ผู้ชายนั้นใส่เสื้อคลุมกันลม ร่างสูงระหงของเขารวมกับใบหน้าหมดจดทำให้เขาดูเด็กมากมีสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างชายคนนั้น เธอใส่แว่นกันแดด ถักเปียสไตล์ฮิปฮอป ใส่กางเกงตัวโคร่งและเสื้อเอวลอยพอดีตัว เธอดูเหมือนพวกสาวหัวขบถเซย์นจ้องคู่หนุ่มสาวนั้นอย่างอึ้ง ๆ ก่อนชมพวกเขาอย่างเรื่อยเปื่อย “หนุ่มหล่อนั้นดูดีมาก นอกจากปีศาจโอ๋เมียคนนั้นแล้ว เขาก็เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีเป็นลำดับสองที่ฉันเคยเห็นเลย”ทันทีที่เขาพูดจบ คู่รักวัยรุ่นนั้นก็เดินเข้ามาหาเซย์น เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังกดข่มรุนแรงที่แผ่ออกมา“นายคิดจะทำอะไร?” เซย์นดึงโจเซฟินมาหลบไว้ด้านหลังและเดินไปเผชิญหน้า “ฉันก็แค่เรียกนายว่าหนุ่มหล่อแค่นั้นเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมกัน? ฉันเรียกว่าหนุ่มหล่อไม่ได้เหรอ?”“ดูให้ดี ๆ สิว่าฉันเป็นใคร” เจย์ชี้จมูกตัวเองเสียงที่คุ้นหูทำให้เซย์นตัวแข็งทื่อ “เวรเอ๊ย คุณเองเหรอ?”จากนั้นเขาก็หันไปมองแองเจลีน “งั้นสาวสวยตรงนี้ก็คือน้องสาวฉันเหรอ?”แองเจลีนวางมือเรียวงามของเธอบนบ่าของเซย์นก่อนที่จะเต้นแบบเซ็กซี่ไปรอบ ๆ ตัวเขาเมื่อเทียบกับแองเจลีนที่อ่อนโยนนุ่มนวล เธอดูผิดไปเป็นคนละคนเลยเจย์รู้สึกว่าขัดหูขัดตามาก เขาจึง
พ่อและลูกสาวคู่นั้นต่างก็ยังยืนโอ้เอ้อยู่ตรงทางเดินข้าง ๆ เจย์และเริ่มโต้เถียงกัน“หนูไม่อยากได้ลูกอม” เด็กหญิงตัวน้อยพูดกับพ่อของเธอเสียงเหี้ยมหากเจ้าหมอนี่อยากเล่นบทเป็นพ่อเธอนัก อย่างน้อยก็น่าจะหาดูหน่อยว่าเธอชอบอะไรหรือมีงานอดิเรกอะไรไหม?‘ชาย’ คนนั้นดูมีความอดทนเป็นเยี่ยม เขาคงจะเป็นพ่อที่อ่อนโยนที่สุดในโลก “พ่อดีใจที่หนูไม่ชอบลูกอม เพราะลูกอมมันไม่ดีสำหรับหนู กินมากไปก็ทำให้ฟันผุแล้วก็ทำให้ดูไม่ดี ถ้าเกิดลูกไม่ได้แต่งงาน พ่อก็ต้องเลี้ยงลูกนานไปอีกหลายปีน่ะสิ” เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ เขาก็ไอออกมาหลายครั้งเพื่อให้เห็นว่าเขานั้นแก่แล้วการเดินทางนี้เป็นการเดินทางที่เหนื่อยมาก เพราะว่าไม่มีการพักเบรกระหว่างการเปลี่ยนเครื่องครั้งที่สอง แองเจลีนนั้นรู้สึกง่วงงุนและหลับตาลง ดูเหนื่อยล้าหมดแรงหลังจากที่เจย์รัดเข็มขัดให้เธอ เธอก็เอนหัวพิงไหล่ของเขาไว้และงีบหลับไปแต่ตรงที่นั่งฝั่งทางเดินตรงข้ามนั้น ทั้งพ่อและลูกสาวจู่ ๆ ก็เพิ่มเสียงดังขึ้น เด็กหญิงตัวน้อยบอกกับพ่อด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า “ไม่มีใครขอให้พ่อมาดูแลหนู ทำไมพ่อไม่ดูแลตัวเองก่อนล่ะ?”“ฟังที่ตัวเองพูดบ้างไหมเนี่ย? พ่อเป็นพ่อ
