ลลิตเหม่อมองตุ๊กตาแขวนหมุนไปมาอย่างปลงตก นี่เขาทะลุมิติมาในเรื่อง วางแผนมัดใจนายอัลฟ่าเย็นชา นิยายบอยเลิฟชื่อดังที่น้องสาวของเขา ต้นหลิว ติดงอมแงมคอยพูดเรื่องของตัวละครในนิยายให้ฟังตอนกินข้าวบ่อย ๆ
รู้อย่างนี้ไม่น่าเสียบหูฟังหนีเลย
ทารกน้อยค่อย ๆ เรียบเรียงความทรงจำที่กระจัดกระจาย ลออจันทร์ แม่ของเขาในนิยายเรื่องนี้รับบทเป็นตัวประกอบที่แอบหลงรัก คุณคราม อัลฟ่าหนุ่มที่เพิ่งเปิดตัวคู่หมั้นสายฟ้าแลบจนเป็นที่ฮือฮาของคนทั้งประเทศ ทำให้ลออจันทร์รู้สึกผิดที่พลาดนอนกับคุณชายของบ้านจนต้องหอบท้องหนีมาเพื่อให้คนที่ตนแอบรักได้แต่งงานกับแฟนสาวอย่างราบรื่น
เรื่องราวผ่านไปจน ลลิต โอเมก้าน้อยได้เติบโตขึ้นจนอายุ 20 ปี เด็กน้อยที่ผ่านความลำบากมาตั้งแต่เด็ก รูปร่างจึงผอมซีด ใบหน้าปกคลุมด้วยทรงผมหน้าม้าทำให้ดูมืดมนขึ้นไปอีก หนุ่มน้อยขี้อายได้ตกหลุมรัก แทนไท เดือนมหาลัยสุดฮอต หากแต่คนขี้ขลาดอย่างเขาคงได้แต่แอบรักเขาข้างเดียวจึงคิดจะตัดใจไปอย่างเงียบ ๆ
แต่ไม่นานเขาก็ได้พบกับเพื่อนสนิท อัยวา โอเมก้าหนุ่มน้อยที่ไม่เคยรังเกียจตัวตนของลลิตเลยสักครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งอัยวาชวนเขาไปงานวันเกิดที่บ้านของตัวเองทำให้เขาค้นพบความลับที่ผู้เป็นแม่ปกปิดไว้ คุณพ่อของอัยวาคือคนเดียวกับคุณพ่อของเขา ตอนที่ลลิตยังเด็กเขาเคยสงสัยว่าพ่อของเขาหายไปไหนแต่ผู้เป็นแม่กลับปิดปากเงียบ ด้วยความอยากรู้ลลิตจึงแอบไปค้นตู้เก็บของจึงเจอกับภาพถ่ายใบหนึ่งที่เขียนข้างหลังภาพว่า
สุดหัวใจ
เด็กหนุ่มจดจำใบหน้าเคร่งขรึมของคนเป็นพ่อได้อย่างชัดเจน หลังกลับจากงานวันเกิดลลิตจึงได้คาดคั้นกับคนเป็นแม่ ลออจันทร์จึงได้แต่สารภาพทั้งน้ำตา
“ฮึก ทำไมแม่จะต้องหนีมาด้วย ถ้าไม่หนีมาเราคงไม่ต้องทนทุกข์แบบนี้หรอก” ลลิตร้องไห้เอ่ยความในใจกับผู้เป็นแม่ ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวอีกทั้งยังเป็นโอเมก้าต้องลำบากขนาดไหน หากว่าผู้เป็นพ่อรู้ความจริง คงไม่ต้องลำบากขนาดนี้
“แม่ขอโทษ” ลออจันทร์ได้แต่ร้องไห้ เขาจะกล้าบอกได้ยังไงในเมื่อวันที่เขารวบรวมความกล้าที่จะบอกความจริงเป็นวันเดียวกับที่คุณครามประกาศงานหมั้น
“ฮือออออ” สองแม่ลูกกอดกันร่ำไห้ออกมา
ความเจ็บปวดของลลิตยังไม่จบแค่นั้น เมื่อเพื่อนสนิทของเขาชักชวนให้ไปเที่ยวสถานบันเทิงในคืนวันหยุด
“ลลิต ไปเถอะนะ วันนี้เราจะได้แนะนำให้รู้จักกับคู่หมั้นของเราด้วย” อัยวารบเร้าเพื่อนสนิทเสียงออดอ้อน ตั้งแต่ลลิตรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นพี่น้องของตนยิ่งรู้สึกรักใคร่ยิ่งไปอีกจึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย
“ลลิต นี่พี่แทน คู่หมั้นของเราเอง” อัยวาควงเดือนมหาลัยมาแนะนำลลิตที่นั่งหลบมุมอยู่ให้รู้จัก ลลิตรู้สึกชาไปทั่วร่างพูดอะไรไม่ออกอยู่เป็นนาน จนอัยวาเลิกคิ้วสงสัยท่าทางของคนตรงหน้า
“อ่ะ ลลิตครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เด็กหนุ่มแนะนำตัวเสียงแผ่วเบา ก่อนจะขอตัวกลับอย่างรวดเร็ว ไม่ทันสังเกตสายตาที่มองร่างลลิตจนลับสายตาไป
