ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็นเพียงสตรีวัยกลางคนในชุดผาวตัวยาวสีแดงเข้ม สวมกวานหงส์ผ้าคลุมไหล่หงส์ อายุอานามประมาณสี่สิบต้น ๆ เยื้องกรายมาพร้อมผู้ติดตามนางมีบรรยากาศรอบตัวน่าเกรงขาม ทุกอากัปกิริยาแผ่พลังที่อยู่สูงส่ง เผชิญกับฉินอวิ๋นฟาน ดวงตานางแฝงเจตนาดูถูก“คารวะเหอกุ้ยเฟย!”เห็นอีกฝ่ายมา ทุกคนโค้งคำนับทันที ส่วนฉินอวิ๋นฟานกลับไม่สะทกสะท้าน รู้สึกว่าอีกฝ่ายมาไม่ดีทันที!นางผยองมองผู้คน คุกเข่ากับไท่ซั่งหวงเดี๋ยวนั้น “ปี้อวี้ถวายบังคมเสด็จพ่อ!”การปรากฏตัวของเหอปี้อวี้ทำให้ไท่ซั่งหวงประหลาดใจ หากมิได้แสดงออกมา เพียงเอ่ยเรียบ “ลุกขึ้น!”“ปากเก่งนักนะ รัชทายาทผู้อวดเบ่งทระนง ยังไม่ทันได้เป็นฮ่องเต้ก็กล้าเข่นฆ่าพี่น้องแล้ว? ช่างทำให้ข้าเปิดหูเปิดตานัก”เหอกุ้ยเฟยหรี่ดวงตาทั้งสองมองมาทางฉินอวิ๋นฟาน ก่อนจะไต่ถามเสียงกร้าว“ท่านเป็นแค่นางสนมวังหลังเท่านั้น? กล้าสอดมือยุ่งเรื่องราชสำนัก? ใครให้สิทธิแก่ท่าน?”ความน่าเกรงขามของฉินอวิ๋นฟานดังเดิม แม้เขาจะรู้ว่าผู้ที่มาก็คือเหอกุ้ยเฟยมารดาขององค์ชายรองและองค์ชายห้า แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเมินเหมือนเดิม การวางก้ามนี้ของฉินอวิ๋นฟานไม่ยี่หระ กล
กับการยั่วยุของเหอกุ้ยเฟย ฉินอวิ๋นฟานสีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นปั้นยาก จากความทรงจำในอดีตชาติ เขารู้อยู่แล้วว่าป้ายอภัยโทษคือของน่ากลัวแค่ไหนพอเห็นมารดาล้วงป้ายอภัยโทษออกมา อารมณ์ตึงเครียดขององค์ชายรองผ่อนคลายลงเล็กน้อย ต่อให้ฉินอวิ๋นฟานใจกล้าอย่างไร ก็ไม่กล้าท้าทายกับป้ายอภัยโทษ การท้าทายป้ายอภัยโทษเท่ากับก่อกบฏ ประหารได้ทันที “คิดไม่ถึงจริง ๆ ฉินอวิ๋นฟานจะบีบถึงขั้นทำให้ตระกูลเหอใช้ป้ายอภัยโทษ วัวเกิดใหม่ไม่กลัวเสือแท้ ๆ เกรงว่าทั้งราชสำนักคงมีแต่เขาแล้ว”ฮั่วเจิ้นหลงจ้องป้ายคำสั่งในมือเหอกุ้ยเฟยแบบไม่อยากจะเชื่อ พร้อมกันนั้นก็นับถือวิธีการของฉินอวิ๋นฟานด้วย เขากระทั่งรู้สึกขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุว่าบนตัวฉินอวิ๋นฟานมีกลิ่นอย่างของจักรพรรดิ“น้องเจ็ดนี่คือรนหาที่ตาย บีบน้องรองกับตระกูลเหอขนาดนี้ ต่อไปได้ลำบากแล้ว”องค์ชายใหญ่พูดเสียดสีอยู่ด้านข้าง“นั่นก็ไม่แน่!”ฮั่วเจิ้นหลงแววตาลุ่มลึก ความหมายลึกซึ้งหลังจากพิจารณาพักหนึ่ง สุดท้ายฉินอวิ๋นฟานเลือกที่จะยอมถอย เขาที่รอบรู้ประวัติศาสตร์ย่อมไม่ทำความผิดระดับต่ำง่าย ๆ เช่นนี้ ถ้าเขายังกล้าดึงดันต่อไป องค์ชายรองต้องกล้าเรียกองครักษ์ฝ่า
