เซย์นจ้องมองไปที่นาฬิกาที่ผนังอย่างไม่สบายใจนักโจเซฟินนั่งลงบนเตียง พร้อมกับมือที่ถูกมัดไว้ข้างหลังหลังจากหันไปมองที่ผนังนับครั้งไม่ถ้วน โจเซฟินก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้นอกจากแซวเขา “นี่เป็นครั้งที่ 99 ที่นายดูนาฬิกาแล้วนะ เซย์น นาสอยากกอดมันไหม? หรือบางทีอาจจะใช้ชีวิตที่เหลือของนายกับนาฬิกาไปเลยไหม?”เซย์นนั่งอยู่ข้าง ๆ เธออย่างกังวล“โจเซฟิน ถ้าฉันบอกเอว่าคืนนี้เป็นคืนการต่อสู้ของโลกาวินาศและอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนล่ะ? เธอจะทำอะไร”โจเซฟินเบิกตาโพล่งด้วยความกลัวในสิ่งที่คำพูดของเขาหมายถึง เธอเริ่มตะโกนและกรีดร้อง “ปล่อยฉันออกไปนะ ฉันต้องไป”เซย์นถึงกับผงะจากการเดือดพล่านอย่างกะทันหันของเธอ “โจเซฟิน ฉันแค่บอกว่า อาจจะ”โจเซฟินเริ่มขัดขืนกับการถูดมัดไว้ “แล้วถ้าสิ่งนี้กลายเป็นความจริงล่ะ เซย์น? นั่นหมายความว่าฉันจะไม่ได้เจอครอบครัวอีกเลยหลังจากคืนนี้ นายกำลังทำให้ฉันพลาดโอกาสสุดท้ายในการบอกลานะเซย์น! นายมันช่างโหดร้ายแบบนี้ได้ยังไงกัน? นายมันเป็นปีศาจ!”เซย์นรู้สึกว่าจิตใจของเขาแตกสลายอยู่เบื้องล่างน้ำหนักของคำพูดที่โกรธเคืองของโจเซฟิน“หลังจากคืนนี้นะ โจเซฟิน เมื่อพรุ่งนี
เมื่อมองไปที่เซย์น โจเซฟินพบว่าไม่มีอะไรนอกจากความตกใจในท่าทางที่น่าดึงดูดของเขา ไม่เลยแม้กระทั่งความโกรธเล็กน้อยระหว่างคิ้วของเขาโจเซฟินคลานไปหาเขาและอ้อนวอน “ได้โปรดนะ เซย์น ฉันไม่เคยขออะไรมากจากนายเลย ขอร้องนะ ขอเพียงแค่ครั้งนี้ นายช่วยปล่อยให้ฉันได้ทำตามความต้องการของฉันได้ไหม?”น้ำตาไหลออกมาอย่างพรั่งพรูจากดวงตาของเซย์น “ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อเติมเต็มความต้องการอย่างอื่นของเธอนะ โจเซฟิน แต่ฉันจะตอบตกลงได้ยังไงในเมื่อเธอกำลังขอให้ฉันยอมให้เธอไปฆ่าตัวตาย?”โจเซฟินตอบว่า “ฉันไม่กลัวตาย เซย์น ฉันไม่กลัวจริง ๆ นะ ถ้าจะมีอะไรแบบนั้น ความตายก็เป็นการหนีสำหรับฉันมากกว่า”เซย์นโกรธจัด “เธอได้ยินที่ตัวเองพูดไหม? ทำไมเธอถึงได้โหดร้ายถึงขนาดร้องขอความตายต่อหน้าฉัน? บอกฉันทีว่าฉันเสี่ยงชีวิตไปเพื่ออะไรในเมื่อเธอไม่แม้แต่จะหวงแหนชีวิตของตัวเองเลย?”ดวงตาของโจเซฟินเบิกโพล่ง“นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”เซย์นรู้สึกสลดใจอย่างมาก “ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันกำลังพูดถึงอะไรเหมือนกัน โจเซฟิน ฉันอาจจะแค่กำลังเป็นบ้าเพราะความเกรี้ยวกราดของเธอ”สายตาที่มีเสน่ห์ของโจเซฟินแข็งกระด้างขึ้น “เมื่อกี้นายพูดว่าอะไร