“พี่แทนมองอะไรครับ” เสียงที่เคยอ่อนหวานเริ่มไม่พอใจเมื่อเห็นคู่หมั้นหนุ่มมองตามเพื่อนสนิท
“เปล่า ไม่มีอะไร” ก่อนจะดึงแขนออกจากการกอบกุม แล้วเดินออกจากร้านไปไม่สนเสียงโวยวายด้านหลัง
เวลาผ่านไปจนลลิตเรียนปีสุดท้าย ลลิตที่สุขภาพดีมาตลอดได้หมดสติไป ลออจันทร์รีบพาไปโรงพยาบาลทันที คุณหมอเจ้าของคนไข้แจ้งข่าวร้ายว่าตอนนี้ลลิตเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายมีเวลาอีกไม่ถึงสามเดือน โอเมก้าหนุ่มร้องไห้ทั้งน้ำตา จึงตัดสินใจไปบ้านโยธินตระกูลเพื่อบอกให้คุณครามรับทราบถึงการมีอยู่ของลูกชาย หากแต่ถูกโรสรินผู้เป็นแม่ของอัยวาขัดขวางไว้
“คุณรินได้โปรด ให้ผมได้คุยกับคุณครามเถอะครับ ” ลออจันทร์คุกเข่าต่อหน้าโรสรินทั้งน้ำตา
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่ยอมให้พบ แต่คุณครามตอนนี้อยู่ต่างประเทศ ฉันไม่รู้จะทำยังไง” แม้ในใจโรสรินจะเกลียดชังคนตรงหน้าแค่ไหน แต่ก็ต้องข่มใจไว้
“ตอนนี้นายกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะโทรบอกเรื่องนี้กับคุณครามเอง”คุณหญิงของบ้านกล่อมคนตรงหน้าให้กลับไปก่อน ลออจันทร์ที่ตั้งใจจะฝากฝังเรื่องราวก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลเสียก่อน
“อะไรนะครับ ครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้” พูดจบก็รีบวิ่งออกไปขึ้นรถแท็กซี่ที่อยู่ด้านนอกสวนทางกับรถคันหรูที่แล่นเข้ามา
“มีแขกมาเหรอ” ครามถอดเสื้อสูทเดินเข้ามาหานายหญิงของบ้านถามอย่างเสียงเรียบ
“แค่เพื่อนมาเยี่ยมน่ะค่ะ ไม่มีอะไรมาก” พูดพลางเอื้อมมือไปช่วยถอดเสื้อ แต่ครามกลับเบี่ยงตัวออกราวกับไม่อยากถูกสัมผัสของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา
“ไม่ต้อง คุณไปทำธุระของคุณเถอะ” เอ่ยจบก็เดินตรงไปห้องทำงาน ไม่สนว่าโรสรินจะทำหน้าไม่พอใจแค่ไหน
“ผ่านไปยี่สิบกว่าปี คุณก็ยังเย็นชาเหมือนเดิม”
ตึก ตึก ตึก เสียงวิ่งดังก้องไปทั่วทางเดินของโรงพยาบาลรัฐ โอเมก้าวัยกลางคนละล่ำละลักถามคุณหมอเสียงสั่น
“คุณหมอ ลูกของผมเป็นอะไรครับ”
“รีบเข้าไปเถอะครับ คนไข้ใกล้จะไม่ไหวแล้ว” คุณหมอเจ้าของไข้หลบตา ทนมองภาพตรงหน้าไม่ได้ ลออจันทร์รีบเปิดประตูเข้าไปถลาเข้าไปหาลูกชายที่นอนอยู่บนเตียง
“ลลิตลูก แม่มาแล้ว” ลออจันทร์กุมมือลูกชายไว้แน่น มองหน้าซีดเซียวของลลิตทั้งน้ำตา
“แม่ อย่าร้องไห้” ลลิตที่รู้ตัวว่าไหวแล้ว ยกมือปาดน้ำตาบนใบหน้าที่ยังดูสวยงามของคนเป็นแม่
“ฮึอ ฮืออ” ลออจันทร์ส่ายหัวไปมา ยอมรับความจริงที่ลูกต้องจากไปไม่ได้
“แม่ ลลิต...รัก...แม่นะ” มือที่ลูบไล้ใบหน้าทิ้งตัวอย่างอ่อนแรง ลออจันทร์กรีดร้องลั่นเมื่อลูกชายจากไป
“ลลิต อย่าทิ้งแม่ไป ม่ายยยย”
เมื่อเวลาผ่านไป ลออจันทร์ที่เสียสติก็นำตัวเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวท ต่อมาถูกบุคคลปริศนารับไปดูแล ส่วนอัยวาเมื่อรู้ข่าวเพื่อนสนิทก็ได้แต่เสียใจโดยมีแทนไทที่นิสัยเย็นชายิ่งกว่าเดิมคอยเคียงข้าง
ตอนจบเฮงซวย ใครแต่งนิยายเรื่องนี้วะเนี่ย
