เจย์กอดแองเจลีนไว้ในอ้อมแขนและไม่นานพวกเขาก็มาถึงท่ารถนอกเหนือไปจากการเดินทางโดยรถส่วนตัวเแล้ว การไปประเทศพีชบลอสซั่มนั้นพวกเขาต้องต่อรถสาธารณะที่ท่ารถการเดินทางจากท่ารถไปที่ประเทศพีชบลอสซั่มนั้นใช้เวลาอีกหกชั่วโมง อีกอย่างเส้นทางก็คดเคี้ยวไม่ปลอดภัย การนั่งรถสะเทือนไปมาทำให้โจเซฟินเวียนหัวเพราะว่าเธอไม่เคยโดยสารรถสาธารณะมาก่อน“สามี ฉันจะตายอยู่แล้ว อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลม…” โจเซฟินร้องออกมาหลังจากนั้นเธอก็อาเจียนออกมา เซย์นลูบหลังเธอพร้อมร้องโหยหวน “ที่รัก เธอเป็นอะไรไหม? อย่าทำให้ฉันกลัวสิ”เจย์มองพวกเขาอย่างรังเกียจ “มันก็แค่อาการเมารถ เธอไม่ตายหรอก หยุดทำตัวโอเวอร์ได้แล้ว”เซย์นถือถุงขยะที่ใส่อาเจียนของโจเซฟินไว้และไม่รู้ว่าจะเอาไปทิ้งที่ไหน เจย์หน้าดำทะมึนเหมือนถ่านเพราะความขยะแขยง “โยนทิ้งไปซะที ให้ตายเถอะ นายจะเก็บไว้ใช้ตอนคริสต์มาสเหรอไง?”เซย์นรีบเปิดหน้าต่างและโยนถุงขยะลงหน้าผาไปหลังจากนั่งรถสั่นสะเทือนมานานหนึ่งชั่วโมง แองเจลีนก็บอกว่า “เจย์… สามี ฉันคิดว่าฉันก็เวียนหัวเหมือนกัน”แองเจลีนนั้นเคยชินกับการเรียกเขาว่าเจย์บี้ ดังนั้นเธอจึงยังไม่ชินกับการที่จู
เจย์พูดกับเซย์น “ไปเดินถามรอบ ๆ สิแล้วหาว่าโรงแรมฟลาวเวอร์ ซิตี้อยู่ไหน”เซย์นชี้หน้าตัวเองและถาม “ทำไมต้องเป็นผม?”เจย์ตอบ “เพราะว่านายเป็นคนไร้ประโยชน์ที่สุดในหมู่พวกเราไง นายต้องโดนฝึกไว้”เซย์นร้องครวญครางและเดินหายไปกลางฝูงชนในที่สุดเซย์นก็เข้าใจบางเรื่องแล้วว่าการทะเลาะกับเจย์นั้นเสียเวลาไปเปล่า ๆเซย์นเจอสาวสวยสามคนและเข้าไปถามทางพวกเธอ แต่เขาก็ไม่ได้เรื่องอะไรจากพวกเธอดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากกลับมาอย่างสิ้นหวังเขายักไหล่และโบกมือให้เจย์ “พวกเธอเข้าใจว่าผมพูดอะไร แต่ผมไม่เข้าใจสักนิดว่าพวกเธอพูดอะไร”เจย์รำคาญใจ “ทำไม่นายไม่เรียนภาษาถิ่นทางเหนือไว้บ้างก่อนที่เราจะมาที่นี่?”เซย์นเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่มันตรรกะอะไรกัน? อย่าบอกนะว่าผมต้องไปเรียนทุกภาษาในโลกก่อนที่เราจะเดินทางน่ะ?”เจย์ส่งสายตาให้เกรย์สันและเกรย์สันก็ออกไปถามทางคนอื่น เขาพูดภาษาถิ่นทางตอนเหนือได้อย่างคล่องแคล่วและไม่นานเขาก็ได้คำตอบที่ต้องการเกรย์สันรีบจ้ำกลับมาและบอกว่า “โรงแรมฟลาวเวอร์ ซิตี้นั้นอยู่ที่ตีนเขาจันทร์กระจ่างห่างจากที่นี่ไปหกไมล์ เรานั่งรถแท็กซี่ไปได้ครับ”เซย์นอับจนคำพ
