หัวหน้าพยาบาลได้รับโทรศัพท์ด่วน เธอจึงรีบพูดกับโรสว่า “คุณลอยล์ ฉันมีผู้ป่วยรายใหม่ที่เข้ารับการรักษาในอาการวิกฤต และฉันต้องไปจัดการมัน ฉันจะให้ท่านประธานอยู่ภายใต้การดูแลของคุณนะ”โรสพยักหน้าทันที “ได้ค่ะ”หลังจากที่หัวหน้าพยาบาลเดินจากไป มีเพียงโรสและเจย์ที่อยู่ในห้องขนาดใหญ่นั้นโรสรู้สึกว่าการตัดสินใจของเธอค่อนข้างจะรีบร้อนตอบไปหน่อยเธอกังวลว่าเจย์จะเริ่มโวยวายอย่างไร้เหตุผลเมื่อเขารู้เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาที่เสียโฉมของเธอเจย์มองโรสเดินไปรอบ ๆ กลางห้อง เขาได้เห็นความไม่สงบ ความกังวล และความกลัวในการแสดงออกของเธอ“ดิฉันเป็นผู้ดูแลคนใหม่ที่นี่และขาดประสบการณ์ ดิฉันควรขอให้เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์จากสถานีกลางพยาบาลดูแลคุณดีไหมคะ?” โรสเดินเข้าไปหาเขาและแกล้งทำเสียงแหบแห้งเจย์มองเธอด้วยสายตาที่ไม่กะพริบ ริมฝีปากเย้ายวนของเขาพลันแยกจากความประหลาดใจเล็กน้อยที่เขารู้สึกเขาจงใจทำให้เกิดอาการแพ้เพียงเพื่อมาหาเธอ แต่เธอต้องการหลบหลีกเขาเพราะความไม่มั่นใจของเธอหรือ?“สถานการณ์อาการของฉันไม่ได้รุนแรงเกินไป ดังนั้นมันจึงเหมาะสำหรับมือใหม่อย่างคุณ” เขากล่าวโรสดึงหน้ากากของเธอออกท
เจย์กล่าวว่า “ฉันต้องรักษารูปร่างของฉันไว้ ไม่อย่างนั้น ภรรยาของฉันจะรังเกียจฉันน่ะสิ”ความรู้สึกแสบซ่าได้ปกคลุมจมูกของโรส ‘ฉันกลัวว่านายจะเป็นคนที่รังเกียจฉันมากกว่านะ…’“ฉันไม่คิดว่าภรรยาของคุณเป็นคนที่ตัดสินคนจากภายนอกหรอกนะ” โรสปกป้องตัวเองเจย์ตอบกลับด้วยความมั่นใจ “มีครั้งหนึ่งเธอเคยบ่นว่าฉันแก่”เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอถึงกับไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยดังนั้น เธอจึงช่วยพยุงเขาลุกจากเตียง แขนของเขาวางอยู่บนไหล่ของเธอในขณะที่เขาถ่ายเทน้ำหนักทั้งหมดของเขาบนตัวเธอโรสรู้สึกได้ว่ามันต้องใช้พละกำลังของเธอมาก “ท่านประธาน คุณคิดว่าจะออกไปเดินเล่นนานแค่ไหนคะ?”“ครึ่งชั่วโมง!”“ฉันคิดว่าภรรยาของคุณคงไม่ว่าอะไรแม้ว่าคุณจะดูแก่ แต่เธอคงคิดได้ก็ต่อเมื่อคุณดูน่ารำคาญเกินไปเสียมากกว่า” เธอพูดออกมาอย่างกะทันหันเจย์ถึงกับอ้าปากค้าง!หลังจากเดินไปรอบหนึ่ง โรสพบว่ามันยากที่จะเดินต่อไปได้ถึงครึ่งชั่วโมง“เธอนี่ มีความอดทนต่ำมากเลยนะ” เจย์พูดด้วยความไม่พอใจโรสตอบว่า “น้ำหนักของคุณเกือบสองเท่าของดิฉัน ฉันรู้สึกไม่สามารถขยับได้เพราะคุณทิ้งให้น้ำหนักของคุณอยู่กับฉันหมดเลยเนี่ย”“ฉันเป็นคนไข้
