ลลิตมองบรรดาคนแปลกหน้าย้ายของออกจากห้องพัก ตั้งแต่เช้าที่เขารู้สึกตัวก็ถูกครามอุ้มไว้ในอ้อมแขนแล้ว ชายหนุ่มมาคุมการย้ายสัมภาระแม่ลูกด้วยตนเองถึงแม้ว่าลออจันทร์จะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ
“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ” เตวิชเดินเข้ามารายงานเจ้านายหนุ่มที่นั่งอยู่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่
“อืม”พยักหน้าตอบรับก่อนจะหันไปมองลออจันทร์ที่ยังบอกลาสองตายายไม่เสร็จ
“ขอบคุณยายแจ่มกับตาทดอีกครั้งนะครับที่คอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด”ลออจันทร์ไหว้ขอบคุณทั้งสองคนอย่างซาบซึ้ง
“ตอนนี้ลออมีความสุขก็ดีแล้วล่ะ ยายเห็นหลานมีความสุขยายก็ดีใจ”ยายแจ่มมองดูลลิตในอ้อมกอดของครามอย่างเอ็นดู
“ยา ยา” ยายแจ่มจ๋า อุ้มลลิตหน่อยจ๊ะ
มือเล็กชูมือไปทางยายแจ่มตากลมโตออดอ้อนให้หญิงชราอุ้มตน ครามประคองร่างลูกชายเข้าสู่อ้อมกอดของยายแจ่ม
ฟอด ฟัดหอมแก้มจนแก้มนุ่มนิ่มกระเพื่อมทารกน้อยหัวเราะคิกคักชอบใจ ยายแจ่มเอ่ยลาคู่สามีภรรยาตรงหน้า
“ไว้คราวหน้าพาหลานมาเยี่ยมบ่อย ๆ นะ” กล่าวลาเสร็จก็ส่งลลิตคืนสู่อ้อมออกลออ
เด็กน้อยมองตาแป๋วยังคงไม่เข้าใจในการกระทำของทุกคน ตากลมโตกวาดสายตาใคร่รู้อย่างสงสัย
“แม่ะ อา อูวว” หม่าม้าเราจะไปที่ไหนกันเหรอ
“ลลิต วันนี้เราจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่กันนะครับ”
“อูวววว” บ้านใหม่เหรอ
เด็กน้อยลลิตที่ตอนนี้นั่งอยู่ในคาร์ซีทสำหรับเด็ก มือป้อมจับมือแม่ตัวเองไว้แน่น ตอนนี้ครามได้เปลี่ยนจากรถหรูเป็นรถครอบครัวมารับสองแม่ลูกโดยเฉพาะเนื่องจากได้รับคำแนะนำจากหมอกันต์ว่าเด็กเล็กควรจะนั่งคาร์ซีทที่มีความปลอดภัยมากกว่าตักของผู้ใหญ่
รถครอบครัวคันหรูแล่นมาทางเข้าหมู่บ้านขนาดใหญ่ไปหยุดที่บ้านขนาดสองชั้นมีสนามหน้าบ้านและยังมีสวนดอกไม้เล็ก ๆ อีกด้วย
“เดิมทีหมู่บ้านนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจครอบครัวอยู่แล้ว บ้านหลังนี้เป็นชื่อพี่แต่พี่ไม่เคยคิดมาอยู่จนกระทั่งพี่อยากสร้างครอบครัวของตัวเองขึ้น” ครามอธิบายให้ลออจันทร์พร้อมส่งสายตาอ่อนโยนให้โอเมก้าของตน
เอ๊ะ ชาติที่แล้วโรสรินกับอัยวาไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่นี่นา
ลลิตหวนนึกเรื่องราวในนิยายฉากงานวันเกิดที่ครามกับลลิตพบกันครั้งแรก ครามเหมือนรู้ว่าทารกน้อยคิดอะไรอยู่จึงอธิบายให้ลออจันทร์เพิ่ม
“โรสรินกับอัยวาไม่เคยอาศัยที่นี่หรอกนะ เมื่อก่อนแกอยู่ที่บ้านของพ่อแม่พี่ที่อยู่ถัดไปไม่กี่หลัง เดี๋ยววันหลังพี่จะพาทั้งสองคนไปแนะนำตัวกับพวกท่านนะครับ” แม้ครามจะพยายามปกปิดแค่ไหนแต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของลออจันทร์ไปได้
ลออจันทร์นึกถึงเจ้านายเก่าก็ละอายใจ เขาก็คงไม่กล้าสู้หน้าคุณแม่ของครามเหมือนกัน ก่อนจะรู้ถึงฝ่ามือน้อยน้อยที่ลูบไล้ใบหน้าเบา ๆ เพื่อปลอบประโลมผู้เป็นแม่ให้รู้สึกดีขึ้น