เจย์หน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินเช่นนั้น แองเจลีนไม่สามารถรับความกังวลใจมากเกินไปได้ ไม่เช่นนั้นอาการของเธอจะแย่ลงเจย์พูดอย่างกระวนกระวาย “แองเจิลที่รัก ถ้าเธอกลัวเราเปลี่ยนไปโรงแรมอื่นก็ได้นะ?”แองเจลีนยิ้มและส่ายหน้า “ตราบใดที่ได้อยู่กับคุณ ฉันไม่กลัวหรอก”เจย์รู้สึกว่าน้ำหนักที่กดทับอยู่ถูกยกออกไป เขาหันไปจ้องเซย์นเขม็งอย่างดุดันที่ทำให้เขาต้องตกใจเซย์นสะอื้นและบอกว่า “พี่ใหญ่… ผมกลัวนี่ ช่วยใส่ใจความรู้สึกผมบ้าง ผมก็เป็นแค่ชายอ่อนแอ ผมสู้เอาชีวิตรอดไม่ได้หรอก ที่สำคัญอีกเรื่องนะผมเองก็เพิ่งแต่งงานกับภรรยาสวยขนาดนี้ ถ้าต้องตายก่อนได้ใช้ชีวิตมันไม่น่าเศร้าไปหน่อยเหรอ?”เจย์เมินเขาและบอกกับพนักงานต้อนรับว่า “ขอให้พวกเราสามห้องครับ”พนักงานต้อนรับต้องพ่ายแพ้กับความกล้าหาญของพวกเขา เธอตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนที่จะส่งคีย์การ์ดสามใบให้เจย์ชำเลืองมองเซย์นที่ตัวสั่นด้วยความกลัวและบอกกับพนักงานต้อนรับว่า “ขอเหล้าดี ๆ ให้เขาสักสองสามขวดด้วย”จากนั้นเขาก็ขึ้นไปชั้นบนพร้อมคีย์การ์ดในมือห้องนั้นอยู่สุดทางเดินบนชั้นสอง แสงไฟบริเวณนี้สลัว อีกอย่างโรงแรมนี้ก็ไม่มีคนมากนัก ดังนั้นเมื่อพวกเขา
เมืองทางเหนือนั้นหนาว ดังนั้นเมื่อเซย์นอยากให้แองเจลีนดื่มด้วยกัน เจย์ก็ไม่ได้ห้าม เขาเพียงแต่เตือนแองเจลีนว่า “อย่าดื่มมากเกินไป เดี๋ยวจะเมาเอาได้นะ”“อืม” แองเจลีนพยักหน้า“แล้วคุณไม่ดื่มเหรอ?” แองเจลีนถามเจย์อย่างสงสัยเจย์ก็อยากดื่มแต่ว่าเขาแพ้แอลกอฮอล์อีกอย่างนี่เป็นอาณาเขตของพวกโลกาวินาศ เขาอยากจะทำให้สมองโล่งไว้ตลอดเวลาเพื่อที่ว่าเขาจะได้ปกป้องทุกคนที่นี่ได้ขณะที่เซย์นและคนอื่น ๆ กำลังดื่ม เจย์ก็รื้อกระเป๋าของแองเจลีนอยู่ข้าง ๆ เขาถึงกับทำข้าวโอ๊ตให้แองเจลีนโจเซฟินพูดอย่างอ้อน ๆ “พี่ใหญ่ ฉันก็อยากทานด้วย”เจย์พูดกลับ “ให้ผู้ชายของเธอทำให้สิ”เซย์นยืนขึ้นและบอกว่า “ผมจะทำให้เอง”เมื่อเซย์นยกชามข้าวโอ๊ตมา โจเซฟินก็มองชามใหญ่เบ้อเริ่มนั้นอย่างอึ้ง ๆ “นี่นายเห็นฉันเป็นหมูเหรอเนี่ย?”เซย์นโอดว่า “ก็พอฉันใส่น้ำแล้วมันก็เหลวไป ฉันก็เลยเพิ่มข้าวโอ๊ตลงไปแล้วทีนี้มันก็แห้งเกิน สรุปก็เลยได้มาแบบนี้นี่แหละ”เจย์จ้องมองถุงข้าวโอ๊ตเปล่า ตอนนั้นเองคนที่สูงส่งที่สุดในเมืองอิมพีเรียลนั้นเจ็บปวดมากจนครวญว่า “ฉันเอาข้าวโอ๊ตติดมาแค่นั้นแล้วนายก็ใช้จนหมดแบบนี้เนี่ยนะ?”เซย์นขอโทษเหม