เจย์อธิบายว่า “แกรนด์ เอเซียลบป้ายออกเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของฉัน”โรสพบความไม่ชอบมาพากล 'ความเจ็บป่วยของชายคนนี้ไม่ใช่โรคที่น่าอับอาย ทำไมเขาต้องปิดบังเรื่องนี้ด้วยนะ?’หลังจากที่เจย์ทานยา เขาก็เริ่มทำงานอยู่บนเตียงในระหว่างนั้น โรสก็นั่งที่โต๊ะกลมตรงมุมห้อง ขณะที่เธอจดจ่ออยู่กับหนังสือเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองมันช่างเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบไม่รู้ว่าวิญญาณของแองเจลีนได้กลายร่างเป็นนักเรียนเส็งเคร็งและได้รับอิทธิพลจากวิญญาณนั้นอย่างเกินควรหรือไม่ แต่เธอรู้สึกง่วงนอนทุกครั้งที่อ่านหนังสือผ่านไปครึ่งชั่วโมง โรสหลับสนิทโดยฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ เจย์ได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอและนุ่มนวลของเธอ เขาลุกออกจากเตียง นำผ้าห่มมาคลุมให้เธอแล้วกลับไปที่เตียงของเขาเขาไม่มีอารมณ์อยากทำงาน แค่อยากนั่งมองเธอเท่านั้นตอนเที่ยงแม่ของเจย์มาเยี่ยมพร้อมกับเด็กสาวหน้าหวานคนหนึ่งเมื่อเห็นผู้ดูแลงีบหลับในที่ทำงาน เธอก็ระเบิดความโกรธออกมา“นี่มัน ผู้ดูแลประเภทไหนกัน? เธอกล้าดียังไง มาแอบงีบหลับในห้องคนไข้ฮะ?”โรสสะดุ้งตื่นจากความโกรธเคืองที่เกิดอย่างกะทันหัน เธอลืมตาที่ง่วงนอนขึ้น เ
คุณนายอาเรส ช่วยเซร่าคลี่คลายสถานการณ์ทันที “เจย์ เซร่าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ตอนแรกเธอมาที่แกรนด์เอเชีย เพื่อไปเยี่ยมคุณท่านเซเวียร์และบังเอิญพบกับฉัน ฉันก็เลยพาเธอมาเยี่ยมนาย นายไม่คิดว่ามันเป็นพรหมลิขิตเหรอ?”สีหน้าของเจย์ยังคงเย็นชา ดูราวกับว่าเขาไม่สนใจจะฟังอะไรทั้งนั้นคุณนายอาเรสมีเจตนาอื่น “นายรู้จักเซร่าตั้งแต่ยังเด็ก นายรู้ไหมว่าเซร่ามีความสามารถ และดีพอ ๆ กับแองเจลีน เนื่องจากแองเจลีนต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายและไม่สามารถรับความรักจากนายได้ ทำไมไม่ลองกับเซร่าดูล่ะ ?”โรสรู้สึกเจ็บใจ เมื่อเห็นคุณนายอาเรสพยายามอย่างหนัก เพื่อพาเจย์และเซร่ามาอยู่ด้วยกันเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาเหลือบมองไปที่โรส ซึ่งยืนอยู่ตรงมุมห้องและรู้สึกกังวลว่าเธอจะคิดมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงให้งานบางอย่างกับเธอ “รินน้ำให้ฉันสักแก้วสิ”โรสลุกขึ้นไปหยิบน้ำหนึ่งแก้วและเมื่อเธอส่งให้เจย์ เซร่าก็คว้าแก้วน้ำจากเธอทันที “พี่เจย์ ให้ฉันช่วยเองนะ”เจย์กล่าวว่า “ฉันมีมือและเท้าฉันไม่ต้องการให้เธอช่วยฉันหรอกนะ”จากนั้นเขาก็พูดกับโรสว่า “ขอน้ำใหม่ให้ฉันสักแก้วทีนะ”โรสเดินไปหยิบแก้วอีกใบเมื่อเธอนำมันมา