ถ้าคุณปู่กับคุณย่าไม่ชอบลลิตก็ไม่เห็นต้องสนใจเลย ฮึ
“เข้าไปดูในบ้านกันเถอะ” ครามโอบร่างสองแม่ลูกเข้าไปด้านใน ลออจันทร์ที่เห็นของตกแต่งภายในบ้านก็ตกตะลึงการตกแต่งในบ้านเน้นสีโทนอุ่นเป็นหลัก บริเวณมุมหนึ่งของพื้นที่มีคอกเด็กเล่นขนาดใหญ่ตั้งอยู่เป็นสง่าประกอบไปด้วยสไลเดอร์ขนาดย่อม ลูกบอลหลากสีและของเล่นอื่น ๆ อีกมากมาย
“คุณครามครับ ลลิตเพิ่งจะเจ็ดเดือนเองนะครับ” ของเล่นเยอะไปแล้ว แต่ลลิตกลับตื่นเต้นจนสะบัดหางไดโนเสาร์ไปมา
“อูววว อา อา” หม่าม้าลลิตอยากเล่นแล้ว
มือชี้มือไปมาไปยังสไลเดอร์ที่ตั้งสง่าอยู่ในคอกบ่งบอกว่าตนตื่นเต้นแค่ไหน ครามได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ เมื่อนึกถึงอายุของลูก
“เด็กน่ะโตเร็วจะตาย เดี๋ยวก็ได้ใช้เองนั่นแหละ” ครามพยายามบ่ายเบี่ยงประเด็นก่อนจะชักชวนขึ้นไปดูห้องนอนของลูกบนชั้นสอง
“ไปดูห้องของลลิตกันเถอะ”
“ครับ” ลออจันทร์รับคำก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งมีทั้งหมดสี่ห้องใหญ่แบ่งฟากละสองห้อง
“ห้องนี้เป็นห้องทำงานและห้องนอนรับแขก ส่วนอีกฝั่งเป็นห้องนอนของลลิต”ครามแนะนำห้องของลูกอย่างตื่นเต้นเนื่องจากตนตั้งใจดูแลกำกับทุกอย่างในห้องแก้แล้วแก้อีกจนออกมาเป็นที่พอใจ
ลออจันทร์เปิดประตูเข้าไปก็พบกับเตียงนอนที่มีรั้วกั้นเด็กตรงกลางห้องมีโมบายขนาดยักษ์อยู่กลางห้อง บริเวณมุมหนึ่งประดับประดาด้วยตุ๊กตาหลายขนาดทั้งห้องตกแต่งโทนสีเอิร์ธโทน บริเวณพื้นถูกปูด้วยพรมหนานุ่ม
ลออจันทร์วางลูกน้อยไว้บนพรมให้เล่นกับบรรดากองทัพตุ๊กตาก่อนจะสำรวจไปทั่วห้องนอนแล้วหันมาตั้งคำถามกับชายหนุ่ม
“แล้วเตียงของผมละครับ” ครามหน้านิ่งเดินไปยังประตูที่เชื่อมต่อกับอีกห้อง
“ลออไม่ต้องห่วงนะ ห้องของเรากับลูกเชื่อมต่อกันสามารถทะลุเข้ามาหาลลิตได้ทุกเมื่อ” ลออจันทร์ที่ฟังคำพูดของครามก็หน้าแดงก่ำ
“เราต้องนอนด้วยกันเหรอครับ”
“ใช่สิ ก็เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนี่”ครามตอบหน้าตาย ตั้งแต่ที่ลออจันทร์รับปากจะสร้างครอบครัวกับเขา วันต่อมาครามก็เชิญนายทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสทันที
ลออจันทร์ที่หน้าแดงอุ้มลูกน้อยเดินสำรวจห้องนอนที่ทาสีโทนสบายตา กลางห้องมีเตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ อีกทั้งยังมีห้องแต่งตัวแยกออกมาอีกโซนหนึ่งในห้องน้ำมีอ่างขนาดใหญ่พอที่ผู้ชายสองคนแช่ด้วยกันได้
“บูววว แม่ะ บูวว” หม่าม้าห้ามนอนกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาดนะ
เสียงอ้อแอ้พยายามห้ามปรามหม่าม้าของตนแต่จนใจที่ตัวเองยังฟังไม่ออกแล้วลออจันทร์จะรู้เรื่องได้อย่างไร ลลิตโมโหที่ตัวเองไม่ทันเกมของพ่อตัวเองอาละวาดดังลั่น
“แอ้ แอ้” ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ ไอ้พ่อโง่
“ลงไปข้างล่างกันเถอะ ลูกคงหิวแล้ว” เมื่อเห็นท่าทางอาละวาดของลูกชายจึงนึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาอาหารกลางวันของลูกน้อย
“ครับ ไปกันเถอะ”
“แม่ะมา แม่ะมา” หม่าม้าไม่ฟังลลิตเลย
หนูน้อยนั่งหน้าบึ้งบนเก้าอี้ทานอาหารสำหรับเด็กเบี่ยงใบหน้าหนีช้อนที่ผู้เป็นพ่อพยายามป้อน เม้มปากแน่นสะบัดหน้าหนีไม่ยอมอยู่นิ่ง
“ลลิตหนูหิวไม่ใช่เหรอลูก อ้าาา” ครามพยายามหลอกล่อเจ้าหนูน้อยแต่ก็ไม่ได้ผล
ฮึ กล้ามาหลอกให้หม่าม้าไปนอนด้วยเหรอ อย่างนี้ต้องสั่งสอน
ปากเล็กที่เคยเม้มแน่นอ้าออกกินอาหารที่ไร้รสชาติเข้าไปเตรียมจะพ่นใส่หน้าคนเป็นพ่อแต่ก็มีเสียงขัดจังหวะซะก่อน
“เด็กคนนี้น่ะเหรอ หลานชายของฉัน”
“คุณแม่/คุณหญิง” เสียงเรียก
“แอ้?” ใครอ่ะ ลลิตเอียงคอมองคนแปลกหน้าก่อนจะนึกว่าคือคุณหญิงไพลินย่าของลลิต ในชาติที่แล้วคุณหญิงไพลินเป็นย่าที่รักหลานเป็นอย่างมากทั้งยังเคยเผื่อแผ่มาให้ลลิตเพื่อนของหลานชายเป็นบางครั้ง
“ใจคอจะไม่บอกแม่หน่อยเหรอ ว่าย้ายบ้านแล้วน่ะ” พูดพลางเดินมาเบียดร่างลูกชายให้ลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้อีกตัวยึดถ้วยลายหมีน้อยเอาไว้ก่อนจะเริ่มป้อนข้าวหลานชายคนใหม่ต่อ
“อ้าม อ้าปากหน่อยเร็ว”
“อาาาา” ลลิตน้อยอ้าปากรับอาหารที่ป้อนอย่างเต็มใจ ลืมเรื่องขุ่นข้องใจก่อนหน้าไปเสียสนิท
“เด็กดี เก่งจังเลย หลานใครน่าาาา”คุณไพลินรู้สึกรักหลานชายที่พึ่งรู้ว่ามีคนนี้ ถึงแม้อัยวาที่เกิดจากโรสรินจะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แบเบาะแต่โรสรินกลับไม่ชอบให้คุณหญิงมาวุ่นวายกับลูกชายของตนเท่าไหร่ชอบโยนให้พี่เลี้ยงดูแลมากกว่า คงกลัวว่าคุณหญิงจะจับผิดเรื่องหน้าตาของอัยวาที่ไม่ค่อยเหมือนครามเท่าไหร่
คุณหญิงย่อมคิดถึงอัยวาอยู่บ้าง หากแต่นึกถึงทีไรใบหน้าโรสรินก็โผล่มาพร้อมกันตลอดทำให้ท่านรู้สึกหงุดหงิด จนกระทั่งพิศาลผู้เป็นสามีมีท่าทีแปลก ๆ จนเค้นถามถึงได้รู้ว่าลูกชายพาลออจันทร์และลูกชายย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านแล้ว
บ้านหลังนี้ลูกชายของท่านหวงนักไม่ยอมให้ใครเข้ามาอยู่ กระทั่งก่อนแต่งงานคุณหญิงยังเคยเปรยให้โรสรินมาอยู่บ้านหลังนี้ เจ้าลูกชายตัวดีกลับลุกหนีจากโต๊ะอาหารกลางคันทิ้งให้โรสรินหน้าเสียท่ามกลางครอบครัวของทั้งสองฝ่าย
“อาาาาา” คุณย่าเร็วหน่อยลลิตหิวแล้ว
เห็นท่าทางน่ารักของหลานชายก็ทำให้คุณหญิงไพลินใจละลายรีบป้อนข้าวให้อย่างอารมณ์ดี
ช่างสองแม่ลูกนั่นเถอะ อย่างน้อยอัยวาก็มีครอบครัวทางโน้นคอยดูแลอยู่
“พวกเธอสองคนก็กินข้าวเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”คุณหญิงไพลินพูดลอย ๆ เมื่อเห็นผู้ใหญ่อีกสองคนไม่ยอมขยับ ครามพยักหน้าให้ลออจันทร์ก่อนจะตักอาหารให้ ท่ามกลางบรรยากาศที่อึดอัดระหว่างผู้ใหญ่มีเพียงหนูน้อยลลิตที่มีความสุขเพียงคนเดียว
อ้าม เอาอีกฮะคุณย่า ลลิตยังไม่อิ่มเลย