ทารกน้อยแกว่งแขนขาไปมาอย่างกราดเกรี้ยว เมื่อจำเรื่องราวในนิยายทั้งหมดได้แล้ว เสียงอ้อแอ้ดังเป็นระยะเรียกรอยยิ้มจากลออจันทร์ที่รีดผ้าอยู่ให้หันไปมอง
ลูกใคร ทำไมร่าเริงแบบนี้
จ๊วบ จ๊วบ เสียงดูดกลืนน้ำนมของทารกน้อย เรียกรอยยิ้มของลออจันทร์ให้กว้างขึ้นไปอีกความจริงเขาไม่อยากดื่มนมจากเต้าหรอกนะ แต่ร่างกายทารกนี่ยุ่งยากจริงหากไม่หิวก็หลับอยู่นั่นแหละ ลลิตคิดถึงร่างกายผอมแห้งของลลิตตอนโต มืออวบยิ่งบีบจับเต้าไว้แน่นออกแรงดูดกลืนน้ำนมจนเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของโอเมก้าหนุ่มดังขึ้น“โอ๊ะ ลูกแม่ แรงดีจริง ๆ เลยนะเนี่ย” เสียงนุ่มหยอกล้อเจ้าตัวเล็ก จนลลิตรู้สึกผิดจึงได้เบาแรงลงเล็กน้อย สองแม่ลูกใช้เวลาร่วมกันสักพักจนร่างทารกหลับคาหน้าอกลออจันทร์อุ้มร่างเล็กนอนลงเปลเด็ก ก่อนผละออกไปซักผ้าอ้อมที่ใช้แล้วในห้องน้ำ แม้การเป็นโอเมก้าเลี้ยงเดี่ยวจะลำบากไปหน่อย แต่เขาโชคดีที่บรรดาผู้คนที่รายล้อมเขาต่างคอยให้ความช่วยเหลือ ลออจันทร์หวนนึกถึงใบหน้าหล่อเหล่าในความทรงจำ แต่ก็รีบสลัดทิ้งไปอย่างรวดเร็วป่านนี้คุณครามกับคุณรินคงแต่งงานกันไปแล้วกริ๊ง กริ๊ง เสียงออดหน้าประตูดังขึ้น ทำให้ลออจันทร์หลุดออกจากภวังค์ความคิด ชายหนุ่มรีบออกไปสำรวจลูกน้อยก่อนว่าจะสะดุ้งกับเสียงออดหรือเปล่า เมื่อเห็นทารกน้อยหลับอุตุอย่างน่ารัก ก็รีบไปเปิดประตูเพื่อต้อนรับแขก“โอ๊ย ยายแก่หยิกฉันทำไม” เสียง
“ฮึก ฮึก” เสียงสะอื้นของลลิตน้อยเริ่มสงบลงเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของลออจันทร์ โอเมก้าหนุ่มที่ตอนนี้นั่งหลบมุมอยู่ในร้านโดยฝั่งตรงข้ามมีคนหน้าดุเฝ้ามองกระทำด้วยสายตาอ่อนโยนไม่ห่างสายตาที่ทารกวัยเจ็ดเดือนจ้องมองคนแปลกหน้าเขม็งอย่างกับว่ารู้จักมานาน ทำให้คนเป็นพ่อรู้สึกแปลกใจแน่ละสิ เขาต้องรู้จักคนตรงหน้าอยู่แล้ว ครามคุณพ่อของนายเอกและเป็นไอ้หน้าโง่ที่เลี้ยงดูลูกคนอื่นจนไม่รู้ว่าลูกตัวเองตายไปตั้งนานแล้วลลิตคิดแล้วก็โกรธคนตรงหน้าที่มีส่วนทำให้หม่าม้าของตนต้องมีจุดจบแบบนั้น ใบหน้าน้อย ๆ ออกอาการฮึดฮัดชี้มือชี้ไม้ไปมาจนคนเป็นแม่นึกฉงน“เด็กดี ไม่ต้องร้องนะครับ” เสียงลออจันทร์เอ่ยปลอบโยนลูกชายในอ้อมอก ก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามแวบหนึ่ง“คุณลูกค้า หากต้องการสั่งกาแฟรบกวนสั่งที่หน้าเคาน์เตอร์นะครับ” ลออจันทร์รวบรวมความกล้าขึ้นสบตากับชายหนุ่ม“ตอนที่เดินเข้ามาในร้านนายยังเรียกฉันว่า คุณครามอยู่เลยนะ” ลออจันทร์เม้มปากแน่น อยากจะเขกกะโหลกตัวเองเมื่อเผลอปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มออกไป“คุณคราม มาที่นี่ทำไมครับ” อ้อมกอดเริ่มรัดแน่นเมื่อลูกน้อยที่อยู่บนตักเริ่มขยับตัวขยุกขยิกพยายามหันหน้าออกมา ร่
