หลังจากเงียบงันไปอึดใจฟงชินหยางพลันได้สติก่อนหลิงเวยจึงเอ่ยออกมาพร้อมยกยิ้มตรงมุมปากพาเอาใบหน้าคมเข้มสว่างไสว
“เจ้าคงเหนื่อยมากแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปพักผ่อนดีหรือไม่”
ชายหนุ่มกล่าวกับภรรยาคนงามข้างกายอย่างเป็นห่วงเป็นใยเหลือเกิน เขาต้องพานางออกไปจากอันตรายตรงหน้า
ภรรยาของเขาช่างโง่งม
“เอ่อ...” หลิงเวยเริ่มอึกอัก นางไม่อยากเข้าเรือนไปกับสามีผู้ดุร้าย นางอยากอยู่ตรงนี้กับทุกคนในครอบครัว แต่ว่านางกำลังทำพลาดไป อยากร้องไห้เสียจริง
หญิงสาวเริ่มสบสนกับตนเอง นางมิรู้ว่าต้องทำอย่างไร จึงทำได้แค่เพียงเงยหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่พลางเม้มริมฝีปากแน่นๆ กะพริบตาปริบๆ คล้ายกับนักโทษต้องอาญาถูกนายเหนือหัวตัดสินโทษทัณฑ์แล้วต้องถูกเพชฌฆาตตรงหน้านำตัวไปประหาร
ฟงชินหยางก้มมองนางตรงหน้าด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย นางกำลังทำหน้าตาอย่างนี้ นางกำลังทำมารยาร้ายกาจใส่เขาอีกแล้ว
ชายหนุ่มคิดในใจได้อย่างนั้นจึงไม่ต้องการมองใบหน้าของนางในยามนี้อีกต่อไป เขาจึงดึงเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่เขาสวมใส่เอาไว้ด้านนอกให้ปกคลุมนางตั้งแต่ศีรษะลงไปแล้วดึงนางเข้ามาให้ใบหน้าฝังในแผงอกของเขาและใช้ฝ่ามือใหญ่หนาอีกข้างจับกดศีรษะนางเอาไว้จนจมมิดกับหน้าอกของตนเสียเลย
แค่นี้ก็ไม่มีใครมองเห็นมารยานางได้แล้ว
“...!”
หลิงเวยถึงกับชะงักนิ่งหายใจไม่ออกในฉับพลัน
สามีนางโหดยิ่งนัก!
ทุกคนในศาลาถึงกับนิ่งงันไม่ต่างกันเมื่อฟงชินหยางดึงภรรยาให้หน้าทิ่มเข้าไปในแผงอกตามด้วยดึงเสื้อเอามาคลุมนางเอาไว้จนมิดคล้ายพญาเหยี่ยวกางปีกปกป้องนกพิราบกระนั้น
ในฤดูกาลนี้อากาศช่างหนาวเย็นทุกคนมักใส่เสื้อผ้าหลายชั้นและมีเสื้อตัวนอกสุดที่เป็นเสื้อคลุมตัวใหญ่
แต่เสื้อคลุมสำหรับท่านแม่ทัพนั้นมิใช่แค่เพียงป้องกันอากาศหนาวเย็นแต่ใช้เป็นเกราะกำบังเหล่าศัตรูได้อีกด้วย
ฟงชินหยางก้มหน้าของตนลงไปในเสื้อคลุมกระซิบกระซาบดุดันชิดใบหน้านางในอ้อมแขน “กลับเรือนกัน”
หลิงเวยเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาจนปลายจมูกชนกันอยู่ในเสื้อคลุมพลางส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่กลับได้หรือไม่”
“ไม่ได้”
“ข้าอยากคุยกับทุกคนอีกครู่ได้หรือไม่”
“ไม่ได้”
“แต่ว่า...”
“เดี๋ยวนี้”
ทั้งแววตาทั้งน้ำเสียงของสามีช่างเข้มข้นจนนางผู้เป็นภรรยาต้องส่ายหน้าไปมาอย่างหนักแน่น
ทั้งสองกระซิบกระซาบภายในเสื้อคลุมตัวใหญ่ คนหนึ่งก้มหน้าคนหนึ่งเงยหน้าเห็นเพียงศีรษะขยับไปมาคล้ายกับว่ากำลังจูบกันกระนั้น
ทุกคนในศาลายิ่งตะลึงงันกับคู่ข้าวใหม่ปลามันตรงหน้า
จะรักกันเกินไปแล้ว...
