ความเข้าใจของเขาต่อเธอนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่คืนนั้นเมื่อเจ็ดปีก่อน เธอทำให้ตัวเองเป็นคนโง่ในงานแต่งงาน โรส ลอยล์ ในฐานะว่าที่ภรรยาของเจย์ เธอควรที่จะเป็นจุดสนใจของคืนนั้น แต่เธอกลับกรีดร้องเมื่อเธอเห็นเขาเหมือนเธอเห็นผี ท่าทางของเธอในวันนั้นเหมือนกับแฟนคลับที่เพิ่งเจอไอดอลที่ชื่นชอบ เธอทั้งกอดและคลอเคลียเขาต่อหน้าทุกคนมันเหมือนพวกเขาเป็นคู่รักที่ได้พบกันอีกครั้งหลังจากแยกจากกันมานานเขาเสียภาพลักษณ์ทั้งหมดเพราะเธอในวันนั้นจากนั้นมา เขาก็พิจารณาให้ลูกสาวนอกสมรสของตระกูลลอยล์เป็นคนบ้านนอกไร้อารยะหลังจากการแต่งงาน เขาก็ไล่เธอไปห่าง ๆ เหมือนรองเท้าเก่า ๆเขาหวังว่าเขาจะผ่านมรสุมวิกฤษการเงินไปแล้วหย่ากับเธอ โชคไม่ดี แม่สาวบ้านนอกไร้อารยะในสายตาของเขานั้นไม่ได้ใสซื่อไร้เดียงสาแบบที่เขาคิดไว้ เธอจัดฉากแล้วฉกเอาความบริสุทธิ์ไปจากเขาจากนั้นมา ความเกลียดชังต่อเธอของเขาก็เข้มข้นมาก ความโกรธของเขาบดบังคุณธรรมทั้งหมดของเธอหลังจากตำหนิการกระทำต่าง ๆ ของเธอซ้ำ ๆ ในที่สุดเจย์ก็สังเกตได้ว่าเขาอาจจะเข้าใจเธอผิดไปมันเป็นความจริงที่เธอเป็นลูกสาวนอกสมรสของรอยอัน ลอยล์ แต่เขาไม่รู้ว่าว่าก
'งั้นเธอก็ไม่ได้หวังเงินหรือความรักจากฉัน แต่ต้องการเพียงแค่ให้ฉันปฏิบัติกับเซ็ตตี้น้อยให้ดีขึ้นเล็กน้อย?'อย่างไรก็ตาม เจย์นั้นไม่พอใจเท่าไหร่กับการอธิบายของโรส เขาขมวดคิ้วแล้วถามโรสอย่างเย็นชา "อะไรที่เธอหมายถึง 'ความคาดหวังที่เป็นไปไม่ได้'?"โรสมองความโกรธเคืองของเขาแล้วกล่าวอย่างเขินอาย "ท่านอาเรส นายคงคิดว่าฉันต้องการแต่งงานกับนายอีกครั้ง และนั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกให้เซ็ตตี้น้อยเป็นมิตรกับนายสินะ ไม่ต้องห่วง ท่านอาเรส มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น""ฉันมีสติเพียงพอที่จะไม่กลับไปหาอดีต ท่านอาเรส นายไม่ได้แสดงความสนใจต่อฉันเลยหกปีก่อน และฉันเองก็ไม่ได้หวังให้นายมาสนใจฉันอยู่แล้ว""ฉันจะไม่แต่งงานกับนายอีกแล้ว ฉันแค่หวังจะเห็นเด็ก ๆ ของฉันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี เท่านี้ชีวิตฉันก็ไม่เสียใจอีกแล้ว"ดวงตาของโรสเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเมื่อเธอกล่าวคำพูดพวกนั้นด้วยน้ำเสียงที่เปล่าเปลี่ยวมันเป็นสัญญาณของการยอมรับความจริงที่เจ็บปวดของชีวิตเจย์ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่มองโรส เธอไม่เคยเดินผ่านชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลสถึงสองครั้งได้เลย มันคงยากสำหรับเธอมาก"ฉันขอถามหน่อย… พ่อของเซ็ตตี้อยู่ที่ไหน?"