เด็กหญิงอายจนหน้าแดงแต่เมื่อเธอคิดถึงตัวตนของตัวเอง เธอก็รู้สึกว่าตนควรจะสามารถต่อสู้ผ่านความลำบากทุกอย่างได้“ฉันจะยอมให้นายจูบหน้าผากกับแก้มฉันแค่นั้น”“แบบนั้นมันไม่ใช่การแสดงความรักระหว่างพ่อกับลูกหรอกเหรอ? นี่แปลว่าลึก ๆ เธอยังชอบเป็นลูกสาวของฉันอยู่ล่ะสิ”เด็กหญิงไม่มีอะไรจะเถียง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงหันหน้าหนีไปอีกด้านและไม่สนใจเขาชายผู้นั้นถอนใจเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการพาเธอออกมาข้างนอกจะไม่ช่วยให้เธออารมณ์ดีขึ้นแต่อย่างใดขณะที่เครื่องบินออกตัว บรรดาผู้โดยสารต่างก็งีบหลับหรือไม่ก็เล่นโทรศัพท์ ทั้งห้องโดยสารนั้นเงียบสนิทหลังจากเที่ยวบินยาวสี่ชั่วโมง เครื่องก็ลงจอดยังที่หมายเจย์สะพายกระเป๋าเดินทางไว้บนหลังและมืออีกข้างจูงแองเจลีน ขณะที่มีคนอื่น ๆ เดินผ่านไปรอบตัวเธอ เขาดึงเธอเข้ามาโอบไว้แบบนี้แองเจลีนก็จะรู้สึกปลอดภัยภายใต้การปกป้องของเขาแม้ว่าเธอจะตาบอดก็ตามหลังจากที่คู่พ่อลูกลงจากเครื่อง ดวงตาล้ำลึกของคนพ่อก็จ้องเจย์และแองเจลีน ตาคู่งามของเขาดูลุ่มลึกและเขาเงียบไปเด็กหญิงดึงมือเขา “ดูอะไรอยู่น่ะ?”“พวกเขาเหมือน…” ก่อนที่จะได้พูดจบประโยค เสียงเ
เจย์กอดแองเจลีนไว้ในอ้อมแขนและไม่นานพวกเขาก็มาถึงท่ารถนอกเหนือไปจากการเดินทางโดยรถส่วนตัวเแล้ว การไปประเทศพีชบลอสซั่มนั้นพวกเขาต้องต่อรถสาธารณะที่ท่ารถการเดินทางจากท่ารถไปที่ประเทศพีชบลอสซั่มนั้นใช้เวลาอีกหกชั่วโมง อีกอย่างเส้นทางก็คดเคี้ยวไม่ปลอดภัย การนั่งรถสะเทือนไปมาทำให้โจเซฟินเวียนหัวเพราะว่าเธอไม่เคยโดยสารรถสาธารณะมาก่อน“สามี ฉันจะตายอยู่แล้ว อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลม…” โจเซฟินร้องออกมาหลังจากนั้นเธอก็อาเจียนออกมา เซย์นลูบหลังเธอพร้อมร้องโหยหวน “ที่รัก เธอเป็นอะไรไหม? อย่าทำให้ฉันกลัวสิ”เจย์มองพวกเขาอย่างรังเกียจ “มันก็แค่อาการเมารถ เธอไม่ตายหรอก หยุดทำตัวโอเวอร์ได้แล้ว”เซย์นถือถุงขยะที่ใส่อาเจียนของโจเซฟินไว้และไม่รู้ว่าจะเอาไปทิ้งที่ไหน เจย์หน้าดำทะมึนเหมือนถ่านเพราะความขยะแขยง “โยนทิ้งไปซะที ให้ตายเถอะ นายจะเก็บไว้ใช้ตอนคริสต์มาสเหรอไง?”เซย์นรีบเปิดหน้าต่างและโยนถุงขยะลงหน้าผาไปหลังจากนั่งรถสั่นสะเทือนมานานหนึ่งชั่วโมง แองเจลีนก็บอกว่า “เจย์… สามี ฉันคิดว่าฉันก็เวียนหัวเหมือนกัน”แองเจลีนนั้นเคยชินกับการเรียกเขาว่าเจย์บี้ ดังนั้นเธอจึงยังไม่ชินกับการที่จู
เจย์พูดกับเซย์น “ไปเดินถามรอบ ๆ สิแล้วหาว่าโรงแรมฟลาวเวอร์ ซิตี้อยู่ไหน”เซย์นชี้หน้าตัวเองและถาม “ทำไมต้องเป็นผม?”เจย์ตอบ “เพราะว่านายเป็นคนไร้ประโยชน์ที่สุดในหมู่พวกเราไง นายต้องโดนฝึกไว้”เซย์นร้องครวญครางและเดินหายไปกลางฝูงชนในที่สุดเซย์นก็เข้าใจบางเรื่องแล้วว่าการทะเลาะกับเจย์นั้นเสียเวลาไปเปล่า ๆเซย์นเจอสาวสวยสามคนและเข้าไปถามทางพวกเธอ แต่เขาก็ไม่ได้เรื่องอะไรจากพวกเธอดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากกลับมาอย่างสิ้นหวังเขายักไหล่และโบกมือให้เจย์ “พวกเธอเข้าใจว่าผมพูดอะไร แต่ผมไม่เข้าใจสักนิดว่าพวกเธอพูดอะไร”เจย์รำคาญใจ “ทำไม่นายไม่เรียนภาษาถิ่นทางเหนือไว้บ้างก่อนที่เราจะมาที่นี่?”เซย์นเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่มันตรรกะอะไรกัน? อย่าบอกนะว่าผมต้องไปเรียนทุกภาษาในโลกก่อนที่เราจะเดินทางน่ะ?”เจย์ส่งสายตาให้เกรย์สันและเกรย์สันก็ออกไปถามทางคนอื่น เขาพูดภาษาถิ่นทางตอนเหนือได้อย่างคล่องแคล่วและไม่นานเขาก็ได้คำตอบที่ต้องการเกรย์สันรีบจ้ำกลับมาและบอกว่า “โรงแรมฟลาวเวอร์ ซิตี้นั้นอยู่ที่ตีนเขาจันทร์กระจ่างห่างจากที่นี่ไปหกไมล์ เรานั่งรถแท็กซี่ไปได้ครับ”เซย์นอับจนคำพ
เจย์หน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินเช่นนั้น แองเจลีนไม่สามารถรับความกังวลใจมากเกินไปได้ ไม่เช่นนั้นอาการของเธอจะแย่ลงเจย์พูดอย่างกระวนกระวาย “แองเจิลที่รัก ถ้าเธอกลัวเราเปลี่ยนไปโรงแรมอื่นก็ได้นะ?”แองเจลีนยิ้มและส่ายหน้า “ตราบใดที่ได้อยู่กับคุณ ฉันไม่กลัวหรอก”เจย์รู้สึกว่าน้ำหนักที่กดทับอยู่ถูกยกออกไป เขาหันไปจ้องเซย์นเขม็งอย่างดุดันที่ทำให้เขาต้องตกใจเซย์นสะอื้นและบอกว่า “พี่ใหญ่… ผมกลัวนี่ ช่วยใส่ใจความรู้สึกผมบ้าง ผมก็เป็นแค่ชายอ่อนแอ ผมสู้เอาชีวิตรอดไม่ได้หรอก ที่สำคัญอีกเรื่องนะผมเองก็เพิ่งแต่งงานกับภรรยาสวยขนาดนี้ ถ้าต้องตายก่อนได้ใช้ชีวิตมันไม่น่าเศร้าไปหน่อยเหรอ?”เจย์เมินเขาและบอกกับพนักงานต้อนรับว่า “ขอให้พวกเราสามห้องครับ”พนักงานต้อนรับต้องพ่ายแพ้กับความกล้าหาญของพวกเขา เธอตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนที่จะส่งคีย์การ์ดสามใบให้เจย์ชำเลืองมองเซย์นที่ตัวสั่นด้วยความกลัวและบอกกับพนักงานต้อนรับว่า “ขอเหล้าดี ๆ ให้เขาสักสองสามขวดด้วย”จากนั้นเขาก็ขึ้นไปชั้นบนพร้อมคีย์การ์ดในมือห้องนั้นอยู่สุดทางเดินบนชั้นสอง แสงไฟบริเวณนี้สลัว อีกอย่างโรงแรมนี้ก็ไม่มีคนมากนัก ดังนั้นเมื่อพวกเขา