“คิก คัก” ลลิตน้อยกำลังเล่นปาลูกบอลอยู่ในคอกเด็กเล่นอย่างสนุกสนานแต่หูกลับคอยเงี่ยฟังบทสนทนาที่ห่างไปไม่ไกล “ผมต้องกราบขอโทษคุณหญิงด้วยนะครับที่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง” ลออจันทร์ยกมือไหว้ขอโทษอดีตเจ้านาย ครามรีบคุกเข่าเคียงข้างผู้เป็นภรรยาพร้อมกับรับผิดชอบร่วมกัน “เรื่องนี้ผมเองก็มีส่วนผิดด้วยครับ ถ้าหากผมไม่ดื่มจนขาดสติเรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น” คุณหญิงไพลินมองดูสองคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก โบกมืออนุญาตให้ทั้งสองลุกขึ้น “ลุกมานั่งเก้าอี้ดี ๆ เถอะ วันนี้ฉันไม่ได้จะมาต่อว่าอะไร แค่อยากมาเห็นหน้าหลานเท่านั้น” ลออจันทร์กับครามมองหน้
“อาบน้ำป๋อมแป๋มกันครับ” ลลิตถูกลอกคราบจนตัวเปล่าเปลือยโชว์พุงอยู่อ่างอาบน้ำขนาดเล็ก ในมือถือตุ๊กตาเป็ดที่ลอยอยู่เต็มอ่าง “แอ้ อ้าย คิก คิก” หม่าม้าอาบน้ำให้ลลิตมีความสุขจังเลย อิอิ “หนูอย่าตีน้ำสิครับ อ้าวยกมือขึ้น ฮึบ” ลลิตชูมือตามผู้เป็นแม่ “เด็กดีของหม่าม้า” “คิก คิก” “ลออ ลูกอาบน้ำเสร็จรึยัง” ครามชะโงกหน้าเข้ามาถามแม่ลูกเมื่อเวลาผ่านไปสมควรแล้ว ภายในห้องน้ำมีลออจันทร์อุ้มก้อนขาวนุ่มนิ่มถูกห่อตัวด้วยผ้าสีสันสดใสกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ “ลออไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่แต่งตัวให้ลูกเอง” ครามอาสาแก้ตัวอีกร
“โธ่ ลลิตหนูกินอีกนิดนึงสิครับ” ลออจันทร์พยายามป้อนนมให้ลลิตแต่หนูน้อยกลับส่ายหน้าไม่ยอมดื่มจากขวดนมเอาแต่ใช้หัวดุนดันหน้าอก ลออจันทร์ได้แต่ยอมเลิกเสื้อนอนขึ้นมา ลลิตน้อยดีใจที่แม่ยอมตามใจตนปากน้อยดูดกลืนยอดถันที่บวมเต่งอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานก็คายออกแล้วร้องไห้จ้าออกมา “แงงงงง”ทำไมไม่มีน้ำนมแล้วอ่ะหม่าม้า ลออจันทร์ที่เห็นลูกร้องไห้ก็หน้าเสียทันที ตวัดสายตาคาดโทษไปหาคนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมา ครามยิ้มเจื่อนเดินเช็ดผมเสร็จก็คลานขึ้นมาบนเตียงโฉบอุ้มร่างที่งอแงอยู่กับหน้าอกลออจันทร์มาอุ้มเอาไว้เอง “ลลิตหนูร้องไห้ทำไมครับ คนเก่ง” เอ่ยปลอบลูกเสียงอ่อนโยนแต่ลอบส่งสายตามองลออจันทร์ที่สวมแค่เสื้อนอนของตนเพียงตัวเดีย
“ถ้ายังเรียกผมมาด้วยเรื่องไร้สาระอีกล่ะก็ คราวหน้าได้เห็นดีกันแน่”ชายหนุ่มใบหน้าบึ้งตึงประกาศกร้าวไม่สนหัวหงอกหัวดำในห้อง เหวี่ยงประตูห้องประชุมปิดตามแรงอารมณ์“เอ่อ ท่านประธานครับ”“มีอะไรอีก” ครามถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“คุณพิศาล ตอนนี้อยู่ในห้องท่านประธานครับ”ครามหยุดเดินไปจังหวะหนึ่งก่อนจะก้าวเดินเร็ว ๆ กลับไปยังห้องทำงานของตน ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปพบกับภาพปู่หลานเล่นกันอย่างสนุกสนาน“ลลิต ไหนเรียกปู่สิ”“ปู ปู ปู”“ฮ่าฮ่าฮ่า เก่งมากนี่รางวัลคนเก่ง” คุณพิศาลหยิบแบงก์เทามาอีกหนึ่งใบ ตอนนี้รอบตัวหนูน้อยลลิตมีแบงก์หลากสีไม่ว่าจะสีแดง สีม่วง สีเขียวเต็มไปหมด“อูวววว ปู ปู” เงินเยอะแยะไปหมดเลยฮะ คุณปู่“คุณพ่อ !!!” ครามส่งเสียงเรียกตัวการที่ทำให้เกิดประชุมผู้ถือหุ้นด่วนทำให้เขาต้องฝากลลิตไว้ให้คุณขวัญดูแล