ฟงจินหมิงถึงกับอิจฉานัยน์ร้อนผ่าว
ไม่เพียงคนในครอบครัวตระกูลฟงที่กำลังยืนมองภาพของคู่รักในศาลาที่กำลังแสดงความรักกันอย่างนั้น เหล่าทหารห้านายที่กำลังตามหลังพ่อบ้านจินมาก็ได้มองเห็นภาพนั้นไม่แตกต่างกัน
นับว่าเป็นบุญตายิ่งแล้วที่ได้เห็นภาพของท่านแม่ทัพผู้โหดเหี้ยมเคร่งขรึมดุดันกำลังแสดงความรักกับภรรยาของตน
พ่อบ้านจินเดินนำเหล่าทหารทั้งหลายที่บอกกล่าวแก่เขาว่าต้องการนำรายงานมามอบให้คุณชายใหญ่เพียงส่งเสียงออกไปด้วยอาการขัดเขิน “เอ่อ...คุณชายใหญ่ขอรับ”
ฟงชินหยางจึงเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินแต่ยังคงจับกดศีรษะของคนตัวเล็กให้ใบหน้ามุดเข้าไปในเสื้อคลุมตรงแผงอกของตนอยู่อย่างนั้น
“มีอะไร?” เขาถามเสียงเข้ม
“ทหารพวกนี้นำรายงานมาส่งขอรับ” พ่อบ้านจินรีบกล่าวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปด้วยไม่ชินกับการที่ใครบางคนมีเมีย
อาซิ่นกับอาตู้รีบทำความเคารพไปทางอดีตท่านแม่ทัพใหญ่ ฟงฮูหยินและท่านแม่ทัพของตน ซือซือและอี้ผิงก็รีบทำความเคารพเช่นเดียวกัน
อวี้ถิงที่บัดนี้วิญญาณยังมิทันได้กลับเข้าร่างพลันถูกเปลวไฟแห่งความริษยาเข้ามอดไหม้ในฉับพลัน แต่ทว่านางทำได้แค่เพียงยืนนิ่งงันแข็งค้าง
สตรีที่ต้องอยู่ในเสื้อคลุมและแผงอกอุ่นนั่นควรจะเป็นนาง ต้องเป็นนางเท่านั้น อวี้ถิงได้แต่คิดอยู่ในใจแต่ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น ในเมื่อแผนการของนางมันล้มเหลวไม่เป็นท่าและท่านแม่ทัพก็ไม่เคยแลนาง ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ
“หยางเอ๋อร์ปล่อยเวยเอ๋อร์ก่อนดีหรือไม่” ซินหรูรีบเตือนสติบุตรชายเมื่อเห็นว่าหลิงเวยคล้ายจมเข้าไปในแผงอกจนจะสิงเข้าไปในร่างกันอย่างนั้นฟงชินหยางจึงหรี่ตามองนางในอ้อมแขนพร้อมกระซิบกระซาบเสียงลอดไรฟัน “กลับไปรอข้าที่เรือน” “ไม่เอา” หลิงเวยยังคงมีจุดยืน นางเข้มแข็งมากในเรื่องนี้ชายหนุ่มยิ่งนึกเข่นเขี้ยว เขาพอจะดูออกว่านางต้องการทำมารยาใส่คนในครอบครัวของเขา ฮึ! ไม่มีทาง“ไม่กลับใช่หรือไม่”หลิงเวยพยักหน้าน้อยๆ พยายามมองสู้สายตามืดดำของเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เช่นนั้นก็อยู่กับข้า ห้ามห่าง นี่คือคำสั่ง!”“...”จบคำจึงยอมปล่อยหลิงเวยออกจากอ้อมแขนแต่ยังคงปรายสายตาคมดุเข้าฟาดฟันตรึงนางเอาไว้แน่น“นี่ก็ใกล้มื้อเย็นแล้ว แม่ขอตัวไปดูในโรงครัวเสียหน่อย” ซินหรูเอ่ยขึ้นพลางหมุนตัวเดินไปกับฟงซือหลางสามีของตนหลิงเวยเห็นอย่างนั้นจึงทำท่าจะผละไปเพื่อเดินตามหลังแม่สามีแต่กลับถูกฝ่ามือใหญ่หนาโอบจับกระชับเอวเอาไว้แน่นฟงลี่หลินได้แต่มองพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ตาปริบๆ ในขณะที่ฟงจินหมิงนึกอิจฉาขึ้นทุกที“พวกเจ้าอยู่ทานมื้อเย็นก่อนกลับแล้วกัน” ฟงซือหลางเอ่ยมาทางเหล่าลูกน้องทหารนอกศาลาก่อนเดินจากไปกับฮูหยิน ของต
“อาซ้อ!”