เมืองทางเหนือนั้นหนาว ดังนั้นเมื่อเซย์นอยากให้แองเจลีนดื่มด้วยกัน เจย์ก็ไม่ได้ห้าม เขาเพียงแต่เตือนแองเจลีนว่า “อย่าดื่มมากเกินไป เดี๋ยวจะเมาเอาได้นะ”“อืม” แองเจลีนพยักหน้า“แล้วคุณไม่ดื่มเหรอ?” แองเจลีนถามเจย์อย่างสงสัยเจย์ก็อยากดื่มแต่ว่าเขาแพ้แอลกอฮอล์อีกอย่างนี่เป็นอาณาเขตของพวกโลกาวินาศ เขาอยากจะทำให้สมองโล่งไว้ตลอดเวลาเพื่อที่ว่าเขาจะได้ปกป้องทุกคนที่นี่ได้ขณะที่เซย์นและคนอื่น ๆ กำลังดื่ม เจย์ก็รื้อกระเป๋าของแองเจลีนอยู่ข้าง ๆ เขาถึงกับทำข้าวโอ๊ตให้แองเจลีนโจเซฟินพูดอย่างอ้อน ๆ “พี่ใหญ่ ฉันก็อยากทานด้วย”เจย์พูดกลับ “ให้ผู้ชายของเธอทำให้สิ”เซย์นยืนขึ้นและบอกว่า “ผมจะทำให้เอง”เมื่อเซย์นยกชามข้าวโอ๊ตมา โจเซฟินก็มองชามใหญ่เบ้อเริ่มนั้นอย่างอึ้ง ๆ “นี่นายเห็นฉันเป็นหมูเหรอเนี่ย?”เซย์นโอดว่า “ก็พอฉันใส่น้ำแล้วมันก็เหลวไป ฉันก็เลยเพิ่มข้าวโอ๊ตลงไปแล้วทีนี้มันก็แห้งเกิน สรุปก็เลยได้มาแบบนี้นี่แหละ”เจย์จ้องมองถุงข้าวโอ๊ตเปล่า ตอนนั้นเองคนที่สูงส่งที่สุดในเมืองอิมพีเรียลนั้นเจ็บปวดมากจนครวญว่า “ฉันเอาข้าวโอ๊ตติดมาแค่นั้นแล้วนายก็ใช้จนหมดแบบนี้เนี่ยนะ?”เซย์นขอโทษเหม
เมื่อแองเจลีนได้ยินเซย์นและโจเซฟินร้องขอให้ช่วย เธอก็รีบยืนขึ้นและคำรามอย่างใจกล้า “ไม่ต้องกลัว มีฉันหนุนหลังทั้งคน!”เมื่อเธอพูดจบ แองเจลีนก็รู้สึกว่าตัวเธอลอยขึ้นและไปนั่งอยู่บนตักใครสักคน มีแขนแกร่งกำลังโอบรอบกายเธออ้อมกอดที่คุ้นเคยนี้ต้องเป็นเจย์บี้แน่นอนแองเจลีนซุกหน้าเข้ากับอ้อมแขนของเขาเจย์รู้สึกทั้งรักทั้งชังเธอ“เธอหนุนหลังใครแน่?” เขาโมโหอย่างเห็นได้ชัด แต่น้ำเสียงของเขานั้นเหมือนความดุดันและเข้มงวดโดนกรองออกไป มันกลายเป็นคำพูดที่ดูไร้น้ำหนักและไม่ใส่อารมณ์แทน“ฉันหนุนหลังเซย์นและโจซี่” แองเจลีนบอก“งั้นใครจะหนุนหลังฉันล่ะ?” เจย์ถามแองเจลีนหยุดไปชั่วครู่ หัวสมองที่พร่าเลือนของเธอยังสามารถกลั่นกรองคำพูดได้ “ใครก็ตามที่กล้ามาแหย็มกับคุณ ฉันจะอัดให้เละเลย”“แล้วถ้าเป็นเซย์นกับโจเซฟินล่ะ?”เขารู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรเซย์นและโจเซฟินไม่มีทางทำอะไรเขาได้ แต่ว่าความรู้สึกไม่ยอมแพ้ของเขาอยากจะรู้ว่าสำหรับแองเจลีนแล้วใครสำคัญกว่าแองเจลีนไม่ลังเล “เซย์นกับโจเซฟินกล้ารังแกคุณเหรอ?”“อืม ตามปกติพวกเขาก็ไม่ทำหรอก แต่ถ้าเป็นสถานการณ์พิเศษก็อาจจะเป็นไปได้ ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้พว