ก่อนจากไป ฉินอวิ๋นผู่ใบหน้าเหี้ยมเกรียม คืนสภาพเดิมที่เคยเป็น เขาหัวเราะเสียงดังพูดว่า “ฉินอวิ๋นฟาน ภัยพิบัติครั้งนี้ก็คือคำสาปของสวรรค์ สวรรค์ลงโทษพวกเขา เจ้าแก้ไขไม่ได้หรอก รอดูต่อไปเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้ว ใบหน้าเหี้ยมของฉินอวิ๋นผู่ทำให้เขาตระหนักว่าเรื่องไม่ธรรมดา จู่ ๆ ในใจเกิดเงามืดชั้นหนึ่ง คำสาปหรือ? นี่ความหมายว่าอย่างไร?“น้องเจ็ด เงินเจ็ดสิบล้านตำลึงเงินอีกครึ่งชั่วยามข้าให้คนมาส่งตรงเวลา”องค์ชายรองกำหมัดพูดกับฉินอวิ๋นฟาน “ขอตัว!”แม้สุดท้ายฉินอวิ๋นฮุยจะมีมารยาทกับฉินอวิ๋นฟาน แต่ทุกคนดูออก องค์ชายรองโกรธแล้ว หลายปีขนาดนี้ เขาไม่เคยแพ้ยับเยินอย่างนี้มาก่อน“เจ็ด เจ็ดสิบล้านตำลึง จะให้ก็ให้ แถมองค์ชายรองยังตัดสินใจแบบง่าย ๆ ด้วย? สมกับที่มีตระกูลเหอสุดยอดภูมิหลัง ถึงจะเป็นคหบดีอันดับหนึ่งของต้าเฉียน น่ากลัวว่าพอฝืนเอาออกมาได้แค่ร้อยล้านเท่านั้น น่ากลัวจริง ๆ!”มองเงาหลังที่จากไปขององค์ชายรอง ทุกคนเดาะลิ้นในใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ รวยสุด ๆ“การแสดงออกของรัชทายาทต้าเฉียนทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ อย่าลืมสัญญาระหว่างเรา ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เจอท่านที่แควันเหม
ตรงประตูทิศใต้ของวังหลวงมีคนอยู่แน่นขนัด ครั้งมองไป ผู้ลี้ภัยที่รวมตัวกันมีมากถึงหลายพันคน“ใต้เท้า พวกเราไม่ได้กินข้าวสามวันแล้ว พวกท่านก็สงเคราะห์หน่อยเถอะ ให้ฝ่าบาทเปิดยุ้งฉางช่วยพวกเราผู้ลี้ภัยที่น่าสงสารพวกนี้หน่อยเถอะ!”“ใต้เท้า น้ำท่วมสองเดือน ไม่เห็นเงินบรรเทาภัยพิบัติของราชสำนักมาสักที คนในหมู่บ้านเราหิวตายไปกว่าครึ่งแล้ว ขอร้องละ ช่วงรายงานกับเบื้องบนหน่อยเถอะ ให้ทางรอดกับพวกเราด้วย”“การบรรเทาภัยพิบัติ ขุนนางทุจริตกินเงิน ยักยอกอาหารยังชีพ ไม่ให้ทางรอดกับพวกเราเลย พวกท่านเป็นขุนนางจะเห็นคนตายไม่ช่วยไม่ได้นะ!”......ยามนี้ประตูวังปิดสนิท นอกประตูมีทหารหลายร้อยนายถือโล่และดาบใหญ่อยู่ อยู่ในภาวะพร้อมรบตลอดเวลา บนกำลังแพงมีมือธนูหลายร้อยคนอยู่ในท่าพร้อมยิงสถานการณ์ล่อแหลมอย่างยิ่ง ผู้ประสบภัยกำลังจะเคลื่อนไหว ต่อหน้าความเป็นความตาย มีแต่ต้องสู้ตายเท่านั้น“ที่นี่คือวังหลวง คือสถานที่ซึ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของราชวงศ์ต้าเฉียน มิใช่ที่ที่พวกเจ้าจะกำแหงได้ ข้าขอเตือนให้พวกเจ้ารีบไปเสีย อย่าได้ก่อเรื่องอีก ไม่อย่างนั้นต้องรับผิดชอบกับผลลัพธ์เอง!”บนกำแพง หัวหน้าทหารนายหนึ่งใ