แม้จะเตรียมใจมาบ้างแล้วแต่เมื่อเห็นสถานที่สองแม่ลูกอาศัยอยู่ก็ทำให้ครามรู้สึกปวดใจไปหมดสภาพห้องเช่าขนาดกลางที่ไม่ได้กว้างมากนัก ภายในห้องนอกจากจะมีเตียงขนาดกลางชิดมุมห้องและเปลเด็กกลางห้องยังมีของสำหรับเด็กอ่อนที่อยู่บนโต๊ะข้างตู้เย็นกลางเก่ากลางใหม่บริเวณกลางห้องมีเสื่อเด็กเล่น ยังดีที่มีระเบียงหลังใช้สำหรับตากผ้าอ้อมกับอ่างล้างจาน“แอ้ แอ้” มองแบบนี้หมายความว่ายังไงทารกน้อยตบมือปุ ๆ ไปที่คางได้รูปเมื่อเห็นคนตัวยักษ์กวาดสายตาไปทั่วห้อง ลออจันทร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างหน้าแดงระเรื่อด้วยความอาย“เอ่อ คุณครามนั่งที่เตียงได้นะครับ” ปกติสองแม่ลูกจะปูเสื่อนั่งเล่นกลางห้อง ลลิตตัวน้อยรู้ความมาก เมื่อกลับจากที่ทำงานลออจันทร์จะปูเสื่อนิ่มไว้กลางห้องและเทบรรดาของเล่นที่ตายายที่ขยันซื้อมาฝากปล่อยให้ลูกเล่นตามลำพัง ส่วนเขานั้นก็จะรีบซักผ้าอ้อมและทำอาหารเย็น เด็กอายุเจ็ดเดือนเริ่มทานอาหารอ่อน ๆ ได้แล้ว ลออจันทร์จึงมักสลับทำอาหารกับป้อนนมให้ลูกเป็นบางครั้งเพื่อฝึกให้ลลิตเลิกเต้าเพราะตอนนี้น้ำนมของเขาแทบจะไม่มีแล้วครามเดินไปที่เตียงก่อนจะวางลูกน้อยให้นอนแผ่บนเตียง ลลิตที่ถูกปล่อยตัวพลิกคว่ำคลานไปทั่
หลังจากส่งลออจันทร์ที่ร้านอุ่นไอรัก ครามก็นั่งรถกลับบริษัทไปทำงานต่อระหว่างนั่งทำงานแทบจะไม่มีสมาธิ มัวแต่มองนาฬิกาข้อมือเป็นพัก ๆ แทบอยากจะให้ถึงเวลาเลิกงานเร็ว ๆ หากแต่ชายหนุ่มก็ต้องผิดหวังเมื่อได้รับสายจากผู้เป็นแม่ “ครับ คุณแม่” “ตาคราม นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องให้หนูรินรีบพาหนูอัยวาไปต่างประเทศด้วย รีบกลับมาห้ามเมียแกเดี๋ยวนี้นะ” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นแทรกเข้ามาท่ามกลางเสียงปลอบประโลมของคนในบ้าน “งั้นคุณแม่ก็บอกให้โรสรินเตรียมใจไว้ดี ๆ นะครับ”พูดจบก็กดตัดสายไป สายตาเย็นชาครุ่นคิดถึงเรื่องที่โรสรินกระทำลงไป คิดว่าถ้าจากไปเงียบ ๆ เขาจะไม่คิดบัญชีย้อนหลังแล้วแท้ ๆ ชายหนุ่มเห็นแก่อัยวาจึงไม่อยากถึงขั้นแตกหักกับโรสริน เด็กน่าสงสารที่ครามคิดว่าเป็นลูกชายในชาติที่แล้วถึงแม้ไม่ได้เลี้ยงดูมาอย่างใกล้ชิดแต่ก็ยังมีความรู้สึกผูกพันอยู่บ้าง เขาจึงไม่อยากให้เรื่องที่ยังแก้ไขได้ส่งผลต่ออนาคตของเด็กคนนั้นอัยวาควรได้เจอพ่อที่แท้จริงครามถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจกลับบ้านไปจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยก่อนที่ลออจันทร์และลลิตจะย้ายเข้
“หม่าม้า ไหนลองพูดสิครับ หม่าม้า”“ม่ะแม่ะ แม่ะ อ้ายย” ทำไมลิ้นเปลี้ยแบบนี้“เก่งมากครับ ฟอด” ลออจันทร์หอมแก้มยุ้ยฟอดใหญ่เป็นรางวัลให้แก่ลูกน้อยที่พยายามเลียนเสียงตนได้สำเร็จเด็กอายุเจ็ดเดือนจะเริ่มพูดคำง่าย ๆ ได้แล้วลออจันทร์จึงอยากให้ลลิตลองฝึกดูแต่ปรากฏว่าลูกเขาช่างฉลาดจริง ๆ สอนไม่กี่รอบก็พูดได้แล้ว“แม่ะ แม่ะ หม่ำ หม่ำ” หม่าม้าลลิตหิวข้าวแล้ว“โอ๋ ลลิตหิวข้าวแล้วเหรอครับ รอแปปนึงนะครับ”“อ้ายย ยา อ้ายย”กริ๊ง กริ๊งลออจันทร์ที่กำลังบดข้าวกับกล้วยสุกได้ยินเสียงกริ่งจึงเดินไปเปิดประตูเชิญแขกที่คุ้นหน้าคุ้นตาเข้ามาในห้อง ครามที่ในวันนี้แต่งตัวสบาย ๆ สวมเสื้อยืดแบรนด์ดังกับกางเกงเนื้อดีถือถุงใบใหญ่เข้ามาในห้องสร้างความสนใจให้แก่ลลิต“อา อา” ถืออะไรมาอ่ะลลิตคลานมาตรงหน้าผู้เป็นพ่อด้วยความอยากรู้ ครามที่เห็นลูกคลานมาหาก็ดีใจย่อตัวลงรวบร่างอวบอัดเข้ามากอดมาหอม“แอ้ อ้ายยย”