“ลลิต วันนี้เราจะไปเที่ยวทะเลกัน ตื่นเต้นไหมครับ” คุณหญิงไพลินแย่งที่นั่งข้างหนูน้อยลลิตมาได้เอ่ยหยอกล้อกับทารกที่กอดตุ๊กตาตัวโปรด “ยา ยา อ้ายยย” ทะเลเหรอฮะคุณย่า “ตื่นเต้นสินะ ย่าเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน” หญิงวัยกลางคนตื่นเต้นเพราะลูกชายตัวดีโทรมาบอกตนว่าจะไปเที่ยวทะเลในวันหยุดพร้อมกับแผนการขอลออจันทร์แต่งงานอีกด้วย ทันทีที่ได้ยินลูกชายบอกคุณหญิงก็ตกใจแทบแย่ สุดท้ายตั้งสติได้ก็เอ่ยปรามลูกชายด้วยเสียงที่ไม่มั่นใจ “จะดีเหรอตาคราม แกเพิ่งหย่าหนูรินไปไม่ถึงเดือนเลยนะ” “ผมไม่สนใจสายตาคนอื่นหรอกคร
ตอนที่ครามเดินลงบันไดมาก็นับว่าเลยเวลาอาหารกลางวันไปมากโข คุณไพลินที่เพิ่งป้อนข้าวให้หลานชายเสร็จถลึงตาใส่ลูกชายที่เดินหน้าตาระรื่น ยิ้มกว้างแทบไม่หุบ “หม่ำ หม่ำ” คุณย่าฮะ ลลิตยังไม่อิ่มเลย “ลลิตคิดถึงพ่อไหมครับ” ครามหอมแก้มลูกที่เลอะเทอะไปด้วยอาหารเด็กอย่างไม่รังเกียจ “แอ้ แอ้” เจ้าพ่อบ้า มาให้หยุมหัวเดี๋ยวนี้นะ ทันทีที่ลลิตเห็นใบหน้าของครามก็เริ่มขยับแข้งขาอาละวาด จนครามต้องปลดลูกชายออกจากเก้าอี้เด็กมาอุ้มไว้เอง “ปาปา มามา บูววว” นี่แน่ะ นี่แน่ะ กล้ารังแกหม่าม้าเรอ
หลังจากกลับจากเที่ยวทะเลในครั้งนี้ แวดวงไฮโซก็เกิดข่าวลือสะท้านวงการครั้งใหญ่ วงในต่างก็ซุบซิบกันไปทั่วข่าวลือเกี่ยวกับตระกูลโยธินตระกูลถูกพูดถึงอีกครั้ง“ได้ยินรึเปล่า คุณครามกับยัยโรสรินหย่ากันแล้วนะ”“ตายแล้วจริงเหรอ” “ใช่ เขาลือกันว่าลูกชายที่เพิ่งคลอดไม่ใช่ลูกของคุณครามล่ะ”“ฉันว่าแล้ว ตอนอยู่เมืองนอกยัยรินมั่วจะตาย”“มีอีกเรื่อง เอาหูมาใกล้ ๆ ซิ”“อะไรอีกยะหล่อน”“วงในบอกฉันว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนคุณครามแต่งงานใหม่แล้วนะ”“ห๊ะ จริงเหรอ แต่งกับใครยะ”“ไม่รู้หรอก ไม่มีคนรู้จักเลย”ครามที่เป็นต้นตอของข่าวลือพยักหน้าพอใจในผลงานของเตวิช ความจริงเขาอยากประกาศให้ทุกคนรู้เลยด้วยซ้ำว่าลออจันทร์เป็นภรรยาของเขาแต่ถูกลออจันทร์ห้ามไว้เสียก่อน&l
สามปีผ่านไป “หม่าม้า รอลลิตด้วยคับ” เสียงตึงตังรีบวิ่งลงมาจากชั้นบน ร่างอ้วนกลมของทารกน้อยขยายยืดตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ใบหน้าเริ่มฉายแวววสวยหวานเหมือนลออจันทร์ผู้เป็นแม่ทำให้ครามเริ่มหนักใจขึ้นทุกวัน “ลลิต หม้าม้าบอกว่าอย่าวิ่งลงบันไดไงครับ” ลออจันทร์ดุลูกชายตัวน้อยที่วิ่งเข้ามาในครัว “ก็ลลิตกลัวป๊ะป๋าหอมแก้มหม่าม้าก่อนนี่นา”หนูน้อยรีบบอกเหตุผลให้หม่าม้าฟัง ลออจันทร์ได้ยินก็ยิ้มขำก้มลงหันแก้มด้านหนึ่งให้ลลิตหอมแก้มดังฟอด “ชื่นใจจังเลยครับ” “คิกคิก”&nbs
