ทุกคนบอกว่าพี่ชายของเธอเป็นคนเลือดเย็น แต่เมื่อพูดถึงสิ่งที่เขาทำกับพี่สะใภ้ของเธอนั้นห่างไกลจากความเป็นจริงที่คนอื่นได้รับรู้เลย“พี่ใหญ่ อย่าเศร้าไปเลย! หมอบอกว่าพี่สะใภ้ทำศัลยกรรมได้...”เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น เจย์ก็บ่นว่า “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอผ่านความทุกข์แบบนั้น ฉันแค่อยากให้เธอมีสุขภาพที่แข็งแรง”โจเซฟินกล่าวว่า “พี่ใหญ่ เนื่องจากใบหน้าของพี่สะใภ้เสียโฉม ความคิดของเธอก็เปลี่ยนไปบ้าง เพราะมักจะมีคนบางคนจ้องมองหรือพูดถึงใบหน้าของเธออยู่ข้างหลังเธอเสมอ เธอรับรู้แต่เธออาจจะไม่พูดถึงมัน แต่ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกรำคาญกับมันมาก ถ้าการผ่าตัดสามารถช่วยให้เธอปรับความมั่นใจขึ้นมาได้ แล้วทำไมจะไม่ทำล่ะ?”เจย์กอดโรสแน่นขึ้น “ไม่เป็นไร ฉันจะปล่อยเธอให้มีความสุขมากขึ้นในทุก ๆ วันเอง”จากนั้น เขาจ้องไปที่โจเซฟินและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เธอมีร่างกายที่อ่อนแอ หยุดโน้มน้าวให้เธอต้องผ่านการผ่าตัดศัลยกรรมทีนะ”โจเซฟินได้แต่ตอบอย่างหดหู่ใจว่า “ตกลงค่ะ”ภายในใจของเธอ เธอบ่นและพูดว่า “การทำศัลยกรรมให้สวยขึ้นไม่ใช่เรื่องแย่สักหน่อย”‘ผู้หญิงคนไหนก็มีความสไตล์ความชอบในแบบของพวกเธอเองทั้งนั้นแห
เจย์ดูเหมือนจะคาดการณ์ความคิดของเขาและหยุดเดินอย่างกะทันหัน “เกรย์สัน นายรู้ไหมว่าทำไมในคำพูดที่ว่า ‘แต่งงานแล้วและเริ่มมีหน้าที่’ นายต้องแต่งงานก่อนแล้วจะมีหน้าที่จริงไหม?”เกรย์สันส่ายหัว“นายควรจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับใครสักคน” เจย์กล่าวเกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ท่านประธาน ผมยังหนุ่มอยู่เลยครับ”เมื่อเกรย์สันเห็นว่าเจ้านายที่ห้าวหาญและกระฉับกระเฉงกังวลเรื่องภรรยาตัวน้อยของเขาอยู่เสมอ เกรย์สัน ผู้ซึ่งกำลังตั้งตารอที่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ความรัก ตอนนี้เขาก็รู้สึกหวาดกลัวไปแล้วเมื่อรับรู้เรื่องราวความรักของเจ้านายเจย์จ้องไปที่เกรย์สันและพูดด้วยความหมายที่ซ่อนเร้นว่า “นายใช้ชีวิตที่ไม่มีเรื่องต้องกังวล ไม่เหมือนกับแองเจลีนของฉันที่ใช้ชีวิตที่ยากลำบากแม้ว่าเธอจะอายุเท่ากันกับนายก็ตาม”เกรย์สัน “...”เจย์ถอนหายใจอีกครั้ง “ฉันเป็นคนสร้างปัญหาให้เธอเอง”ณ แผนกการแพทย์ของแกรนด์ เอเซียเจย์ได้รวบรวมพนักงานทั้งหมดและเตือนทุกคนอย่างเข้มงวดว่า “แผนกการแพทย์ได้ว่าจ้างพนักงานใหม่จำนวนหนึ่ง ภรรยาของฉันอยู่ท่ามกลางพวกเขา ฉันหวังว่าพวกคุณทุกคนจะดีกับเธอ...”เมื่อถึงจุดนั้น น้ำเสี
หัวหน้าพยาบาลรู้สึกค่อนข้างจะตกตะลึง เธอคาดหวังว่าอารมณ์ของนายหญิงจะแปรปรวนมากกว่าที่เห็นเพราะหลังจากที่เข้าใจจากเรื่องราวประสบการณ์ก่อนหน้านี้และเข้าใจว่าจะเป็นคนที่ทำให้พอใจได้ยาก เธอไม่คิดว่าโรสจะเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและพูดจานุ่มนวลขนาดนี้หัวหน้าพยาบาลยิ้ม “คุณยินดีที่จะตามฉันไปเดินดูรอบ ๆ หอผู้ป่วยกับฉันไหม?”โรสเดินตามเธอไปอย่างมีความสุขเธอกลับมาสวมใส่หน้ากากอีกครั้งเมื่อเธอเดินออกไป เธอเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินของโรงพยาบาลและเดินตามหญิงชราไปที่หอผู้ป่วยหัวหน้าพยาบาลเดินไปข้างหน้าและแนะนำโดยกล่าวว่า “ผู้ป่วยที่นี่มักจะเข้ารับการรักษาเพราะอาการของพวกเขาน่าจะไปไม่รอด(พยากรณ์โรคไม่ดี)และเกือบจะสูญเสียความอยากจะมีชีวิตอยู่ คุณลอยล์ ถ้าคุณสามารถปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยรอยยิ้ม บางทีพวกเขาอาจจะได้รับพลังงานบวกจากคุณที่จะอดทนดำเนินชีวิตต่อไปได้นะ”โรสยิ้มอย่างใจเย็น“ถ้ามีโอกาส ฉันก็ยินดีช่วยค่ะ”เมื่อหัวหน้าพยาบาลมองดูดวงตาที่ใสซื่อและไร้เดียงสาของโรส ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมท่านประธานจึงพยายามเป็นพิเศษเพื่อให้เตรียมตัวสำหรับการมาถึงของโรสเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่เป็นอัน
จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง เงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพิมพ์ว่า ‘เธออยากเจอเขาทุกวันไหม?’โรสตอบโดยไม่ต้องคิดมากว่า ‘แน่นอน!’จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง ตอบว่า ‘ฉันอธิษฐานขอให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริง!’โรสพิมพ์ว่า ‘ขอบคุณ!’‘เธอไม่จำเป็นต้องคืนเงิน ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ของฉัน’โรสอึ้งไป หลังจากที่ได้อ่านคำตอบนั้น ‘ในเมื่อนนายไม่ได้มาเพื่อขอเงินคืน แล้วทำไมนายถึงขอฉันดวลเกมอีกล่ะ?’จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง พิมพ์ว่า ‘ถ้าเธอไม่มีความสุขกับงานของเธอ เข้ามาคุยกับพี่ชายสุดที่รักที่นี่ได้นะ ฉันจะเป็นท่่ปรึกษาให้!’...โรสเบิกตากว้างและออกจากเกมอย่างโกรธเคืองโจเซฟินนั่งอยู่ที่เก้าอี้ชิงช้าที่ระเบียงข้างนอก เมื่อเธอเห็นการเปลี่ยนแปลงในท่าทางของโรส เธอคายแอปเปิ้ลที่เคี้ยวไปแล้วครึ่งหนึ่งลงในถังขยะ“พี่แองเจลีน เกิดอะไรขึ้น?ความโกรธของโรสยังคงดูไม่สงบในขณะที่เธอส่งเสียงฮึดฮัด โดยกล่าวว่า “จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดงแค่อยากจะเจ้าชู้กับฉันและพยายามเรียกตัวเองว่าพี่ชายสุดที่รักของฉัน!”เมื่อได้ยินแบบนั้น โจเซฟินเกือบสำลักน้ำลาย...‘พี่ชายเป็นคนรอบคอบ แต่เขาก็มีช่วงเวลาที่เขาจะล้มเหลวได้เช่นกัน
เขาสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้านที่แปลกประหลาด พลันหายใจแรงออกมาเมื่อเขาลุกขึ้นนั่งในยามเช้า พระอาทิตย์เริ่มทักทายขอบฟ้าเขาหมดความอยากที่จะนอนต่อ เขาจึงตื่นขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปทำงาน เขาโกนหนวดเคราอย่างรอบครอบและเรียบร้อยเพราะเขาจะไปพบเธอในวันนี้เขาต้องการแสดงตัวกับเธออย่างดีที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เธอกังวลเกี่ยวกับเขาแผนกการแพทย์ของแกรนด์ เอเซียโรสมาถึงที่ทำงานของหัวหน้าพยาบาลแต่เช้าตรู่เธอยืนต่อหน้าหัวหน้าพยาบาลอย่างนอบน้อมและโค้งคำนับ “ขอบคุณที่อดทนสอนฉันนะคะ”หัวหน้าพยาบาลแอบเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง แววของความไม่เชื่อฉายในดวงของเธอคนงานคนอื่นอาจจะเพิ่งลุกจากเตียง แต่ผู้หญิงคนนี้ที่เป็นแก้วตาดวงใจของประธานกลับรีบมาทำงานเร็วกว่าใคร ๆ“มากับฉัน”หัวหน้าพยาบาลพาโรสไปที่ห้องของท่านปู่เซเวียร์และอธิบายเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วย “แขนขาทั้งสี่ของเขาไม่มีแรง รวมถึงกล้ามเนื้อระบบทางเดินหายใจด้วย ทางโรงพยาบาลได้สรุปผลไว้ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาวินิจฉัยกันว่าเขาเป็นโรคกล้ามเนื้อฝ่อลีบ หลังจากการพูดคุยแบบสหสาขาวิชาชีพในโรงพยาบาลของเราหลายครั้ง เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป
หัวหน้าพยาบาลได้รับโทรศัพท์ด่วน เธอจึงรีบพูดกับโรสว่า “คุณลอยล์ ฉันมีผู้ป่วยรายใหม่ที่เข้ารับการรักษาในอาการวิกฤต และฉันต้องไปจัดการมัน ฉันจะให้ท่านประธานอยู่ภายใต้การดูแลของคุณนะ”โรสพยักหน้าทันที “ได้ค่ะ”หลังจากที่หัวหน้าพยาบาลเดินจากไป มีเพียงโรสและเจย์ที่อยู่ในห้องขนาดใหญ่นั้นโรสรู้สึกว่าการตัดสินใจของเธอค่อนข้างจะรีบร้อนตอบไปหน่อยเธอกังวลว่าเจย์จะเริ่มโวยวายอย่างไร้เหตุผลเมื่อเขารู้เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาที่เสียโฉมของเธอเจย์มองโรสเดินไปรอบ ๆ กลางห้อง เขาได้เห็นความไม่สงบ ความกังวล และความกลัวในการแสดงออกของเธอ“ดิฉันเป็นผู้ดูแลคนใหม่ที่นี่และขาดประสบการณ์ ดิฉันควรขอให้เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์จากสถานีกลางพยาบาลดูแลคุณดีไหมคะ?” โรสเดินเข้าไปหาเขาและแกล้งทำเสียงแหบแห้งเจย์มองเธอด้วยสายตาที่ไม่กะพริบ ริมฝีปากเย้ายวนของเขาพลันแยกจากความประหลาดใจเล็กน้อยที่เขารู้สึกเขาจงใจทำให้เกิดอาการแพ้เพียงเพื่อมาหาเธอ แต่เธอต้องการหลบหลีกเขาเพราะความไม่มั่นใจของเธอหรือ?“สถานการณ์อาการของฉันไม่ได้รุนแรงเกินไป ดังนั้นมันจึงเหมาะสำหรับมือใหม่อย่างคุณ” เขากล่าวโรสดึงหน้ากากของเธอออกท
