เจ้าตัวแสบทั้งคู่ค่อย ๆ ย่องแอบไปยังหลบด้านหลังของบันไดชั้นสอง พลางลอบมองสถานการณ์ด้านล่างระหว่างโรสและเจย์ส่วนทางด้านของโรสนั้น หญิงสาวพยายามอดทนในการโต้วาทีครั้งนี้ง“ท่านอาเรสคะ คุณมักจะจับผิดทุกการกระทำของฉันและไม่เคยพอใจเลยซักครั้ง ไม่ว่าฉันจะทำอะไร แล้วตัวคุณล่ะคะ? คุณปล่อยให้ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ไปรับไปส่งลูกของคุณอย่างหน้าตาเฉย คุณเคยคิดบ้างไหมคะ ว่ามันจะส่งผลอย่างไรต่อลูกของคุณบ้าง?”“โรส แนวคิดของฉันมันเหมาะสมแล้ว ฉันไม่ต้องการความคิดเห็นของเธอ แล้วก็นะ ผู้หญิงเหล่านั้นที่เธอพูดถึง ก็คือคนที่เจนสันรู้จักทั้งนั้น เธอต่างหากคือคนที่มีแต่ความคิดแย่ ๆ ไม่ใช่หรือไง?” ร่างสูงกล่าวอย่างโมโห“แล้วแนนซี่คือใคร? เธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับเจนสัน?”“โรส เธอไม่มีสิทธ์ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของฉัน”“ฉันไม่สนใจว่าชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยช่วยคิดซักนิดก่อนจะเลือกใครมาเป็นคู่ชีวิต ไม่ใช่หาแม่เลี้ยงคู่กรรมให้เจนสัน แล้วถ้าคุณคิดอยากจะมีทายาทอีกซักคน คุณจะอดทนจนกว่าจะถึงเวลาที่เจนสันพร้อมสำหรับ ลูกอีกคน ของคุณได้ไหม?”คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย “ใครบอกเธอว่าฉันจะมีลูกกับแนนซี่?”โรส
”ได้เลย” เจนสันเอ่ยพลางพนักหน้าเด็กน้อยร็อบบี้เดินลงไปยังชั้นล่าง เมื่อโรสและเจย์ได้ยินเสียงฝีเท้าน้อย ๆ การโต้เถียงที่เกิดขึ้นพลันเงียบหายไปในทันควันเด็กน้อยเดินไปยืนหยุดท่ายกลางผู้ใหญ่ทั้งสอง เขามองไปที่ดวงตาคู่สวยที่แดงเรื่อของแม่ พร้อมหันกลับมามองชายที่ได้ชื่อว่าพ่อ ร่างเล็กจึงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศคลุกกรุ่นที่แผ่ออกมาจากผู้เป็นพ่อร็อบบี้ไม่เคยคิดเลยว่าเจ้านายตัวร้ายที่คอยกลั่นแกล้งแม่ของเขาจะกลายเป็น คุณพ่อที่ตัวเขานั้นถวิลหาอยู่ทุกวันทุกคืนแม้ว่าคุณพ่อจะดูน่าภูมิฐาน หล่อเหลาและร่ำรวย แต่คนที่เอาใจใส่เลี้ยงดูเขาอย่างดีที่สุดในโลกกลับกลายเป็นคุณแม่ เขาไม่มีวันยอมให้ใครมากลั่นแกล้งแม่ของเขาเป็นแน่ แม้กระทั่งพ่อก็ตาม“เจนสัน ลูกมาทำอะไรข้างล่างนี่? รีบขึ้นไปด้านบนซะ คุณแนนซี่จะเป็นคนพาลูกไปโรงเรียน” เจย์ปรายตามองก่อนจะเอ่ยกับเจนสัน ก่อนจะขมวดคิ้ว เขาคิดว่าเขาเห็นการต่อต้านเกิดขึ้นภายในแววตาของลูกชายตัวน้อย แค่แวบเดียวในแววตานั้นซึ่งนั้น คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนร็อบบี้น้อยเดินตรงไปยังผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจย์ชะงักในทันทีเจนสันมักจะสามารถควบคุมอารมณ์ของตั
