เขาสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้านที่แปลกประหลาด พลันหายใจแรงออกมาเมื่อเขาลุกขึ้นนั่งในยามเช้า พระอาทิตย์เริ่มทักทายขอบฟ้าเขาหมดความอยากที่จะนอนต่อ เขาจึงตื่นขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปทำงาน เขาโกนหนวดเคราอย่างรอบครอบและเรียบร้อยเพราะเขาจะไปพบเธอในวันนี้เขาต้องการแสดงตัวกับเธออย่างดีที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เธอกังวลเกี่ยวกับเขาแผนกการแพทย์ของแกรนด์ เอเซียโรสมาถึงที่ทำงานของหัวหน้าพยาบาลแต่เช้าตรู่เธอยืนต่อหน้าหัวหน้าพยาบาลอย่างนอบน้อมและโค้งคำนับ “ขอบคุณที่อดทนสอนฉันนะคะ”หัวหน้าพยาบาลแอบเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง แววของความไม่เชื่อฉายในดวงของเธอคนงานคนอื่นอาจจะเพิ่งลุกจากเตียง แต่ผู้หญิงคนนี้ที่เป็นแก้วตาดวงใจของประธานกลับรีบมาทำงานเร็วกว่าใคร ๆ“มากับฉัน”หัวหน้าพยาบาลพาโรสไปที่ห้องของท่านปู่เซเวียร์และอธิบายเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วย “แขนขาทั้งสี่ของเขาไม่มีแรง รวมถึงกล้ามเนื้อระบบทางเดินหายใจด้วย ทางโรงพยาบาลได้สรุปผลไว้ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาวินิจฉัยกันว่าเขาเป็นโรคกล้ามเนื้อฝ่อลีบ หลังจากการพูดคุยแบบสหสาขาวิชาชีพในโรงพยาบาลของเราหลายครั้ง เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป
หัวหน้าพยาบาลได้รับโทรศัพท์ด่วน เธอจึงรีบพูดกับโรสว่า “คุณลอยล์ ฉันมีผู้ป่วยรายใหม่ที่เข้ารับการรักษาในอาการวิกฤต และฉันต้องไปจัดการมัน ฉันจะให้ท่านประธานอยู่ภายใต้การดูแลของคุณนะ”โรสพยักหน้าทันที “ได้ค่ะ”หลังจากที่หัวหน้าพยาบาลเดินจากไป มีเพียงโรสและเจย์ที่อยู่ในห้องขนาดใหญ่นั้นโรสรู้สึกว่าการตัดสินใจของเธอค่อนข้างจะรีบร้อนตอบไปหน่อยเธอกังวลว่าเจย์จะเริ่มโวยวายอย่างไร้เหตุผลเมื่อเขารู้เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาที่เสียโฉมของเธอเจย์มองโรสเดินไปรอบ ๆ กลางห้อง เขาได้เห็นความไม่สงบ ความกังวล และความกลัวในการแสดงออกของเธอ“ดิฉันเป็นผู้ดูแลคนใหม่ที่นี่และขาดประสบการณ์ ดิฉันควรขอให้เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์จากสถานีกลางพยาบาลดูแลคุณดีไหมคะ?” โรสเดินเข้าไปหาเขาและแกล้งทำเสียงแหบแห้งเจย์มองเธอด้วยสายตาที่ไม่กะพริบ ริมฝีปากเย้ายวนของเขาพลันแยกจากความประหลาดใจเล็กน้อยที่เขารู้สึกเขาจงใจทำให้เกิดอาการแพ้เพียงเพื่อมาหาเธอ แต่เธอต้องการหลบหลีกเขาเพราะความไม่มั่นใจของเธอหรือ?“สถานการณ์อาการของฉันไม่ได้รุนแรงเกินไป ดังนั้นมันจึงเหมาะสำหรับมือใหม่อย่างคุณ” เขากล่าวโรสดึงหน้ากากของเธอออกท
