จากนั้นเมื่อได้ยินทฤษฎีการถ่ายทอดวิญญาณของเกรย์สัน หัวใจของเขาก็ไม่สามารถเก็บความหวังและความปีติยินดีที่แผ่ออกมาจากการเป็นอยู่ของเขาในขณะนี้ได้‘เป็นอย่างนั้นได้จริง ๆ เหรอ?’‘เธอกลับมาจริง ๆ เหรอ แองเจลีน?’ทันทีที่เกรย์สันจอดรถโรลส์ รอยซ์ ที่ลานจอดรถทางเข้าของคฤหาสน์ เจย์ก็ผลักประตูให้เปิดออกอย่างรีบร้อนโดยไม่แม้แต่จะพูดอำลาเกรย์สันและเดินตรงดิ่งไปที่ทางเข้าของคฤหาสน์เกรย์สันมองไปที่ท่านอาเรสที่ค่อนข้างผิดปกติและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรท่านอาเรสจะสูญเสียการควบคุมตราบเท่าที่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแองเจลีนเกรย์สันเคยชินกับมันแล้วเจย์ผลักประตูเข้ามา ในบ้านกว้างขวางเงียบสงบเจย์ปิดประตูข้างหลังเขา เอนหลังพิงประตูกันขโมย แล้วหายใจแรง ๆ เมื่อคลายอารมณ์ที่พลุ่งพล่านแล้ว ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นเดินไปชั้นสองเจย์ยืนอยู่ที่มุมบันได แล้วทอดสายตาไปที่ห้องของโรสอย่าง ช้า ๆ และเคร่งขรึม เขาเดินขึ้นไปกับขาที่เรียวยาว เขาเดินเข้าไปในห้องของโรส ทีละก้าวเขายืนอยู่ที่ประตู ยกมือขึ้นเบา ๆ แล้วเคาะประตูโรสเปิดประตู เธออ้าปากค้างตกใจเมื่อเห็นเจย์ชายคนนี้ไม่ควรอยู่ในโรงพยาบาล
โรสประท้วง “คุณอาเรส ฉันใช้เงินเพียง 2,000 เหรียญสำหรับค่ารักษาตัวในโรงพยาบาลของนาย ทำไมนายถึงให้ฉัน 200,000 เหรียญล่ะ?”โรสคว้าโทรศัพท์และกำลังจะคืนเงินให้เขา แต่มืออันใหญ่ของเจย์จับคว้าที่เธอ...เมื่อมือกว้างของเขาวางทับมือเล็ก ๆ ของเธอ สัมผัสของเขาที่โรสรู้สึกบนผิวของเธอทำให้เธอดึงออกไปอย่างตกใจ ติ่งหูของเธอแดงฉานทันทีในขณะที่เจย์จ้องมองไปที่โรสผู้ไร้เดียงสา รอยยิ้มก็เล็ดลอดออกมาจากดวงตาของเขา“เป็นค่าครองชีพของคุณ” เขาอธิบายแล้วดวงตาของโรสเบิกกว้าง “สำหรับค่าครองชีพหนึ่งปีงั้นเหรอ? มากเกินไป นายไม่คิดเหรอ?”เจย์แก้คำพูดของเธอ “เป็นเวลาหนึ่งเดือนเท่านั้น!”โรส "..."“เราควรกินคาเวียร์และหอยนางรมทั้งวันดีไหม? ท่านอาเรส นายอาจไม่กลัวว่าจะมีอาการอาหารไม่ย่อย แต่เด็ก ๆ จะอิ่มเกินไปจากการกินมากเกินไปและจบลงด้วยปัญหาการย่อยอาหาร” โรสมองเจย์ด้วยสีหน้ากังวลเจย์ปวดหัว เธอบอกไม่ได้หรือว่าเขาพยายามลดภาระของเธอด้วยวิธีนี่? ความผิดปกติของสมองที่ไร้เดียงสานี้จำเป็นต้องได้รับการกลั่นกรองอย่างแท้จริง“งั้นก็เป็นค่าอะไรก็ได้” เขาหันกลับมาตอบและจากไปอย่างไรก็ตาม โรสเริ่มกังวล เธอกำลังค