เซียวหยางถามอย่างเหลือเชื่อ“จริง ทุกคนโปรดเชื่อข้า”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยอย่างจริงจัง “ทุกคนโปรดเล่าเรื่องภัยพิบัติให้ข้าฟังหน่อย ข้าจะได้เข้าใจสถานการณ์ คิดกลยุทธ์รับมืออย่างเหมาะสม พยายามช่วยเหลือให้ได้มากขึ้นอย่างสุดความสามารถ”“รัชทายาทท่านไม่ทราบ สองเดือนแล้ว ขุนนางสามวันแจกข้าวต้มให้หนหนึ่ง คนละหนึ่งถ้วย แถมข้าวต้มเหลวจนเห็นก้น พวกเราหิวมากทนไม่ไหวจริง ๆ”“นั่นสิรัชทายาท ทั้งตำบลเราแร้นแค้นไปหมด ทุกที่ที่ผ่านศพกระดูกเกลื่อนไปหมด คนที่หิวตายมีมากถึงสามส่วน”“นี่ยังไม่ใช่ที่ร้ายแรงที่สุด บางคนเพื่อความอยู่รอด ถึงกับขายลูกกิน ทั้งหมดก็เพื่ออยู่ให้ถึงวันที่ราชสำนักมาช่วย น่าเสียดาย รอจนชั่วฟ้าดินสลาย กลับไม่เห็นเสบียงทางการมาถึง”.......ได้ฟังผู้ลี้ภัยบอกเล่าความทุกข์ กอปรกับเห็นร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก ใบหน้าเหลืองตอบของพวกเขา ฉินอวิ๋นฟานยากจะจินตนาการว่านั่นเป็นภาพอเนจอนาถเพียงใดเทียบกับปีหนึ่งเก้าสี่สอง ในยุคปัจจุบัน มันมีแต่มากกว่า น่าหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง“ทุกคนลำบากแล้วนะ! ราชสำนักผิดต่อทุกคน!”ฉินอวิ๋นฟานค้อมตัวลงต่ำกับทุกคน กลั้นน้ำตาไม่ไหวอีก ภาพความหิวโหยทุกหย่อม
“เอ่อ รัชทายาท มันคือบทลงโทษจากสวรรค์ พวกเรากล้าจับมันที่ไหนล่ะขอรับ?”เซียวหยางตอบคำถามด้วยสีหน้าอีหลักอีเหลื่อพอได้ยินคำพูดที่เชื่องมงาย ฉินอวิ๋นฟานก็ปวดหัวตุบ เรื่องนี้สำคัญกับเขามาก แต่ในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรอ้างอิง จะปฏิเสธความเชื่อของพวกเขาก็ไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานจึงเอ่ยแบบกลุ้มใจเล็กน้อย “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”“เอ่อ คือว่า...”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะตัดสินใจเด็ดเดี่ยว วางแผนว่าจะนำคนไปจับมาพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตัวเอง ชายหนุ่มตัวผอมกะหร่องอายุประมาณยี่สิบก็พูดขึ้นมากะทันหัน “ถ้าตายแล้วล่ะขอรับ ได้หรือไม่?”“ตายแล้ว? ก็ต้องได้สิ ข้าแค่อยากยืนยันว่าเจ้ามังกรงูนี่มันคือตัวอะไรกันแน่”ฉินอวิ๋นฟานพูดขึ้นมาด้วยความดีใจทันทีครั้นสิ้นเสียง เห็นเพียงชายหนุ่มผอมกะหร่องพูดแบบหวั่น ๆ “ระหว่างทางอพยพ ไม่ทันระวังถูกมังกรงูกัดเข้าที่ขา แต่เพราะตกใจก็เลยเหยียบมันตาย ข้าน้อยกลัวจะถูกคำสาปก็เลยซ่อนมันไว้ในเป้ากางเกงตลอด ตอนนี้ใกล้จะแห้งแล้ว...”ครั้นฉินอวิ๋นฟานเห็นชายหนุ่มตัวผ่ายผอมล้วงปลาไหลแห้งออกมาก็หัวเราะเสียงดังทันที “ฮ่า ๆ ๆ ๆ สวรรค์ช่วยข้าแท้ ๆ สวรรค์ช่วยข้า นี่มันใช่การลงโทษจา
อู่จ้านเข้ามาปกป้องบังอยู่ด้านหน้าฉินอวิ๋นฟาน ใบหน้าขึงขัง ทหารชุดเกราะสีเงินก็ทำท่าป้องกันด้วย ผู้ลี้ภัยมีจำนวนมากนัก ควบคุมไม่ได้ หากรัชทายาทเกิดเรื่อง เกรงว่าเขาคงยากจะรอด“ทำอะไรน่ะ ๆ! ถอยไปให้หมด!”ฉินอวิ๋นฟานผลักอู่จ้านออกและอธิบาย “พวกเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าบอกแล้วว่าวันนี้จะจัดการเรื่องปัญหาปากท้องของพวกเจ้าก็ต้องจัดการสิ ข้าใช้ตัวเองเป็นประกัน พวกเจ้าไม่ต้องกลัว”“เช่น เช่นนั้นความหมายของท่านคือ?”