”แม่ครับ” เจย์ร้องเรียกอย่างกระวนกระวายคุณนายอาเรสคลานเข้ามาหาเขาอย่างอ่อนแรงและคร่ำครวญให้เขาฟังเรื่องทุกข์ระทมและเสื่อมเสียเกียรดิที่เธอเจอมา “แม่ขอโทษนะลูก แม่ของลูกนำความอับอายมาให้ตระกูลอาเรสแล้ว”คุณนายอาเรสพยายามจะเรียกร้องความเห็นใจจากเจย์ด้วยการสารภาพความผิดของเธอให้เขาได้รู้ก่อนจากนั้นเธอก็โอดครวญทั้งน้ำตา “แต่แม่เองก็เสียใจเหมือนกันนะลูก สตีเฟนกับแม่เป็นคนรักกันมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ของเราทั้งสองฝ่ายเองก็สนับสนุน พอพวกเขาส่งเสริมแม่เองก็ทุ่มเทใจรักเขาเต็มที่ ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายตระกูลของแม่จะล้มละลาย? ตระกูลเบลก็เป็นพวกหัวสูงแล้วก็บังคับให้แม่ยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย สตีเฟนกับแม่พยายามจะหนีตามกันแต่แผนเราก็พังเพราะว่าเราโดนจับได้แล้วก็พากลับมาที่นี่ พวกเขาหักขาสตีเฟนข้างหนึ่ง เพื่อช่วยชีวิตเขาแม่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรับปากตระกูลเบลว่าจะแต่งเข้าตระกูลอาเรส”“แม่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแต่งงานกับพ่อของลูก พ่อของลูกปฏิบัติกับแม่เป็นอย่างดีแต่ในหัวใจแม่ก็เหมือนมีหนามแหลมทิ่มแทง แม่ไม่สามารถทำใจให้รักเขาได้ทั้งใจเพราะว่าแม่โดนบังคับให้ต้องแต่งงาน”พอพูดมาถึงตอนนี้โทสะก็พา
เจย์ไม่รู้ว่าตัวเขากลับมาที่สวนบันทึกรักได้อย่างไร แม้ว่าเขาปรารถนาที่จะหนีไปจากสถานที่แสนอึดอัดนี้ แต่เขาก็ยังกลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลบางอย่างไม่ว่าภรรยาของเขาจะแย่อย่างไร แต่เขาก็รู้ดีในจิตใต้สำนึกที่ว่า เขานั้นยังห่วงและรักเธออยู่ เขาไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอความรักก็เหมือนเสียงเพรียกที่พาเขากลับมาหาแองเจลีน ถึงอย่างนั้นสีหน้าเขาก็ดูพร้อมเผชิญหน้าอีกหนเมื่อเขาเปิดประตูวิลล่าเข้าไป เจย์ก็เห็นแองเจลีนนั่งอยู่บนโซฟาเงียบ ๆ เมื่อสายตาพวกเขาประสานกัน ดวงตาเขาก็เต็มไปด้วยโทสะ ส่วนแววตาของเธอก็มีความรู้สึกผิดเขาเดินเข้าไปหาเธอ ถือเสื้อสีขาวของตนซึ่งตอนนี้มีเลือดสีแดงสดติดอยู่ไว้ในมือ เขาก้มหน้าลงมองเธอแองเจลีนจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาลสีหน้าของแองเจลีนหม่นลงเมื่อเธอถาม “คุณไปที่ตระกูลอาเรสมาใช่ไหม?”เจย์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่รอยยิ้มหยันจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าทรงเสน่ห์ เขาก็เป็นเหมือนคนโง่ที่เอาแต่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ เขามักจะหวังไว้เกินจริงว่าเธอจะไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรกับแผนและเล่ห์กลต่าง ๆแต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่แสดงว่าเธอรับรู้เรื่องพวกน