เสียงเรียกจากฟงลี่หลินทำหลิงเวยที่กำลังเดินคอตกครุ่นคิดหนักหน่วงพลันหลุดออกจากภวังค์“อาซ้ออยู่กับข้าก่อน ไม่ต้องกลับเรือน” ฟงลี่หลินที่ยังคงยืนอยู่ในศาลากับฟงจินหมิงมองเห็นทั้งหมด นางจึงเดินออกมาจากในศาลาตรงเข้าจับข้อมือของหลิงเวยเอาไว้พลางชำเลืองสายตามองไปทางสตรีนางหนึ่งที่พี่ใหญ่จ้องมองเมื่อครู่“สตรีนางนั้นเป็นใครไยมองพี่ใหญ่อย่างนั้น อาซ้อรู้จักหรือไม่” นางถามพี่สะใภ้เสียงแข็งกระด้างรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาหลิงเวยได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ปฏิเสธตามตรง นางไม่รู้จักใครทั้งนั้น กับสามียังแค่รู้จักกันก่อนแต่งงานเพียงสามวัน หญิงสาวถึงกับถอนหายใจลากยาวใบหน้าหมองเศร้าจิตตกเหลือเกิน“หรือจะเป็นคนรักของพี่ใหญ่” ฟงจินหมิงที่ยืนอยู่กับฟงลี่หลินเริ่มวิเคราะห์ เขาช่างสงสัยในทุกๆ เรื่องแห่งชีวิตฟงลี่หลินได้ยินพลันผงะ “ได้อย่างไร พี่ใหญ่แต่งงานแล้ว หากเป็นคนรักของพี่ใหญ่จริง ไยพี่ใหญ่ถึงต้องแต่งกับอาซ้อ ไยไม่แต่งกับสตรีนางนั้น” นางช่วยพี่รองวิเคราะห์อย่างเข้มแข็งพาเอาคนฟังใจเต้นแรง “ถ้าหาก...” หลิงเวยเริ่มกล่าวเสียงเบา“ถ้าหากสตรีผู้นั้นเป็นคนรักของชินหยาง...” นางจะทำอย่างไร นางยังไม่ทันได้เต
“ในเมื่อเจ้ามีญาติอยู่ในเมืองหลวง” ชายหนุ่มเริ่มเอ่ยคำอีกคราด้วยน้ำเสียงเย็นชามากกว่าเดิม “ข้าจะทำเรื่องย้ายเจ้าเข้าไปประจำการที่เมืองหลวง รับจดหมายนี่ไป” กล่าวจบก็ยื่นจดหมายส่งตัววางเอาไว้บนโต๊ะทำงานให้สตรีตรงหน้าได้หยิบไปด้วยตนเองอวี้ถิงถึงกับตาโตตะลึงงันจ้องมองจดหมายตรงหน้าอย่างงุนงง อะ...อะไรกัน!???“ออกไปได้แล้ว” ฟงชินหยางเอ่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบกับทหารทุกนายหลังจากเสร็จสิ้นธุระอันสลักสำคัญทุกประการเขาควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม ต่อให้ต้องฆ่าคนเขาก็จะทำชายหนุ่มคิดอย่างนั้นพลางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเกินบรรยาย…เวลาอาหารค่ำมาถึงทุกชีวิตจึงรวมตัวกันภายในห้องอาหารบนโต๊ะอาหารอันใหญ่โตของจวนตระกูลฟงประกอบไปด้วยอาหารหลากหลายหน้าตาน่าทาน พาเอาอาซิ่นและอาตู้จิตใจเบิกบานทานอาหารอย่างรื่นเริง พวกเขาทั้งสองช่างเห็นแก่กินยิ่งนัก การทานอาหารร่วมกันจึงดำเนินไปภายในบรรยากาศเป็นกันเองเวลาผ่านไป...บรรยากาศหลังมื้ออาหารเย็นดำเนินไปด้วยสุรารสดีหลายไหถูกลำเลียงออกมาอย่างไม่มีหวงแหนเนื่องจากจวนตระกูลฟงนิยมหมักเหล้าเองและชอบแจกจ่ายเป็นทุนเดิม ในยามนี้อาซิ่นกับอาตู้ดื่มเหล้าอย่างมีค
เวลาดึกดื่นยามจื่อ(23.00-24.59)หลังจากที่ฟงชินหยางสั่งการบ่าวไพร่ให้พาแขกที่เป็นลูกน้องทหารทั้งห้าเข้าพักที่เรือนรับรองเรียบร้อยดีแล้ว เขาจึงพาเรือนร่างสูงใหญ่พร้อมอารมณ์โกรธกรุ่นใบหน้าคมคร้ามฉายแววอำมหิตเดินทางมายังเรือนนอนของน้องเล็กในทันที“พี่ใหญ่!” ฟงลี่หลินถึงกับตกใจเมื่อจู่ๆ พี่ใหญ่ของนางที่คล้ายกับท่านจอมมารมาดทะมึนเดินมาเคาะประตูห้องกลางดึกอย่างนี้“เมียพี่อยู่ไหน?” ฟงชินหยางถามเสียงเย็น เขายังมิได้เข้าหอกับนางเลยจะแยกกันนอนได้อย่างไร คืนนี้เขาต้องจัดการนางให้หลายท่า“หลับไปแล้ว พี่ใหญ่กลับไปเลย” ฟงลี่หลินเบ้ปากบอกอย่างแง่งอนประหนึ่งว่าเป็นเมียพี่ชายเสียเองฟงชินหยางมีหรือจะฟังเขาพาร่างสูงกำยำของตนเดินอาดๆ เข้ามายังห้องด้านในสุดจนมาเจอเตียงนอนขนาดใหญ่ที่ภรรยาตัวดีของเขากำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่เมื่อเขาเจอตัวการที่ทำให้อาหารมื้อค่ำหมดรสชาติเนื่องจากถูกฟาดด้วยสายตาคาดโทษ เขาจึงรีบโน้มตัวลงอุ้มร่างบางเจ้าปัญหาของเขาขึ้นแนบอกในทันที“พี่ใหญ่จะทำอะไร หยุดนะ! ไม่นะ!” ฟงลี่หลินถามขึ้นอย่างตกอกตกใจเมื่อพี่สะใภ้ของนางกำลังจะถูกมารลักพาตัว ฟงชินหยางเริ่มหรี่ตามองน้องเล็กของตนอย่างเข่น