โรสผลักมือของเจย์กลับไป “ดิฉันไม่ต้องการให้ใครมาเป็นหนูทดลองของฉันนะ”ถ้าเธอต้องการฝึกฝน เธอจะลองมันด้วยตัวเองเธอกลับไปที่มุมห้อง หยิบเข็มที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมา แล้วพับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นเธอก็เริ่มฝึกบนมือของเธอเองเจย์ตกใจมากเมื่อเห็นสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่'เธอไม่กลัวเข็มเหรอ'?มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และเขาต้องการพาเธอไปโรงพยาบาล แต่เธอคว้าตัวเขาเอาไว้ขณะที่ร้องไห้อย่างหนัก “เจย์บี้ ได้โปรดเถอะ ฉันขอร้องล่ะ อย่าพาฉันไปโรงพยาบาลเลยนะ ฉันไม่อยากโดนฉีดยา...”เธอเป็นหญิงสาว ถึงกระนั้นเธอก็ร้องไห้ฟูมฟายแบบไม่เหลือศักดิ์ศรีเอาเสียเลยหัวใจของเจย์เจ็บปวด หลายปีมานี้ ไม่มีใครให้ความรักกับเธอ นั่นส่งผลให้เธอแข็งแกร่งและกล้าหาญมากขึ้นโรสเพิกเฉยต่อสายตาของเจย์และเพ่งความสนใจไปที่เข็มที่กำลังจะถูกแทงเข้าไปในมือของเธอการลองครั้งแรก เข็มแฉลบไปด้านข้างเล็กน้อยและทำให้เธอกระตุกอย่างรวดเร็วด้วยความเจ็บปวดเปลือกตาของเจย์กระตุกตามไปด้วยในการลองครั้งที่สอง เธอแทงเส้นเลือดดำของเธอ แต่เลือดไม่หยุดไหล เธอเอาสำลีก้อนหนึ่งมาห้ามเลือดอย่างใจเย็น!"หยุด!" เจย์ทนดูเธอทรมา
“พวกเขาน่าสงสารแค่ไหน?”“ภรรยาป่วยหนัก สามีจึงขายทุกอย่างที่พวกเขาเป็นเจ้าของ เพื่อจ่ายค่ารักษา สามีเป็นคนดีคอยอยู่เคียงข้างเธอจนวาระสุดท้าย” เจย์พูดไม่ออก “...” “ฉันไม่คิดว่า คุณถูกตัดออกจากงานพยาบาลนะ” ดวงตาของโรสเบิกกว้าง "ทำไมจะไม่ล่ะ?" “คุณขี้สงสารเกินไป” โรสพูดตะกุกตะกัก “ฉันค่อนข้างแน่ใจว่า คุณมันก็เป็นแค่คนเลือดเย็น…” เจย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นโรสสะอื้น “ชู่วว อย่าร้องไห้สิ” “ฉันหยุดไม่ได้” โรสใช้หลังมือเช็ดน้ำตาของเธอ เจย์พูดว่า “มาช่วยฉันจัดของหน่อย ฉันกำลังจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว” ทันใดนั้น จากที่น้ำตาไหลอาบแก้มก็เผยรอยยิ้มออกมา "จริงเหรอคะ?" เขาพยักหน้าด้วยสายตาที่คมเข้ม เธอซ้อนเอกสารของเขาอย่างรวดเร็วและยืนข้างเตียง เจย์ลุกขึ้นนั่งช้า ๆ และขอร้อง “ช่วยฉันเปลี่ยนชุดหน่อย” โรสรู้สึกวุ่นวายใจ “คุณไม่มีแขนขาเหรอคะ?” “ฉันไม่มีแรง” "คุณโกหก เมื่อเช้านี้อาการของคุณก็ยังดีอยู่ เมื่อเซร่าส่งน้ำให้...” เมื่อตะหนักได้ว่า เผลอหลุดคำพูดออกมา โรสจึงเอามือทั้งสองข้างปิดปากของเธอทันที เมื่อเหลือบมองเธอจากหางตา เขาพูดว่า “ฉันปล่อยให้คนที่ไม่ใช่ผู้ดูแลท
