะยอของลูกๆ ที่นางไม่ได้อุ้มทอง บางคนวิ่งไปเอาผ้าชุบน้ำมาให้ อีกคนเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้นาง เสียงทำอาหารมื้อเย็นในครัว นางส่งยิ้มอ่อนแรงและโบกมือให้ทุกคนออกไปก่อน ตั้งใจหลับตาพักผ่อนชั่วครู่ ทว่ากลับผล็อยหลับไป จนได้ยินเสียงเอะอะด้านนอก นางจึงลุกขึ้นเดินออกมานอกห้องนอน“เฉิงเอ๋อร์อยู่ไหน”“ไม่รู้ ข้าไม่เห็นเขาตั้งแต่บ่ายแล้ว”“กระต่ายของเฉิงเอ๋อร์ไม่อยู่ เฉิงเอ๋อร์แอบขึ้นเขาอีกหรือเปล่า”“แต่ปกติเฉิงเอ๋อร์กลับบ้านตรงเวลานะ”“ท่านแม่ไม่สบาย อย่าให้ท่านแม่รู้ ข้าจะออกไปตามเฉิงเอ๋อร์”หัวใจคนเป็นแม่กระตุกวูบ สองขาพาร่างบอบางเดินไปด้วยสีหน้าไร้สีเลือด“เมื่อครู่พวกเจ้าพูดว่าอะไรนะ”“ท่านแม่!” เด็กๆ พากันตกใจไม่คิดว่ามารดาได้ยิน“เฉิงเอ๋อร์ล่ะ” นางกวาดสายตามองหาร่างเล็กของลูกชาย เจ้าก้อนแป้งนุ่มอยู่ที่ไหนล่ะ “เฉิงเอ๋อร์”“ท่านแม่” ชิงถิงเข้ามาประคองมารดา “ข้าขอโทษ ข้าดูแลน้องไม่ดี ข้าจะออกไปตามเฉิงเอ๋อร์”“พวกเราจะออกไปตามเฉิงเอ๋อร์” เด็กๆ รีบแย่งกันพูดซินหรานพยายามสงบใจ ฟ้าใกล้มืดแล้ว เฉิงเอ๋อร์แม้ซุกซนแต่กลับบ้านตรงเ
“อ่า! เจ้ามีของดีแต่ไม่แบ่งข้า เช่นนี้ยังเห็นข้าอยู่ในสายตารึ” นางหยิบขนมเปี๊ยะส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างไม่สนใจมารยาท “นี่เป็นขนมเปี๊ยะที่อร่อยที่สุดในหมู่บ้านเน่าๆ แห่งนี้” อดีตองครักษ์ของเหิงหยางเซิงได้แต่ยืนมองสตรีผู้นี้กินของกินของผู้อื่นหน้าตาเฉย “หมดแล้วรึ” จางเย่วถิงถามเมื่อกัดกินขนมเปี๊ยะสองชิ้นหมดไปแล้ว เมื่อเห็นอู่เฉียงนิ่งงันไปนางก็ยักไหล่ ปัดมือไปมาให้เศษขนมร่วงจากมือ “เอาเถิด ข้าไปซื้อที่บ้านของนางก็ได้” สิ้นประโยคจางเย่วถิงก็ใช้วิชาตัวเบากระโจนแผ่วหายไปอย่างรวดเร็ว อู่เฉียงงุนงงไม่เข้าใจสิ่งที่จางเย่วถิงทำ ขนมเปี๊ยะนั้น สองวันมาแล้ว นางยังกินได้อย่างหน้าตาเฉยทั้งที่เขารู้ว่าประมุขพรรคกระเรียนแดงเรื่องมากเรื่องอาหารการกินขนาดไหน ยามที่นางมาให้ท่านจอมมารถอนพิษร้อยชาย ซินหรานต้องวิ่งหัวหมุนเพื่อเตรียมสุราอาหารให้ประมุขพรรคกระเรียนแดงจอมตะกละและหื่นกามผู้นี้ ประเดี๋ยวนะ คงไม่ใช่.... ร่างเล็กๆ ของเด็กชายตัวน้อยชะเง้อมองไปนอกถ้ำ ดวงตาที่เคยเป็นสีนิลยามนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงวาววับจ้องม