“พ่อของคุณก่อปัญหาใหญ่โตขนาดนั้น ยังกล้ามางานนี้อีกงั้นเหรอ”ครามเอ่ยประเด็นสำคัญขึ้นมา“สงสัยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคงไม่มากพอ” ปราบเอ่ยขึ้นบ้าง“พวกคุณรวมหัวกันรังแกฉันเหรอ” โรสรินที่ตอนนี้ยังไม่ยอมรับความผิดของเองด่ากราดไปทั่ว“คุณจะหยุดได้หรือยังโรสริน” ครามตวาดเสียงดังจนโรสรินสะดุ้งโหยง“พี่คราม”ลออจันทร์ลูบแผ่นหลังสามีเพื่อปลอบประโลม“พวกผมขอตัวไปดูเด็ก ๆ ก่อนนะครับ” ปราบและดาหวันเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของสามีภรรยาก็เอ่ยขอตัวทันที ครามพยักหน้าขอบคุณเมื่อสองสามีภรรยาลับสายตาไปแล้ว ครามก็เอ่ยเข้าประเด็นทันที“คุณต้องการอะไรกันแน่โรสริน” เสียงทุ้มถามอย่างหนักแน่น เขาต้องจบเรื่องของโรสรินในวันนี้ให้ได้“ครามคะ เรากลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรือคะ” หญิงสาวเอ่ยในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมา โรสรินยังคงรับความจริงไม่ได้ว่าเธอหย่าจาก
แชะ แชะเสียงกดชัตเตอร์ถ่ายรูปของบรรดาสำนักข่าวทั่วประเทศมารวมตัวกันในงานเปิดตัวแฟชั่นโชว์ของดีไซน์เนอร์ชื่อดังระดับประเทศ นอกจากงานนี้จะเป็นการรวมตัวของนายแบบและนางแบบแล้วยังมีนักธุรกิจชื่อดังหลายคนมาร่วมงานด้วย งานถูกจัดขึ้นในสวนดอกไม้นานาชนิดชื่อดังใจกลางเมือง ทั่วทั้งงานถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน“ยัยรินนี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ”โรสรินที่อยู่บริเวณหน้างานจิบไวน์อย่างเบื่อหน่าย ร่างของโอเมก้าสาวหันไปตามเสียงเรียกก็เหยียดมุมปากขึ้นมา“เพิ่งมาถึงน่ะ ไม่เจอกันนานเลยนะจินนี่” โรสรินตวัดสายตาไปยังคนที่มาใหม่ อย่าคิดว่าเธอไม่รู้ว่าคนตรงหน้าลับหลังเอาเรื่องครอบครัวเธอไปนินทาไปทั่ว“อืม ว่าแต่หล่อนไม่พาน้องอัยวามาด้วยเหรอ”เท่านั้นแหละโรสรินก็สลัดหน้ากากจอมปลอมทิ้งไป ดวงตาที่ตกแต่งอย่างดีวาวโรจน์อย่างน่ากลัว“พูดเรื่องลูกชายฉันทำไม”“อ้าว ฉันแค่คิดถึงหลานเฉย ๆ เอง” จินนี่ตอบเสียงสูง น้ำเสียงมีความเยาะเย้ยแฝงอยู่
ทันทีที่ลออจันทร์ก้าวเข้าในห้องลองชุดส่วนตัวของดาหวันก็ต้องตกตะลึงเพราะมันเหมือนยกทั้งสตูดิโอขนาดย่อมเข้ามาอยู่ในห้องกว้างขนาดใหญ่ที่แบ่งเป็นสองฝั่งอย่างเห็นได้ชัด ฝั่งหนึ่งใช้สำหรับออกแบบชุดอีกฝั่งหนึ่งอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์“ตามพี่มาทางนี้” ดาหวันเอ่ยเรียกลออจันทร์ที่ยืนตื่นตาตื่นใจกับห้องทำงานที่เขาแสนหวง ถ้าไม่ใช่ห้องทำงานห้องนี้ที่ปราบลงทุนทำเพื่อมัดใจโอเมก้าไฮโซคนนี้ล่ะก็ เขาไม่ยอมย้ายเข้ามาอยู่กินกับพ่อเลี้ยงภาคเหนือง่าย ๆ หรอก“ขายหน้าพี่ดาหวันแย่เลย” ลออจันทร์ยิ้มเขินเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอทำตัวขายหน้า แต่ ดาหวันกลับชอบที่เห็นลออจันทร์เป็นแบบนี้“ตามพี่มาทางนี้ดีกว่า เห็นอย่างนี้ห้องนี้ถูกออกแบบให้เป็นทางเดินลึกและแยกย่อยเป็นหลายห้อง ตอนที่เจ้าแทมแอบครูสอนพิเศษมาหลบในห้องนี้ต้องใช้เวลาหาตัวหลายนาทีกว่าจะเจอตัวแน่ะ” ดาหวันเล่าด้วยน้ำเสียงระอา ตั้งแต่ลูกชายคนนี้หายดีจากอาการตกน้ำ นิสัยที่เคยเอาแต่ใจหายไปก็จริงแต่นิสัยลิงทโ