เมื่อมาถึงโรงเรียนอนุบาล ครูขอให้ผู้ปกครองคนอื่นพาลูกกลับบ้านก่อนได้ ดังนั้นเหลือเพียงเจย์และโรสที่จะยังคงยืนอยู่ข้างนอกและรอเจย์ถูกบังคับให้เข้าร่วมฟังประชุมผู้ปกครองของนักเรียน เขาสวมหน้าตาบึ้งตึงอย่างมากบนใบหน้าของเขา เขาดึงใบหน้าขมวดคิ้วขณะที่เขายืนนิ่งมากตอนนี้โรสรู้สึกผิดแล้วเจย์เป็นอัจฉริยะที่คนอื่น ๆ รอคอยมาตลอดตั้งแต่เขายังเด็ก การให้เขารอคนอื่นในวันนี้อาจเป็นการระเบิดของภูเขาไฟที่รอให้เกิดขึ้น ใช่มั้ย?“ท่านอาเรส นายอาจจะกลับไปก่อนก็ได้ ฉันจะอยู่ที่นี่และรอ…” โรสแนะนำอย่างรู้สึกผิดเธอได้ลงโทษปีศาจน้อยทั้งสองเมื่อพวกเขาทำอะไรผิดพลาดเมื่อวานนี้ไปแล้ว แต่วันนี้ ดูเหมือนว่าวิธีการฝึกวินัยของเธอให้ผลลัพธ์น้อยมากจู่ ๆ ครูประจำชั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ได้โปรดอยู่ด้วยค่ะ คุณอาเรส ฉันอยากจะบอกคุณเกี่ยวกับปัญหาการศึกษาของเด็ก ๆ "เจย์พยักหน้าหัวของโรสลดต่ำลงหลังจากส่งผู้ปกครองและนักเรียนคนอื่น ๆ ไปแล้ว ครูก็เชิญเจย์และโรสไปที่ห้องทำงานเจนส์ ร็อบบี้น้อย และ เซ็ตตี้ รออยู่ที่ห้องพักครูเมื่อนานมาแล้ว เมื่อเธอเห็นพ่อและแม่ น้ำตาของ เซ็ตตี้เริ่มไหลลงมาที่ใบหน้าของเธอ“เกิดอะไร
โรสก้มหัวของเธอ เห็นได้ชัดว่าเด็ก ๆ เป็นคนกระทำผิด แต่ทำไมเธอถึงถูกว่ากล่าวตักเตือนแทน?“ฉันผิดเอง ท่านอาเรส” เธอตอบอย่างอ่อนแรงด้วยท่าทางสุภาพรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเจย์ เขานึกถึงใบหน้าของแองเจลีนในวัยเยาว์เมื่อเธอถูกเตือนสติ เช่นเดียวกับที่โรสแสดงตอนนี้เธอจะก้มหัวและดูราวกับว่ามันเป็นจุดจบของโลก เธอจะฟังด้วยความกลัวและความกังวลใจเมื่อเขาตำหนิเธอเจย์จ้องมองไปที่เด็ก ๆ ตัวน้อยและตำหนิอย่างรุนแรง “ไปเถอะ เราจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้”ร็อบบี้น้อยและเจนส์เดินตามหลังพ่อเหมือนซอมบี้เดินสองตัว ถอนหายใจอย่างหดหู่โรสจับมือของเซ็ตตี้ที่น้ำตาไหลและเดินตามเขาไปอย่างกระสับกระส่ายเมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน เจย์ก็นั่งบนโซฟาอย่างเงียบ ๆ เขาไขว้ขาเรียวยาวขณะจ้องมองไปที่เด็ก ๆ ตัวน้อยสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าเข้มโรสยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ดูเหมือนสัญญาณไร้สายที่แรงที่สุดแม่และลูกสามคนกำลังหยุดนิ่ง ก้มศีรษะและจ้องมองที่นิ้วเท้าของพวกเขา พวกเขากลัวเกินกว่าที่จะมองเข้าไปในดวงตาของเขา“เงยหน้าขึ้น” เจย์สั่งอย่างเย็นชาพวกเขาสี่คนเงยหน้าขึ้นพร้อมเพรียงกัน สายตาที่น่าสงสารของพว