เจย์และโรสได้แต่จ้องมองไปที่ “เจนสัน” อย่างตกใจคำพูดเหล่านั้นที่หนูน้อย “เจนสัน” เอ่ยออกมาเปรียบเสมือนเสียงระเบิดเวลาสำหรับชายหนุ่มและหญิงสาวโรสจ้องมองชายหนุ่มด้วยความวิตกกังวล พลางกลัวว่าร่างสูงนั้นจะจับพิรุธของเธอได้ชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างคุมเชิง ก่อนที่ริมฝีปางบางสวยจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันพร้อมเอ่ยถาม “โรส เธอว่า เป็นอย่างเจนสันพูดหรือเปล่า?”โรสบอกได้อย่างแน่ชัดว่าตอนนี้เธอกำลังเห็นเปลวไฟคลุกกรุ่นภายในดวงตาของร่างสูง และนั้นทำให้เธอรู้สึกว่าเรื่องต่าง ๆ เริ่มจะไม่ง่ายแล้วสิถ้าให้เลือกระหว่างการที่ปล่อยให้ร่างสูงได้เค้นความจริงจากเธอ เธอเลือกที่จะบอกความจริงเพียงครึ่งเดียวให้เจย์ได้รู้จะดีต่อตัวเธอกว่า “ฉันมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน” เธอบอกอย่างช้า ๆ “อายุน้อยกว่าเจนสันหนึ่งปี… สองสามวันมานี้เธอป่วยเป็นไข้หวัด ที่ฉันมาทำงานสายก็เพราะว่าฉันต้องดูแลเธอ”เจย์เริ่มขมวดคิ้วเขากำลังโดนไล่ต้อนจากความคิดที่ว่า ร่างบางตรงหน้าไปมีลูกกับชายอื่นหลังจากที่ทิ้งเขาไปเจย์ขัดเธอขึ้นมาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ฉันไม่สนเรื่องครอบครัวของเธอ แต่ถ้าเธอไม่มีเวลาดูแลเจนสันอย่างจริงจัง เธอก็ไม่ควรรับ
ร่างสูงของเจย์จ้องมองไปยังหญิงสาวอย่างเชือดเฉือน ดวงตาคู่คงเต็มไปด้วยประกายไฟที่พร้อมจะระเบิดออกมาแต่ทว่าเขาต้องชื่นชมลูกน้อยตรงหน้าเสียก่อน “ทำได้ดีมาก” เจย์กล่าวเมื่อเด็กน้อยได้ยินคำชมจากผู้เป็นพ่อ เจ้าตัวจึงรีบถามต่ออย่างมีความสุข “แล้วคุณโรสจะได้อยู่ต่อไหมครับ?”“ไม่” เจย์ตอบอย่างหนักแน่นโรสรู้ถึงสิ่งที่ร่างสูงตระหนักอยู่ตอนนี้ เธอจึงรีบเอ่ย “ฉันไม่ได้เป็นคนสอนกลอนสองบทนั่น”เจย์คงจะคิดว่าเธอนั้นพยายามอย่างหนักที่จะใช้ความรักของแม่อันยิ่งใหญ่นี้มาเป็นเครื่องมือในการคืนสัมพันธ์แม่ลูกของเธอและเจนสันในอนาคตทว่าเมื่อเด็กน้อยรับรู้ได้ว่าแม่ของเขากำลังเครียด ทำให้ตนเข้าใจว่าตัวเองคงทำอะไรผิดเป็นแน่‘กลอนสองบทนั้นเกี่ยวกับความรักของแม่’‘ไม่แปลกที่คุณพ่อจะไม่ชอบใจ’ร็อบบี้น้อยรีบเอ่ยอย่างลกลน “คุณพ่ออย่างเพิ่งตัดสินสิครับ จะทดสอบผมเรื่องอีกก็ได้ นะครับ?”ผู้เป็นพ่อมองไปยัง “เจนสัน” ร่างสอง ก่อนจะถาม “ช่วงนี้ลูกได้เรียนรู้อะไรอีกบ้าง?”เด็กน้อยมองไปยังเปียโนด้านข้าง ก่อนจะเดินไปยังเปียโนพร้อมจรดนิ้วมือเล็ก ๆ เพื่อบรรเลงเพลงที่มีชื่อว่า พ่อของฉันเจย์ยืนฟังอย่างไม่คาดคิดว่าหน