เซียวหยางผ่อนความระแวดระวังเล็กน้อยและเอ่ย“ความหมายของข้าคือ ถ้าพวกเจ้ามีพลังรวมจิตใจคนได้ จะรวมพลทุกคนได้หรือไม่ ไปจับเจ้าตัวมังกรงูที่ว่าให้ข้า ข้าจะจัดการปัญหาความอดอยากของพวกเจ้าทุกคน”ฉินอวิ๋นฟานอธิบาย“นี่...”ครั้นได้ยินรัชทายาทบอกว่าจะจับมังกรงู สีหน้าทุกคนก็กลายเป็นปั้นยากขึ้นมาทันที ทันใดนั้นมีคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้น “รัชทายาท ในเมืองหลวงไม่มีมังกรงูนี่ ถึงพวกเราจะจับก็ต้องไปถึงเขตผู้ลี้ภัยนอกเมืองสี่สิบลี้ ที่นั่นมีเนินเขาเยอะ ถึงตอนนั้นก็ให้พวกเราไปหาให้ท่านที่นั่น ใช่หรือไม่?”ลูกไม้ที่พวกขุนนางชอบใช้กันมากที่สุดก็คือวิชาถ่วงเวลา หลอกล่อทุกคนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจก
“หลิวเป้ย โปรดลุกขึ้นเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานรีบไปประคองหลิวเป้ยลุกขึ้น การแสดงออกของเขาในการประลองกำลัง ทำให้ฉินอวิ๋นฟานได้เปิดโลกทัศน์ ทั้งการพูดการจาและนิสัยใจคอของหลิวเป้ยในโลกคู่ขนานยังคล้ายกับหลิวเป้ยในประวัติศาสตร์อย่างน่าทึ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เดิมหลิวเป้ยก็มีภาพลักษณ์สุภาพชน ทั้งยังใจกว้างกับคน มีปณิธานยาวไกล มีปฏิภาณไหวพริบมากกลยุทธ์ คนเช่นนี้ ขอเพียงมอบโอกาสให้ เขาจะต้องพุ่งทะยานสู่ฟ้า คนเช่นนี้คู่ควรแก่การมอบหมายภารกิจยิ่งใหญ่ “การแสดงออกของรัชทายาทในลานฝึกยุทธ์ ข้าน้อยหลิวเป้ยเลื่อมใสยิ่งนัก เชื่อหมดใจว่ารัชทายาทจริงใจทำเพื่อประชาชนจริง ๆ”หลิวเป้ยกล่าวอย่างเคารพนบนอบถึงที่สุด “ข้าน้อยอยู่เมืองจัวพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ท่านต้องการอะไรโปรดกล่าวมาได้เลย พวกเราพี่น้องต้องสนับสนุนเต็มที่แน่นอน เรื่องผู้ลี้ภัยโปรดมอบให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อย รับรองว่าข้าน้อยต้องเกลี้ยกล่อมพวกเขาได้แน่ ให้ความร่วมมือแก้ไขเรื่องการบรรเทาภัยพิบัติอย่างเต็มกำลัง”“พี่หลิว ถ้าพวกเราเชื่อรัชทายาทแล้วไป พวกเขาอาจจะคิดบัญชีย้อนหลังก็ได้ ถึงตอนนี้พี่น้องพวกเราเหล่านี้กระจัดกระจายไป น่ากลัวว่าผู้ลี้ภัย
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว
ฉินอวิ๋นฟานตบบ่าหวังอันสือเบา ๆ แล้วกล่าวคำพูดจากใจ “ขุนนางในอนาคตของต้าเฉียนจะกระจ่างใสได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”“รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนขอรับ!”