เครื่องบินขับไล่บินวนอยู่ในอากาศเหนืออสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนแต่ละลำมีอุปกรณ์คล้ายเรดาร์ซึ่งกวาดจับไปทั่วทุกมุมของพื้นที่มันทำให้สิ่งมีชีวิตในพื้นที่นี้ไม่มีที่ไหนสามารถหลบซ่อนได้รังสีแห่งความตายได้กลืนกินสิ่งมีชีวิตราวกับประจุไฟฟ้า เผาผลาญพวกเขาให้เป็นซากศพที่ไหม้เกรียมภายในหอท่าเรือหอมหวนในห้องรับประทานอาหาร มุมปากของเจย์ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่งดงาม ขณะที่เขาจ้องมองไปที่สมาชิกในครอบครัวของเขาที่เป็นลมหมดสติไปนี่เป็นอาหารมื้อเย็นครั้งสุดท้ายกับพวกเขา เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ขัดขวางแผนการของเขา เจย์จึงได้ปรุงอาหารมื้อเย็นด้วยยาพิษปลอม“พวกนาย นำพวกเขาไปที่โลงศพทางชีวเคมี”“ครับผม”อุโมงค์ทางเดินที่ดั้งเดิมคับแคบจากหอท่าเรือหอมหวนไปยังวังใต้ดินได้กว้างขึ้นอย่างมาก ต้องขอบคุณคนที่ทำงานข้ามคืนที่ลงแรงกับมันเมื่อมาถึงวังใต้ดิน เจย์เฝ้าดูขณะที่ผู้คนของเขาวางท่านปู่และคนอื่น ๆ ไว้ในโลงศพทางชีวเคมี เขาปิดโลงศพด้วยตัวของเขาเองโลงศพเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างขึ้นเพื่อทนต่อการกวาดของรังสีอินฟาเรดเท่านั้น แต่ยังสามารถทำลายเรดาร์ที่ใช้ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ระบบปิดล็อคที่แข็งแรงของพ
แต่อนิจจา ยามรักษาการณ์ของอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนก็ไม่ได้มีประสบการณ์เท่า เจย์ อาเรสด้วยน้ำมือขององค์กรโลกาวินาศ คอที่หัก แขนขาที่ขาดเป็นชิ้น ๆ และลำตัวที่แยกออกเป็นท่อนกระจายไปทั่ว… มันช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองในขณะนั้นเอง เครื่องบินขับไล่พิเศษที่มีลักษณะเหมือนค้างคาวก็ได้ลงจอด และชายในเสื้อคลุมสีขาวก็ได้เดินลงมาจากเครื่องผู้คุมวิญญาณได้ตรงเข้ามารายงานทันที “เรดาร์ได้แสดงการเสียชีวิตทั้งหมด 1,780 คนใน อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนนี้ครับนายน้อย จากไผ่แห่งความตายทั้งหมดที่มีอยู่ 1,990 คนครับ”“ยังมีพวกมันเหลืออยู่ 206 คนข้างในสินะ กำจัดพวกมันซะ”เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา นายน้อยออกคำสั่งอย่างห้วน ๆ “ตามหาตัวตนของผู้ตายมาให้ฉัน”ใจของเจย์เย็นลง มันควรจะเหลืออีก 210 คนสิ หากพิจารณา 1,780 จาก 1,990 ที่เป็นสมาชิกของอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนที่เสียชีวิต สมาชิกอีกสี่คนที่เหลือคือใครกันล่ะ?“โคล ยอร์ก!” จู่ ๆ เจย์ก็ตะโกนขึ้น“นายซ่อนตัวจากฉันไม่ได้หรอก!”ชายในเสื้อคลุมสีขาวและหน้ากากรูปจิ้งจอกสีขาวได้เดินเข้ามา“ความฉลาดเกินเหตุเป็นบาปนะ เจย์ อาเรส นายอยากจะรู้ถึงราคาที่นายจะต้องจ่ายไ