เขาโมโหจัด ก่อนปล่อยเธอแล้วเดินโซเซจากไปเขาไม่ทันได้เห็นตอนที่แองเจลีนล้มลงนอนตัวแข็งกับพื้นและไม่เห็นสายตาหมดหนทางของเธอที่มองตามแผ่นหลังเหยียดตรงของร่างสูงของเขาคำพูดของเจย์ทิ่มแทงเธอเสมือนมีดกรีดใจ“แองเจลีน ผมเกลียดที่ต้องอยู่เหมือนเป็นตัวตลก เหมือนตัวประกันที่ใครจะใช้งานหรือลากจูงไปทางไหนก็ได้ ผมจะไปแล้ว ส่วนคุณก็อยู่ของคุณไป”แองเจลีนพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะคว้าเขาไว้และบอกความจริงทั้งหมดกับเขา แต่เธอไม่สามารถที่จะตะโกนหรือขยับตัวได้สายตาเธอจับจ้องค้างอยู่ที่เพดานขณะที่รอให้อาการแพนิคบ้านี่หายไปสักทีตอนที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเธอเพิ่งจะส่งเซ็ตตี้น้อยออกไปข้างนอกไม่นานคืนนี้เธอวางแผนว่าจะต้องพูดคุยกับเจย์อย่างยาวนานเธออยากที่จะสลายความสับสนทั้งหมดที่เขามีแต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะกลับมาบ้านด้วยท่าทางที่เป็นศัตรูเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเธอก็ยังทรยศ ทำให้เธอมีอาการแพนิคเพราะคำพูดเสียดแทงของเขาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก การที่เห็นเขาโกรธก็เป็นสิ่งที่เธอกลัวที่สุดนี่แสดงให้เห็นว่าเธอไร้ค่าแค่ไหนความมืดค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาแองเจลีนหลับตาลงอย่างสิ้นหวังในค่ำคืนที่มืดสงัด
เมื่อได้ยินที่เธอพูด สตีเฟนก็คลายมือที่กำจนแน่นออกใบหน้าเย็นชาของสตีเฟนปรากฏร่องรอยความเสแสร้ง “ไหน ๆ คุณก็บาดเจ็บมา พักอยู่ที่นี่แล้วก็รักษาตัวให้หายเถอะ ผมจะดูให้แน่ใจว่าคุณได้รับการดูแลอย่างดี”คุณนายอาเรสยินดีอย่างมากที่ได้ยินเช่นนั้นหลังจากที่สาวใช้พาคุณนายอาเรสไปแล้ว แววตาดำมืดแฝงเล่ห์ร้ายของสตีเฟนก็เผยความระแวงสงสัย เขาหันไปสั่งผู้ช่วยส่วนตัว “ออกไปหาข่าวมาซิว่า ตอนนี้แองเจลีนกำลังวางแผนทำอะไร”“ครับ”สายฝนแผ่วเบาโปรยปรายตลอดทั้งคืนจวบจนรุ่งสาง ยามแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงที่ขอบฟ้าแสงสีทองทาบทับแกรนด์ เอเซีย ก่อให้เกิดเงาทอดอยู่เบื้องหลังเมื่อเสียงกริ่งดัง เป็นสัญญาณของการเริ่มทำงาน ประตูหนาหนักของห้องประชุมผู้บริหารแกรนด์ เอเซียก็ถูกดันเปิดออก บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมต่างก็พากันเข้าไปนั่งแต่ว่าแองเจลีนผู้เป็นประธานการประชุมกลับไม่มาเมื่อเกรย์สันเจอเซย์น เขาก็ถามอย่างร้อนใจ “ทำไมประธานเซเวียร์ถึงยังไม่มา? วันนี้เรามีประชุมผู้ถือหุ้นด้วย ถ้าเธอไม่มาต้องเป็นเรื่องวุ่นวายแน่ ๆ”เซย์นหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาแองเจลีนทันที หลังจากที่พยายามหลายครั้ง เธอก็ยังคงไม่รับสายเซย์น
