”เพราะอะไรคะ?” โรสถามกลับไปอย่างรวดเร็ว“ทะเลาะกับผู้ปกครองของเด็กนักเรียน แถมยังพาเจนสันหนีเรียนไปเที่ยวเล่น… เธอยังจะมีหน้ามาถามฉันกลับอีกเหรอ?” ร่างสูงขบฟันแน่น ความโกรธที่อัดอั้นมาทั้งวีนกำลังจะปะทุออกมาในที่สุดโรสเริ่มที่จะมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง สงสัยว่าคุณแนนซี่จอมขี้ฟ้องคนนั้นคงจะเอ่ยออกมาหมดเปลือกแล้วสินะหญิงสาวเริ่มหน้าตึง “ท่านอาเรสคะ ท่านรู้เหตุผลที่ดิฉันปะทะคารมณ์กับผู้ปกครองท่านนั้นไหมคะ? ทำไมดิฉันต้องพาเจนสันออกไป? นั้นก็เพราะ—”พลันร่างสูงกลับเอ่ยขัดทันควัน “ไม่ว่าเหตุผลของเธอจะเป็นอะไร แค่สิ่งที่เธอทำลงไปมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฉันรู้ถึงความไร้สำนึกคิดของเธอ!”หล่อนเถียงกลับทันควัน “ฉันเผชิญหน้ากับผู้ปกครองแย่ ๆ พวกนั้นก็เพราะเขาทำร้ายเจนสัน พร้อมยังวิจารณ์ถึงการเลี้ยงลูกของคุณ คุณคิดบ้างไหมว่ามันจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อเจนขนาดไหน?”“ท่านอาเรส คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันจนกว่าคุณจะรู้และเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”เจย์ยังคงจ้องมองไปยังใบหน้าที่ยืนกรานหนักแน่นของหญิงสาว พลางยักคิ้วอย่างประหลาดใจ หลังจากที่เขาไม่ได้พบเธอประมาณห้าปี จากผู้หญิงที่พูดไม่คิดกลับแปรเปลี่ยนเป็
ถึงแม้ว่าโรสจะรีบมุ่งไปยังคฤหาสน์โฮไรซอน คอลเลอร์ แล้วแต่เพราะการจราจรที่แอดอัดในช่วงเวลาเร่งรีบก็ทำให้เธอมาสายอีกครั้งร่างสูงของเจย์ที่ยืนอยู่บริเวณระเบียงชั้นสองของคฤหาสน์เพ่งมองความรีบร้อนของหญิงสาวจากด้านบน รอยยิ้มแสยะปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง“คุณโรส คุณสายนะ”โรสได้ยินเสียงบ่นเบา ๆ มาจากด้านบนหัวของเธอ ทันทีที่เห็นเจ้าของเสียงนั้นวิญญาณของเธอแทบออกจากร่าง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม เธอกลับได้รับรอยยิ้มคล้ายสาปสมเป็นการต้อนรับร่างบางหอบเหนื่อย พยายามที่จะผ่อนลมหายใจเข้าออก สิ่งที่เธอต้องทำเพื่อแก้ไขสถานการ์ตรงหน้าคงมีเพียงแค่การรวบรวมคำพูดเพื่อแก้ต่าง “ท่าน—อาเรสคะ—พอดีว่าถนน—การจราจร…” เพียงพูดไม่กี่คำก็หอบเสียแล้ว ‘ท่าน อาเรส ถนน จราจร อะไรนะ? ข่างเป็นประโยคที่เพ้อเจ้อจริง ๆ’ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มแสดงถึงความมึงตึง“เธอช่วยพูดให้ฉันเข้าใจอีกทีสิ?” เจย์คำรามในลำคอเธอพยายามอธิบายไปพร้อมกับหอบหายใจไปด้วย “ท่านอาเรสคะ—บนถนนรถติดมาก—เพราะแบบนั้น—ดิฉัน—จึงมาสายค่ะ” ชายหนุ่มยังคงนิ่ง ก่อนจะเดินลงมายังชั้นล่างไม่นานนักร่างสูงกำยำนั่งลงบนโซฟาตัวเก่ง ขายาวเรียวไขว้