เจย์กล่าวว่า “ฉันต้องรักษารูปร่างของฉันไว้ ไม่อย่างนั้น ภรรยาของฉันจะรังเกียจฉันน่ะสิ”ความรู้สึกแสบซ่าได้ปกคลุมจมูกของโรส ‘ฉันกลัวว่านายจะเป็นคนที่รังเกียจฉันมากกว่านะ…’“ฉันไม่คิดว่าภรรยาของคุณเป็นคนที่ตัดสินคนจากภายนอกหรอกนะ” โรสปกป้องตัวเองเจย์ตอบกลับด้วยความมั่นใจ “มีครั้งหนึ่งเธอเคยบ่นว่าฉันแก่”เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอถึงกับไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยดังนั้น เธอจึงช่วยพยุงเขาลุกจากเตียง แขนของเขาวางอยู่บนไหล่ของเธอในขณะที่เขาถ่ายเทน้ำหนักทั้งหมดของเขาบนตัวเธอโรสรู้สึกได้ว่ามันต้องใช้พละกำลังของเธอมาก “ท่านประธาน คุณคิดว่าจะออกไปเดินเล่นนานแค่ไหนคะ?”“ครึ่งชั่วโมง!”“ฉันคิดว่าภรรยาของคุณคงไม่ว่าอะไรแม้ว่าคุณจะดูแก่ แต่เธอคงคิดได้ก็ต่อเมื่อคุณดูน่ารำคาญเกินไปเสียมากกว่า” เธอพูดออกมาอย่างกะทันหันเจย์ถึงกับอ้าปากค้าง!หลังจากเดินไปรอบหนึ่ง โรสพบว่ามันยากที่จะเดินต่อไปได้ถึงครึ่งชั่วโมง“เธอนี่ มีความอดทนต่ำมากเลยนะ” เจย์พูดด้วยความไม่พอใจโรสตอบว่า “น้ำหนักของคุณเกือบสองเท่าของดิฉัน ฉันรู้สึกไม่สามารถขยับได้เพราะคุณทิ้งให้น้ำหนักของคุณอยู่กับฉันหมดเลยเนี่ย”“ฉันเป็นคนไข้
เจย์อธิบายว่า “แกรนด์ เอเซียลบป้ายออกเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของฉัน”โรสพบความไม่ชอบมาพากล 'ความเจ็บป่วยของชายคนนี้ไม่ใช่โรคที่น่าอับอาย ทำไมเขาต้องปิดบังเรื่องนี้ด้วยนะ?’หลังจากที่เจย์ทานยา เขาก็เริ่มทำงานอยู่บนเตียงในระหว่างนั้น โรสก็นั่งที่โต๊ะกลมตรงมุมห้อง ขณะที่เธอจดจ่ออยู่กับหนังสือเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองมันช่างเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบไม่รู้ว่าวิญญาณของแองเจลีนได้กลายร่างเป็นนักเรียนเส็งเคร็งและได้รับอิทธิพลจากวิญญาณนั้นอย่างเกินควรหรือไม่ แต่เธอรู้สึกง่วงนอนทุกครั้งที่อ่านหนังสือผ่านไปครึ่งชั่วโมง โรสหลับสนิทโดยฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ เจย์ได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอและนุ่มนวลของเธอ เขาลุกออกจากเตียง นำผ้าห่มมาคลุมให้เธอแล้วกลับไปที่เตียงของเขาเขาไม่มีอารมณ์อยากทำงาน แค่อยากนั่งมองเธอเท่านั้นตอนเที่ยงแม่ของเจย์มาเยี่ยมพร้อมกับเด็กสาวหน้าหวานคนหนึ่งเมื่อเห็นผู้ดูแลงีบหลับในที่ทำงาน เธอก็ระเบิดความโกรธออกมา“นี่มัน ผู้ดูแลประเภทไหนกัน? เธอกล้าดียังไง มาแอบงีบหลับในห้องคนไข้ฮะ?”โรสสะดุ้งตื่นจากความโกรธเคืองที่เกิดอย่างกะทันหัน เธอลืมตาที่ง่วงนอนขึ้น เ
