ย้อนกลับไปเมื่อสามอาทิตย์ก่อน
ท่ามกลางตึกระฟ้าสูง ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลารูปร่างกำยำสมกับเป็นอัลฟ่า ยืนมองหน้าต่างดูแสงไฟท้ายรถตรงถนนเคลื่อนที่ไปมาสายตาเหม่อลอยไร้จุดหมาย
“คุณครามครับ ได้เวลาแล้วครับ” เตวิช เลขาประจำตัวเอ่ยเตือนเมื่อถึงเวลาที่นัดไว้
“อืม”
ร่างสูงรับคำก่อนจะเดินนำออกจากห้องทำงาน เตวิชมองร่างสูงที่เดินนำหน้า ชายหนุ่มดูแปลกไปตั้งแต่ที่เกิดอุบัติเหตุรถชนเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน หลังจากที่ครามฟื้นขึ้นมาสิ่งแรกที่ถามคือ
“ลออจันทร์อยู่ที่ไหน”
“ลออจันทร์?” เมื่อครามเห็นเตวิชทำหน้าฉงนก็เงียบไป ก่อนจะออกคำสั่งที่ทำให้เขาตกตะลึง
“ส่งตัวอย่างดีเอ็นเอของฉันกับอัยวาไปตรวจให้เร็วที่สุด”
รถหรูแล่นผ่านร้านค้ามากมายแต่ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มสนใจได้ ครามหวนนึกความทรงจำในชาติก่อน
เรื่องราวเริ่มต้นในงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อนสนิทของคุณแม่ที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ไม่รู้ว่าเขาดื่มแอลกอฮอล์ไปมากแค่ไหนตื่นขึ้นมาอีกทีก็มีร่างโรสรินนอนอยู่ด้านข้างในสภาพเปล่าเปลือยแล้ว
โรสรินที่เป็นลูกสาวเพื่อนสนิทของคุณแม่ถูกพบนอนบนเตียงของเขา ชายหนุ่มครุ่นคิดในความทรงจำที่พร่าเลือน กลิ่นน้ำผึ้งป่ารวมไปถึงเรือนร่างที่เขาสัมผัสเมื่อคืนมีลักษณะบางราบเรียบและย้อนมองดูหน้าอกที่อวบอัดและกลิ่นกุหลาบอ่อนที่มาจากตัวของโรสรินจึงไม่มั่นใจในความคิดของตนนัก หากแต่เช้าวันนั้นช่างวุ่นวายจนทำให้ชายหนุ่มลืมข้อสงสัยของตนไปสนิท
เวลาผ่านไปไม่นาน โรสรินได้นำที่ตรวจครรภ์ของตนมาให้เขาเพื่อยืนยันว่าตอนนี้ตนเองกำลังตั้งท้องอยู่ ทางคุณแม่ของเขาจึงต้องรีบจัดงานแต่งงานสายฟ้าแลบเพื่อไม่ให้ท้องของเจ้าสาวโตไปกว่านี้ ชายหนุ่มจึงต้องแต่งงานอย่างไม่เต็มใจนัก เขาจึงต่อต้านโดยการย้ายตัวเองไปทำงานต่างประเทศเป็นหลักแทบไม่ค่อยกลับบ้าน แม้แต่ตอนที่เด็กในท้องของโรสรินคลอดออกมาเขาก็แค่มองดูแวบเดียวและบินด่วนไปทำงานต่อที่ต่างประเทศ
น่าแปลกเขาไม่รู้สึกผูกพันกับอัยวาผู้เป็นลูกชายเลยสักนิด แต่กระนั้นสิ่งที่เด็กคนหนึ่งควรได้รับอัยวาก็ได้ทั้งหมด
เวลาผ่านไปจนกระทั่งใกล้ถึงวันหมั้นของอัยวากับแทนไทลูกชายนักธุรกิจชื่อดังฝั่งภาคเหนือ ว่าที่ลูกเขยนัดทานอาหารขอเขาคุยเป็นการส่วนตัวเดิมทีเขาคิดว่าชายหนุ่มแค่อยากสานสัมพันธ์ว่าที่พ่อตาลูกเขยเท่านั้น แต่กลับไม่ใช่
“คนในรูปเป็นใคร” ครามที่อยู่ในวัยกลางคนถามหนุ่มรุ่นลูกที่นั่งฝั่งตรงข้าม คนในรูปช่างดูงดงามเหลือเกิน รอยยิ้มหวานในรูปทำให้หัวใจที่ไม่เคยหวั่นไหวสั่นสะท้านเล็กน้อย
“คนในรูปชื่อ ลออจันทร์ครับเคยทำงานที่บ้านของคุณลุง”เสียงเย็นชาเอ่ยถึงคนในรูปภาพก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมเมื่อว่าที่พ่อตาเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ต่อมาไม่นาน คุณน้าลออจันทร์ก็ลาออกไปทำงานที่ร้านกาแฟจนกระทั่งคลอดลูกชายโอเมก้าชื่อ ลลิต คุณลุงลองดูรูปลูกชายของคุณน้าลออจันทร์สิครับ”
ครามเปิดซองที่บรรจุรูปจำนวนหนึ่งออกมา ครามตกตะลึงมองรูปมีตั้งแต่ตอนเด็กไปกระทั่งตอนโตทีละรูปด้วยความตกตะลึง
“ตาของเด็กคนนี้เหมือนกับเด็กในตระกูลของเราไม่มีผิด” ครามเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี ความคิดบ้า ๆ เริ่มผุดขึ้นมา
“อายุของเด็กคนนี้ล่ะ” เสียงละล่ำละลักถามชายหนุ่มรุ่นลูก
“ลลิตอายุแค่ 24 ปี ครับ” จากคำบอกเล่า ทำให้ครามจะรู้สึกผิดหวังอย่างไม่รู้ที่มาที่ไป
“งั้นเด็กคนนี้คง...”