หวังอันสือตื้นตันจนน้ำตานองหน้า ถ้อยคำสวยงามใดก็มิอาจบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ของเขา ในที่สุดก็มีเวทีแสดงปณิธานซึ่งมีอยู่เต็มอกของเขาแล้ว ในโลกอันขุ่นมัวนี้ ในที่สุดเขาก็ได้แสดงฝีมือสักทีและสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโชคดีคือ เขาได้พบกับป๋อเล่อ ผู้มีจุดมุ่งหมายและทิศทางปณิธานเดียวกับเขา มอบโอกาสพลิกชะตาให้กับเขาครั้งหนึ่งเมื่อได้รับคำตอบยืนยันของหวังอันสือ ฉินอวิ๋นฟานคลี่ยิ้มพึงพอใจ จึงออกไปจากห้องและตรงไปยังตำหนักรัชทายาท...“พี่อวิ๋นฟาน ท่านคงหิวแย่แล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งกลับมาถึงตำหนักที่พัก จิ่นเอ๋อร์ก็รีบเดินมาต้อนรับ ส่วนเสี่ยวจวี๋และเซียงหลิงต่างประกบอยู่ทางซ้ายและทางขวาจู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกว่าตำหนักที่พักต่างออกไปจากปกติ ปกติจะมีนางกำนัลรับใช้อยู่ในจวนอย่างน้อยสี่คน ทว่าวันนี้กลับไม่มีแม้แต่คนเดียว ทั้งตำหนักมีเพียงผู้หญิงสามคนเท่านั้น คือจิ่นเอ๋อร์ เซียงหล
“รัชทายาท ท่านจะหารือเรื่องใหญ่กับข้าน้อยหรือขอรับ?!”เห็นท่าทางจริงใจของฉินอวิ๋นฟาน หวังอันสือร่างสะท้านเล็กน้อย ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนผู้สูงส่ง กลับมีเรื่องจะหารือกับเขา? มันมิควรเป็นคำสั่งหรือ?ฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทำให้หวังอันสือสงบใจไม่ได้อยู่นาน ท่าทางเข้าหาได้ง่ายของฉินอวิ๋นฟานกับรัชทายาทผู้แข็งกร้าวราวกับเทพสังหารสถิตร่างที่เขาเพิ่งพบเมื่อครู่ต่างกันโดยสิ้นเชิงฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน “ถูกต้อง หากจะพูดกันจริง ๆ ก็คือข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า!”“มี มีเรื่องขอร้องข้าน้อย?”หวังอันสือสับสนมากกว่าเดิม เขาเป็นแค่ขุนนางระดับหก อาจารย์ต่ำต้อยคนหนึ่ง ไม่ว่าคนใดในเมืองหลวงที่ถูกบีบตายได้ง่าย ๆ น่ากลัวว่าจะมีอิทธิพลและฐานะเหนือเขา ฉินอวิ๋นฟานจะมีเรื่องขอร้องเขาได้อย่างไร?“หวังอันสือ ข้าได้ตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาคร่าว ๆ ทั้งหมดแล้ว เจ้าคือผู้มีความสามารถที่ข้าต้องการจริง”ฉินอวิ๋นฟานเข้าประเด็นทันที “เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตอนนี้ต้าเฉียนเป็นยังไง ถึงภายนอกดูสงบ แต่ความจริงคือคลื่นใต้น้ำ บรรดาองค์ชายและขั้วอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังต่อสู้กันจน
หลู่หนีสีหน้าเคร่งขรึม แสดงท่าทีอีกครั้ง เขารู้ว่าฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเด็ดขาดฉับไว ในเมื่อฉินอวิ๋นฟานมอบงานนี้เขาก็ต้องเชื่อใจเขาหมดหัวใจอยู่แล้วอีกทั้งเรื่องนี้ยังสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อฉินอวิ๋นฟาน เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือทำงานนี้ให้สำเร็จ สิ่งของเงินทองฉินอวิ๋นฟานทุ่มทุนมาก“เวลากระชั้นชิด พรุ่งนี้พวกท่านก็ออกเดินทางไปเมืองจัวเถอะ เรื่องนี้ต้องทำที่เมืองจัว หลิวเป้ยจะให้ความช่วยเหลือมอบความสะดวกทั้งหมดกับพวกท่านเอง ต้องการอะไรก็บอกได้เต็มที่ พวกท่านแค่ทุ่มเทกายใจทำงานก็พอ”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก“เมีองจัว?”