คุณนายอาเรส ช่วยเซร่าคลี่คลายสถานการณ์ทันที “เจย์ เซร่าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ตอนแรกเธอมาที่แกรนด์เอเชีย เพื่อไปเยี่ยมคุณท่านเซเวียร์และบังเอิญพบกับฉัน ฉันก็เลยพาเธอมาเยี่ยมนาย นายไม่คิดว่ามันเป็นพรหมลิขิตเหรอ?”สีหน้าของเจย์ยังคงเย็นชา ดูราวกับว่าเขาไม่สนใจจะฟังอะไรทั้งนั้นคุณนายอาเรสมีเจตนาอื่น “นายรู้จักเซร่าตั้งแต่ยังเด็ก นายรู้ไหมว่าเซร่ามีความสามารถ และดีพอ ๆ กับแองเจลีน เนื่องจากแองเจลีนต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายและไม่สามารถรับความรักจากนายได้ ทำไมไม่ลองกับเซร่าดูล่ะ ?”โรสรู้สึกเจ็บใจ เมื่อเห็นคุณนายอาเรสพยายามอย่างหนัก เพื่อพาเจย์และเซร่ามาอยู่ด้วยกันเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาเหลือบมองไปที่โรส ซึ่งยืนอยู่ตรงมุมห้องและรู้สึกกังวลว่าเธอจะคิดมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงให้งานบางอย่างกับเธอ “รินน้ำให้ฉันสักแก้วสิ”โรสลุกขึ้นไปหยิบน้ำหนึ่งแก้วและเมื่อเธอส่งให้เจย์ เซร่าก็คว้าแก้วน้ำจากเธอทันที “พี่เจย์ ให้ฉันช่วยเองนะ”เจย์กล่าวว่า “ฉันมีมือและเท้าฉันไม่ต้องการให้เธอช่วยฉันหรอกนะ”จากนั้นเขาก็พูดกับโรสว่า “ขอน้ำใหม่ให้ฉันสักแก้วทีนะ”โรสเดินไปหยิบแก้วอีกใบเมื่อเธอนำมันมา
โรสผลักมือของเจย์กลับไป “ดิฉันไม่ต้องการให้ใครมาเป็นหนูทดลองของฉันนะ”ถ้าเธอต้องการฝึกฝน เธอจะลองมันด้วยตัวเองเธอกลับไปที่มุมห้อง หยิบเข็มที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมา แล้วพับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นเธอก็เริ่มฝึกบนมือของเธอเองเจย์ตกใจมากเมื่อเห็นสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่'เธอไม่กลัวเข็มเหรอ'?มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และเขาต้องการพาเธอไปโรงพยาบาล แต่เธอคว้าตัวเขาเอาไว้ขณะที่ร้องไห้อย่างหนัก “เจย์บี้ ได้โปรดเถอะ ฉันขอร้องล่ะ อย่าพาฉันไปโรงพยาบาลเลยนะ ฉันไม่อยากโดนฉีดยา...”เธอเป็นหญิงสาว ถึงกระนั้นเธอก็ร้องไห้ฟูมฟายแบบไม่เหลือศักดิ์ศรีเอาเสียเลยหัวใจของเจย์เจ็บปวด หลายปีมานี้ ไม่มีใครให้ความรักกับเธอ นั่นส่งผลให้เธอแข็งแกร่งและกล้าหาญมากขึ้นโรสเพิกเฉยต่อสายตาของเจย์และเพ่งความสนใจไปที่เข็มที่กำลังจะถูกแทงเข้าไปในมือของเธอการลองครั้งแรก เข็มแฉลบไปด้านข้างเล็กน้อยและทำให้เธอกระตุกอย่างรวดเร็วด้วยความเจ็บปวดเปลือกตาของเจย์กระตุกตามไปด้วยในการลองครั้งที่สอง เธอแทงเส้นเลือดดำของเธอ แต่เลือดไม่หยุดไหล เธอเอาสำลีก้อนหนึ่งมาห้ามเลือดอย่างใจเย็น!"หยุด!" เจย์ทนดูเธอทรมา