เจย์ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อนในชีวิตมันทรมานขนาดนี้เขา ผู้ที่เป็นชายที่กล้าหาญ ไม่กล้าที่จะยืนยันศพของเธอ และไม่กล้าไปเข้าร่วมงานศพหรือแม้แต่เยี่ยมหลุมศพของเธอ...เขาไม่กล้าเข้าใกล้ทุกอย่างที่ทำให้เขานึกถึงเธอ และเขาก็ระมัดระวังในการเก็บงำความรู้สึกเอาไว้เขาเก็บความรู้สึกทุกข์ทนในใจที่แสดงออกมาทางสายตาและคงท่าทางสุขุมและเมินเฉยของเขา "เธอไม่ใช่ฉัน เธอจะรู้ได้ยังไงว่าฉันรู้สึกแบบไหน?" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำโรสเบะปากที่งดงามและฉ่ำของเธอเล็กน้อย 'ถ้านายรู้ว่ารักคืออะไร ทำไมนายถึงปล่อยให้แองเจลีน เซเวียร์ ตัวฉันในอดีต ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานการณ์กดดันแล้วตายอย่างไม่ได้รับการเปิดเผย?' เธอกระซิบกับตัวเองในใจตลอดการเดินทางกลับคฤหาสน์เงียบงัน จากระยะห่าง พวกเขาเห็นโจเซฟินยืนอยู่ที่หน้าประตูและสวมชุดเดรสสั้นสีแดง ประดับประดาด้วยเครื่องประดับ ท่าทางสง่างามและสูงส่งของเธอพังครืนลงเมื่อเธอเห็นเจย์และโรสเดินมา เธอโบกมือให้พวกเขาด้วยสองแขนของเธอแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้น"พี่! พี่สะใภ้!"ใบหน้าของเจย์พลันกลายเป็นหงุดหงิดอย่างน่ากลัว เขาเดินจ้ำอ้าวไปที่น้องสาวเขาแล้วกล่าวด้วยท่าทางมืดมน
'เอ่อ...'ปัญหานี้ไม่ได้เข้ามาในหัวของโรส การเตือนของเจย์นั้นทันเวลาพอดี เธอไม่มีชุดที่เหมาะสมกับงานสังสรรของสังคมชั้นสูงจริง ๆ เธอหลบอยู่ที่บ้านมาตลอดหลายปี เธอพยายามอย่างที่สุดเพื่อเลี้ยงเด็ก ๆ ดังนั้นเธอเลยไม่ต้องการชุดพวกนั้นโจเซฟินเป็นลูกสาวของตระกูลอาเรส และงานวันเกิดของเธอก็จะต้องฟุ่มเฟือยแบบสุด ๆ ผู้เข้าร่วมงานย่อมต้องเป็นบุคคลร่ำรวยและประสบความสำเร็จในธุรกิจของตัวเอง หากเธอใส่เสื้อผ้าธรรมดา ไม่ใช่เพียงแค่เธอจะโดนเหยียดหยาม แต่โจเซฟินจะต้องอับอายเพราะเธอด้วย"โจเซฟิน ฉันขอโทษด้วย ฉันคงไม่..." สัญชาตญาณแรกของโรสคือการปฏิเสธคำเชิญของโจเซฟินทันทีอย่างไรก็ตาม โจเซฟินคว้ามือของโรสและไม่ปล่อย "พี่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน โรส พี่เป็นคนเดียวที่ฉันพูดเปิดอกอย่างจริงใจได้หลังจากที่ฉันกลับมาที่ประเทศนี้ ถ้าพี่ไม่อยู่ที่นั่น งานก็คงน่าเบื่อและไม่น่าสนใจ ถ้าพี่ไม่มีชุดหรือเครื่องประดับ ฉันจะให้พี่เอง ได้โปรดมาเถอะ ได้ไหม?" เธอกล่าวอย่างออดอ้อนกับโรสโรสถูกรั้งไว้ระหว่างงานของเธอกับคำเชิญของโจเซฟินเจย์จนปัญญาเมื่อเขามองน้องสาวของตัวเอง "เธอจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีผู้หญิงคนนี้ในชีวิตร