ร็อบบี้น้อยทั้งตกใจทั้งกังวลก่อนจะลนลานคลานเข้าไปซ่อนตัวใต้เตียงนอนหลังจากเห็นว่าร็อบบี้เข้าไปหลบเรียบร้อยแล้ว เจนสันจึงเดินไปเปิดประตูห้อง ใบหน้าหล่อเหล่าแต่กลับเรียบนิ่งจ้องมองไปยังพ่อของตนเจย์ปรายตามองไปยังลูกชายจอมเย็นชาของตัวเองอย่างสงสัย ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างงงวย ความน่ารักออดอ้อนเมื่อสักครู่หายไปไหนหมดแล้วร่างสูงขยี้กลุ่มผมดำของลูกชายอย่างรักใคร่ ก่อนจะเอ่ยเพื่อไปทำงาน“พ่อจะไปทำงานแล้ว เพราะฉะนั้นพี่เลี้ยงจะเป็นคนพาลูกไปโรงเรียน ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”แม้ว่าดวงตาคู่ใสนั้นแสดงออกถึงความดื้อรั้นเมื่อได้ยินคำว่าโรงเรียน ทว่าเขาก็พยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะเอ่ยตอบสั้น ๆ “คะ—ครับ!”ร่างสูงรับรู้ได้ถึงความลังเลใจของเด็กน้อยตรงหน้า ก่อนที่คำพูดของโรสจะผลุบเข้ามาในหัวเขา บางทีเด็ก ๆ และผู้ปกครองที่โรงเรียนอาจจะไม่ได้เป็นมิตรกับเจนสันขนาดนั้น เสียงติ๊งดังเตือนขึ้นภายในจิตใจของเจย์กรอบบทบาทอันสูงส่งแทบพังทลายลงตรงหน้า หลังจากนั้นคนเป็นพ่อจึงเอ่ยปากถามลูกอย่างจริงจัง ‘’เจนสันบอกพ่อ ลูกไม่อยากไปโรงเรียนจริง ๆ ใช่ไหม?”เด็กน้อยส่ายหัวไปมาก่อนจะเงียบลงเจย์ถอนหายใจแผ่วเบา ทุกครั้งที่
ครั้งนี้เจนสันรีบพยักหน้าโดยปราศจากวามลังเลทันควัน!ก็เขาไม่อยากให้คุณแม่คิดว่าเขาเป็นเด็กดื้อนี่นาหลังจากนั้นที่โรสพาเจนสันไปส่งที่โรงเรียน ทว่าวันนี้เด็กน้อยกลับเดินผ่านเข้าประตูไปอย่างง่ายได้ ไร้ซึ่งอาการมึนตึงขัดขืนเชกเช่นวันวาน หญิงสาวมองภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ทำไมวันนี้เด็กน้อยของเธอถึงทำตัวดีขนาดนี้? หรือลึก ๆ แล้วเจนสันก็ฟังเธออยู่ตลอดเวลาแต่เพียงแค่ไม่ทำตามกัน?บ่ายของวันนั้น โรสเดินทางไปรับเจนสันกลับคฤหาสน์ดั่งเคยวินาทีที่เด็กชายก้าวออกมาจากโรงเรียน หญิงสาวแทบหลังน้ำตาของเธอกับภาพที่เห็นเสื้อขาวสะอาดของเด็กน้อยเต็มไปด้วยคราบสกปรกและหมึกปากกา ใบหน้าหล่อเหลาถูกขีดเขียนแต้มรอยสีจากการกลั่นแกล้งของเพื่อน ๆ นอกจากรอยจากน้ำหมึกแล้วยังมีรอยเล็บมือแดง ๆ ขูดเป็นทางยาว และรอยคราบเลือดสดที่ไหลซึมออกมาบริเวณริมฝีปากของเด็กน้อยเมื่อเจนสันเห็นโรส เด็กน้อยรีบหันหนี ก่อนจะพยายามหลบไม่ให้เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นโรสรีบวิ่งเข้าไปหาพลางดึงเจนสันเข้ามากอดไว้แน่น “เจนสัน!”เธอกอดร่างของเจนสันไว้ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาด้วยความเสียใจเจนสันจ้องมองไปที่หญิงสาว มันมีหลายครั้งที่เขากล