เจย์กล่าวว่า “ฉันต้องรักษารูปร่างของฉันไว้ ไม่อย่างนั้น ภรรยาของฉันจะรังเกียจฉันน่ะสิ”ความรู้สึกแสบซ่าได้ปกคลุมจมูกของโรส ‘ฉันกลัวว่านายจะเป็นคนที่รังเกียจฉันมากกว่านะ…’“ฉันไม่คิดว่าภรรยาของคุณเป็นคนที่ตัดสินคนจากภายนอกหรอกนะ” โรสปกป้องตัวเองเจย์ตอบกลับด้วยความมั่นใจ “มีครั้งหนึ่งเธอเคยบ่นว่าฉันแก่”เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอถึงกับไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยดังนั้น เธอจึงช่วยพยุงเขาลุกจากเตียง แขนของเขาวางอยู่บนไหล่ของเธอในขณะที่เขาถ่ายเทน้ำหนักทั้งหมดของเขาบนตัวเธอโรสรู้สึกได้ว่ามันต้องใช้พละกำลังของเธอมาก “ท่านประธาน คุณคิดว่าจะออกไปเดินเล่นนานแค่ไหนคะ?”“ครึ่งชั่วโมง!”“ฉันคิดว่าภรรยาของคุณคงไม่ว่าอะไรแม้ว่าคุณจะดูแก่ แต่เธอคงคิดได้ก็ต่อเมื่อคุณดูน่ารำคาญเกินไปเสียมากกว่า” เธอพูดออกมาอย่างกะทันหันเจย์ถึงกับอ้าปากค้าง!หลังจากเดินไปรอบหนึ่ง โรสพบว่ามันยากที่จะเดินต่อไปได้ถึงครึ่งชั่วโมง“เธอนี่ มีความอดทนต่ำมากเลยนะ” เจย์พูดด้วยความไม่พอใจโรสตอบว่า “น้ำหนักของคุณเกือบสองเท่าของดิฉัน ฉันรู้สึกไม่สามารถขยับได้เพราะคุณทิ้งให้น้ำหนักของคุณอยู่กับฉันหมดเลยเนี่ย”“ฉันเป็นคนไข้
เจย์อธิบายว่า “แกรนด์ เอเซียลบป้ายออกเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของฉัน”โรสพบความไม่ชอบมาพากล 'ความเจ็บป่วยของชายคนนี้ไม่ใช่โรคที่น่าอับอาย ทำไมเขาต้องปิดบังเรื่องนี้ด้วยนะ?’หลังจากที่เจย์ทานยา เขาก็เริ่มทำงานอยู่บนเตียงในระหว่างนั้น โรสก็นั่งที่โต๊ะกลมตรงมุมห้อง ขณะที่เธอจดจ่ออยู่กับหนังสือเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองมันช่างเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบไม่รู้ว่าวิญญาณของแองเจลีนได้กลายร่างเป็นนักเรียนเส็งเคร็งและได้รับอิทธิพลจากวิญญาณนั้นอย่างเกินควรหรือไม่ แต่เธอรู้สึกง่วงนอนทุกครั้งที่อ่านหนังสือผ่านไปครึ่งชั่วโมง โรสหลับสนิทโดยฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ เจย์ได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอและนุ่มนวลของเธอ เขาลุกออกจากเตียง นำผ้าห่มมาคลุมให้เธอแล้วกลับไปที่เตียงของเขาเขาไม่มีอารมณ์อยากทำงาน แค่อยากนั่งมองเธอเท่านั้นตอนเที่ยงแม่ของเจย์มาเยี่ยมพร้อมกับเด็กสาวหน้าหวานคนหนึ่งเมื่อเห็นผู้ดูแลงีบหลับในที่ทำงาน เธอก็ระเบิดความโกรธออกมา“นี่มัน ผู้ดูแลประเภทไหนกัน? เธอกล้าดียังไง มาแอบงีบหลับในห้องคนไข้ฮะ?”โรสสะดุ้งตื่นจากความโกรธเคืองที่เกิดอย่างกะทันหัน เธอลืมตาที่ง่วงนอนขึ้น เ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