เซ็ตตี้น้อยหลั่งน้ำตาออกมาขณะที่เธอโอบตัวเองในอ้อมแขนของแม่และคร่ำครวญอย่างเศร้าสร้อย“แม่ เพื่อนร่วมชั้นของหนูบอกว่าหนูมีแต่แม่ที่ยากจนและไม่มีพ่อรวย”เซ็ตตี้สูดหายใจด้วยความเศร้าขณะที่เธอหายใจไม่ออก “ครูบอกในชั้นเรียนว่านี่เรียกว่ามีแม่คนเดียวกันแต่คนละพ่อ”“เพื่อที่จะยุติเรื่องนี้ของหนู ร็อบบี้ดุเด็กกลุ่มที่หัวเราะเยาะหนูในขณะที่เจนสันเถียงกับครูเพราะหนู”“มันเป็นความผิดของหนูทั้งหมดเลยค่ะ แม่ ร็อบบี้และเจนส์ถูกดุเพราะหนู หนูไม่ใช่เด็กดี”โรสรู้สึกราวกับว่าเธอถูกเข็มทิ่มแทงหลังจากได้ยินสิ่งที่ลูกพูดเห็นได้ชัดว่าพ่อผู้ให้กำเนิดของเธออาศัยอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันกับเธอ แต่ความรู้สึกแปลกแยกที่เขาแสดงออกต่อหน้าเซ็ตตี้ได้ทำลายหัวใจอันเปราะบางของเด็กซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลก็คือ เซ็ตตี้ได้รับผลกระทบอย่างมากเมื่อเพื่อนคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะเธอที่ไม่มีพ่อ นั่นคือสาเหตุที่เธอร้องไห้อย่างเศร้าสร้อยทันใดนั้นเธอก็จับมือของเซ็ตตี้และเดินไปที่ห้องทำงานของเจย์เธอตัดสินใจแล้ว แม้ว่าจะหมายความว่าเธอจะต้องสูญเสียทุกสิ่งตราบใดที่ลูก ๆ ของเธอเติบโตอย่างมีสุขภาพจิตที่ดีและมีความสุข เธอก็เต็มใจที่จะใช้
โรสมองไปที่ฌอนด้วยความประหลาดใจ “เขามาทำอะไรที่นี่?”เจย์ดูพูดไม่ออก เขาหันหน้ามาและถามโรสด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอไม่ใช่เป็นคนที่เชิญเขามาเหรอ?”โรสส่ายหัว “ไม่ใช่ฉัน”ความเย็นจัดในดวงตาของเจย์จางหายไปเล็กน้อย ขายาวและเรียวของเขาก้าวไปข้างหน้าในขณะที่เขาเดินออกจากประตูเหล็กระหว่างกำแพงอิฐลายดอกไม้ด้วยท่าทางที่น่ากลัวเมื่อฌอนเห็นเจย์ เขายืนตัวตรงและมองไปที่เจย์ด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์“ฌอน นายพยายามจะเข้ามาหาผมหรือเปล่า? ทำไมนายถึงยืนอยู่หน้าประตูของผมแต่เช้าเลย?” ดวงตาประกายที่น่าหลงใหลของเจย์เต็มไปด้วยรอยยิ้มจาง ๆรอยยิ้มพราวของฌอนหายไปอย่างไร้ร่องรอย “คุณอาเรส นายไม่ใช่เหตุผลว่าทำไมวันนี้ผมจึงมาอยู่ที่บ้านของอาเรส ผมมาที่นี่เพื่อคุณลอยล์คนสวย”เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็เหลือบไปมองโรสอย่างยั่วยวนที่กำลังตามหลังมาอย่างใกล้ชิดโรสรู้สึกอายมากจนกระวนกระวายที่จะขุดหลุมฝังดินเพื่อตัวเองเจย์หันกลับมาและจ้องไปที่โรสอย่างนิ่ง ๆ สังเกตวิธีที่เธอแสดงท่าทีกับสิ่งต่าง ๆ เรื่องนี้โรสถามอย่างสงสัย “มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า? ถึงมาที่นี่”ใบหน้าที่ร่าเริงและมีเสน่ห์ของฌอนบ่งบอกถึงความน่าอาย