โคลนั่งอยู่ในเครื่องบินรบของเขา เขาถอดหน้ากากรูปจิ้งจอกออกแล้วมองลงไปที่อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีน ประหนึ่งว่าเป็นผู้ชนะที่จ้องมองคู่ต่อสู้ของเขาจากเบื้องบน รอยยิ้มแห่งชัยชนะก็ผุดขึ้นในดวงตานกอินทรีย์ของเขา“พวกแกทุกคนจะต้องชดใช้สำหรับการตายของป้าโคลอี้ เจย์ อาเรส”เครื่องบินขับไล่ได้ทะยานขึ้นจากพื้นพร้อม ๆ กันและเริ่มบินไปรอบ ๆ พื้นที่ พ่นละอองฝนที่เป็นอาวุธชีวเคมีเข้มข้นลงมาในขณะเดียวกัน รถถังของเจย์ก็เริ่มคลั่งราวกับปีศาจที่ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อยหลังจากถูกกักขังเป็นเวลานับพันปี มันยิงระเบิดขนาดใหญ่จากด้านหลังในขณะที่มันก็พุ่งชนภายในพื้นที่นั้นอย่างไม่ยั้งหลังจากรถถังหลายร้อยคันถูกทำลายโดยเครื่องบินขับไล่ เจย์ก็ได้เริ่มทำลายตัวของเขาเองเช่นกัน“ขอให้ความรุ่งโรจน์ของอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนถูกจดจำในประวัติศาสตร์ด้วยเถอะ” ดวงตาของเจย์เป็นประกายด้วยน้ำตาที่ไม่อาจกลั้นไว้ได้“ตู้ม!”อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนก็ระเบิดราวกับเหมือนมีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่พุ่งชนเปลวเพลิงสีแดงลุกโชนขึ้นในอากาศ ในขณะที่เศษเชื้อเพลิงก็รวมตัวกันและจุดไฟจนกลายเป็นทะเลเพลิงโคลอ้าปากค้างด้วยความตกใจพร้
เมื่อกระพริบตาของเธอขึ้น แองเจลีนมองไปรอบ ๆ สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ใช่ มันเป็นที่ที่เจย์บังคับทำการคลอดก่อนกำหนดให้เธอแองเจลีนจ้องมองด้วยความประหลาดใจ เมื่อสาวใช้ที่หน้าตาดีและอ่อนโยนสองคนเข้ามาในห้องพร้อมกับอ่างล้างหน้า “เมื่อคืนฉันได้ยินเสียงฟ้าร้องและเสียงระเบิดจากเมืองอิมพีเรียล มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”สองสาวใช้ชะงัก ตาของพวกเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที พวกเขาตอบอย่างอึกอัก “พวกเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกันค่ะ นอกเสียจากว่ามันจะมาจากอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีน”ท่าทีของแองเจลีนเริ่มสงสัย “พวกเธอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับฉันใช่ไหม?”สาวใช้ทั้งสองก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกเมื่อเลิกผ้าห่มขึ้น แองเจลีนก็วิ่งออกไปด้วยเท้าเปล่าด้านนอกห้องนอนมีทีมภูตผีอยู่สองคนประจำและเฝ้าอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นแองเจลีน พวกเขาโค้งคำนับทันทีด้วยความเคารพแองเจลีนเอื้อมมือไปบีบปกเสื้อของชายคนนั้น ชุดสูทคุณภาพดีขนาดนี้สามารถนำมาจากแกรนด์เอเชียเท่านั้น“เจย์ อาเรสอยู่ที่ไหน?” แองเจลีนสรุปได้ทันทีว่าเจย์ต้องขังเธอไว้ในสถานที่ลึกลับแห่งนี้เป็นแน่เมื่อไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของแองเจลีนได้อย่างไร คนทั้งส