“ลลิตจากไปตอนที่อายุเพียงแค่ 24 ปีครับ” เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ ครามนิ่งงันตกตะลึงอยู่นาน
“แล้วครามบอกเรื่องนี้กับลุงทำไม” เสียงที่เคยหนักแน่นตอนนี้กลับแหบพร่าอย่างน่าประหลาด
“คุณลุงควรจะทราบว่าลูกที่แท้จริงตายไปแล้ว ส่วนอัยวานั้นคือลูกของคุณน้าโรสรินแค่คนเดียว” เมื่อชายหนุ่มเมื่อพูดเรื่องราวทั้งหมดก็ขอตัวกลับทันที ทิ้งครามให้นั่งอยู่ที่โต๊ะอย่างเงียบงัน จนกระทั่งแววตาที่เศร้าสลดแปรเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น ครามสั่งให้คนสนิทสืบเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อนทันที
“คราม คุณทำอะไรคะเนี่ย” โรสรินกรีดร้องเสียงแหลม เมื่อครามถือกระดาษปึกนึงเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะปาไปที่หน้าของคนที่ได้ชื่อว่าภรรยา
“คุณพ่อ/ตาคราม” เสียงเรียกจากตกใจของทั้งครอบครัวดังขึ้นในห้องทานอาหาร
“ทำอะไรงั้นเหรอ คุณลองก้มดูกระดาษพวกนี้สิ” โรสรินหยิบกระดาษใบหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะหน้าซีดเมื่อเป็นผลตรวจดีเอ็นเอระหว่างอัยวากับคราม
“ไม่จริง เรื่องนี้ฉันอธิบายได้ อัยวา! ลูกอย่าอ่านนะ” คนเป็นแม่ร้องห้ามเสียงหลง เมื่อลูกชายหยิบกระดาษที่ตกอยู่ใกล้ตัวมาอ่าน รวมไปถึงทุกคนที่โต๊ะทานอาหารด้วย
“ นี่มันไม่จริงใช่ไหม แล้วเด็กในรูปคือใคร เอ๊ะหนูลลิตนี่นา” คุณหญิงไพลินถามลูกชายเสียงสั่นตอนแรกก็งุนงงแต่เห็นรูปถ่ายปัจจุบันก็จำได้ว่าเป็นเพื่อนของหลานชายที่ทำทรงผมปิดหน้าปิดตา แต่เมื่อเห็นรูปสีตาของลลิตเป็นสีอำพันซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สืบทอดกันมาในตระกูลที่จะปรากฏในบางรุ่นเท่านั้น ดังนั้นตอนที่อัยวาเกิดทุกคนถึงไม่เอะใจกับสีตาแต่หากรู้ตัวตนของลลิตมาก่อนทุกคนย่อมเอะใจเป็นแน่
“ลลิตลูกชายที่ตายไปแล้วของผมเอง” ที่แหบพร่าดังขึ้นอย่างคนใจสลาย ลูกชายของเขาต้องทุกข์ทรมานกับโรคมะเร็งระยะสุดท้ายและต้องตายภายในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่แค่คนเดียว ปราศจากครอบครัวที่แท้จริงคอยห้อมล้อม
สิ้นเรื่องราวที่ออกมาจากลูกชายคุณหญิงไพลินเป็นลมล้มไปทันที ครามมองความวุ่นวายตรงหน้าอย่างเย็นชาก่อนจะเดินออกไปทันที
ชายวัยกลางคนขับรถไปยังบ้านแถบชานเมืองที่เงียบสงบ เดินขึ้นชั้นสองของบ้านอย่างเงียบ ๆ เปิดประตูเข้าไปหยุดข้างเตียงที่มีร่างอ่อนแรงนอนอยู่ แม้กาลเวลาที่ผ่านไปก็ไม่อาจลดทอนความงามของคนตรงหน้าไปได้
ฝ่ามือลูบหน้าผากที่มีรอยเส้นแห่งกาลเวลาทิ้งไว้ ก่อนจะสัญญากับคนตรงหน้า
“ต่อไปฉันจะดูแลเธอเอง ลออจันทร์”
รถหรูแล่นมาจอดที่หน้าภัตตาคารอาหารที่มีชื่อเสียงของประเทศ เมื่อรถจอดนิ่งทำให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์
“ถึงที่นัดหมายแล้วครับ คุณคราม” เตวิชเปิดประตูรถให้เจ้านายหนุ่ม
“โรสรินมาถึงหรือยัง” ดวงตาคมฉายแววเย็นชาไม่เหมือนเอ่ยถึงภรรยาที่เพิ่งคลอดหลานชายคนแรกให้แก่ครอบครัว
“ถึงแล้วครับท่าน”
“อืม เอกสารล่ะ” เดินตรงไปยังห้องอาหารที่จองไว้ส่วนตัว ก่อนที่บริกรจะเปิดประตูให้ชายหนุ่มมาดเข้มเดินเข้าไปในห้องอาหาร โรสรินที่เพิ่งคลอดลูกไม่ถึงหนึ่งปีแต่ร่างกายกลับมาเหมือนอย่างเดิมราวกับไม่เคยคลอดลูกมาก่อน ใบหน้าสวยที่ผ่านการบำรุงอย่างดียิ้มให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี
“คุณคราม มาแล้วหรือคะ” โรสรินดีใจเมื่อเห็นสามีของตนนัดออกมาทานข้าวนอกบ้าน หญิงสาวตื่นเต้นมากเพราะตั้งแต่แต่งงานมาชายหนุ่มไม่เคยแสดงความรักให้แก่ตนสักครั้ง
พึ่บ! เสียงเอกสารถูกปาลงไปยังกลางโต๊ะที่ประดับไปด้วยดอกไม้ โรสรินหน้าเสียเมื่อเห็นการกระทำของสามี
“อะไรกันคะ !!!!”