หลู่หนีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็ดี เมืองจัวเป็นคนของรัชทายาทเกือบทั้งหมด พวกเราแค่ทุ่มเทกายใจกับการผลิตก็พอ เช่นนี้จะลดอุปสรรคลงด้วย”......หลังจากกำชับทุกเรื่องเสร็จก็ดึกมาแล้ว ฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้ามายังที่รักษาตัวของพวกหวังอันสือ หลังจากทำความเข้าใจ ฉินอวิ๋นฟานพบว่าหวังอันสือคนนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับหวังอันสือในสมัยซ่งเหนือบางส่วนดังนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงรู้สึกเห็นใจขึ้นมาเพราะเวลานี้เขากำลังอยู่ในช่วงที่ต้องการคน หากหวังอันสือเป็นเหมือนกับหวังอันสือในประวัต
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านในตอนนี้ดี”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ความจริงไม่ว่าข้าจะอธิบายกับพวกท่านยังไงก็เข้าใจยากอยู่ดี เพราะนี่คือการปฏิรูปอุตสาหกรรมล้ำยุค ในอดีตทุกคนต่างเรียกมันว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก”หลู่หนีถามด้วยใบหน้างุนงง “ปฏิวัติอุตสาหกรรม? นั่นคือสิ่งใดหรือขอรับ?”“อื่ม! จะว่ายังไงดีล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานลูบคางพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ข้าจะยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้พวกท่านฟังก็แล้วกัน ในสังคมศักดินาที่ทำการเกษตรเป็นหลัก ในตอนที่ชาวบ้านรดน้ำ ส่วนมากแล้วจะใช้กำลังคนเป็นสำคัญ ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพต่ำ หนำซ้ำยังต้องใช้แรงงานเยอะมาก”“ทว่านับจากท่านหลู่ปันคิดค้นกังหันน้ำและระหัดวิดน้ำขึ้นมาก็เพิ่มประสิทธิภาพในการรดน้ำสูงขึ้น ทั้งยังประหยัดแรงงานไปเยอะ นี่ก็คือการพัฒนาทักษะในการเพาะปลูก และสามารถเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติทางเกษตรกรรม”“ดังนั้นเครื่องจักรนี้ของข้าซับซ้อนกว่าระหัดวิดน้ำมากกว่า แต่ปริมาณบรรจุขนส่งและแรงขับเคลื่อนของมันมีมากกว่ารถม้ามหาศาล ทำให้ประสิทธิภาพในการทำการค้าสูงขึ้น นี่ก็คือการปฏิวัติอย่างหนึ่งของการค้าและการเดินทาง ข้าเรียกมันว่าการปฏิวัติ