นางปรือตามองเขาพลางเรียกขาน“ชินหยาง...” เสียวแว่วหวานเอ่ยเรียกเขาพร้อมดวงตาหยาดเยิ้มใบหน้าแดงก่ำมีน้ำตาหยดลงมาใส่ใบหน้าของเขานางกำลังร่ำไห้เหมือนที่นางชอบทำไม่เคยเปลี่ยน“เจ้าคนใจร้าย”“...”แต่ที่เปลี่ยนไปคือนางด่าเขานางช่างกล้า! เมาแล้วด่าเป็นแน่นอนว่าเขาย่อมเป็นเช่นนั้น เขาเป็นมากกว่าใจร้ายเพราะว่าเขาทั้งโหดเหี้ยมโหดร้ายฆ่าคนได้ง่ายดายไม่มีละเว้นนี่ถือว่านางชมเขามันเป็นคำชม!“ข้ามีดีอะไรอย่างนั้นหรือ” นางเริ่มเอ่ยวาจาพึมพำบ่นคำออกมาแผ่วเบาด้วยใบหน้าง้อง้ำปลายจมูกเชิดรั้นสีแดงๆ“ข้าน่ะไม่ควรมีดีอันใด เพลงที่แต่งเอาไว้ไม่ควรบรรเลง ภาพที่วาดเอาไว้ยังต้องเก็บซ่อน กาพย์กลอนที่ร่ายเอาไว้ยังต้องฉีกทิ้ง ใบหน้าก็ไม่ควรแต่งแต้มเติมสีชาด ความงามของข้าไม่เคยจำเป็น ท่านรู้หรือไม่ ความสามารถของข้ามันคือปัญหา มันทำให้ข้าไม่เคยได้อยู่อย่างสงบสุข บุรุษทั้งหลายไม่ควรเจอข้า แต่ท่าน...ท่าน...เจ้าคนใจร้าย” “...”นางชมเขาอีกแล้ว!นี่นางเป็นอันใดมากหรือไม่ ไยร้ายกาจยิ่งนัก นางช่างร้ายกาจกับเขาเสียจริง ไม่เคยมีใครชมเขาถึงเพียงนี้!และก็นางบ่นพึมพำอีกสองสามประโยคด้วยใบหน้าเช่นเดิม ริมฝีปากอิ่มน่ากดจ
ถึงแม้ว่าเขากับนางจะเคยผ่านการร่วมรักกันมาแล้วแต่ทว่านางกับเขากลับมิเคยได้สำรวจกันและกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน นั่นจึงสมควรแล้วที่นางอาจจะกำลังสงสัยในเรือนร่างของเขาเมื่อยามบ่ายนางบอกว่าอย่างไร นางชอบเขาตรงไหนนางบอกว่าชอบแผลเป็นบนแผงอกของเขาอย่างนั้นหรือแน่นอนว่าย่อมเป็นเช่นนั้น เพราะว่าเขาเองก็ชอบมัน บาดแผลพวกนี้แลกกับการได้ช่วยเหลือแว่นแคว้น จัดการพวกทรราช พรากชีวิตเหล่าศัตรูที่หมายจะย่ำยีชาวประชาของแคว้นเฉินนำพาทุกผู้คนให้ได้อยู่กันอย่างสงบในเหย้าในเรือนมันเป็นเครื่องหมายย้ำเตือนต่อการแสดงความภักดีต่อองค์เหนือหัวและเหล่าประชาราษฎร์ให้คงอยู่ได้ตลอดไปปลายนิ้วเรียวสวยของคนตัวเล็กพร้อมด้วยใบหน้างามหวานยังคงขยับเบาๆ อยู่ตรงแผงอกของเขาที่กำลังแข็งตึงขึงเครียดและปวดหนึบไปทั่วทั้งลำตัวทำเอาเขาต้องนอนตัวเกร็งจนหลุดเสียงครางนางยังคงตั้งใจอ่านทุกอย่างบนลำตัวของเขา แต่ทว่าหากนางจะอ่านหนังสือบนแผงอกของเขาอยู่ฝ่ายเดียวนั่นย่อมนับว่าไม่เหมาะ เพราะว่าเส้นขนของเขาที่กำลังลุกชูชันแข่งขันกันทั้งร่างทำให้เขาไม่อาจถูกอ่านได้อยู่ฝ่ายเดียว นางอ่านเขานานจนเกินไปนางไม่ยอมทำอันใดมากไปกว่านั้น“เวยเอ๋อร
“ข้าจะทวนความจำให้เจ้า”ฟงชินหยางก้มใบหน้าคมคายจ้องมองสตรีใต้ร่างด้วยดวงตาคมดำฉายแววร้อนแรงจนหลิงเวยยิ่งใบหน้าเห่อแดงร้อนแรงไม่แพ้กันนางจ้องมองสบตอบสายตาคมนั้นด้วยสายตาตื่นตะลึงตระหนกหวาดหวั่นและหวามไหววาบหวิวความรู้สึกของนางยามนี้ช่างหลากหลายโดยเฉพาะอย่างหลังนี่มากหน่อยมิใช่ไม่เคยร่วมรักกัน แต่ใกล้ชิดกันแบบนี้นางยังไม่ชิน จะกี่ครั้งก็ยังไม่ชิน ทั้งใบหน้าทั้งดวงตาทั้งจมูกทั้งริมฝีปากทุกอย่างใกล้กันเกินไป โดยเฉพาะแผงอกกล้าแกร่งของเขากำลังบดเบียดหน้านุ่มนิ่มของนางและช่วงกลางลำตัวแข็งเกร็งของเขากำลังเสียดสีกับ...อา...ทำไมคุ้นๆฟงชินหยางไม่มีการสนใจสตรีใต้ร่างที่กำลังทำตาโตตกใจเนื้อตัวสั่นเทา เขาก้มหน้าลงต่ำหอมแก้มนางไปหนึ่งฟอดใหญ่หลิงเวยยิ่งดวงตาพองโตรู้สึกร้อนๆ ตรงพวงแก้มตนชายหนุ่มไม่คิดจะหยุดถึงแม้หญิงสาวจะกลายร่างเป็นเสาหิน จากการกินเต้าหู้ที่พวงแก้มนางเขาจึงตามติดด้วยการดูดปลายคางของนางแรงๆ ไปหนึ่งที ดูดตรงลำคอของนางหนักๆ อีกหนึ่งที และขบเม้มติ่งหูไปอีกหนึ่งที ชื่นใจยิ่ง!นี่คือการเอาคืนเมื่อยามค่ำคืนที่ผ่านมา นางดูดเขาตรงนี้ ตรงนี้และตรงนี้ ชายหนุ่มคิดไปก้มหน้าดูดนางใต้ร่าง