“เปิดสิ” มือเรียวสวยเอื้อมมือไปคว้าซองเอกสารบนโต๊ะ ดวงตากรอกไปตามตัวอักษรที่ปรากฏก่อนจะหน้าซีดนี่มัน ใบหย่า !!!
“คุณคราม คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง ฉันเพิ่งคลอดลูกชายให้คุณนะคะ” โรสรินกรีดร้องลั่นเมื่อเห็นเอกสารด้านใน
“ลูกชายของผม คุณแน่ใจเหรอ” เสียงเย็นชาที่เปล่งออกมาทำให้โรสรินหน้าแทบไร้สีเลือด
“คุณ...พูดเรื่องอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”
“ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ดังไปทั่วประเทศ ก็เซ็นใบหย่ามาซะเถอะ”
“คุณคราม คุณอย่าบีบบังคับฉันเลยนะคะ หนูอัยวาตอนนี้ลูกของเราตอนนี้เพิ่งจะแปดเดือนเอง แกไม่มีพ่อไม่ได้...”
“แล้วลูกของฉันต้องขาดพ่ออย่างงั้นเหรอ” เสียงตวาดดังขึ้นไปทั่วห้อง โรสรินสะดุ้งตัวโยนแสดงท่าทางหวาดกลัวผู้ชายตรงหน้า
“รีบเซ็นซะเถอะ ฉันจะให้เงินพวกเธอสองแม่ลูกตั้งตัว”
“แต่คุณแม่...”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องคุณแม่ ฉันจะอธิบายให้ท่านทราบเอง” ครามตัดบทเมื่อบทสนทนาเริ่มยืดเยื้อ โรสรินเม้มปากแน่นก่อนจะจรดปากกาเซ็นชื่อลงบนใบหย่าอย่างเชื่องช้า
“ฉันให้เวลาสามวันเก็บข้าวของแล้วพาอัยวาไปต่างประเทศซะ บอกคุณแม่ว่าไปเที่ยวกับเพื่อนของเธอคนไหนก็ได้”
เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ชายหนุ่มก็หันหลังกลับเดินออกไปทันที ไม่สนใจเสียงอาละวาดด้านหลัง
“หาตัวเจอหรือยัง” น้ำเสียงของครามเปลี่ยนไปเมื่อนึกถึงใบหน้าลูกเมียตัวจริงที่แอบหนีไปของตน
“ครับ ตอนนี้คุณลออจันทร์ทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟอุ่นไอรักครับท่าน” ส่งรูปที่แอบถ่ายให้ชายหนุ่มใบหนึ่ง รอยยิ้มแต่งแต้มที่มุมปากเมื่อเห็นชายหนุ่มโอเมก้าที่อุ้มเด็กตัวจ้ำม่ำไว้แนบอกชี้ชวนให้ดูดอกไม้ริมทาง
“อืม พรุ่งนี้ยกเลิกนัดทั้งหมด ฉันจะไปตามลูกกับเมียฉันกลับบ้าน” สั่งงานจบพลางสอดรูปถ่ายไว้ในกระเป๋าสตางค์
ลออจันทร์ พรุ่งนี้พี่จะไปหาเธอกับลูกแล้วนะ
ตัดมาที่ปัจจุบัน
“แงงงงงงง ฮึก” เสียงร้องไห้ของลูกชายทำให้ความเจ็บที่ข้างขมับทวีความปวดยิ่งขึ้น ชายหนุ่มมองตามร่างบางรีบไปปลอบประโลมเด็กอ้วนจอมร้ายกาจที่เพิ่งขว้างของเล่นใส่ศีรษะเขา ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ
ช่างเป็นการพบเจอที่น่าประทับใจจริง ๆ
ลลิตมองบรรดาคนแปลกหน้าย้ายของออกจากห้องพัก ตั้งแต่เช้าที่เขารู้สึกตัวก็ถูกครามอุ้มไว้ในอ้อมแขนแล้ว ชายหนุ่มมาคุมการย้ายสัมภาระแม่ลูกด้วยตนเองถึงแม้ว่าลออจันทร์จะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ” เตวิชเดินเข้ามารายงานเจ้านายหนุ่มที่นั่งอยู่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่“อืม”พยักหน้าตอบรับก่อนจะหันไปมองลออจันทร์ที่ยังบอกลาสองตายายไม่เสร็จ“ขอบคุณยายแจ่มกับตาทดอีกครั้งนะครับที่คอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด”ลออจันทร์ไหว้ขอบคุณทั้งสองคนอย่างซาบซึ้ง“ตอนนี้ลออมีความสุขก็ดีแล้วล่ะ ยายเห็นหลานมีความสุขยายก็ดีใจ”ยายแจ่มมองดูลลิตในอ้อมกอดของครามอย่างเอ็นดู“ยา ยา” ยายแจ่มจ๋า อุ้มลลิตหน่อยจ๊ะมือเล็กชูมือไปทางยายแจ่มตากลมโตออดอ้อนให้หญิงชราอุ้มตน ครามประคองร่างลูกชายเข้าสู่อ้อมกอดของยายแจ่มฟอด ฟัดหอมแก้มจนแก้มนุ่มนิ่มกระเพื่อมทารกน้อยหัวเราะคิกคักชอบใจ ยายแจ่มเอ่ยลาคู่สามีภรรยาตรงหน้า“ไว้คราวหน้าพาหลานมาเยี่ยมบ่อย ๆ นะ” กล่าวลาเสร็จก็ส่งลลิตคืนสู่อ้อมออกลออเด็กน้อยมองตาแป๋วยังคงไม่เข้าใจในการก
“คิก คัก” ลลิตน้อยกำลังเล่นปาลูกบอลอยู่ในคอกเด็กเล่นอย่างสนุกสนานแต่หูกลับคอยเงี่ยฟังบทสนทนาที่ห่างไปไม่ไกล “ผมต้องกราบขอโทษคุณหญิงด้วยนะครับที่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง” ลออจันทร์ยกมือไหว้ขอโทษอดีตเจ้านาย ครามรีบคุกเข่าเคียงข้างผู้เป็นภรรยาพร้อมกับรับผิดชอบร่วมกัน “เรื่องนี้ผมเองก็มีส่วนผิดด้วยครับ ถ้าหากผมไม่ดื่มจนขาดสติเรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น” คุณหญิงไพลินมองดูสองคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก โบกมืออนุญาตให้ทั้งสองลุกขึ้น “ลุกมานั่งเก้าอี้ดี ๆ เถอะ วันนี้ฉันไม่ได้จะมาต่อว่าอะไร แค่อยากมาเห็นหน้าหลานเท่านั้น” ลออจันทร์กับครามมองหน้
“อาบน้ำป๋อมแป๋มกันครับ” ลลิตถูกลอกคราบจนตัวเปล่าเปลือยโชว์พุงอยู่อ่างอาบน้ำขนาดเล็ก ในมือถือตุ๊กตาเป็ดที่ลอยอยู่เต็มอ่าง “แอ้ อ้าย คิก คิก” หม่าม้าอาบน้ำให้ลลิตมีความสุขจังเลย อิอิ “หนูอย่าตีน้ำสิครับ อ้าวยกมือขึ้น ฮึบ” ลลิตชูมือตามผู้เป็นแม่ “เด็กดีของหม่าม้า” “คิก คิก” “ลออ ลูกอาบน้ำเสร็จรึยัง” ครามชะโงกหน้าเข้ามาถามแม่ลูกเมื่อเวลาผ่านไปสมควรแล้ว ภายในห้องน้ำมีลออจันทร์อุ้มก้อนขาวนุ่มนิ่มถูกห่อตัวด้วยผ้าสีสันสดใสกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ “ลออไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่แต่งตัวให้ลูกเอง” ครามอาสาแก้ตัวอีกร
“โธ่ ลลิตหนูกินอีกนิดนึงสิครับ” ลออจันทร์พยายามป้อนนมให้ลลิตแต่หนูน้อยกลับส่ายหน้าไม่ยอมดื่มจากขวดนมเอาแต่ใช้หัวดุนดันหน้าอก ลออจันทร์ได้แต่ยอมเลิกเสื้อนอนขึ้นมา ลลิตน้อยดีใจที่แม่ยอมตามใจตนปากน้อยดูดกลืนยอดถันที่บวมเต่งอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานก็คายออกแล้วร้องไห้จ้าออกมา “แงงงงง”ทำไมไม่มีน้ำนมแล้วอ่ะหม่าม้า ลออจันทร์ที่เห็นลูกร้องไห้ก็หน้าเสียทันที ตวัดสายตาคาดโทษไปหาคนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมา ครามยิ้มเจื่อนเดินเช็ดผมเสร็จก็คลานขึ้นมาบนเตียงโฉบอุ้มร่างที่งอแงอยู่กับหน้าอกลออจันทร์มาอุ้มเอาไว้เอง “ลลิตหนูร้องไห้ทำไมครับ คนเก่ง” เอ่ยปลอบลูกเสียงอ่อนโยนแต่ลอบส่งสายตามองลออจันทร์ที่สวมแค่เสื้อนอนของตนเพียงตัวเดีย
“ถ้ายังเรียกผมมาด้วยเรื่องไร้สาระอีกล่ะก็ คราวหน้าได้เห็นดีกันแน่”ชายหนุ่มใบหน้าบึ้งตึงประกาศกร้าวไม่สนหัวหงอกหัวดำในห้อง เหวี่ยงประตูห้องประชุมปิดตามแรงอารมณ์“เอ่อ ท่านประธานครับ”“มีอะไรอีก” ครามถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“คุณพิศาล ตอนนี้อยู่ในห้องท่านประธานครับ”ครามหยุดเดินไปจังหวะหนึ่งก่อนจะก้าวเดินเร็ว ๆ กลับไปยังห้องทำงานของตน ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปพบกับภาพปู่หลานเล่นกันอย่างสนุกสนาน“ลลิต ไหนเรียกปู่สิ”“ปู ปู ปู”“ฮ่าฮ่าฮ่า เก่งมากนี่รางวัลคนเก่ง” คุณพิศาลหยิบแบงก์เทามาอีกหนึ่งใบ ตอนนี้รอบตัวหนูน้อยลลิตมีแบงก์หลากสีไม่ว่าจะสีแดง สีม่วง สีเขียวเต็มไปหมด“อูวววว ปู ปู” เงินเยอะแยะไปหมดเลยฮะ คุณปู่“คุณพ่อ !!!” ครามส่งเสียงเรียกตัวการที่ทำให้เกิดประชุมผู้ถือหุ้นด่วนทำให้เขาต้องฝากลลิตไว้ให้คุณขวัญดูแล
“ลลิต วันนี้เราจะไปเที่ยวทะเลกัน ตื่นเต้นไหมครับ” คุณหญิงไพลินแย่งที่นั่งข้างหนูน้อยลลิตมาได้เอ่ยหยอกล้อกับทารกที่กอดตุ๊กตาตัวโปรด “ยา ยา อ้ายยย” ทะเลเหรอฮะคุณย่า “ตื่นเต้นสินะ ย่าเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน” หญิงวัยกลางคนตื่นเต้นเพราะลูกชายตัวดีโทรมาบอกตนว่าจะไปเที่ยวทะเลในวันหยุดพร้อมกับแผนการขอลออจันทร์แต่งงานอีกด้วย ทันทีที่ได้ยินลูกชายบอกคุณหญิงก็ตกใจแทบแย่ สุดท้ายตั้งสติได้ก็เอ่ยปรามลูกชายด้วยเสียงที่ไม่มั่นใจ “จะดีเหรอตาคราม แกเพิ่งหย่าหนูรินไปไม่ถึงเดือนเลยนะ” “ผมไม่สนใจสายตาคนอื่นหรอกคร
ตอนที่ครามเดินลงบันไดมาก็นับว่าเลยเวลาอาหารกลางวันไปมากโข คุณไพลินที่เพิ่งป้อนข้าวให้หลานชายเสร็จถลึงตาใส่ลูกชายที่เดินหน้าตาระรื่น ยิ้มกว้างแทบไม่หุบ “หม่ำ หม่ำ” คุณย่าฮะ ลลิตยังไม่อิ่มเลย “ลลิตคิดถึงพ่อไหมครับ” ครามหอมแก้มลูกที่เลอะเทอะไปด้วยอาหารเด็กอย่างไม่รังเกียจ “แอ้ แอ้” เจ้าพ่อบ้า มาให้หยุมหัวเดี๋ยวนี้นะ ทันทีที่ลลิตเห็นใบหน้าของครามก็เริ่มขยับแข้งขาอาละวาด จนครามต้องปลดลูกชายออกจากเก้าอี้เด็กมาอุ้มไว้เอง “ปาปา มามา บูววว” นี่แน่ะ นี่แน่ะ กล้ารังแกหม่าม้าเรอ
หลังจากกลับจากเที่ยวทะเลในครั้งนี้ แวดวงไฮโซก็เกิดข่าวลือสะท้านวงการครั้งใหญ่ วงในต่างก็ซุบซิบกันไปทั่วข่าวลือเกี่ยวกับตระกูลโยธินตระกูลถูกพูดถึงอีกครั้ง“ได้ยินรึเปล่า คุณครามกับยัยโรสรินหย่ากันแล้วนะ”“ตายแล้วจริงเหรอ” “ใช่ เขาลือกันว่าลูกชายที่เพิ่งคลอดไม่ใช่ลูกของคุณครามล่ะ”“ฉันว่าแล้ว ตอนอยู่เมืองนอกยัยรินมั่วจะตาย”“มีอีกเรื่อง เอาหูมาใกล้ ๆ ซิ”“อะไรอีกยะหล่อน”“วงในบอกฉันว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนคุณครามแต่งงานใหม่แล้วนะ”“ห๊ะ จริงเหรอ แต่งกับใครยะ”“ไม่รู้หรอก ไม่มีคนรู้จักเลย”ครามที่เป็นต้นตอของข่าวลือพยักหน้าพอใจในผลงานของเตวิช ความจริงเขาอยากประกาศให้ทุกคนรู้เลยด้วยซ้ำว่าลออจันทร์เป็นภรรยาของเขาแต่ถูกลออจันทร์ห้ามไว้เสียก่อน&l