“แม่ไม่เป็นอะไร” นางปลอบใจลูก สัมผัสได้ถึงกรุ่นไอโทสะของบุตรชาย เฉิงเอ๋อร์จับมือมารดาที่มีผ้าเช็ดหน้าพันอยู่ เลือดซึมออกมาจากผ้าที่เปื้อนเปรอะ มือเล็กจับมือมารดาด้วยความระมัดระวัง ทว่าร่างกายเล็กๆ นั้นเริ่มเกร็ง ใบหน้าน้อยสะบัดหันไปมองคนที่ทำร้ายมารดา ดวงตาของเขาพลันกลายเป็นสีแดงดุจย้อยด้วยโลหิต แยกเขี้ยวที่โค้งยาวออกมา “เฉิงเอ๋อร์! แม่ไม่เป็นอะไร!” นางพยายามเรียกสติลูก หารู้ไม่ว่ากลิ่นเลือดของนางทำให้ลูกชายถูกโทสะเข้าครอบงำ “มันผู้ใดบังอาจแตะต้องแม่ของข้า!” เฉิงเอ๋อร์พุ่งตัวออกไปหมายกำจัดคนที่มารังแกมารดา ซินหรานคว้าร่างลูกชายไม่ทัน เผลอหวีดร้องด้วยความตกใจ ทว่ามือใหญ่ข้างหนึ่งกระชากคอเสื้อของเด็กน้อยไว้ก่อน ดวงตาสีโลหิตคู่นั้นหันขวับมาจ้องมองเขา แต่ชายหนุ่มไม่มีท่าหวาดกลัวใดๆ เขาเพียงใช้มืออีกข้างดีดปลายนิ้วที่กลางหน้าผากของเด็กน้อย เฉิงเอ๋อร์ผงะไป เด็กน้อยสะบัดหน้าไปมาหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนลืมตาอีกครั้งดวงตาจึงกลับเป็นเช่นเดิม ซินหรานมัวแต่กังวลเรื่องเฉิงเอ๋อร์ ลืมมองชายร่างสูงผู้นี้ไปเสียสิ้น นางเห็นเขาวาดมือไปด้านข้างเพ
“แม่ไม่สบายนิดหน่อย ชิงถิงดูแลน้องๆ ด้วย พาเฉิงเอ๋อร์ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า คืนนี้ให้เฉิงเอ๋อร์ไปนอนด้วยประเดี๋ยวจะติดไข้จากแม่” “เช่นนั้นข้านอนเฝ้าท่านแม่เอง” ชิงถิงเสนอ “ไม่ต้อง แม่ของเจ้าข้าดูแลเอง” เหิงหยางเซิงหงุดหงิด หากไม่เกรงใจนาง เขาคงใช้กำลังภายในผลักเด็กพวกนี้ให้กระเด็นออกไปแล้ว ชิงถิงมองหน้ามารดา เห็นซินหรานพยักหน้าก็พากันออกไป นางมองเด็กๆ ออกไปและปิดประตูแล้วก็หันไปทางเหิงหยางเซิงที่รินน้ำแล้วถือมาจ่อปากนาง “ข้าดื่มเองได้” นางรับถ้วยน้ำมาดื่มอึกใหญ่แต่ยังรู้สึกกระหายอยู่ อีกฝ่ายรับรู้ได้จึงรินน้ำให้นางอีกถ้วย “เจ้าเอาหีบเครื่องประดับออกมา แล้วเหตุใดจึงให้ตัวเองอยู่บ้านซอมซ่อเช่นนี้ได้” “ท่าน...ท่านรู้...” เขาคงไม่ได้ทวงเอาเครื่องประดับเหล่านั้นคืนหรอก เหิงหยางเซิงทำเสียงเหอะในลำคอแล้วจ้องมองใบหน้าของหญิงสาว ในห้องมีเพียงแสงเทียน แต่กระนั้นก็ยังใบหน้าของนางชัดเจน “หากข้ารู้ว่าเจ้าหอบลูกข้าหนีละก็ ข้าคงพลิกแผ่นดินตามหาเจ้าแล้ว!” น้ำเสียงดุดันของเขาทำให้ห