”ตกลง”เซย์นส่งข้อความที่จริงจังแล้วไม่เยิ่นเย้อให้เกรย์สันเซย์น: [แองเจลีนดูแลและควบคุมแกรนด์ เอเซียต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ลองคิดหาทางออกเอาเองแล้วกัน]เมื่อเกรย์สันได้เห็นข้อความ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติรุนแรงเกี่ยวกับสุขภาพของแองเจลีนเกรย์สันยืนอยู่ตรงหน้าต่างกระจกโค้งขณะที่มองพระอาทิตย์ขึ้นด้วยดวงตามืดครึ้มและสีหน้าเศร้าหมอง “พระเจ้าจะให้แกรนด์ เอเซียต้องมาถึงจุดจบคราวนี้แล้วจริง ๆ เหรอ? นี่คงไม่ใช่สิ่งทึ่คุณอยากเห็นใช่ไหมครับพ่อ? ตอนที่คุณก่อตั้งแกรนด์ เอเซียสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น คุณบอกว่าคุณจะมีค่าพอที่จะได้อยู่เคียงข้างเธอก็ต่อเมื่อคุณสามารถก่อร่างสร้างความมั่งคั่งและก้าวไปสู่จุดที่สูงสุดของสังคมนี้ได้ แกรนด์ เอเซียเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความรักระหว่างคุณและคุณเซเวียร์ เธอยังรักคุณอยู่นะ แล้วแกรนด์ เอเซียจะล้มไปแบบนี้ได้ยังไง?”“บอกผมหน่อยครับพ่อ ว่าผมควรทำยังไง?”หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เกรย์สันก็เดินกลับมาที่ห้องประชุมใหญ่ในอดีต เขาจะยืนอยู่ข้างกายเจย์หรือไม่ก็แองเจลีน ล้อมรอบด้วยทะเลของหมู่ดาวที่พร่างพราย เกรย์สันภูมิใจกับความสามารถของตนที่เขาสา
ถึงอย่างไรสตีเฟนก็เป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมปลิ้นปล้อน เขาเตือนเซร่าด้วยท่าทีระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าแผนที่วางไว้จะไม่มีช่องโหว่ “หาโอกาสเข้าใกล้แองเจลีนด้วยเซร่า พยายามหาดูว่าอาการป่วยของหล่อนนั้นร้ายแรงแค่ไหนกันแน่ ถ้าหากว่าฉันเดาไม่ผิด รอบนี้แองเจลีนน่าจะเป็นอัมพาตแล้ว ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เราก็จะร่วมมือกับไททัส เอนเตอร์ไพรส์ในการประชุมผู้ถือหุ้นอีกห้าวันข้างหน้าแล้วก็บังคับให้หล่อนลงจากตำแหน่ง”เซร่าชำเลืองมองแนนซี่อย่างเย้ยหยัน ราวกับว่าการที่สตีเฟนเอ่ยชื่อเธอออกมานั้นเทียบเท่ากับการได้รับเกียรติสูงสุดเลยทีเดียว “ได้ค่ะ คุณพ่อ”วันต่อมา เซร่าก็ปลอมตัวเป็นญาติของคนไข้แล้วแอบเข้าไปในโรงพยาบาลแกรนด์ เอเซีย เมื่อเธอไปถึงห้องพักผู้ป่วยวีไอพี เซร่าก็รอจนกระทั่งเซย์นออกไปเยี่ยมเชอร์ลีย์ ก่อนที่เธอจะแอบเข้าไปในห้องพักของแองเจลีนแองเจลีนนอนอยู่บนเตียงขยับเขยื้อนไม่ได้ เมื่อเธอมองเห็นเซร่า โทสะก็ฉายในดวงตาของเธอ“เธอมาทำอะไรที่นี่?”เซร่าถอดแว่นกันแดดออกแล้วเดินเข้าไปหาแองเจลีนเธอเองนั้นเคยอยู่ที่ตระกูลเซเวียร์มาหลายปีและเป็นคนดูแลคุณท่านเซเวียร์ที่เป็นอัมพาตด้วยตัวของเธอเอง ดังนั้น