“ฮึก อึก” เสียงสะอื้นไห้ของเด็กน้อยดังเป็นพัก ๆ ร่างอ้วนซึ่งตอนนี้ซุกหน้ากับบ่าลออจันทร์ มือป้อมกอดคอผู้เป็นแม่ไว้แน่นแต่ไม่วายจับหางไดโนเสาร์ไม่ยอมปล่อย“อย่ารัดคอแม่แน่นแบบนั้นสิครับ มาให้พ่ออุ้มมา”ครามเห็นท่าลูกหมีโคอาล่ากอดต้นไม้ของลูกก็อดขำไม่ได้“แอ้ แอ้” ไปไกล ๆ เลยนะมือน้อยที่กำหางไดโนเสาร์อยู่ใช้แรงฟาดตุ๊กตาไปที่ชายหนุ่มท่าทางเกรี้ยวกราด จนลออจันทร์ต้องปรามลูกน้อย“เอ๊ะ ลลิตอย่าทำแบบนี้สิครับ”“ฮึก แงงงงงง”หม่าม้าดุลลิตเหรอเสียงร้องไห้ที่เพิ่งเงียบไปกลับมาดังอีกครั้ง ลออจันทร์มองลูกน้อยอย่างอ่อนใจมือบางคอยลูบแผ่นหลังน้อย ๆ พลางโยกตัวกล่อมร่างนุ่มนิ่ม“แม่ะ อะบูวววว” หม่าม้าอยากกลับบ้านแล้วครับ“กลับกันเถอะ ลูกคงง่วงนอน” ครามถือของแทนลออจันทร์โอบประคองร่างสองแม่ลูกเข้าไปในลิฟต์ ลออจันทร์ไม่อยากอยู่ในอ้อมแขนแต่ก็จนใจเมื่อสองมืออุ้มลูกน้อย
ย้อนกลับไปเมื่อสามอาทิตย์ก่อนท่ามกลางตึกระฟ้าสูง ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลารูปร่างกำยำสมกับเป็นอัลฟ่า ยืนมองหน้าต่างดูแสงไฟท้ายรถตรงถนนเคลื่อนที่ไปมาสายตาเหม่อลอยไร้จุดหมาย“คุณครามครับ ได้เวลาแล้วครับ” เตวิช เลขาประจำตัวเอ่ยเตือนเมื่อถึงเวลาที่นัดไว้“อืม”ร่างสูงรับคำก่อนจะเดินนำออกจากห้องทำงาน เตวิชมองร่างสูงที่เดินนำหน้า ชายหนุ่มดูแปลกไปตั้งแต่ที่เกิดอุบัติเหตุรถชนเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน หลังจากที่ครามฟื้นขึ้นมาสิ่งแรกที่ถามคือ“ลออจันทร์อยู่ที่ไหน”“ลออจันทร์?” เมื่อครามเห็นเตวิชทำหน้าฉงนก็เงียบไป ก่อนจะออกคำสั่งที่ทำให้เขาตกตะลึง“ส่งตัวอย่างดีเอ็นเอของฉันกับอัยวาไปตรวจให้เร็วที่สุด”รถหรูแล่นผ่านร้านค้ามากมายแต่ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มสนใจได้ ครามหวนนึกความทรงจำในชาติก่อนเรื่องราวเริ่มต้นในงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อนสนิทของคุณแม่ที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ไม่รู้ว่าเขาดื่มแอลกอฮอล์ไปมากแค่ไหนตื่น
ลลิตมองบรรดาคนแปลกหน้าย้ายของออกจากห้องพัก ตั้งแต่เช้าที่เขารู้สึกตัวก็ถูกครามอุ้มไว้ในอ้อมแขนแล้ว ชายหนุ่มมาคุมการย้ายสัมภาระแม่ลูกด้วยตนเองถึงแม้ว่าลออจันทร์จะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ” เตวิชเดินเข้ามารายงานเจ้านายหนุ่มที่นั่งอยู่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่“อืม”พยักหน้าตอบรับก่อนจะหันไปมองลออจันทร์ที่ยังบอกลาสองตายายไม่เสร็จ“ขอบคุณยายแจ่มกับตาทดอีกครั้งนะครับที่คอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด”ลออจันทร์ไหว้ขอบคุณทั้งสองคนอย่างซาบซึ้ง“ตอนนี้ลออมีความสุขก็ดีแล้วล่ะ ยายเห็นหลานมีความสุขยายก็ดีใจ”ยายแจ่มมองดูลลิตในอ้อมกอดของครามอย่างเอ็นดู“ยา ยา” ยายแจ่มจ๋า อุ้มลลิตหน่อยจ๊ะมือเล็กชูมือไปทางยายแจ่มตากลมโตออดอ้อนให้หญิงชราอุ้มตน ครามประคองร่างลูกชายเข้าสู่อ้อมกอดของยายแจ่มฟอด ฟัดหอมแก้มจนแก้มนุ่มนิ่มกระเพื่อมทารกน้อยหัวเราะคิกคักชอบใจ ยายแจ่มเอ่ยลาคู่สามีภรรยาตรงหน้า“ไว้คราวหน้าพาหลานมาเยี่ยมบ่อย ๆ นะ” กล่าวลาเสร็จก็ส่งลลิตคืนสู่อ้อมออกลออเด็กน้อยมองตาแป๋วยังคงไม่เข้าใจในการก