หลังจากที่โรสอุ้มเจนสันกลับคฤหาสน์ เธอเลือกที่จะโทรหาเจย์เพื่อบอกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น“สวัสดีค่ะท่านอาเรส เจนสันกลับมาถึงคฤหาสน์แล้วนะคะ เจนอยากจะบอกคุณว่า วันนี้เจนสันโดนเพื่อนกลั่นแกล้งที่โรงเรียน ฉันหวังว่าคุณควรจะรู้ถึงเหตุผลที่เจนสันไม่อยากไปโรงเรียน—”หญิงสาวพยายามที่จะอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่ม ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดจบ เจย์กลับเอ่ยแทรกเธอทันที “คุณลอยล์ จะให้ผมเตือนคุณอีกกี่ครั้งว่า คุณไม่มีสิทธิ์มาสอนผมว่าผมจะเลี้ยงลูกตัวเองแบบไหน”คำพูดเหล่านั้นบ่งบอกถึงสิทธิ์ต่างๆที่เจย์มี และเธอไม่มี อย่างชัดเจนโรสถอนหายใจอย่างหมดหวัง“เธอกลับไปได้แล้ว ฉันจะถึงคฤหาสน์ในไม่ช้า” เสียงเข้มกล่าวก่อนวางสายเจย์หันไปสั่งเกรย์สัน “จอดรถไว้ข้างทาง”และในไม่กี่นาทีต่อมา โรสเดินออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลอาเรสพร้อมกระเป๋าข้าวของของเธอ เธอดูเร่งรีบขณะเดินไปที่ป้ายรถเมย์ขณะเดียวกันมือหนากำลังจะเปิดประตูออกไป แต่กลับเปลี่ยนใจในเสี้ยววิให้เกรย์สันขับรถตามเธอไปแทน “ตามเธอไป” เจย์กล่าวเกือบจะสี่สิบถึงห้าสิบนาทีต่อมา รถเมย์ของหญิงสาวได้จอดอยู่ที่หน้าประตูของโรงเรียนสาธิตซีตี้นอร์ทโรลว์-รอย
เด็กน้อยเซ็ตตี้ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ มือเล็กกำเงินเหล่านั้นไว้อย่างงุนงง“ฉันรวยมาก” เจย์เอ่ยพลางโมโห พร้อมแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่พวกต้มตุ๋นหลอกเด็กเซ็ตตี้ยื่นเงินคืนให้ร่างสูง ก่อนจะเอ่ยปากขอโทษแผ่วเบา “หนูขอโทษค่ะ หนูจะไม่เรียกคุณว่าแก๊งลักเด็กอีกแล้ว และหนูก็ไม่ต้องการเงินพวกนี้”ชายหนุ่มแปลกใจ ถึงแม้เด็กน้อยจะยังเด็ก แต่ว่าเธอกลับรู้ที่จะไม่รับของจากคนแปลกหน้าหรือสิ่งที่จะส่งผลเสียต่อเธอการปรากฏตัวของเจย์ต่อหน้าโรสและลูกของเธอทำให้เธอรู้สึกหายใจแทบไม่ออก “เซ็ตตี้จ๊ะ คุณผู้ชายคนนี้คือเจ้านายใหม่ของแม่” เธอกระแอมบอก “ลูกไปเล่นรอแม่ก่อนนะ แม่ขอคุยกับเขาก่อน”เมื่อเด็กน้อยรู้ถึงสถานะของชายตรงหน้ากับแม่ของเธอ เซ็ตตี้น้อยเริ่มต่อรองเจรจาทันที “คุณผู้ชายคะ คุณช่วยลดงานให้คุณแม่ได้ไหมคะ? คุณแม่เหนื่อยมากเลยนะ”ถึงจะไม่อยากยอมรับเธอ เจย์ก็หยุดตัวเองไม่ให้รู้สึกอิจฉาหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ โรสมีลูกสาวที่คอยเป็นห่วงเป็นใยเธอ ช่างหน้าอิจฉาจริง ๆ อย่างไรก็ตาม อารมณ์ครุกกรุ่นที่มีอยู่ในใจกลับเป็นสิ่งที่ไม่เคยลดลง ชายหนุ่มปฏิเสธคำขอของเซ็ตตี้น้อยอย่างไร้เยื้อใย “จำนวนของงานที่ได้ไปมันเหมา
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