“พ่อของคุณก่อปัญหาใหญ่โตขนาดนั้น ยังกล้ามางานนี้อีกงั้นเหรอ”ครามเอ่ยประเด็นสำคัญขึ้นมา“สงสัยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคงไม่มากพอ” ปราบเอ่ยขึ้นบ้าง“พวกคุณรวมหัวกันรังแกฉันเหรอ” โรสรินที่ตอนนี้ยังไม่ยอมรับความผิดของเองด่ากราดไปทั่ว“คุณจะหยุดได้หรือยังโรสริน” ครามตวาดเสียงดังจนโรสรินสะดุ้งโหยง“พี่คราม”ลออจันทร์ลูบแผ่นหลังสามีเพื่อปลอบประโลม“พวกผมขอตัวไปดูเด็ก ๆ ก่อนนะครับ” ปราบและดาหวันเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของสามีภรรยาก็เอ่ยขอตัวทันที ครามพยักหน้าขอบคุณเมื่อสองสามีภรรยาลับสายตาไปแล้ว ครามก็เอ่ยเข้าประเด็นทันที“คุณต้องการอะไรกันแน่โรสริน” เสียงทุ้มถามอย่างหนักแน่น เขาต้องจบเรื่องของโรสรินในวันนี้ให้ได้“ครามคะ เรากลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรือคะ” หญิงสาวเอ่ยในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมา โรสรินยังคงรับความจริงไม่ได้ว่าเธอหย่าจาก
แชะ แชะเสียงกดชัตเตอร์ถ่ายรูปของบรรดาสำนักข่าวทั่วประเทศมารวมตัวกันในงานเปิดตัวแฟชั่นโชว์ของดีไซน์เนอร์ชื่อดังระดับประเทศ นอกจากงานนี้จะเป็นการรวมตัวของนายแบบและนางแบบแล้วยังมีนักธุรกิจชื่อดังหลายคนมาร่วมงานด้วย งานถูกจัดขึ้นในสวนดอกไม้นานาชนิดชื่อดังใจกลางเมือง ทั่วทั้งงานถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน“ยัยรินนี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ”โรสรินที่อยู่บริเวณหน้างานจิบไวน์อย่างเบื่อหน่าย ร่างของโอเมก้าสาวหันไปตามเสียงเรียกก็เหยียดมุมปากขึ้นมา“เพิ่งมาถึงน่ะ ไม่เจอกันนานเลยนะจินนี่” โรสรินตวัดสายตาไปยังคนที่มาใหม่ อย่าคิดว่าเธอไม่รู้ว่าคนตรงหน้าลับหลังเอาเรื่องครอบครัวเธอไปนินทาไปทั่ว“อืม ว่าแต่หล่อนไม่พาน้องอัยวามาด้วยเหรอ”เท่านั้นแหละโรสรินก็สลัดหน้ากากจอมปลอมทิ้งไป ดวงตาที่ตกแต่งอย่างดีวาวโรจน์อย่างน่ากลัว“พูดเรื่องลูกชายฉันทำไม”“อ้าว ฉันแค่คิดถึงหลานเฉย ๆ เอง” จินนี่ตอบเสียงสูง น้ำเสียงมีความเยาะเย้ยแฝงอยู่
ทันทีที่ลออจันทร์ก้าวเข้าในห้องลองชุดส่วนตัวของดาหวันก็ต้องตกตะลึงเพราะมันเหมือนยกทั้งสตูดิโอขนาดย่อมเข้ามาอยู่ในห้องกว้างขนาดใหญ่ที่แบ่งเป็นสองฝั่งอย่างเห็นได้ชัด ฝั่งหนึ่งใช้สำหรับออกแบบชุดอีกฝั่งหนึ่งอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์“ตามพี่มาทางนี้” ดาหวันเอ่ยเรียกลออจันทร์ที่ยืนตื่นตาตื่นใจกับห้องทำงานที่เขาแสนหวง ถ้าไม่ใช่ห้องทำงานห้องนี้ที่ปราบลงทุนทำเพื่อมัดใจโอเมก้าไฮโซคนนี้ล่ะก็ เขาไม่ยอมย้ายเข้ามาอยู่กินกับพ่อเลี้ยงภาคเหนือง่าย ๆ หรอก“ขายหน้าพี่ดาหวันแย่เลย” ลออจันทร์ยิ้มเขินเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอทำตัวขายหน้า แต่ ดาหวันกลับชอบที่เห็นลออจันทร์เป็นแบบนี้“ตามพี่มาทางนี้ดีกว่า เห็นอย่างนี้ห้องนี้ถูกออกแบบให้เป็นทางเดินลึกและแยกย่อยเป็นหลายห้อง ตอนที่เจ้าแทมแอบครูสอนพิเศษมาหลบในห้องนี้ต้องใช้เวลาหาตัวหลายนาทีกว่าจะเจอตัวแน่ะ” ดาหวันเล่าด้วยน้ำเสียงระอา ตั้งแต่ลูกชายคนนี้หายดีจากอาการตกน้ำ นิสัยที่เคยเอาแต่ใจหายไปก็จริงแต่นิสัยลิงทโ