“พ่อของคุณก่อปัญหาใหญ่โตขนาดนั้น ยังกล้ามางานนี้อีกงั้นเหรอ”ครามเอ่ยประเด็นสำคัญขึ้นมา“สงสัยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคงไม่มากพอ” ปราบเอ่ยขึ้นบ้าง“พวกคุณรวมหัวกันรังแกฉันเหรอ” โรสรินที่ตอนนี้ยังไม่ยอมรับความผิดของเองด่ากราดไปทั่ว“คุณจะหยุดได้หรือยังโรสริน” ครามตวาดเสียงดังจนโรสรินสะดุ้งโหยง“พี่คราม”ลออจันทร์ลูบแผ่นหลังสามีเพื่อปลอบประโลม“พวกผมขอตัวไปดูเด็ก ๆ ก่อนนะครับ” ปราบและดาหวันเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของสามีภรรยาก็เอ่ยขอตัวทันที ครามพยักหน้าขอบคุณเมื่อสองสามีภรรยาลับสายตาไปแล้ว ครามก็เอ่ยเข้าประเด็นทันที“คุณต้องการอะไรกันแน่โรสริน” เสียงทุ้มถามอย่างหนักแน่น เขาต้องจบเรื่องของโรสรินในวันนี้ให้ได้“ครามคะ เรากลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรือคะ” หญิงสาวเอ่ยในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมา โรสรินยังคงรับความจริงไม่ได้ว่าเธอหย่าจาก
แชะ แชะเสียงกดชัตเตอร์ถ่ายรูปของบรรดาสำนักข่าวทั่วประเทศมารวมตัวกันในงานเปิดตัวแฟชั่นโชว์ของดีไซน์เนอร์ชื่อดังระดับประเทศ นอกจากงานนี้จะเป็นการรวมตัวของนายแบบและนางแบบแล้วยังมีนักธุรกิจชื่อดังหลายคนมาร่วมงานด้วย งานถูกจัดขึ้นในสวนดอกไม้นานาชนิดชื่อดังใจกลางเมือง ทั่วทั้งงานถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน“ยัยรินนี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ”โรสรินที่อยู่บริเวณหน้างานจิบไวน์อย่างเบื่อหน่าย ร่างของโอเมก้าสาวหันไปตามเสียงเรียกก็เหยียดมุมปากขึ้นมา“เพิ่งมาถึงน่ะ ไม่เจอกันนานเลยนะจินนี่” โรสรินตวัดสายตาไปยังคนที่มาใหม่ อย่าคิดว่าเธอไม่รู้ว่าคนตรงหน้าลับหลังเอาเรื่องครอบครัวเธอไปนินทาไปทั่ว“อืม ว่าแต่หล่อนไม่พาน้องอัยวามาด้วยเหรอ”เท่านั้นแหละโรสรินก็สลัดหน้ากากจอมปลอมทิ้งไป ดวงตาที่ตกแต่งอย่างดีวาวโรจน์อย่างน่ากลัว“พูดเรื่องลูกชายฉันทำไม”“อ้าว ฉันแค่คิดถึงหลานเฉย ๆ เอง” จินนี่ตอบเสียงสูง น้ำเสียงมีความเยาะเย้ยแฝงอยู่
ทันทีที่ลออจันทร์ก้าวเข้าในห้องลองชุดส่วนตัวของดาหวันก็ต้องตกตะลึงเพราะมันเหมือนยกทั้งสตูดิโอขนาดย่อมเข้ามาอยู่ในห้องกว้างขนาดใหญ่ที่แบ่งเป็นสองฝั่งอย่างเห็นได้ชัด ฝั่งหนึ่งใช้สำหรับออกแบบชุดอีกฝั่งหนึ่งอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์“ตามพี่มาทางนี้” ดาหวันเอ่ยเรียกลออจันทร์ที่ยืนตื่นตาตื่นใจกับห้องทำงานที่เขาแสนหวง ถ้าไม่ใช่ห้องทำงานห้องนี้ที่ปราบลงทุนทำเพื่อมัดใจโอเมก้าไฮโซคนนี้ล่ะก็ เขาไม่ยอมย้ายเข้ามาอยู่กินกับพ่อเลี้ยงภาคเหนือง่าย ๆ หรอก“ขายหน้าพี่ดาหวันแย่เลย” ลออจันทร์ยิ้มเขินเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอทำตัวขายหน้า แต่ ดาหวันกลับชอบที่เห็นลออจันทร์เป็นแบบนี้“ตามพี่มาทางนี้ดีกว่า เห็นอย่างนี้ห้องนี้ถูกออกแบบให้เป็นทางเดินลึกและแยกย่อยเป็นหลายห้อง ตอนที่เจ้าแทมแอบครูสอนพิเศษมาหลบในห้องนี้ต้องใช้เวลาหาตัวหลายนาทีกว่าจะเจอตัวแน่ะ” ดาหวันเล่าด้วยน้ำเสียงระอา ตั้งแต่ลูกชายคนนี้หายดีจากอาการตกน้ำ นิสัยที่เคยเอาแต่ใจหายไปก็จริงแต่นิสัยลิงทโ