หลังจากเห็นโจเซฟินจากไป เจย์ก็กลับไปที่คฤหาสน์ของเขาแล้วเดินตรงไปที่ของโรสเขาเคาะประตูห้องของโรส โรส ผู้สวมแว่นกรอบสีดำหนาเตอะ เปิดประตูออกมาแล้วมองเจย์อย่างสับสน"นายหาฉันเหรอ ท่านอาเรส?"ปกติเจย์พยายามหลบโรสทุกครั้งที่ทำได้ นรกต้องถูกแช่แข็ง และหมูต้องบินขึ้นฟ้าแน่เลยคราวนี้"ฉันจะจ่ายสำหรับเสื้อผ้าและเครื่องประดับเพื่อร่วมงานวันเกิดของโจเซฟินให้เธอเอง ฉันจะจ่ายค่าชดเชยงานที่ทำไม่เสร็จด้วย ถ้ามีเงื่อนไขอื่นอีก เธอก็แค่จดมันไว้" เสียงของเจย์เหมือนเจ้านายกำลังสั่งคนรับใช้ของเขาโรสแปลกใจเล็กน้อย ไม่ใช่แค่เจย์จะรักแค่ลูกชาย แต่เขายังตามใจน้องสาวด้วยยังไงก็ตาม เขากลับไม่มีความรู้สึกให้เธอเลย"ท่านอาเรส ถ้าฉันรับเงินช่วยเหลือ ฉันคงไม่มีทางมองหน้าโจเซฟินได้อย่างจริงใจ ไม่ต้องห่วง ฉันจะปรากฏตัวในงานคืนนี้ ฉันจะหาเสื้อผ้าและเครื่องประดับของฉันเอง อีกอย่าง โปรดอย่ามารบกวนในเวลาที่ฉันทำงาน"หลังจากนั้น โรสก็ปิดประตูห้องท่าทางของเจย์มืดมนอย่างมาก เมื่อประตูถูกปิดใส่หน้าเขาเขาหันหลังและทำท่าจะเดินจากไปในตอนที่ประตูห้องโรสเปิดอีกครั้ง เจย์หันหลังด้วยรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าเขารู้ว่า
เด็กทั้งสามมองเจย์ในเวลาเดียวกัน เจย์รู้สึกว่าการตอบสนองของเขาอาจดูจู้จี้ไป เขาจริงกลับมาดูนิ่งเงียบเช่นเดิม "พวกลูกรู้ไหม? มีคนอยู่สามประเภท คนจากระดับบนสุดที่สั่งการ คนจากระดับกลางที่รับคำสั่ง และคนจากระดับต่ำสุดที่รู้จักแค่ประจบและมอบคลาน"เด็กทั้งสามฉลาดพอที่จะเข้าใจว่าพ่อของพวกเขากำลัวบ่งบอกว่าแม่เป็นคนระดับล่างสุดร็อบบี้น้อยสับสน "นั่นแปลกนะครับ ปกติคุณแม่ไม่ได้เป็นแบบนี้! คุณแม่บอกว่าพวกเราควรมีศักดิ์ศรีในตัวเองแล้วครองโลกด้วยความสามารถที่ตัวเองมี!"เซ็ตตี้น้อยดูเหมือนจะจับใจความของพี่ชายได้ เธอกล่าว "หนูรู้!" เธอตะโกน "คุณแม่ต้องตกหลุมรักกับหัวหน้าคนใหม่แน่! วันก่อนคุณแม่บอกว่าเจ้านายคนใหม่ของเธอเป็นผู้ชายคนแรกที่ปฏิบัติกับเธอเหมือนมนุษย์หลังจากผ่านมานาน"ร็อบบี้น้อยเหลือบมองน้องสาวของเขาด้วยหางตา เขากลัวว่าคุณพ่ออาจจะอิจฉาแล้วตะโกนว่า "นั่นไม่จริง! คุณแม่บอกว่าเธอรักแค่คุณพ่อและไม่มีใครอีก"โรสเดินลงมาที่บันไดพิดี เธอเกือบสะดุดตกบันไดแล้วตอนที่เธอได้ยินร็อบบี้น้อยพูดเจย์ไม่ได้ฟังร็อบบี้น้อย เขามองโรสผู้ที่แก้มแดงแล้วคาดเดาเธออย่างซุกซน "ฉันสงสัยจริงว่าเจ้านายคนใหม่ของเ