อย่าคิดว่าครามไม่เห็นสีหน้าของลออจันทร์ตอนที่โรสรินพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะถูกหิ้วออกจากร้าน เพียงแต่เขาไม่สะดวกคุยต่อหน้าลูกชายที่ยังเล็กอยู่จึงรีบบึ่งรถกลับบ้านอย่างรวดเร็ว“แพนเค้ก พี่ลลิตมาแล้ว” ลลิตลงจากรถก็หยิบขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงลงไปด้วย เด็กน้อยเกลือกกลิ้งไปตามสนามหญ้าโดยไม่สนใจว่าเสื้อสีขาวจะเลอะแค่ไหน หากเป็นตอนลออจันทร์ปกติล่ะก็จะต้องบ่นลูกชายแน่นอนแต่วันนี้สภาพจิตใจของลออจันทร์ไม่อยู่กับตัวจึงปล่อยผ่านไปอย่างง่ายดาย“ลออ เข้าบ้านกันเถอะ”ครามโอบร่างของลออจันทร์เข้าบ้านแต่ร่างบางกลับผงะออกอย่างตกใจ“ขอโทษครับ ผมใจลอยไปหน่อย” ลออจันทร์รีบเดินเข้าบ้านไม่สนใจครามที่เดินมาด้านหลัง“รบกวนป้าจิตคอยดูลลิตเล่นกับแพนเค้กหน่อยนะครับ” ลออจันทร์วานให้ป้าแม่บ้านดูแลลูกชายครู่หนึ่งก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน“ได้ค่ะ” ป้าจิตรับคำก่อนจะเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำของเจ้าแพนเค้กแกไปด้วยสงสัยวันนี้คงได้อาบน้ำให้ทั้งคุณหนูลลิตและเจ้าแพนเค
“ลลิตเสร็จหรือยังครับ” ลออจันทร์ที่แต่งตัวเสร็จแล้วเดินไปเคาะประตูห้องลูกชายที่อยู่ตรงข้ามเนื่องจากห้องนอนเดิมถูกเด็กชายคีตายึดไปเพื่อความสะดวกในการให้นมตอนกลางคืน ตอนแรกลออจันทร์ค่อนข้างกังวลว่าลลิตจะไม่ยอมแต่เมื่อลองเกริ่นดูเด็กชายกลับยอมอย่างง่ายดาย “ได้สิครับ หม่าม้าจะได้ไม่เหนื่อย” “ลูกชายของหม่าม้าเก่งจังเลยครับ” ลออจันทร์ชมลูกชายจนตัวลอย ลลิตบิดตัวไปมาอย่างขวยเขินก่อนจะจ้องมองด้วยความคาดหวัง “เด็กดีต้องมีรางวัลใช่ไหมครับ” ลลิตอยากได้โมเดลหุ่นยนต์ชื่อดัง เมื่อก่อนเขาก็ไม่ได้สนใจโมเดลหุ่นยนต์หรอกเขาชื่นชอบโมเดลรถมากกว่าแต่ไปโรงเรียนทีไรแทมมาลีนชอบเอามาอวดทุกที ทุกวันคุณหนูแทมมาลีนจะหยิบโมเดลหุ่นยนต์มานอนกอดตอนกลางวันโดยไม
“เราจะไหนเหรอครับ” ลลิตน้อยที่วันนี้ถูกจับแต่งตัวด้วยชุดเอี๊ยมโดยสวมเสื้อยืดลายไดโนเสาร์ไว้ข้างในถามครามอย่างสงสัยแต่พอมองดูทิวทัศน์ที่คุ้นเคยก็โพล่งออกมา “นี่มันทางไปบริษัทของป๊ะป๋านี่ ลลิตจำได้” ลลิตมองเห็นร้านเค้กคุณม่อนที่ผ่านเป็นประจำยามไปเที่ยวเล่นบริษัทจึงนึกออก “ใช่ครับ วันนี้เราจะไปที่บริษัทกัน”ครามตอบลูกชายด้วยรอยยิ้มเลศนัย ลออจันทร์มองท่าทางของสามีแล้วนึกฉงนขึ้นมาอีกรอบ แค่ไปที่บริษัทถึงต้องพาครอบครัวทั้งสี่คนไปด้วยแถมยังกำชับให้เขาแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษอีก “มามา”น้องคีย์ยื่นแขนมาหาลออจันทร์ด้วยท่าทางน่าสงสาร ทารกน้อยยังไม่ชินเวลาที่นั่งคาร์ซีท เด็กชายคีตาส่งสายตาอ้อนวอนไปหาพี่ชายตัวน้อยอีกด้วย “ไม่ได้นะน้องค