อย่าคิดว่าครามไม่เห็นสีหน้าของลออจันทร์ตอนที่โรสรินพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะถูกหิ้วออกจากร้าน เพียงแต่เขาไม่สะดวกคุยต่อหน้าลูกชายที่ยังเล็กอยู่จึงรีบบึ่งรถกลับบ้านอย่างรวดเร็ว“แพนเค้ก พี่ลลิตมาแล้ว” ลลิตลงจากรถก็หยิบขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงลงไปด้วย เด็กน้อยเกลือกกลิ้งไปตามสนามหญ้าโดยไม่สนใจว่าเสื้อสีขาวจะเลอะแค่ไหน หากเป็นตอนลออจันทร์ปกติล่ะก็จะต้องบ่นลูกชายแน่นอนแต่วันนี้สภาพจิตใจของลออจันทร์ไม่อยู่กับตัวจึงปล่อยผ่านไปอย่างง่ายดาย“ลออ เข้าบ้านกันเถอะ”ครามโอบร่างของลออจันทร์เข้าบ้านแต่ร่างบางกลับผงะออกอย่างตกใจ“ขอโทษครับ ผมใจลอยไปหน่อย” ลออจันทร์รีบเดินเข้าบ้านไม่สนใจครามที่เดินมาด้านหลัง“รบกวนป้าจิตคอยดูลลิตเล่นกับแพนเค้กหน่อยนะครับ” ลออจันทร์วานให้ป้าแม่บ้านดูแลลูกชายครู่หนึ่งก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน“ได้ค่ะ” ป้าจิตรับคำก่อนจะเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำของเจ้าแพนเค้กแกไปด้วยสงสัยวันนี้คงได้อาบน้ำให้ทั้งคุณหนูลลิตและเจ้าแพนเค
“ลลิตเสร็จหรือยังครับ” ลออจันทร์ที่แต่งตัวเสร็จแล้วเดินไปเคาะประตูห้องลูกชายที่อยู่ตรงข้ามเนื่องจากห้องนอนเดิมถูกเด็กชายคีตายึดไปเพื่อความสะดวกในการให้นมตอนกลางคืน ตอนแรกลออจันทร์ค่อนข้างกังวลว่าลลิตจะไม่ยอมแต่เมื่อลองเกริ่นดูเด็กชายกลับยอมอย่างง่ายดาย “ได้สิครับ หม่าม้าจะได้ไม่เหนื่อย” “ลูกชายของหม่าม้าเก่งจังเลยครับ” ลออจันทร์ชมลูกชายจนตัวลอย ลลิตบิดตัวไปมาอย่างขวยเขินก่อนจะจ้องมองด้วยความคาดหวัง “เด็กดีต้องมีรางวัลใช่ไหมครับ” ลลิตอยากได้โมเดลหุ่นยนต์ชื่อดัง เมื่อก่อนเขาก็ไม่ได้สนใจโมเดลหุ่นยนต์หรอกเขาชื่นชอบโมเดลรถมากกว่าแต่ไปโรงเรียนทีไรแทมมาลีนชอบเอามาอวดทุกที ทุกวันคุณหนูแทมมาลีนจะหยิบโมเดลหุ่นยนต์มานอนกอดตอนกลางวันโดยไม
“เราจะไหนเหรอครับ” ลลิตน้อยที่วันนี้ถูกจับแต่งตัวด้วยชุดเอี๊ยมโดยสวมเสื้อยืดลายไดโนเสาร์ไว้ข้างในถามครามอย่างสงสัยแต่พอมองดูทิวทัศน์ที่คุ้นเคยก็โพล่งออกมา “นี่มันทางไปบริษัทของป๊ะป๋านี่ ลลิตจำได้” ลลิตมองเห็นร้านเค้กคุณม่อนที่ผ่านเป็นประจำยามไปเที่ยวเล่นบริษัทจึงนึกออก “ใช่ครับ วันนี้เราจะไปที่บริษัทกัน”ครามตอบลูกชายด้วยรอยยิ้มเลศนัย ลออจันทร์มองท่าทางของสามีแล้วนึกฉงนขึ้นมาอีกรอบ แค่ไปที่บริษัทถึงต้องพาครอบครัวทั้งสี่คนไปด้วยแถมยังกำชับให้เขาแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษอีก “มามา”น้องคีย์ยื่นแขนมาหาลออจันทร์ด้วยท่าทางน่าสงสาร ทารกน้อยยังไม่ชินเวลาที่นั่งคาร์ซีท เด็กชายคีตาส่งสายตาอ้อนวอนไปหาพี่ชายตัวน้อยอีกด้วย “ไม่ได้นะน้องค