อา...หลิงเวยเริ่มครางในใจแต่ยังไม่กล้าเปล่งเสียงใดๆออกมาฟงชินหยางยังคงไต่ระดับตามความรู้สึกที่เริ่มพวยพุ่งตามเนื้อนวลเนียนอ่อนนุ่มที่แสนกรุ่นหอม ในที่สุดใบหน้าคมคายของเขาก็เจอเข้ากับเนื้อนูนหยุ่นนุ่มกลมกลึงที่ชี้ยอดชูชันสิ่งนี้ล่ะ! ที่ชี้หน้าชี้ตาของเขาทั้งคืน ดอกบัวของนางส่ายไปมาอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมเรียวนิ้วงามๆ ลากปลายเล็บคมๆ จนเต็มแผงอกของเขา ในขณะที่สะโพกกลมๆ ของนางก็กดสะโพกของเขาจนจมที่นอนเขาจะใช้สะโพกของเขากดสะโพกของนางบ้าง!ชายหนุ่มยิ่งเพิ่มระดับความเที่ยงตรงรักความยุติธรรมยิ่ง เขาคิดจะทำทุกสิ่งกับภรรยาให้เหมือนกับที่ถูกภรรยากระทำเมื่อยามค่ำคืนเขายังคงก้มหน้าก้มตาดูดกลืนเม็ดบัวของนางคล้ายกับว่ามันเป็นขนมหวานโดยไม่สนใจเจ้าของดอกบัวที่บิดลำตัวไปมา แล้วเริ่มร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขาหลิงเวยเริ่มทนไม่ได้อีกต่อไป เขากำลังมอบความรู้สึกเสียวสยิวให้นางจนนางเริ่มอยู่ไม่สุข นางทำได้เพียงแหงนหน้ากลั้นหายใจ แต่เมื่อนางกลั้นมันเอาไว้ไม่ไหว นางจึงหายใจออกมาแต่ทว่าเสียงหายใจของนางคล้ายกับผิดปกติไป นางมิได้หายใจออก แต่นางกำลังหายใจเข้า นางกำลังสูดปากลากยาวจนเกินเสียงๆ หนึ่งแล้วปล่อ
หลิงเวยสังเกตเห็นอาการตื่นเต้นนั้นของฟงชินหยาง นางจึงเริ่มขมวดคิ้วพันมุ่นเริ่มขัดเคืองฉับพลัน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามคำใด สตรีตั้งครรภ์นางหนึ่งก็เดินนวยนาดเข้ามายังห้องโถงแห่งนี้“ท่านแม่ทัพฟง” เสียงอ่อนหวานของสตรีตั้งครรภ์ดังขึ้นทำให้หลิงเวยยิ่งเพิ่มระดับความขุ่นเคืองมองค้อนฟงชินหยางขวับๆฟงชินหยางเห็นหลิงเวยส่งสายตาสวยหวานพิฆาตมองมาจึงได้แต่เสียวสันหลังวาบๆ อย่างไม่เข้าใจอันใด ไยรู้สึกหนาว!จินฮวาผู้ไม่เข้าใจอันใดในบรรยากาศแปลกประหลาดจึงพาท้องกลมๆ ของตนเองมานั่งยังเก้าอี้บนโต๊ะอาหารตามวิสัยที่เคยกระทำมาเนื่องด้วยว่าท่านแม่ทัพฟงอนุญาตให้นางเป็นกรณีพิเศษ หลิงเวยเห็นสตรีตั้งครรภ์นางนี้ลงนั่งที่โต๊ะอาหารกับฟงชินหยางอย่างนั้นยิ่งเพิ่มระดับความโกรธกรุ่นจึงเอ่ย“ท่านแม่ทัพฟง” น้ำเสียงหวานล้ำแต่กลับแฝงความเย็นเยียบไม่ธรรมดาของหลิงเวยทำเอาฟงชินหยางถึงกับขนลุกชูชันนั่งตัวตรงแข็งทื่อกลายร่างเป็นก้อนหินก้อนใหญ่หลิงเวยยังคงเอ่ย “ท่านบอกแก่ข้าว่าไม่มีภรรยา เห็นได้ชัดว่าท่านโกหก!” ฟงชินหยางเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบซ่อนคลื่นสั่นไหวในอารมณ์ในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใคร “ย่อมเป็น
หลายวันผ่านไป...ภายในค่ายทหารยังคงฝึกหนักเสียงดังโชร้งเชร้งเคล้งคล้างดังเดิม มีการซ้อมเคลื่อนพลเคลื่อนทัพดังเดิม มีการผลิตอาวุธอันทรงพลังตามคำสั่งของท่านแม่ทัพตามเดิม มีกฎระเบียบที่แสนจะเคร่งครัดไม่มีลดหย่อนดังเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมและเพิ่มเติมมาก็คือท่านแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอยู่เหนือผู้ใดกำลังถูกสตรีอัปลักษณ์นางหนึ่งครอบงำ หลิงเวยยังคงดูแลจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ดูแลทำแผลที่ได้รับจากการฝึกหนักดูแลเรื่องอาหารการกินให้ฟงชินหยางเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะยังคงตีเนียนทำตัวเป็นเพียงทหารหญิงรับใช้คนสนิทให้เขาโดยหาได้เปิดเผยฐานะจริงๆ ของตนไม่ ด้วยยังคงยึดมั่นในคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ฟงชินหยางก็ยังคงให้ความร่วมมือกับภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน เขาย่อมตามใจภรรยาในทุกๆ เรื่องโดยไม่ถามหาเหตุผลอันใดให้มากความ ในยามกลางวันนางอยากเป็นทหารหญิงรับใช้ให้เขาก็ให้เป็นไป เพียงแต่ในยามค่ำคืนนางต้องตามใจเขาในทุกกระบวนท่าลีลารักที่เขามอบให้ภายในห้องโถงของเรือนท่านแม่ทัพฟงบนโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวมากมายหน้าตาน่าทานถูกจัดการเป็นพิเศษเพื่อท่านแม่ทัพฟงแต่เพียงผู้เดียวหลิงเวย
ฟงชินหยางเฝ้ากลืนกินภรรยาตัวน้อยตักตวงความสุขจากร่างบางนุ่มนิ่มพร้อมตอบกลับจัดให้ด้วยความสุขไม่ต่างกันหลิงเวยแหงนหน้าปรือตามองคนตัวใหญ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้มฉ่ำน้ำสบเข้าไปในดวงตาคู่คมที่กำลังทอประกายร้อนแรงก่อนถูกเขาปล้นลมหายใจด้วยจุมพิตเร่าร้อนเคล้าคลึงด้วยอารมณ์รัญจวนให้ยิ่งกระพือหวามไหวหัวใจเต้นเร่าๆ แทบทะลุออกมานอกอก ปลายลิ้นของทั้งสองโรมรันพัลวันก่อนจะลากไล้พันกันอีกเพียงครู่แล้วปล่อยออกจากกันเพื่อให้อิสระในการส่งเสียงครางครวญยามเมื่อเส้นทางปลายฝันเริ่มกระชั้นเข้ามาซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็มิรู้ได้ เส้นทางฝั่งฝันระยิบระยับของพวกเขาช่างมีมากเส้นนักหนา พวกเขาไต่เส้นฝันกันทั้งวันทั้งคืนไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนเตียงตั่งขาโก่งขางอคนสองคนร่างสองร่างที่กำลังสอดประสานเข้าออกรุนแรงยังคงเร่าร้อนไต่ระดับพายุอารมณ์โดยไม่มีเก็บข่มใดๆกายหนาหยาบแกร่งกระแทกกระทั้นกระตุ้นเร้าให้ร่างบางสั่นสะท้านขึ้นลงไม่หนักไม่เบามอบความกระสันเสียวซ่านสาดเข้าใส่จนมีบางอย่างสาดกระเซ็นคล้ายระลอกคลื่นของสายธารคล้ายลาวาร้อนฉ่าท่วมทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอ่อนนุ่มจนชุ่มชื้นถึงแม้จะมิได้เอื้อนเอ่ย ถึงแ
หลิงเวยหน้าแดงก่ำไม่สร่างซาเมื่อถูกบุรุษตัวใหญ่หนากระทำตามใจไม่เปลี่ยนแปลงแต่ทว่านางยังคงเชื่อฟังคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีถึงการปลอมตัวในครั้งนี้“ท่านไม่ควรทำตัวอย่างนี้กับสตรีแปลกหน้า” หลิงเวยเอ่ยคำเพื่อตักเตือนฟงชินหยางขณะถูกเขาช้อนร่างขึ้นอุ้มแล้วพานางมาวางบนเตียงนอนเตียงเดิมหลังจากที่เขาเข้ามาหานางตามคำเรียกหาแล้วพานางอาบน้ำใส่ผ้าแต่ทว่าเขากลับถอดผ้าของนางออกแล้วอุ้มนางมาที่เตียงนอน นางยังขาสั่นอยู่เลยทำต่อไม่ไหวเสียแล้ว“ลืมเรื่องเมื่อคืนแล้วหรือไร ไยความจำสั้น นี่มิใช่ว่าเราควรทำความรู้จักกันให้มากเข้าไว้หรอกหรือ” ฟงชินหยางยังคงให้ความร่วมมือในการปลอมตัวของภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีขณะกำลังขึ้นคร่อมนางแบบทั้งตัว“หากว่าเรารู้จักกันแล้วอย่างไร ภรรยาของท่านคงไม่ยินดี” หลิงเวยตีมึนถามเจ้าของแผงอกแข็งตึงที่กำลังเบียดเสียดกับหน้าอกนุ่มๆ ของนางอย่างต้องการลองหยั่งเชิงเขา“อา...ข้าจะบอกว่าอย่างไรดี อืม...” ฟงชินหยางทำท่าคิดหนักบางอย่าง “ข้าควรบอกว่ายังไม่มีภรรยา”“...!”และอีกคราที่หลิงเวยต้องส่งค้อนวงใหญ่ใส่ฟงชินหยางชายหนุ่มไม่สนใจดวงตาสวยใสที่กำลังมองค้อนขวับๆ ตรงหน้า เขายังคงก้มหน