จริงซิ! ตอนที่นางขึ้นเขาไปตามหาเฉิงเอ๋อร์ เขาอยู่กับลูกนี่...“ท่าน...” ซินหรานเรียกบุรุษที่เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่วางอยู่บนโต๊ะ จู่ๆ เขาก็ถอดเสื้อตัวนอกออก หญิงสาวหวีดร้องเสียงหลง ยกมือขึ้นปิดตา “ท่านจะทำอะไร!”“เปลี่ยนเสื้อผ้า” พูดแล้วก็ถอดเสื้อตัวนอกออกไม่สนใจที่นางยกมือปิดตาตัวเองอยู่ กำลังจะเอ่ยถามว่าจะปิดตาไปทำไมกัน ใช่ว่าระหว่างเขากับนางจะไม่เคยเปลือยกายต่อหน้ากันมาแล้ว แต่พอนึกอีกที เป็นเขาที่ปิดตานางยามร่วมรักหลับนอน นางเองคงไม่คุ้นชินที่จะเห็นบุรุษเปลือยกาย หรืออีกนัย สี่ปีที่นางหายไปไม่มีบุรุษอื่นใดเข้ามาข้องแวะในชีวิตนางอ้อ! ถ้าไม่นับเด็กๆ ยั้วเยี้ย เต็มลานบ้าน!“ทำไมไม่ไปเปลี่ยนที่อื่น!”“บ้านเจ้ามันมีกี่ห้องเชียว เดินเข้ามาก็เจอเตียงนอนแล้ว แล้วจะให้ข้าไปเปลี่ยนที่ใด” เขากระตุกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่นางยังเอามือข้างหนึ่งปิดตาตัวเอง แล้วใช้มืออีกข้างชี้ไปด้านข้าง“มีฉากกั้น! ท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นั่น!”ซินหรานปิดตาตัวเองไม่กล้าลอบมองร่างกำยำของบุรุษผู้นั้น ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเขาแล้วก็ได้แต่โมโห เหมือนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ได้ยินเพียงเสียงเสื้อผ้าสวบสาบอ
เขาดูไม่เหมือนคนทั่วไปเลยสักนิด มิใช่ว่ามีหูตาผิดแปลกกว่าคนทั่วไป แต่รัศมีความน่าเกรงขามแม้จะอยู่ในอาภรณ์ซอมซ่อก็ตาม ท่าทางเย่อหยิ่งทรนงนั้นอีก มองเพียงแวบเดียวก็มีส่วนคล้ายเฉิงเอ๋อร์อยู่หลายส่วน“ชิงถิง”เด็กหนุ่มหยุดเดินหันไปตามเสียงเรียก ชิงถิงค้อมกายคารวะอาจารย์จงอินอย่างอ่อนน้อม อีกฝ่ายเพียงแค่โบกมือไปมา“เจอเจ้าก็ดีแล้ว บอกแม่บุญธรรมของพวกเจ้าด้วยว่าข้าให้คนเตรียมเรือนให้พวกเจ้าและน้องๆ ได้หลับนอนเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าจะมาเมื่อใดก็ได้”“เอ่อ...” ชิงถึงมีสีหน้างุนงง ท่าทางของเขาทำให้อาจารย์จงอินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเอ่ยถ้อยคำอธิบายความหมาย “แม่บุญธรรมของเจ้าฝากฝั่งพวกเจ้าพี่น้องทั้งหกคนให้อยู่ที่สำนักศึกษาของข้า ข้าเองก็เห็นพวกเจ้าเป็นเด็กดี แม้เป็นเด็กกำพร้าหากได้รับการอบรมสั่งสอนในภายภาคหน้าก็มีโอกาสสร้างฐานะความเป็นอยู่ของตนเองให้ดีกว่านี้ได้”“ท่านแม่...จะให้ข้ากับน้องๆ มาอยู่กับท่านอาจารย์หรือขอรับ” แม้เขาดีใจที่ได้ร่ำเรียนหนังสือแต่...แม่บุญธรรมต้องการให้พวกเขาไปจากบ้านแล้วหรือ? หรือว่า...เพราะรู้ว่าบิดาของเฉิงเอ๋อร์กลับมาจึงไม่ต้องการเด็กกำพร้าอย่างพวกเขาแล้ว“เจ้าโชคดีกว่า