“พวกเขาน่าสงสารแค่ไหน?”“ภรรยาป่วยหนัก สามีจึงขายทุกอย่างที่พวกเขาเป็นเจ้าของ เพื่อจ่ายค่ารักษา สามีเป็นคนดีคอยอยู่เคียงข้างเธอจนวาระสุดท้าย” เจย์พูดไม่ออก “...” “ฉันไม่คิดว่า คุณถูกตัดออกจากงานพยาบาลนะ” ดวงตาของโรสเบิกกว้าง "ทำไมจะไม่ล่ะ?" “คุณขี้สงสารเกินไป” โรสพูดตะกุกตะกัก “ฉันค่อนข้างแน่ใจว่า คุณมันก็เป็นแค่คนเลือดเย็น…” เจย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นโรสสะอื้น “ชู่วว อย่าร้องไห้สิ” “ฉันหยุดไม่ได้” โรสใช้หลังมือเช็ดน้ำตาของเธอ เจย์พูดว่า “มาช่วยฉันจัดของหน่อย ฉันกำลังจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว” ทันใดนั้น จากที่น้ำตาไหลอาบแก้มก็เผยรอยยิ้มออกมา "จริงเหรอคะ?" เขาพยักหน้าด้วยสายตาที่คมเข้ม เธอซ้อนเอกสารของเขาอย่างรวดเร็วและยืนข้างเตียง เจย์ลุกขึ้นนั่งช้า ๆ และขอร้อง “ช่วยฉันเปลี่ยนชุดหน่อย” โรสรู้สึกวุ่นวายใจ “คุณไม่มีแขนขาเหรอคะ?” “ฉันไม่มีแรง” "คุณโกหก เมื่อเช้านี้อาการของคุณก็ยังดีอยู่ เมื่อเซร่าส่งน้ำให้...” เมื่อตะหนักได้ว่า เผลอหลุดคำพูดออกมา โรสจึงเอามือทั้งสองข้างปิดปากของเธอทันที เมื่อเหลือบมองเธอจากหางตา เขาพูดว่า “ฉันปล่อยให้คนที่ไม่ใช่ผู้ดูแลท
แววตาของเจย์ดูไร้ความสนุกสนานเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า เกรย์สันก็เลือกที่จะเงียบ เขารับใบสั่งยาและเข็นรถเข็นท่านประธานออกไปจากการไล่ท่านประธานออกจากห้องของโรงพยาบาล โรสประสบความสำเร็จในการจัดการกับปัญหาการพักค้างคืนของผู้ป่วยในที่ด้อยโอกาส รายละเอียดของการกระทำนี้ ข่าวได้กระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วทั้งโรงพยาบาลโรสกลายเป็นผู้ดูแลที่มีชื่อเสียงในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว และผู้ป่วยก็รู้สึกดีกับเธอเป็นพิเศษเพื่อตอบแทนน้ำใจของเธอผู้ป่วยจำนวนมากเริ่มยกย่องและชื่นชมเธอ แม้กระทั่งขอให้เธอเป็นคนดูแลพวกเขาบ้างผลที่ตามมาคือ โรสมีงานยุ่งมากในคืนนั้นโจเซฟีนเปิดหน้าจอคอมเพื่อค้นหา จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง เขาออนไลน์แล้วและกำลังรออยู่เธอล้อเขาและพิมพ์ว่า 'กระตือรือร้นจังนะ’จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง ตอบกลับด้วยเครื่องหมายคำถามอิจฉาจัง โจเซฟีนพิมพ์ข้อความร้องเรียนว่า 'ให้ตายเถอะ' กับฉัน คุณใช้คำพูดน้อยมาก แต่กับหล่อนคนนั้น คุณพูดไม่หยุดราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว มีสิทธิพิเศษอะไรเหรอ?'จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง พิมพ์ว่า 'หล่อนอยู่ที่ไหน''ทำงานนอกเวลา''?'“ตั้งแต่เธอไล่ประธานแ