อึก อึกแรงดูดน้องคีย์ทำให้ลออจันทร์ถึงกับนิ่วหน้า นับวันเด็กน้อยยิ่งดูดแรงขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น ตอนที่ลลิตน้อยดูดนมจากหน้าอกของลออจันทร์ไม่เจ็บเลยสักนิด ลลิตตอนเป็นทารกดูดนมด้วยแรงอันน้อยนิดเหมือนรู้ว่าการกระทำของตัวเองทำให้มารดาเจ็บ“น้องคีย์ ดูดแรงไปแล้วนะ” ลลิตเห็นแม่ตัวเองขมวดคิ้วก็ดุน้องชายแต่ที่ได้รับกลับมาคือแววตากลมแป๋วไร้เดียงสา“ยังจะดูดอีกเหรอ อีกข้างของพี่นะ” ลลิตน้อยถึงแม้ตอนนี้จะห้าขวบแล้วแต่ยังมีนิสัยที่แก้ไม่หายคือติดจุ๊บหน้าอกก่อนนอนเมื่อก่อนก็ไม่ติดขนาดนี้หรอกแต่ตั้งแต่น้องคีย์คลอดออกมาลลิตก็ยิ่งหวง ใบหน้าน่ารักบูดบึ้งเตรียมโน้มตัวไปจุ๊บหน้าอกที่ว่างอีกข้างแต่ถูกครามคว้าตัวไว้เสียก่อน“ไม่ต้องเลยครับ นั่นของพ่อทั้งหมดแหละ” ครามทำหน้าหนาตอบลลิตก่อนจะใช้จมูกฟัดพุงกลมของลูกชายจนเด็กน้อยหัวเราะคิกคักไม่หยุด“งื้อ ป๊ะป๋าไม่เอา มันจั๊กจี้นะ ฮ่าฮ่าฮ่า” ลลิตนอนหัวเราะจนหมดแรงวันนี้พ่อแม่ลูกสี่คนนอนค้างที่
“น้องคีย์ คลานมาทางนี้สิ” ลลิตส่งเสียงเรียกน้องชายตัวอวบอ้วนที่ค่อย ๆ ยันตัวคลานมาที่ตนนั่งอยู่“อา อา” คีย์น้อยอายุได้แปดเดือนแล้วในขณะที่ลลิตอายุห้าขวบอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนแต่ร่างกายไม่ได้ยืดขึ้นแต่อย่างใดมีเพียงคำพูดที่ฟังชัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“เร็วเข้า ไม่งั้นพี่จะออกไปเล่นกับแพนเค้กแล้วนะ” คีย์น้อยเมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะทิ้งตนไปเล่นกับเจ้าแพนเค้กก็ออกแรงคลานจนมาถึงจุดที่ลลิตอยู่ด้วยความเร็วสูงสุด“เก่งมากเลย น้องใครกันนะ”“อาอาอา”“พูด ลาาา ลิตตต” ลลิตพยายามให้น้องฝึกพูดชื่อตัวเอง“อาาาาา” เจ้าหนูน้อยก็เลียนเสียงเก่งเสียด้วย พยายามทำเสียงตามพี่ชายด้วยตากลมแป๋ว“ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด” ลลิตเบ้ปากเมื่อได้ยินเสียงน้องชาย“น้องเพิ่งแปดเดือนเองครับ ตอนหนูแปดเดือนก็เป็นแบบนี้แห
“ตาคราม ลออเป็นยังไงบ้าง” คุณไพลินกับคุณพิศาลมาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว หญิงวัยกลางคนมาถึงก็ถามไถ่อาการของลูกสะใภ้ทันที“ตอนนี้หมอกำลังผ่าคลอดครับ” ครามนั่งหน้าห้องโดยที่กอดตัวลลิตที่คอพับคออ่อนไว้กับตัว“แม่จัดการเรื่องห้องพักไว้แล้ว ให้ลลิตไปนอนที่ห้องก่อนเถอะ”คุณไพลินเข้ามาอุ้มร่างของหลานชายไว้ก่อนจะเดินไปยังห้องพักวีไอพี“ฝากคุณแม่ด้วยนะครับ”ให้ลลิตไปนอนรอที่ห้องน่าจะดีกว่าอยู่กับเขา เมื่อเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ครามก็ยิ่งอย่างกระวนกระวายใจคุณพิศาลตบบ่าให้กำลังใจลูกชาย “แกไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้ก็ได้ เป็นพ่อลูกสองแล้วนะ”“ตอนลลิตเกิดผมไม่ได้อยู่ด้วยนี่ครับ” คราวของอัยวาเขาก็ไม่ได้อยู่ด้วยเหมือนกัน ชายหนุ่มลงจากเครื่องมาดูหน้าอัยวาแค่แวบเดียวก่อนจะนั่งเครื่องเพื่อไปทำงานต่อครามนึกด่าตัวเองในใจทำไมเขาถึงไม่ย้อนเวลามาเร็วกว่านี้นะตอนลออจันทร์คลอดลลิตต้องลำบากแค่ไหน ตอนที่เขาดูแลลออจันทร์ในช่วงหลายเดือนมานี้เ