เชอร์ลีย์ยิ้มอย่างแจ่มใส “แอปเปิลดีเลยค่ะ แองเจลีนน้อยบอกว่าแอปเปิลหมายถึงความปลอดภัยตลอดปีเชียวนะ!”เซย์นพึมพำขณะที่ปอกแอปเปิล “อย่าเชื่อที่แองเจลีนพูดซะหมดเลย แม่นั่นก็คิดแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แค่นั้นแหละ ผมไม่คิดว่าเธอจะฉลาดกว่าคุณหรอกนะ”เขาพูดต่อ “อีกอย่างนะ คุณก็เป็นพี่สาวส่วนเธอเป็นน้อง ผมควบคุมอะไรเธอไม่ได้เพราะงั้นคุณก็ต้องช่วยผม ใช้ความเป็นพี่สาวของคุณสั่งสอนเธอหน่อยเวลาที่เธอทำอะไรไม่ถูก เธอน่ะจะฟังคุณแต่ไม่ยอมฟังอะไรผมเลย”เชอร์ลีย์ตอบ “ทำไมแองเจลีนน้อยถึงทำผิดได้ล่ะคะ? เธอน่ะทั้งใจดี ขนาดคนไม่ดีเธอก็ยังมีไมตรีให้ แถมเธอยังอุทิศทุกอย่างให้คนรอบตัว ฉันจะไปดุเธอได้ยังไงกัน?”เซย์นประหลาดใจมาก เขาถ่มแอปเปิลออกจากปากและครวญ “นี่คุณแต่งงานกับผมหรือแต่งกับเธอกันแน่? ผมอยู่กับคุณมาตั้งนานแต่ไม่เห็นคุณจะเคยเยินยอผมขนาดนี้เลย”เชอร์ลีย์ยิ้ม “เซย์น แองเจลีนน้อยอยากให้เราหย่ากัน เธอได้บอกเรื่องนี้กับคุณไหมคะ?”เซย์นผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ พอเขาได้เห็นเชอร์ลีย์ยิ้มกว้างมาให้เขาก็ถึงรู้ตัวว่าตื่นตระหนกมากไปแต่เขาก็ได้ยินไม่ผิด แองเจลีนอยากบังคับให้เขาหย่ากับเชอร์ลีย์ดังนั้นนี่น่า
เซย์นอ้าปากค้าง “ให้ตายสิ มันสมองของแองเจลีนนี่ต่างไปจริง ๆ ทำไมผมถึงคิดแบบนั้นไม่ได้ตั้งแต่แรกนะ?”เซอร์ชีย์ยิ้มพลางแหย่เขา “ถ้าคุณคิดแผนไร้ที่ติแบบนั้นได้ ตอนนี้คุณกับโจเซฟินก็คงจะมีลูกจนโตแล้วมั้ง”เซย์นมองเชอร์ลีย์ “คุณ… คุณไม่รู้สึกแย่กับเรื่องนี้บ้างเลยเหรอ?”เชอร์ลีย์ส่ายหน้า “ฉันมีความสุขมาก”เซย์นหน้าหมองทันใด “เฮ้อ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเป็นคนล้มเหลวเลยนะ?”เขาชำเลืองมองเชอร์ลีย์ ยังคงมีความไม่ยินยอม “ตอนนี้ผมไม่มีเสน่ห์แล้วเหรอ? คุณไม่รู้สึกลังเลบ้างเลยเหรอถ้าต้องทิ้งผมไป?”เชอร์ลีย์ตอบ “ถ้าคุณไม่มีเสน่ห์ แล้วคุณจะทำให้โจเซฟินหลงรักได้ยังไงล่ะคะ? เซย์น ฉันเองก็ชอบคุณนะ แต่ว่าความรู้สึกที่ฉันมีให้คุณไม่ได้มากเท่าโจเซฟิน ฉันไม่อยากเป็นคนที่เข้ามาขวางความสุขของคุณทั้งสองคน ถ้าเป็นแบบนั้นมีแต่จะทำให้ฉันรู้สึกผิดเท่านั้น”เซย์นน้ำตาเอ่อคลอ เขากุมมือเชอร์ลีย์แน่น “ขอบคุณนะเชอร์ลีย์ การได้รู้จักคุณเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับผมเลย”เชอร์ลีย์นั้นเหมือนเป็นพี่สาวแสนใจดีอบอุ่น เธอลูบหัวเซย์นแล้วบอกว่า “ไปสิ ไปพาโจเซฟินกลับมา”เซย์นพูดอย่างเป็นการเป็นงาน “เรายังไม่ได้หย่ากั
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