เมื่อแองเจลีนได้ยินเซย์นและโจเซฟินร้องขอให้ช่วย เธอก็รีบยืนขึ้นและคำรามอย่างใจกล้า “ไม่ต้องกลัว มีฉันหนุนหลังทั้งคน!”เมื่อเธอพูดจบ แองเจลีนก็รู้สึกว่าตัวเธอลอยขึ้นและไปนั่งอยู่บนตักใครสักคน มีแขนแกร่งกำลังโอบรอบกายเธออ้อมกอดที่คุ้นเคยนี้ต้องเป็นเจย์บี้แน่นอนแองเจลีนซุกหน้าเข้ากับอ้อมแขนของเขาเจย์รู้สึกทั้งรักทั้งชังเธอ“เธอหนุนหลังใครแน่?” เขาโมโหอย่างเห็นได้ชัด แต่น้ำเสียงของเขานั้นเหมือนความดุดันและเข้มงวดโดนกรองออกไป มันกลายเป็นคำพูดที่ดูไร้น้ำหนักและไม่ใส่อารมณ์แทน“ฉันหนุนหลังเซย์นและโจซี่” แองเจลีนบอก“งั้นใครจะหนุนหลังฉันล่ะ?” เจย์ถามแองเจลีนหยุดไปชั่วครู่ หัวสมองที่พร่าเลือนของเธอยังสามารถกลั่นกรองคำพูดได้ “ใครก็ตามที่กล้ามาแหย็มกับคุณ ฉันจะอัดให้เละเลย”“แล้วถ้าเป็นเซย์นกับโจเซฟินล่ะ?”เขารู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรเซย์นและโจเซฟินไม่มีทางทำอะไรเขาได้ แต่ว่าความรู้สึกไม่ยอมแพ้ของเขาอยากจะรู้ว่าสำหรับแองเจลีนแล้วใครสำคัญกว่าแองเจลีนไม่ลังเล “เซย์นกับโจเซฟินกล้ารังแกคุณเหรอ?”“อืม ตามปกติพวกเขาก็ไม่ทำหรอก แต่ถ้าเป็นสถานการณ์พิเศษก็อาจจะเป็นไปได้ ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้พว
เจย์คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนบอกว่า “ผมไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงอะไร ผมแค่รู้สึกผิดที่เสียมารยาทกับนายท่านของคุณ ผมก็เลยคิดว่าพรุ่งนี้จะไปขอโทษเขาด้วยตัวเอง ส่วนตอนนี้ผมคงต้องขอโทษนายท่านของคุณเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพวกเราด้วย”ชายคนนั้นตอบอย่างสุภาพ “ไม่จำเป็นต้องทำเป็นนั้นหรอกครับ นายท่านของผมไม่อยากพบใคร”หลังจากนั้นเขาก็หันหลังเดินจากไปเจย์ปิดประตูเบา ๆ แต่เมื่อเขาหันกลับเข้าห้องมาก็เห็นเซย์นถอดรองเท้าออกมาทำเป็นไมค์ร้องเพลง เขากำลังส่งเสียงโหยหวนอินกับเพลงสุด ๆปากเจย์ยกยิ้มเมื่อเขาคิดถึงคำเตือนของนายท่านห้องด้านล่าง ‘ทำตัวเด่นมากไปจะตายไม่รู้ตัว’เขากระชากรองเท้าของเซย์นมาแล้วยัดเข้าปากเจ้าตัว ก่อนมัดมือและเท้าของเซย์นติดกันไว้ด้านหลังด้วยผ้าพันคอไหมของโจเซฟิน ตอนนี้เซย์นก็เปลี่ยนจากชายสูงเจ็ดฟุตเป็นลูกบอลกลิ้งไปมาหลังจากนั้นโลกนี้ก็กลับสู่ความสงบอีกครั้งแต่หลังจากที่จัดการเซย์นเรียบร้อยแล้ว แองเจลีนก็ลุกขึ้นมาจากเตียงเธอนั้นชินกับการนอนเปลือยแถมตอนนี้ที่รวมกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เธอก็เริ่มถอดเสื้อผ้าออกอย่างไม่รู้ตัวเจย์รู้สึกหมดปัญญากับเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถจะทำใจล
เซย์นลืมตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ“นี่คุณพูดจริงเหรอเนี่ย? เธอเป็นน้องสาวของผมนะให้ตายสิ ผมเห็นเธอใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงชั้นในมาแล้วตอนที่เธอเป็นเด็ก แล้วผมจะไปมีความคิดแบบนั้นกับน้องสาวตัวเองได้ยังไงกัน?”เซย์นรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว และหน้าเขาก็บิดเบี้ยวเหมือนกินของขม ๆ มา เขาตะคอกว่า “คุณมันก็แค่ร้ายกาจเท่านั้นแหละ”เจย์หมดความอดทนที่มีต่อเซย์นแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเย็นชาขณะที่เสียงก็เข้มเต็มไปด้วยอำนาจ“ถ้าฉันปล่อยให้นายเป็นบ้าต่อไปเมื่อคืนนี้ วันนี้คนที่ตายก็คงเป็นพวกเราไม่ใช่นายท่านห้องข้างล่างหรอก”เซย์นหน้าเปลี่ยนสีทันทีเมื่อได้ยินว่ามีคนอื่นตายเจย์คำรามใส่เขา “จำไว้นะ ถ้านายยังทำตัวดึงดูดความสนใจที่นี่อีก นายก็ตายแน่ ดังนั้นต่อไปนี้นายห้ามดื่มอีก ทุกคนทำตัวเอิกเกริกมากเมื่อคืน”พอเจย์บอกว่าเขาทำตัวเอิกเกริก เซย์นก็ไม่พอใจและบอกว่า “ผมทำตัวเอิกเกริกตอนไหนกัน?”เจย์จ้องเซย์น “เมื่อคืนนายทำเหมือนโรงแรมนี้เป็นคาราโอเกะ นายเอารองเท้าสกปรก ๆ ของตัวเองมาทำเป็นไมค์แล้วก็แหกปากร้องโหยหวนเหมือนพวกแม่มดร้องเรียกปีศาจ นายยังกล้าบอกว่าไม่ได้ทำตัวเอิกเกริกอีกเหรอ?”เซย์น “...”
ขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้ประตูเขาก็ได้ยินเสียงบอดี้การ์ดที่คุมอารมณ์ไม่ได้และกรีดร้องออกมา “ผมบอกแล้วไงว่านายท่านของผมโดนฆ่าตาย! ทำไมพวกคุณไม่เชื่อผม?”“เพราะว่ามันไม่มีหลักฐานว่าห้องคุณโดนบุกรุกเข้ามา แล้วบนร่างกายของเจ้านายคุณก็ไม่มีร่องรอยอย่างอื่นด้วย การกล่าวอ้างของคุณนั้นมันไม่มีหลักฐานอะไรเลย แล้วจะให้พวกเราเชื่อคุณได้ยังไง?”“ผมเห็นกับตาตัวเอง ผมถึงกับสู้กับหมอนั่นอยู่พักนึงด้วย” บอดี้การ์ดอธิบาย “เขาเป็นขโมย แล้วเขาก็เอาของมีค่าของเจ้านายผมไป”“ของมีค่าอะไรล่ะที่เขาเอาไป?”ดวงตาของบอดี้การ์ดฉายแววบางอย่างขึ้นมาชั่วขณะเมื่อเขารู้ตัวว่าได้พูดเรื่องที่ไม่ควรออกไป เขาก้มหน้าลงและเงียบไม่พูดอะไรเจย์รู้ได้ทันที ขโมยคนนั้นไม่ได้มาเพื่อเอาชีวิตของนายท่านคนนี้ แต่ว่าเขามาเพื่อสมบัติเขายกมือขึ้นกุมหน้าอกซ้ายโดยสัญชาตญาณ ป้ายเครื่องหมายที่แม่ของเขาให้มาน่าจะอยู่ในกระเป๋าด้านในของเสื้อเชิ้ตเขาขณะที่เจย์ควานหา สีหน้าเขาก็ค่อย ๆ ซีดเผือดป้ายหายไปแล้วมีคลื่นอารมณ์ก่อตัวขึ้นในใจของเจย์ เขาค่อย ๆ ปะติดปะต่อเรื่องราว ป้ายโดนขโมยไปตอนไหน? ใครเป็นคนเอาไป?หลังจากนั้นความคิดเขาก็หยุดท