“เจ้าหน้าบาก”“...!”เส้นเสียงทุ้มห้าวคำรามออกมาจากแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับหางคิ้วกระดิกมุมปากกระตุกไม่คิดจะถามชื่อแซ่กันเลยรึพี่ใหญ่!ฟงชินหยางยืนถมึงทึงเอ่ยสั่งการเสียงดังไปทางบุรุษตัวโตที่ใบหน้ามีหนวดเครารุงรังพร้อมรอยแผลเป็นลากยาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กลางลานกว้าง “เจ้าจงตามไปไต่สวนห้าคนนี้ร่วมกับรองแม่ทัพจิ่น เข้าใจหรือไม่เจ้าหน้าบาก”ฟงจินหมิงจึงลุกขึ้นยืนนิ่งๆ จ้องมองฟงชินหยางด้วยมาดไม่ธรรมดาพร้อมสายตาคมกล้าเอ่ยออกมา “ขอรับท่านแม่ทัพฟง”ฮึ่ม! ชื่อเจ้าหน้าบากก็ได้!“ออกไปให้หมด!” แม่ทัพหนุ่มคำรามอีกคราพาเอาเหล่าทหารกล้ารีบประสานมือเสียงดังพรึ่บพั่บก้มหัวคำนับแล้วรีบหมุนตัวจากไปอย่างไวฟงชินหยางจึงเดินตรวจตราภายในค่ายตามวิสัย ทุกทิศที่สายตาคมปลาบมองปราดไป เหล่าทหารทั้งหลายได้แต่อกสั่นขวัญแขวนรีบตรึงตัวขึงขังทำหน้าที่รับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มกำลังคนใดฝึกยิ่งฝึกหนัก คนใดแบกหามยิ่งแบกหาม คนใดกวาดลานยิ่งกวาดลาน คนใดแอบหลับยิ่งต้องตื่นเต็มตาหาไม่แล้วคงไม่แคล้วได้หลับไปตลอดกาล ความเจ้ากฎเจ้าระเบียบเที่ยงตรงไม่อาจดูแคลน ความโหดเหี้ยมแต่เปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรมไม่อา
บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องนอนของเรือนประจำตำแหน่งแม่ทัพหลิงเวยสะลึมสลือตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวตุบๆ รู้สึกพะอืดพะอมทั้งยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมากมายนักนางพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งพลันรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางหว่างขาและยิ่งปวดหนึบยิ่งกว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปนางรู้สึกคล้ายเอวจะเคล็ดเสียด้วยอา...สะโพกระบมไปหมดผิวเนื้อของนางถึงขั้นบวมน้ำเลยเชียวหญิงสาวนั่งระลึกถึงเรื่องราวเมื่อยามค่ำคืนอันร้อนแรงถึงจิตถึงใจกับฟงชินหยางสามีของนางนางพอจะจำได้เลือนรางว่านางรู้สึกแปลกๆ หลังจากที่ดื่มเหล้าของเขาเข้าไปหลังจากนั้นบนเตียงนอนนี้นางก็ถูกเขาจัดการเสียหลายท่าไม่ว่าจะเป็น นอนหงายฉีกขา นั่งผสานชันเข่า นอนคว่ำโก่งโค้ง นอนคว่ำคร่อมหลัง คลานเข่าเดินหน้า กึ่งนอนที่ขอบเตียง กระทั่งท่ายืนหันหน้าหันหลัง เขาขืนใจนางได้ทุกท่วงท่าด้วยลีลาร้ายกาจ แต่...อืม...หรือว่าเป็นนางที่ขืนใจเขาหลิงเวยสลัดศีรษะเบาๆ กะพริบตาขึ้นลงไล่ความมึนงงให้หลุดออกไป เห็นได้ชัดว่าในเหล้านั้นมียาบางอย่าง หากนางไม่เป็นคนดื่มมันแน่นอนว่าคนที่ดื่มมันย่อมต้องเป็นฟงชินหยางและหากว่านางมิได้เข้ามาแทรกกลางแน่นอนว่าคนที่มานอนที่เตียงนี่ย่
ภายในตลาดอันยิ่งใหญ่ของหัวเมืองหลักแห่งแคว้นเฉินยังคงมีผู้คนพลุกพล่านมากมายยิ่งกว่าในเมืองหลวงแห่งแว่นแคว้น ฟงลี่หลินได้รับหน้าที่ให้มาอารักษ์ขาองค์ชายฉีเล่ออย่างไม่เต็มใจแต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากฉีเล่อนั้นเข้าไปเอ่ยปากกับชินอ๋องด้วยตนเองว่าต้องการท่องเที่ยวและต้องการให้สตรีหน้าตาอัปลักษณ์อย่างฟงลี่หลินคอยดูแลปรนนิบัติหญิงสาวเดินตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของฉีเล่อด้วยสายตาเรียวสวยพิฆาตฟาดฟันบุรุษร่างสูงสง่าตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากว่าฉีเล่อนั้นเน้นย้ำเหลือเกินกับคำว่าปรนนิบัติ ทำเอาชินอ๋องเข้าใจผิดคิดว่าฉีเล่อนั้นติดอกติดใจนางตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากที่ได้รับการปรนนิบัติจากนาง ชินอ๋องรีบเอ่ยสั่งการให้นางที่เป็นผู้น้อยสมควรทำตามใจองค์ชายสูงศักดิ์ทุกอย่างทุกค่ำคืน หาไม่แล้วนางต้องรับโทษทัณฑ์ แค่นั้นยังไม่พอ ยามนางเดินผ่านข้ารับใช้ในวังชินอ๋องคนพวกนั้นยังกระซิบกระซาบว่าต้องการที่จะมาเรียนรู้ลีลากระบวนท่าการปรนนิบัติบุรุษจากนางทั้งๆ ที่หน้าตาของนางมีมลทิน นางยังมีความสามารถเหลือร้ายกระทั่งทำให้องค์ชายสูงศักดิ์ติดใจ หลายคนคิดอยากจะเป็นลูกศิษย์นางเลยเชียวฮึ่ม! ฟงลี่หลินครางฮึม
ฟงชินหยางพาเรือนร่างสูงใหญ่มายืนตระหง่านอยู่ที่ลานกว้างของค่ายทหารในเวลาแค่เพียงไม่นานหลังจากที่เอ่ยสั่งการลงโทษนายทหารหน้าห้องที่บังอาจมายืนเรียกเขาเสียงดังจนทำภรรยาตกใจชายหนุ่มกวาดสายตาคมดำเย็นเยียบแผ่กลิ่นอายมืดครึ้มมองไปทั่วยังบุคคลทั้งหลายที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างที่ลานกว้างแห่งนี้มีทหารหลายนายยืนคุมเชิงอยู่โดยรอบ ในขณะที่ตรงกลางลานมีบุคคลแปลกหน้าในอาภรณ์แปลกตาอยู่ห้าคนที่ถูกจับมัดตรึงเสียแน่นให้นั่งเรียงรายในสภาพสะบักสะบอมเนื้อตัวฟกช้ำมีบาดแผลหลายแห่งร่องรอยคล้ายกับถูกพยัคฆ์กัดขย้ำฟงชินหยางหรี่ตาลงมองที่สองในห้ามีสตรีสองนางที่อยู่ในอาภรณ์บางเบาวาบหวิวกำลังนั่งตัวสั่นงันงกผิดกับเมื่อยามค่ำคืนที่พยายามเหลือเกินกับการยั่วเย้ายั่วยวน และหนึ่งในสตรีสองนางนี้ยังบังอาจใส่ยาปลุกกำหนัดในเหล้าของเขานอกจากนั้นยังมีบุรุษหนุ่มคนหนึ่งนั่งคุกเข่าไกลออกไปจากห้าคนที่ถูกจับมัดเป็นห่อนึ่ง บุรุษผู้นั้นมีรอยบากของแผลเป็นพาดเฉียงจากหว่างคิ้วลากมาถึงสันกรามข้างขวาฟงชินหยางกระตุกยิ้มบางเบาตรงมุมปากไร้ใครสังเกตนั่นมันน้องรองที่ปลอมตัวมามิใช่หรือไร?“เรียนท่านแม่ทัพ” เสียงของทหารนายหนึ่งที่ม
เพลายามรุ่งสางใกล้สว่างมาเยือน...เสียงกระเส่าแหบพร่ายังคงครวญครางแว่วหวานอยู่ใต้ร่างใหญ่หนาของฟงชินหยางเป็นรอบที่เท่าไหร่มิอาจนับ จนกระทั่งนางใต้ร่างหลับลึกไปแล้วชายหนุ่มจึงก้มหน้าลงจรดจมูกคมสันกับไรผมชื้นเหงื่อของนางและแตะไล้เรียวปากเบาๆ สลับหนักๆ ไปตามหน้าผากกลมมนที่มีหยดน้ำพร่างพราวอยู่เต็มวงหน้าของนางก่อนพลิกกายใหญ่หนาลงนอนเคียงข้างนางพลางตวัดวงแขนล่ำสันโอบกอดกระชับนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ถึงแม้ว่าหลิงเวยจะหลับใหลไปแล้วแบบไม่รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อยามค่ำคืนจนกระทั่งยามนี้แต่ฟงชินหยางก็ยังคงเป็นสามีที่ดีทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพื่อชดเชยช่วงเวลาห้าปีที่ห่างหายไป เขาจะทำนางให้สะใจให้หายคิดถึงกันไปเลย แต่ทว่ายิ่งทำก็ยิ่งคึกทำจนหยุดทำไม่ได้ สภาพของภรรยาจึงเป็นอย่างที่เห็น นางคล้ายกับร่างกายขาดน้ำสลบไสลไปเลยทีเดียวเขาควรให้น้ำนางอีก น้ำของเขาช่างมีเหลือเฟือชายหนุ่มก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังหลับตาพริ้มเหงื่อกาฬไหลเยิ้มริมฝีปากบวมเป่งตามลำตัวขาวนวลมีริ้วรอยฝากรักสีแดงเป็นจ้ำเล็กจ้ำน้อยอย่างถ้วนทั่ว ในขณะที่แผงอกและแผ่นหลังของฝ่ายชายหนุ่มเองก็มีรอยขีดข่วนจากเล็บงามๆ ข