เจ้าตัวแสบทั้งคู่ค่อย ๆ ย่องแอบไปยังหลบด้านหลังของบันไดชั้นสอง พลางลอบมองสถานการณ์ด้านล่างระหว่างโรสและเจย์ส่วนทางด้านของโรสนั้น หญิงสาวพยายามอดทนในการโต้วาทีครั้งนี้ง“ท่านอาเรสคะ คุณมักจะจับผิดทุกการกระทำของฉันและไม่เคยพอใจเลยซักครั้ง ไม่ว่าฉันจะทำอะไร แล้วตัวคุณล่ะคะ? คุณปล่อยให้ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ไปรับไปส่งลูกของคุณอย่างหน้าตาเฉย คุณเคยคิดบ้างไหมคะ ว่ามันจะส่งผลอย่างไรต่อลูกของคุณบ้าง?”“โรส แนวคิดของฉันมันเหมาะสมแล้ว ฉันไม่ต้องการความคิดเห็นของเธอ แล้วก็นะ ผู้หญิงเหล่านั้นที่เธอพูดถึง ก็คือคนที่เจนสันรู้จักทั้งนั้น เธอต่างหากคือคนที่มีแต่ความคิดแย่ ๆ ไม่ใช่หรือไง?” ร่างสูงกล่าวอย่างโมโห“แล้วแนนซี่คือใคร? เธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับเจนสัน?”“โรส เธอไม่มีสิทธ์ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของฉัน”“ฉันไม่สนใจว่าชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยช่วยคิดซักนิดก่อนจะเลือกใครมาเป็นคู่ชีวิต ไม่ใช่หาแม่เลี้ยงคู่กรรมให้เจนสัน แล้วถ้าคุณคิดอยากจะมีทายาทอีกซักคน คุณจะอดทนจนกว่าจะถึงเวลาที่เจนสันพร้อมสำหรับ ลูกอีกคน ของคุณได้ไหม?”คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย “ใครบอกเธอว่าฉันจะมีลูกกับแนนซี่?”โรส
”ได้เลย” เจนสันเอ่ยพลางพนักหน้าเด็กน้อยร็อบบี้เดินลงไปยังชั้นล่าง เมื่อโรสและเจย์ได้ยินเสียงฝีเท้าน้อย ๆ การโต้เถียงที่เกิดขึ้นพลันเงียบหายไปในทันควันเด็กน้อยเดินไปยืนหยุดท่ายกลางผู้ใหญ่ทั้งสอง เขามองไปที่ดวงตาคู่สวยที่แดงเรื่อของแม่ พร้อมหันกลับมามองชายที่ได้ชื่อว่าพ่อ ร่างเล็กจึงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศคลุกกรุ่นที่แผ่ออกมาจากผู้เป็นพ่อร็อบบี้ไม่เคยคิดเลยว่าเจ้านายตัวร้ายที่คอยกลั่นแกล้งแม่ของเขาจะกลายเป็น คุณพ่อที่ตัวเขานั้นถวิลหาอยู่ทุกวันทุกคืนแม้ว่าคุณพ่อจะดูน่าภูมิฐาน หล่อเหลาและร่ำรวย แต่คนที่เอาใจใส่เลี้ยงดูเขาอย่างดีที่สุดในโลกกลับกลายเป็นคุณแม่ เขาไม่มีวันยอมให้ใครมากลั่นแกล้งแม่ของเขาเป็นแน่ แม้กระทั่งพ่อก็ตาม“เจนสัน ลูกมาทำอะไรข้างล่างนี่? รีบขึ้นไปด้านบนซะ คุณแนนซี่จะเป็นคนพาลูกไปโรงเรียน” เจย์ปรายตามองก่อนจะเอ่ยกับเจนสัน ก่อนจะขมวดคิ้ว เขาคิดว่าเขาเห็นการต่อต้านเกิดขึ้นภายในแววตาของลูกชายตัวน้อย แค่แวบเดียวในแววตานั้นซึ่งนั้น คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนร็อบบี้น้อยเดินตรงไปยังผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจย์ชะงักในทันทีเจนสันมักจะสามารถควบคุมอารมณ์ของตั