อย่าคิดว่าครามไม่เห็นสีหน้าของลออจันทร์ตอนที่โรสรินพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะถูกหิ้วออกจากร้าน เพียงแต่เขาไม่สะดวกคุยต่อหน้าลูกชายที่ยังเล็กอยู่จึงรีบบึ่งรถกลับบ้านอย่างรวดเร็ว“แพนเค้ก พี่ลลิตมาแล้ว” ลลิตลงจากรถก็หยิบขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงลงไปด้วย เด็กน้อยเกลือกกลิ้งไปตามสนามหญ้าโดยไม่สนใจว่าเสื้อสีขาวจะเลอะแค่ไหน หากเป็นตอนลออจันทร์ปกติล่ะก็จะต้องบ่นลูกชายแน่นอนแต่วันนี้สภาพจิตใจของลออจันทร์ไม่อยู่กับตัวจึงปล่อยผ่านไปอย่างง่ายดาย“ลออ เข้าบ้านกันเถอะ”ครามโอบร่างของลออจันทร์เข้าบ้านแต่ร่างบางกลับผงะออกอย่างตกใจ“ขอโทษครับ ผมใจลอยไปหน่อย” ลออจันทร์รีบเดินเข้าบ้านไม่สนใจครามที่เดินมาด้านหลัง“รบกวนป้าจิตคอยดูลลิตเล่นกับแพนเค้กหน่อยนะครับ” ลออจันทร์วานให้ป้าแม่บ้านดูแลลูกชายครู่หนึ่งก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน“ได้ค่ะ” ป้าจิตรับคำก่อนจะเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำของเจ้าแพนเค้กแกไปด้วยสงสัยวันนี้คงได้อาบน้ำให้ทั้งคุณหนูลลิตและเจ้าแพนเค
“ลลิตเสร็จหรือยังครับ” ลออจันทร์ที่แต่งตัวเสร็จแล้วเดินไปเคาะประตูห้องลูกชายที่อยู่ตรงข้ามเนื่องจากห้องนอนเดิมถูกเด็กชายคีตายึดไปเพื่อความสะดวกในการให้นมตอนกลางคืน ตอนแรกลออจันทร์ค่อนข้างกังวลว่าลลิตจะไม่ยอมแต่เมื่อลองเกริ่นดูเด็กชายกลับยอมอย่างง่ายดาย “ได้สิครับ หม่าม้าจะได้ไม่เหนื่อย” “ลูกชายของหม่าม้าเก่งจังเลยครับ” ลออจันทร์ชมลูกชายจนตัวลอย ลลิตบิดตัวไปมาอย่างขวยเขินก่อนจะจ้องมองด้วยความคาดหวัง “เด็กดีต้องมีรางวัลใช่ไหมครับ” ลลิตอยากได้โมเดลหุ่นยนต์ชื่อดัง เมื่อก่อนเขาก็ไม่ได้สนใจโมเดลหุ่นยนต์หรอกเขาชื่นชอบโมเดลรถมากกว่าแต่ไปโรงเรียนทีไรแทมมาลีนชอบเอามาอวดทุกที ทุกวันคุณหนูแทมมาลีนจะหยิบโมเดลหุ่นยนต์มานอนกอดตอนกลางวันโดยไม
“เราจะไหนเหรอครับ” ลลิตน้อยที่วันนี้ถูกจับแต่งตัวด้วยชุดเอี๊ยมโดยสวมเสื้อยืดลายไดโนเสาร์ไว้ข้างในถามครามอย่างสงสัยแต่พอมองดูทิวทัศน์ที่คุ้นเคยก็โพล่งออกมา “นี่มันทางไปบริษัทของป๊ะป๋านี่ ลลิตจำได้” ลลิตมองเห็นร้านเค้กคุณม่อนที่ผ่านเป็นประจำยามไปเที่ยวเล่นบริษัทจึงนึกออก “ใช่ครับ วันนี้เราจะไปที่บริษัทกัน”ครามตอบลูกชายด้วยรอยยิ้มเลศนัย ลออจันทร์มองท่าทางของสามีแล้วนึกฉงนขึ้นมาอีกรอบ แค่ไปที่บริษัทถึงต้องพาครอบครัวทั้งสี่คนไปด้วยแถมยังกำชับให้เขาแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษอีก “มามา”น้องคีย์ยื่นแขนมาหาลออจันทร์ด้วยท่าทางน่าสงสาร ทารกน้อยยังไม่ชินเวลาที่นั่งคาร์ซีท เด็กชายคีตาส่งสายตาอ้อนวอนไปหาพี่ชายตัวน้อยอีกด้วย “ไม่ได้นะน้องค