"ไม่ว่าเธอจะดูน่าสงสารขนาดไหน เธอก็ต้องมีด้านที่น่ารังเกียจ" เจย์จ้องเจย์อย่างดูถูก เขาไม่อยากจะพูดอะไรกับเธออีก เขาหันหลังแล้วพูดกับเด็ก ๆ แทน "ขึ้นไปข้างบนแล้วแต่งตัว คุณพ่อจะพาลูก ๆ ไปงานวันเกิดของน้าโจเซฟิน"เด็ก ๆ ดีใจแล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดไปโรสถอนหายใจ ดวงตาของเธอมีม่านน้ำ เธอปิดตาลงเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมาเธอรู้ว่าเขาไร้ความรู้สึกใดให้เธอ แล้วทำไมเธอยังหวังให้เขามีอีก?โดยไร้ซึ่งความคาดหวัง เธอก็จะไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ทนอีกโรสปัดความคิดที่เศร้าสร้อยออกไปแล้วเดินผ่านประตูหน้างานวันเกิดของโจเซฟินนั้นจัดที่คลับของ แกรนด์ เอเซียมันเป็นโถงขนาดมหึมา เพดานนั้นตกแต่งให้เหมือนท้องฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยดวงดาว ทะเลดอกไม้นั้นประดับประดาตลอดสองข้างของพรมแดงแขกนั้นยังอายุไม่มากและดูดี พวกเขาเดินไปมาในโถงพร้อมแก้วแชมเปญและไวน์ เป็นภาพที่น่ารื่นรมย์แสงประกายของทองคำและอัญมณีวิบวับในดวงตา ปาร์ตี้นี้หรูหราแบบสุด ๆแขกทั้งหลายสวมชุดอันฟุ่มเฟือยเพื่อแสดงถึงอำนาจและความมั่งคั่งของตระกูลพวกเขาตระกูลอาเรสซึ่งเป็นเจ้าภาพของงาน โจเซฟิน อาเรส จึงควรถูกจัดให้เป็นจุดสนใจอย่างไ
เสียงของเธอดูเฉยฉาเมื่อเธอกล่าวออกมา แต่คำพูดของเธอนั้นลอดผ่านฟันที่กัดแน่น ไม่มีใครสังเกตความน่าสยดสยองในสายตาของเธอเลยเธอเกลียดโรส ลอยล์ ถ้าไม่ใช่เพราะโรส เธอคงยังคบอยู่กับเจย์เธอต้องการให้โรสกลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนเกลียดและอิจฉา เธอต้องการเห็นว่าโรสจะอับอายยังไงเมื่อผู้หญิงคลั่งรักมากมายตามตัวเธอ"โรส ลอยล์? ใครกันน่ะ?"หญิงสาวหงุดหงิดกันในทันทีเมื่อมีคู่แข่งปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันหัวข้อพูดคุยกลายเป็ยโรส ลอยล์ ไปแล้วแนนซี่ดีใจมากที่ได้เปิดเผยตัวตนของผู้หญิงที่ถูกปิดบังไว้กับพวกเธอ "เธอเป็นภรรยาเก่าของท่านอาเรส! เธอเป็นลูกสาวของตระกูลลอยล์ แต่มีข่าวลือว่าเธอถูกเลี้ยงขึ้นมาในหมู่บ้านบนภูเขาและกลับไปที่ตระกูลลอยล์ในสมัยที่เธอเรียนมัธยมปลาย ไม่แปลกหรอกที่พวกคุณจะไม่เคยได้ยินชื่อเธอมาก่อน"ผู้หญิงบางคนแสดงท่าทางดูถูกออกมา "โอ้ โตในหมู่บ้านบนภูเขา? นั่นจะทำให้เธอเป็นคนป่าเถื่อนไร้การศึกษาแน่! ทำไมท่านอาเรสถึงไปตกหลุมรักผู้หญิงแบบนั้น?"เธอกล่าวต่อ "ไม่ใช่เพียงโรส ลอยล์ จะมาจากหมู่บ้านบนภูเขา แต่เธอยังเป็นลูกนอกสมรส ตระกูลลอยล์กำลังจะล้มละลาย การตกอับของผู้หญิงบ้านนอกนั่นกำลังม
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