เจย์และโรสได้แต่จ้องมองไปที่ “เจนสัน” อย่างตกใจคำพูดเหล่านั้นที่หนูน้อย “เจนสัน” เอ่ยออกมาเปรียบเสมือนเสียงระเบิดเวลาสำหรับชายหนุ่มและหญิงสาวโรสจ้องมองชายหนุ่มด้วยความวิตกกังวล พลางกลัวว่าร่างสูงนั้นจะจับพิรุธของเธอได้ชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างคุมเชิง ก่อนที่ริมฝีปางบางสวยจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันพร้อมเอ่ยถาม “โรส เธอว่า เป็นอย่างเจนสันพูดหรือเปล่า?”โรสบอกได้อย่างแน่ชัดว่าตอนนี้เธอกำลังเห็นเปลวไฟคลุกกรุ่นภายในดวงตาของร่างสูง และนั้นทำให้เธอรู้สึกว่าเรื่องต่าง ๆ เริ่มจะไม่ง่ายแล้วสิถ้าให้เลือกระหว่างการที่ปล่อยให้ร่างสูงได้เค้นความจริงจากเธอ เธอเลือกที่จะบอกความจริงเพียงครึ่งเดียวให้เจย์ได้รู้จะดีต่อตัวเธอกว่า “ฉันมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน” เธอบอกอย่างช้า ๆ “อายุน้อยกว่าเจนสันหนึ่งปี… สองสามวันมานี้เธอป่วยเป็นไข้หวัด ที่ฉันมาทำงานสายก็เพราะว่าฉันต้องดูแลเธอ”เจย์เริ่มขมวดคิ้วเขากำลังโดนไล่ต้อนจากความคิดที่ว่า ร่างบางตรงหน้าไปมีลูกกับชายอื่นหลังจากที่ทิ้งเขาไปเจย์ขัดเธอขึ้นมาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ฉันไม่สนเรื่องครอบครัวของเธอ แต่ถ้าเธอไม่มีเวลาดูแลเจนสันอย่างจริงจัง เธอก็ไม่ควรรับ
ร่างสูงของเจย์จ้องมองไปยังหญิงสาวอย่างเชือดเฉือน ดวงตาคู่คงเต็มไปด้วยประกายไฟที่พร้อมจะระเบิดออกมาแต่ทว่าเขาต้องชื่นชมลูกน้อยตรงหน้าเสียก่อน “ทำได้ดีมาก” เจย์กล่าวเมื่อเด็กน้อยได้ยินคำชมจากผู้เป็นพ่อ เจ้าตัวจึงรีบถามต่ออย่างมีความสุข “แล้วคุณโรสจะได้อยู่ต่อไหมครับ?”“ไม่” เจย์ตอบอย่างหนักแน่นโรสรู้ถึงสิ่งที่ร่างสูงตระหนักอยู่ตอนนี้ เธอจึงรีบเอ่ย “ฉันไม่ได้เป็นคนสอนกลอนสองบทนั่น”เจย์คงจะคิดว่าเธอนั้นพยายามอย่างหนักที่จะใช้ความรักของแม่อันยิ่งใหญ่นี้มาเป็นเครื่องมือในการคืนสัมพันธ์แม่ลูกของเธอและเจนสันในอนาคตทว่าเมื่อเด็กน้อยรับรู้ได้ว่าแม่ของเขากำลังเครียด ทำให้ตนเข้าใจว่าตัวเองคงทำอะไรผิดเป็นแน่‘กลอนสองบทนั้นเกี่ยวกับความรักของแม่’‘ไม่แปลกที่คุณพ่อจะไม่ชอบใจ’ร็อบบี้น้อยรีบเอ่ยอย่างลกลน “คุณพ่ออย่างเพิ่งตัดสินสิครับ จะทดสอบผมเรื่องอีกก็ได้ นะครับ?”ผู้เป็นพ่อมองไปยัง “เจนสัน” ร่างสอง ก่อนจะถาม “ช่วงนี้ลูกได้เรียนรู้อะไรอีกบ้าง?”เด็กน้อยมองไปยังเปียโนด้านข้าง ก่อนจะเดินไปยังเปียโนพร้อมจรดนิ้วมือเล็ก ๆ เพื่อบรรเลงเพลงที่มีชื่อว่า พ่อของฉันเจย์ยืนฟังอย่างไม่คาดคิดว่าหน