ด้วยจิตใจที่มุ่นมั่น แองเจลีนก็รีบวิ่งทั่วปราสาทเพื่อหาทางออกเกรย์สันเปิดการทำงานประตูหินของปราสาท เพื่อให้แสงยามเช้าส่องเข้ามายังภายในที่มืดมิดแองเจลีนยกมือขึ้นมาบังตาของเธอและหันไปทางทิศตะวันออกแล้วพบว่าท้องฟ้าได้ถูกย้อมเป็นสีแดงสดด้วยเปลวไฟที่อยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนหน้าอกของแองเจลีนรู้สึกหนักอึ้งและหัวใจของเธอก็ถูกข่มขวัญจนอยากกระโจนออกมาจากอกเกรย์สันหยุดรถเฟอร์รารี่ตรงหน้าแองเจลีน “ขึ้นมาเลยครับ ท่านประธานหญิง”แองเจลีนเดินโซเซไปยังรถเฟอร์รารี่ เธอดึงประตูรถออกอย่างรวดเร็วและเข้าไปนั่งข้างในรถเฟอร์รารีแล่นเสียงเบา ๆ ก่อนที่มันจะพุ่งไปทางทิศตะวันออกและมุ่งสู่ทะเลเพลิงเธอจ้องมองไปที่ดอกทานตะวันเพชรภายในรถ แองเจลีนเอื้อมมืออันสั่นเทาไปสัมผัสกลีบดอกของมันในหัวของเธอมีเสียงสะท้อนของน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ของเจย์ “เพชรบ่งบอกถึงนิรันดร ในขณะที่ดอกทานตะวันบ่งบอกถึงความสุข แองเจลีนจงมีความสุขและปราศจากความกังวลนิรันดร นั่นคือทั้งหมดที่เจย์บี้อยากจะขอสินะ”ดวงตาของแองเจลีนเริ่มแดงก่ำทันที“เกรย์สัน ใครเป็นคนซื้อรถคันนี้?”เกรย์สันกลืนน้ำลาย “เขาได้เตรียมทุกอย่างไว้ก่
แองเจลีนเดินเข้าหาพร้อมกับความตั้งใจที่จะปลอบโจเซฟีน เพียงเพื่อดูความไม่สบายใจที่เพิ่มขึ้นขณะที่สายตาของอีกคนมองมาที่เธอท่าทีของทั้งเซย์นและโจเซฟินทั้งน่าสงสารและน่าห่วง ทำให้แองเจลีรู้สึกไม่สบายใจ“พี่ชายของเธออยู่ไหน?” เธอถามโจเซฟินอ้าปาก เพียงแต่ถูกมือของเซย์นปิดเอาไว้ราวกับว่าชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับมันเลือดนั้นก็ไหลจากหน้าของแองเจลีน ทิ้งให้เธอเป็นเหมือนผีเสื้อปีกเดียวที่ไม่สามารถกางปีกของมันและบินไปได้ ถูกลิขิตให้เหี่ยวและแห้งไป“พี่ชายของเธออยู่ไหน?” แองเจลีนถามอีกครั้ง เสียงของเธอเบาเกินไปที่จะได้ยินความโกรธอยู่ภายในอย่างไรก็ตาม เซย์นก็เพียงแต่รัดแขนของเขาแน่นเป็นการตอบโต่ เช่นเดียวกับเพชฌฆาตที่โหดเหี้ยม เซย์นไม่มีทีท่าที่จะปล่อยไปจนกว่าโจเซฟินจะหายใจเฮือกสุดท้ายแองเจลีนค่อย ๆ ยืนขึ้น สายตาของเธอมองไปที่เปลวไฟตรงหน้าพวกเขาเธอวิ่งเข้าไปยังกองไฟโดยไม่ลังเลเซย์นและคนที่เหลือรู้สึกใจหาย พวกเขาผ่อนคลายเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในตอนที่เกรย์สันรีบพุ่งตามแองเจลีนไปเพื่อรั้งเธอไว้“ได้โปรดเถอะครับ ท่านประธานหญิง ผมเสียใจอย่างสุดซึ้งกับความสูญเสียของคุณ” เกรย์สันสะอื้นคำว่า
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