แววตาของเจย์ดูไร้ความสนุกสนานเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า เกรย์สันก็เลือกที่จะเงียบ เขารับใบสั่งยาและเข็นรถเข็นท่านประธานออกไปจากการไล่ท่านประธานออกจากห้องของโรงพยาบาล โรสประสบความสำเร็จในการจัดการกับปัญหาการพักค้างคืนของผู้ป่วยในที่ด้อยโอกาส รายละเอียดของการกระทำนี้ ข่าวได้กระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วทั้งโรงพยาบาลโรสกลายเป็นผู้ดูแลที่มีชื่อเสียงในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว และผู้ป่วยก็รู้สึกดีกับเธอเป็นพิเศษเพื่อตอบแทนน้ำใจของเธอผู้ป่วยจำนวนมากเริ่มยกย่องและชื่นชมเธอ แม้กระทั่งขอให้เธอเป็นคนดูแลพวกเขาบ้างผลที่ตามมาคือ โรสมีงานยุ่งมากในคืนนั้นโจเซฟีนเปิดหน้าจอคอมเพื่อค้นหา จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง เขาออนไลน์แล้วและกำลังรออยู่เธอล้อเขาและพิมพ์ว่า 'กระตือรือร้นจังนะ’จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง ตอบกลับด้วยเครื่องหมายคำถามอิจฉาจัง โจเซฟีนพิมพ์ข้อความร้องเรียนว่า 'ให้ตายเถอะ' กับฉัน คุณใช้คำพูดน้อยมาก แต่กับหล่อนคนนั้น คุณพูดไม่หยุดราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว มีสิทธิพิเศษอะไรเหรอ?'จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง พิมพ์ว่า 'หล่อนอยู่ที่ไหน''ทำงานนอกเวลา''?'“ตั้งแต่เธอไล่ประธานแ
โรสตอบกลับด้วยภาพเคลื่อนไหว ของใครบางคนที่ถูกตัดศีรษะโรสพิมพ์ว่า 'อย่าด่าเขาเลย’จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดงตอบว่า 'เธอรักเขามากเกินกว่าที่จะด่าเขาเหรอ?''ใช่แล้ว'แก้มของเธอพลันแดงระเรื่อขึ้นมาทันที!ในขณะเดียวกัน ความสุขก็เบ่งบานระหว่างคิ้วของเขาแล้วจักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดงก็พิมพ์ว่า 'คุณคงเหนื่อย คืนนี้พักผ่อนเร็ว ๆ นะ!''ราตรีสวัสดิ์!'วันรุ่งขึ้น โรสมาถึงห้องพยาบาลแต่เช้าตรู่เมื่อเห็นเธอ คนดูแลที่เขาทำงานกะข้ามคืนก่อนหน้าก็ยิ้มกว้าง “โรส คุณอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”“ได้ค่ะ คุณลินดา” โรสยิ้มมีเพียงโรสและท่านปู่เซเวียร์เท่านั้นที่อยู่ในห้องโรสนั่งลงที่หัวเตียงพรางจับมือที่อ่อนแอไว้กับเธอขณะที่เธอนวดกล้ามเนื้อที่ลีบเล็กของเขา“ลืมตาและมองมาที่หนูสิคะ คุณปู่ แองเจลีนของคุณปู่ยังมีชีวิตอยู่นะคะ อย่ายอมแพ้นะ ตกลงไหม คุณปู่จะต้องไม่เป็นอะไรนะคะ”ท่านปู่เซเวียร์ลืมตาขึ้นทันที สายตาของเขาจ้องมองไปที่โรสอย่างเจิดจ้าโรสถอดหน้ากากแล้วยิ้ม “คุณปู่คะ ดูสิ ถึงจะมีหน้าตาแบบนี้ หนูก็ยังทำงานหนักเพื่อใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน คุณเป็นคนสอนหนูเองว่า ชีวิตมาพร้อมกับอุปสรรคและ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