ร็อบบี้น้อยทั้งตกใจทั้งกังวลก่อนจะลนลานคลานเข้าไปซ่อนตัวใต้เตียงนอนหลังจากเห็นว่าร็อบบี้เข้าไปหลบเรียบร้อยแล้ว เจนสันจึงเดินไปเปิดประตูห้อง ใบหน้าหล่อเหล่าแต่กลับเรียบนิ่งจ้องมองไปยังพ่อของตนเจย์ปรายตามองไปยังลูกชายจอมเย็นชาของตัวเองอย่างสงสัย ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างงงวย ความน่ารักออดอ้อนเมื่อสักครู่หายไปไหนหมดแล้วร่างสูงขยี้กลุ่มผมดำของลูกชายอย่างรักใคร่ ก่อนจะเอ่ยเพื่อไปทำงาน“พ่อจะไปทำงานแล้ว เพราะฉะนั้นพี่เลี้ยงจะเป็นคนพาลูกไปโรงเรียน ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”แม้ว่าดวงตาคู่ใสนั้นแสดงออกถึงความดื้อรั้นเมื่อได้ยินคำว่าโรงเรียน ทว่าเขาก็พยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะเอ่ยตอบสั้น ๆ “คะ—ครับ!”ร่างสูงรับรู้ได้ถึงความลังเลใจของเด็กน้อยตรงหน้า ก่อนที่คำพูดของโรสจะผลุบเข้ามาในหัวเขา บางทีเด็ก ๆ และผู้ปกครองที่โรงเรียนอาจจะไม่ได้เป็นมิตรกับเจนสันขนาดนั้น เสียงติ๊งดังเตือนขึ้นภายในจิตใจของเจย์กรอบบทบาทอันสูงส่งแทบพังทลายลงตรงหน้า หลังจากนั้นคนเป็นพ่อจึงเอ่ยปากถามลูกอย่างจริงจัง ‘’เจนสันบอกพ่อ ลูกไม่อยากไปโรงเรียนจริง ๆ ใช่ไหม?”เด็กน้อยส่ายหัวไปมาก่อนจะเงียบลงเจย์ถอนหายใจแผ่วเบา ทุกครั้งที่
ครั้งนี้เจนสันรีบพยักหน้าโดยปราศจากวามลังเลทันควัน!ก็เขาไม่อยากให้คุณแม่คิดว่าเขาเป็นเด็กดื้อนี่นาหลังจากนั้นที่โรสพาเจนสันไปส่งที่โรงเรียน ทว่าวันนี้เด็กน้อยกลับเดินผ่านเข้าประตูไปอย่างง่ายได้ ไร้ซึ่งอาการมึนตึงขัดขืนเชกเช่นวันวาน หญิงสาวมองภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ทำไมวันนี้เด็กน้อยของเธอถึงทำตัวดีขนาดนี้? หรือลึก ๆ แล้วเจนสันก็ฟังเธออยู่ตลอดเวลาแต่เพียงแค่ไม่ทำตามกัน?บ่ายของวันนั้น โรสเดินทางไปรับเจนสันกลับคฤหาสน์ดั่งเคยวินาทีที่เด็กชายก้าวออกมาจากโรงเรียน หญิงสาวแทบหลังน้ำตาของเธอกับภาพที่เห็นเสื้อขาวสะอาดของเด็กน้อยเต็มไปด้วยคราบสกปรกและหมึกปากกา ใบหน้าหล่อเหลาถูกขีดเขียนแต้มรอยสีจากการกลั่นแกล้งของเพื่อน ๆ นอกจากรอยจากน้ำหมึกแล้วยังมีรอยเล็บมือแดง ๆ ขูดเป็นทางยาว และรอยคราบเลือดสดที่ไหลซึมออกมาบริเวณริมฝีปากของเด็กน้อยเมื่อเจนสันเห็นโรส เด็กน้อยรีบหันหนี ก่อนจะพยายามหลบไม่ให้เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นโรสรีบวิ่งเข้าไปหาพลางดึงเจนสันเข้ามากอดไว้แน่น “เจนสัน!”เธอกอดร่างของเจนสันไว้ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาด้วยความเสียใจเจนสันจ้องมองไปที่หญิงสาว มันมีหลายครั้งที่เขากล