โรสอยากรู้จริง ๆ ว่าทำไมสเตฟานี่ถึงไม่ชอบเธอขึ้นมาในเมื่อไม่มีความเป็นศัตรูกันมาก่อนระหว่างพวกเธอโรสเหลือบมองฌอนแล้วพูดว่า “รอที่นี่นะ ฉันจะไปส่งเด็ก ๆ ไปโรงเรียนอนุบาลและกลับมาให้เร็วที่สุด”เธอปฏิเสธที่จะไปกับฌอนเพราะกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไร้เดียงสาของพวกเขาฌอนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “คุณคิดว่าผมยังไม่ดีพอหรือเปล่า? หรือคุณอายที่จะเดินไปกับผมใช่ไหม?”โรสตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉันกังวลว่าข่าวลือจะทำร้ายเด็ก ๆ”ฌอนสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากได้ยินสิ่งที่เธอพูดและความรู้สึกแปลก ๆ ก็กระเพื่อมในหัวใจของเขาเขาสะดุ้ง!การที่ลูกมีแม่ที่มีน้ำใจเช่นนี้เป็นพรที่ดีอย่างแน่นอนท้ายที่สุด ในความรู้สึกเขาไม่เคยรู้สึกอบอุ่นจากพ่อแม่มาตั้งแต่เด็กจากสิ่งที่เขาจำได้ พ่อแม่ของเขาเพิ่งทะเลาะกันไม่จบสิ้นต่อหน้าเขานับตั้งแต่เขาโตพอที่จะจำความได้ พ่อของเขาออกไปทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและลงเอยด้วยความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น ๆ แม่ของเขาทุ่มความคิดทั้งหมดเพื่อแย่งสามีของเธอกลับมา ดูสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนท้ายนั้นสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น?พ่อของเขาแต่งงานกับคนอื่น ในขณะที่แม่ขอ
เมื่อเจย์มาถึงแกรนด์เอเซีย เกรย์สันก็รอเขาอยู่นานแล้วเขาวิจารณ์ในใจว่าท่านอาเรสดูเหมือนจะมาทำงานสายกว่าแต่ก่อนนิดหน่อย!หลังจากเจย์นั่วลง เขาก็พลันดึงกระดาษเอสี่ออกมาทันที แล้วหยิบปากกาขึ้นมา ก่อนจะเขียนหมายเลขจำนวนไม่น้อยลงไปเกรย์สันดูหมายเลขโทรศัพท์นั้นแล้วถามอย่างประหลาดใจ "นั่นไม่ใช่เบอร์มือถือของโรสหรอกเหรอครับ?"เจย์ส่งมันให้เกรย์สัน "เช็คมัน"เกรย์สันมีท่าทางภูมิใจ ท่านประธานไม่ได้อธิบายรายละเอียดว่าต้องการให้เขาตรวจดูอะไรกันแน่ เขาจะพอใจต่อเมื่อเขาขุดข้อมูลทุกอย่างของโรสรึไง?เกรย์สันหยิบกระดาษนั้นที่มีเบอร์มือถือขึ้นมาแล้วเดินออกไป เขาส่งมันให้แผนกความปลอดภัยทางไซเบอร์และสั่งด้วยความเร่งด่วนสูงสุด "ดักข้อมูลเครือข่ายโทรคมนาคมด่วน แล้วดึงข้อมูลทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์นี้"เกรย์สันใช้มือของเขาค้ำโต๊ะไว้แล้วกล่าวด้วยความจริงจังขั้นสูงสุด "ท่านอาเรสบอกว่าแค่สองคำ เช็คมัน ฉันมั่นใจว่าทุกคนคงรู้ความหมายดี ใช่ไหม?"ทุกคนในแผนกเงยหน้าขึ้นมามันก็แค่การตรวจสอบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเบอร์นี้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมท่านอาเรสกับคุณเกรย์สันถึงทำเหมือนพวกเขาทกำลังสืบเรื่องล
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