อึก อึกแรงดูดน้องคีย์ทำให้ลออจันทร์ถึงกับนิ่วหน้า นับวันเด็กน้อยยิ่งดูดแรงขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น ตอนที่ลลิตน้อยดูดนมจากหน้าอกของลออจันทร์ไม่เจ็บเลยสักนิด ลลิตตอนเป็นทารกดูดนมด้วยแรงอันน้อยนิดเหมือนรู้ว่าการกระทำของตัวเองทำให้มารดาเจ็บ“น้องคีย์ ดูดแรงไปแล้วนะ” ลลิตเห็นแม่ตัวเองขมวดคิ้วก็ดุน้องชายแต่ที่ได้รับกลับมาคือแววตากลมแป๋วไร้เดียงสา“ยังจะดูดอีกเหรอ อีกข้างของพี่นะ” ลลิตน้อยถึงแม้ตอนนี้จะห้าขวบแล้วแต่ยังมีนิสัยที่แก้ไม่หายคือติดจุ๊บหน้าอกก่อนนอนเมื่อก่อนก็ไม่ติดขนาดนี้หรอกแต่ตั้งแต่น้องคีย์คลอดออกมาลลิตก็ยิ่งหวง ใบหน้าน่ารักบูดบึ้งเตรียมโน้มตัวไปจุ๊บหน้าอกที่ว่างอีกข้างแต่ถูกครามคว้าตัวไว้เสียก่อน“ไม่ต้องเลยครับ นั่นของพ่อทั้งหมดแหละ” ครามทำหน้าหนาตอบลลิตก่อนจะใช้จมูกฟัดพุงกลมของลูกชายจนเด็กน้อยหัวเราะคิกคักไม่หยุด“งื้อ ป๊ะป๋าไม่เอา มันจั๊กจี้นะ ฮ่าฮ่าฮ่า” ลลิตนอนหัวเราะจนหมดแรงวันนี้พ่อแม่ลูกสี่คนนอนค้างที่
“น้องคีย์ คลานมาทางนี้สิ” ลลิตส่งเสียงเรียกน้องชายตัวอวบอ้วนที่ค่อย ๆ ยันตัวคลานมาที่ตนนั่งอยู่“อา อา” คีย์น้อยอายุได้แปดเดือนแล้วในขณะที่ลลิตอายุห้าขวบอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนแต่ร่างกายไม่ได้ยืดขึ้นแต่อย่างใดมีเพียงคำพูดที่ฟังชัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“เร็วเข้า ไม่งั้นพี่จะออกไปเล่นกับแพนเค้กแล้วนะ” คีย์น้อยเมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะทิ้งตนไปเล่นกับเจ้าแพนเค้กก็ออกแรงคลานจนมาถึงจุดที่ลลิตอยู่ด้วยความเร็วสูงสุด“เก่งมากเลย น้องใครกันนะ”“อาอาอา”“พูด ลาาา ลิตตต” ลลิตพยายามให้น้องฝึกพูดชื่อตัวเอง“อาาาาา” เจ้าหนูน้อยก็เลียนเสียงเก่งเสียด้วย พยายามทำเสียงตามพี่ชายด้วยตากลมแป๋ว“ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด” ลลิตเบ้ปากเมื่อได้ยินเสียงน้องชาย“น้องเพิ่งแปดเดือนเองครับ ตอนหนูแปดเดือนก็เป็นแบบนี้แห
“ตาคราม ลออเป็นยังไงบ้าง” คุณไพลินกับคุณพิศาลมาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว หญิงวัยกลางคนมาถึงก็ถามไถ่อาการของลูกสะใภ้ทันที“ตอนนี้หมอกำลังผ่าคลอดครับ” ครามนั่งหน้าห้องโดยที่กอดตัวลลิตที่คอพับคออ่อนไว้กับตัว“แม่จัดการเรื่องห้องพักไว้แล้ว ให้ลลิตไปนอนที่ห้องก่อนเถอะ”คุณไพลินเข้ามาอุ้มร่างของหลานชายไว้ก่อนจะเดินไปยังห้องพักวีไอพี“ฝากคุณแม่ด้วยนะครับ”ให้ลลิตไปนอนรอที่ห้องน่าจะดีกว่าอยู่กับเขา เมื่อเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ครามก็ยิ่งอย่างกระวนกระวายใจคุณพิศาลตบบ่าให้กำลังใจลูกชาย “แกไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้ก็ได้ เป็นพ่อลูกสองแล้วนะ”“ตอนลลิตเกิดผมไม่ได้อยู่ด้วยนี่ครับ” คราวของอัยวาเขาก็ไม่ได้อยู่ด้วยเหมือนกัน ชายหนุ่มลงจากเครื่องมาดูหน้าอัยวาแค่แวบเดียวก่อนจะนั่งเครื่องเพื่อไปทำงานต่อครามนึกด่าตัวเองในใจทำไมเขาถึงไม่ย้อนเวลามาเร็วกว่านี้นะตอนลออจันทร์คลอดลลิตต้องลำบากแค่ไหน ตอนที่เขาดูแลลออจันทร์ในช่วงหลายเดือนมานี้เ