อึก อึกแรงดูดน้องคีย์ทำให้ลออจันทร์ถึงกับนิ่วหน้า นับวันเด็กน้อยยิ่งดูดแรงขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น ตอนที่ลลิตน้อยดูดนมจากหน้าอกของลออจันทร์ไม่เจ็บเลยสักนิด ลลิตตอนเป็นทารกดูดนมด้วยแรงอันน้อยนิดเหมือนรู้ว่าการกระทำของตัวเองทำให้มารดาเจ็บ“น้องคีย์ ดูดแรงไปแล้วนะ” ลลิตเห็นแม่ตัวเองขมวดคิ้วก็ดุน้องชายแต่ที่ได้รับกลับมาคือแววตากลมแป๋วไร้เดียงสา“ยังจะดูดอีกเหรอ อีกข้างของพี่นะ” ลลิตน้อยถึงแม้ตอนนี้จะห้าขวบแล้วแต่ยังมีนิสัยที่แก้ไม่หายคือติดจุ๊บหน้าอกก่อนนอนเมื่อก่อนก็ไม่ติดขนาดนี้หรอกแต่ตั้งแต่น้องคีย์คลอดออกมาลลิตก็ยิ่งหวง ใบหน้าน่ารักบูดบึ้งเตรียมโน้มตัวไปจุ๊บหน้าอกที่ว่างอีกข้างแต่ถูกครามคว้าตัวไว้เสียก่อน“ไม่ต้องเลยครับ นั่นของพ่อทั้งหมดแหละ” ครามทำหน้าหนาตอบลลิตก่อนจะใช้จมูกฟัดพุงกลมของลูกชายจนเด็กน้อยหัวเราะคิกคักไม่หยุด“งื้อ ป๊ะป๋าไม่เอา มันจั๊กจี้นะ ฮ่าฮ่าฮ่า” ลลิตนอนหัวเราะจนหมดแรงวันนี้พ่อแม่ลูกสี่คนนอนค้างที่
“น้องคีย์ คลานมาทางนี้สิ” ลลิตส่งเสียงเรียกน้องชายตัวอวบอ้วนที่ค่อย ๆ ยันตัวคลานมาที่ตนนั่งอยู่“อา อา” คีย์น้อยอายุได้แปดเดือนแล้วในขณะที่ลลิตอายุห้าขวบอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนแต่ร่างกายไม่ได้ยืดขึ้นแต่อย่างใดมีเพียงคำพูดที่ฟังชัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“เร็วเข้า ไม่งั้นพี่จะออกไปเล่นกับแพนเค้กแล้วนะ” คีย์น้อยเมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะทิ้งตนไปเล่นกับเจ้าแพนเค้กก็ออกแรงคลานจนมาถึงจุดที่ลลิตอยู่ด้วยความเร็วสูงสุด“เก่งมากเลย น้องใครกันนะ”“อาอาอา”“พูด ลาาา ลิตตต” ลลิตพยายามให้น้องฝึกพูดชื่อตัวเอง“อาาาาา” เจ้าหนูน้อยก็เลียนเสียงเก่งเสียด้วย พยายามทำเสียงตามพี่ชายด้วยตากลมแป๋ว“ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด” ลลิตเบ้ปากเมื่อได้ยินเสียงน้องชาย“น้องเพิ่งแปดเดือนเองครับ ตอนหนูแปดเดือนก็เป็นแบบนี้แห
“ตาคราม ลออเป็นยังไงบ้าง” คุณไพลินกับคุณพิศาลมาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว หญิงวัยกลางคนมาถึงก็ถามไถ่อาการของลูกสะใภ้ทันที“ตอนนี้หมอกำลังผ่าคลอดครับ” ครามนั่งหน้าห้องโดยที่กอดตัวลลิตที่คอพับคออ่อนไว้กับตัว“แม่จัดการเรื่องห้องพักไว้แล้ว ให้ลลิตไปนอนที่ห้องก่อนเถอะ”คุณไพลินเข้ามาอุ้มร่างของหลานชายไว้ก่อนจะเดินไปยังห้องพักวีไอพี“ฝากคุณแม่ด้วยนะครับ”ให้ลลิตไปนอนรอที่ห้องน่าจะดีกว่าอยู่กับเขา เมื่อเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ครามก็ยิ่งอย่างกระวนกระวายใจคุณพิศาลตบบ่าให้กำลังใจลูกชาย “แกไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้ก็ได้ เป็นพ่อลูกสองแล้วนะ”“ตอนลลิตเกิดผมไม่ได้อยู่ด้วยนี่ครับ” คราวของอัยวาเขาก็ไม่ได้อยู่ด้วยเหมือนกัน ชายหนุ่มลงจากเครื่องมาดูหน้าอัยวาแค่แวบเดียวก่อนจะนั่งเครื่องเพื่อไปทำงานต่อครามนึกด่าตัวเองในใจทำไมเขาถึงไม่ย้อนเวลามาเร็วกว่านี้นะตอนลออจันทร์คลอดลลิตต้องลำบากแค่ไหน ตอนที่เขาดูแลลออจันทร์ในช่วงหลายเดือนมานี้เ