“ปืนใหญ่สนามอิตาลี? ชื่อช่างน่ามหัศจรรย์นัก!” หลู่หนีพูดด้วยใบหน้าสับสน!ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้อธิบายมาก เขามองไปทางหลู่หนีแล้วพูดขึ้นอีก “ช่างใหญ่หลู่หนี ท่านทำเจ้าเหล็กนี้เถอะ ต้องระวังให้มาก จะดูแคลนอานุภาพของมันไม่ได้”“อ้อ? นี่คือสิ่งใดหรือ?”หลู่หนีรับภาพที่ฉินอวิ๋นฟานส่งมา ภาพนี้ไม่ใหญ่ ในนั้นมีแต่วัตถุทรงกลม ข้างบนมีแหวนอันหนึ่ง หลู่หนีเห็นแล้วทำหน้าฉงน“เจ้าสิ่งนี้เรียกว่าระเบิดมือ เอาไว้ใช้ป้องกันตัวในยามคับขันจะดีที่สุด ตอนท่านทำต้องป้องกันความปลอดภัย หากไม่เข้าใจอะไรก็มาถามข้าทันที”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ขอรับ! ข้าน้อยต้องตั้งใจทำแน่นอน!”ติดตามฉินอวิ๋นฟานมานานอย่างนี้ หลู่หนีรู้ดี หากฉินอวิ๋นฟานกำชับเช่นนี้ นั่นแสดงว่ามันต้องไม่ธรรมดา แม้มีขนาดเล็ก แต่จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่กล้าประมาทสักนิด!“เอาละ ตอนนี้เหลือเรื่องที่สำคัญที่สุดอีกหนึ่งเรื่อง จำเป็นต้องให้พวกท่านสามคนทำให้สำเร็จ!”จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็ขึงขังขึ้นมา เขาหยิบภาพเจ็ดแปดภาพมากองอยู่ตรงหน้าทุกคน ฉินอวิ๋นฟานวาดภาพพวกนี้เสร็จตั้งแต่อยู่ที่เมืองอู่โจว และสิ่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเขาซึ่งมีค
“นายช่างใหญ่ทั้งสองเกรงใจแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานรีบสองก้าวรวบเป็นหนึ่งไปข้างหน้า คว้ามือของพวกเขาเอาไว้ก่อนจะกล่าวอย่างไมตรีจิต “เป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน ไยต้องยึดติดกับขนบธรรมเนียมพื้น ๆ พวกนี้ด้วย? รีบเชิญข้างในเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานมีไมตรีเช่นนี้ทำให้หลู่เซินและหลู่เหมี่ยวต่างตกใจอย่างไม่เคยประสบ ประทับใจอย่างยิ่ง ส่วนหลู่หนีที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วตาค้างไปเลย พลางตะลึงถอนใจในใจ ‘เจ้าหมอนี่ ไม่เห็นเหมือนเมื่อกี้นี้เลยนี่!’ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องหนังสือ หลังจากสนทนากันอย่างเรียบง่ายประมาณหนึ่งแล้ว การสนทนาของพวกเขาก็เข้าสู่ประเด็นหลัก และนี่ก็คือจุดประสงค์ที่ฉินอวิ๋นฟานเรียกหลู่หนีมาฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก “ช่างใหญ่หลู่หนี ที่ข้าตามพวกท่านมาเพราะมีงานสำคัญมากงานหนึ่ง และเป็นภารกิจยากเย็นแสนเข็ญจะมอบให้พวกท่าน หวังว่าพวกท่านจะทำสำเร็จได้”“ภารกิจยากเย็นแสนเข็ญ?”เมื่อทั้งสามได้ยินก็พลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมา ที่พวกเขามาก็เพื่อทำงาน สามารถมีภารกิจสำคัญได้ย่อมเป็นเรื่องดี!“หลังจากดัดแปลงหน้าไม้ของเราแล้ว รูปโฉมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เอเคสี่สิบแปดพัฒนาอานุภาพได้น่ากลัวถึงขีดสุดแ
ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วถาม “ท่านก็รู้ ของที่พวกเราสร้างกันขึ้นมาล้วนเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำ ทันทีที่เล็ดลอดออกไปจะเป็นการโจมตีพวกเราถึงตาย ดังนั้นข้ายอมให้ช้าลงหน่อยก็ไม่กล้าให้คนที่ไม่คุ้นเคยสอดมือยุ่งเรื่องนี้”ฉินอวิ๋นฟานย่อมเชื่อถือหลู่หนีเต็มร้อยอยู่แล้ว เพราะพวกเขาร่วมมือกันหลายเดือนเต็ม ๆ อีกอย่างลูกสาวของหลู่หนีก็กลายเป็นภรรยาของเขาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่หลู่หนีจะหักหลังแต่คนนอกไม่เหมือนกัน ทันทีที่พวกเขาขโมยเทคโนโลยีหลักของเขาไป นั่นได้เดือดร้อนแล้ว เมื่อเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างเอเคสี่สิบแปดผลิตในบ้านเมืองอื่น เช่นนั้นโลกใบนี้จะบังเกิดกลียุคแล้ว “รัชทายาทวางใจได้ พวกเขาสองคนคือศิษย์พี่หกและศิษย์พี่เจ็ดของข้าน้อย พวกเราสามคนโตมาด้วยกันแต่เล็ก สนิทกันมาก เชื่อได้แน่นอน และฝีมือของพวกเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าข้าน้อยด้วย”หลู่หนีทุบอกรับประกัน “อันที่จริงที่อาจารย์ส่งพวกเขามาก็เป็นเพราะข้าน้อยเอ่ยปาก อย่างไรเสีย ลำพังข้าน้อยคนเดียวมีความจำกัดเรื่องความเร็ว ถ้าได้คนที่มีฝีมือดีมาช่วยเหลือ ต้องสำเร็จแบบทุ่นแรงได้มากแน่นอน”“อีกอย่าง อาจารย์ของข้าน้อยจัดเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพ ยึดมั่นกับการประดิษฐ์คิด
“นั่นสิ จุดยืนของฟานเอ๋อร์ในเวลานี้ไม่สู้ดีนัก ข้าก็สนับสนุนเขาโจ่งแจ้งไม่ได้ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้เขาจะต้องเจอกับอะไรสิน่า?”ไท่ซั่งหวงพูดอย่างกังวลเล็กน้อย “หวังว่าในตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่จะได้เห็นภาพต้าเฉียนสงบสุขร่มเย็น รุ่งเรืองแข็งแกร่ง ถึงตอนนั้นข้าก็วางใจหลับตาได้แล้ว!”......หลังจากสะสางงานเสร็จ หวังอันสือและคนอื่น ๆ ก็ถูกฉินอวิ๋นฟานเชิญที่ไปจวนรัชทายาท ทั้งเชิญหมอหลวงมาตรวจอาการรักษาพวกเขาโดยเฉพาะ“รัชทายาท ขอบคุณท่านอีกครั้งที่ช่วยเซียงหลิง...”หลู่หนีเพิ่งตามฉินอวิ๋นฟานเข้าห้องหนังสือมาก็อ้าปากพูดในฐานะที่เป็นคนซึ่งปราศจากตำแหน่งพิเศษ การต่อต้านหน่วยงานใหญ่อย่างสำนักศึกษาหลวงคือการรนหาที่ตายอย่างมิต้องสงสัย ฉินอวิ๋นฟานปรากฏตัวทันเวลา ทั้งยังทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบุตรสาว นี่ทำให้หลู่หนีทราบซึ้งใจยิ่งนักในอดีต เขาถูกการประดิษฐ์ของฉินอวิ๋นฟานสยบ ดังนั้นจึงเข้าร่วมกับฉินอวิ๋นฟาน กระนั้นเขาไม่อยากให้บุตรสาวกลายเป็นผู้หญิงของอีกฝ่าย ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้ว ฉินอวิ๋นฟานคือคนที่ควรค่าแก่การฝากฝังเพิ่งจัดการขุนนางทุจริตที่ปกป้องพวกพ้องเดียวกันฝูงหนึ่งเสร็จ ฉินอวิ๋นฟานยังต