“อะไรที่ท่านแม่สั่งสอน พวกเราล้วนจดจำใส่ใจไว้ไม่ลืมเลือน ขอท่านแม่อย่าคิดมากไปเลย” คราวนี้เป็นซินหรานที่น้ำตารื้นจนต้องยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้า ไฉนเป็นเด็กเหล่านี้ที่มาปลอบใจนางเช่นนี้นะ นางไล่สายตามองใบหน้าเด็กแต่ละคนที่ยามนี้ไม่ได้ผอมกะหร่องเช่นวันแรกๆ ที่ได้พบพวกเขา แม้อยู่ด้วยกันไม่นานสองหรือสามปีเท่านั้น บางคนมาอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ สำหรับนางแล้ว พวกเขาต่างหากที่ทำให้นางสามารถมีกำลังใจเลี้ยงดูเฉิงเอ๋อร์เพียงลำพังได้ถึงวันนี้ “แม่นางซินหราน รถม้ามาแล้วขอรับ” ซินหรานหันไปตามเสียงเรียกที่ดังอยู่นอกประตู นางลุกขึ้นจากเก้าอี้มีชิงถิงคอยช่วยพยุง เห็นอู่ชิงยืนอยู่ด้านนอกก็ยกมุมปากยิ้มเล็กน้อยๆ ทั้งสองดูไม่ต่างจากที่นางพบเมื่อสี่ปีก่อนมากนัก ยกเว้นใบหน้าที่มิอาจซ่อนความอิดโรยไว้ได้ “เรื่องที่รบกวนพี่อู่ชิงช่วยขายกำไลหยกนั้น...” “พวกเราจัดการให้แล้ว” อู่ชิงผงกศีรษะเล็กน้อย “ได้เต็มจำนวน” “ดีจริง” ซินหรานอมยิ้ม นึกถึงครั้งที่ตัวเองไปถามขายกำไลด้วยตนเองได้เพียงแค่ห้าสิบตำลึงเท่านั้น แต่เมื่อรบกวนให้องครักษ
“อะไรที่ท่านแม่สั่งสอน พวกเราล้วนจดจำใส่ใจไว้ไม่ลืมเลือน ขอท่านแม่อย่าคิดมากไปเลย” คราวนี้เป็นซินหรานที่น้ำตารื้นจนต้องยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้า ไฉนเป็นเด็กเหล่านี้ที่มาปลอบใจนางเช่นนี้นะ นางไล่สายตามองใบหน้าเด็กแต่ละคนที่ยามนี้ไม่ได้ผอมกะหร่องเช่นวันแรกๆ ที่ได้พบพวกเขา แม้อยู่ด้วยกันไม่นานสองหรือสามปีเท่านั้น บางคนมาอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ สำหรับนางแล้ว พวกเขาต่างหากที่ทำให้นางสามารถมีกำลังใจเลี้ยงดูเฉิงเอ๋อร์เพียงลำพังได้ถึงวันนี้ “แม่นางซินหราน รถม้ามาแล้วขอรับ” ซินหรานหันไปตามเสียงเรียกที่ดังอยู่นอกประตู นางลุกขึ้นจากเก้าอี้มีชิงถิงคอยช่วยพยุง เห็นอู่ชิงยืนอยู่ด้านนอกก็ยกมุมปากยิ้มเล็กน้อยๆ ทั้งสองดูไม่ต่างจากที่นางพบเมื่อสี่ปีก่อนมากนัก ยกเว้นใบหน้าที่มิอาจซ่อนความอิดโรยไว้ได้ “เรื่องที่รบกวนพี่อู่ชิงช่วยขายกำไลหยกนั้น...” “พวกเราจัดการให้แล้ว” อู่ชิงผงกศีรษะเล็กน้อย “ได้เต็มจำนวน” “ดีจริง” ซินหรานอมยิ้ม นึกถึงครั้งที่ตัวเองไปถามขายกำไลด้วยตนเองได้เพียงแค่ห้าสิบตำลึงเท่านั้น แต่เมื่อรบกวนให้องครักษ์ข้างกายท่าน